ในอ้อมกอดแห่งขุนเขา เธอถูกกักขังอยู่นอ้อมกอดของอสูรร้าย กายสาวสั่นสะท้านดั่งดอกไม้ต้องสายฝนจนกลีบช้ำ เขาขยี้ขยำด้วยไฟแค้น อัดแน่นไปด้วยไฟเสน่หาลึกเร้น “คืนนี้ทำให้ผมพอใจสิ แล้วคุณกับพี่สาวของคุณจะได้เป็นอิสระ” ทัพเทวินทร์ยื่นข้อเสนอให้เชลยสาวในคืนวันหนึ่ง ยังไงคืนนี้เธอคงต้องเสี่ยงดูสักครั้ง แค่สบตาเขาหญิงสาวก็รู้ว่า เขาต้องการเธอมากแค่ไหน สาตาที่เขามองเธอราวกับจะกลืนกิน แล้วเธอล่ะ ต้องการเขาหรือเปล่า หรือแค่ต้องการให้เขาพึงพอใจในคืนนี้เพื่อแลกกับอิสรภาพก็เท่านั้น
“เจอเป้าหมายหรือยัง นาคา” เสียงเข้มต่ำมีอำนาจถามลูกน้องคนสนิทออกไปด้วยนัยน์ตาคมกล้าเป็นประกายวาวโรจน์ดุจดั่งดวงตาพญาเหยี่ยวที่ดุร้าย
“ยังครับเจ้านาย คาดว่าอีกไม่เกินสามวันเราต้องได้ตัวเธอมาอย่างแน่นอนครับ” นาคราชตอบเจ้านายออกไปด้วยสีหน้ามั่นใจ
“ตามหาหล่อนให้เจอด่วนที่สุด เรามีเวลาไม่นานนัก” ทัพเทวินทร์มหาเศรษฐีหนุ่มรูปหล่อออกคำสั่งกับลูกน้องอีกครั้งก่อนที่จะเดินไปขึ้นรถ
ภายในรถเมอร์ซเดส-เบนซ์ เอส-คลาสสีดำสุดหรูมีคนขับหน้าตาเคร่งขรึมเป็นสารถีขับรถให้พร้อมกับบอดี้การ์ดอีกสองคนที่ท่าทางดุร้ายอย่างกับผู้ร้ายในหนังนั่งอยู่ทางด้านหน้าหนึ่งคน และข้างๆ อีกหนึ่งคนเพื่อระวังภัย เมื่อร่างสูงใหญ่ขึ้นประจำที่เรียบร้อยแล้วรถก็ออกตัวไปอย่างรวดเร็วดั่งพายุ
เที่ยงนี้ทัพเทวินทร์มีนัดกับปาณิตาที่ร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งในย่านใจกลางกรุงเทพมหานคร ทุกครั้งที่มหาเศรษฐีหนุ่มขึ้นมาทำธุระที่กรุงเทพฯ เขามักจะแวะมาหาหญิงสาวอยู่เสมอๆ เพราะเธอเปรียบเสมือนแหล่งข่าวชั้นเยี่ยมที่แสนจะเต็มใจให้ชายหนุ่มมาคุ้ยเขี่ยหาข่าวอย่างถึงเนื้อถึงตัวในห้องพักสุดหรูของเจ้าหล่อนทุกครั้งไป
ร่างงามระหงในชุดเดรสหรูสีแดงสดกำลังนั่งไขว่ห้างรอใครบางคนอย่างใจจดใจจ่ออยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เมื่อเห็นคนที่กำลังตั้งตารอคอยเดินเข้ามาหาหญิงสาวจึงลุกขึ้นยิ้มอย่างดีอกดีใจ
“คุณเทวินทร์ แป๋มดีใจจังเลยค่ะที่คุณมา นึกว่าจะลืมนัดแป๋มเสียแล้ว” ปาณิตาพูดด้วยน้ำเสียงสดใสและทำท่าทางออดอ้อนนิดๆ อย่างมีจริตมารยา
“ผมจะลืมนัดคุณแป๋มได้อย่างไรกันครับ ก็คุณน่ารักขนาดนี้” ร่างสูงใหญ่ส่งสายตาหวานฉ่ำไปให้นางแบบสาวตรงหน้า จนหญิงสาวแทบละลายให้กับสายตาคมคู่นั้น
ทัพเทวินทร์เป็นผู้ชายที่หล่อขาดบาดใจสำหรับสาวๆ แทบทุกคนที่ได้พบเห็นเขา ยิ่งถ้าใครได้จ้องตาคมซึ้งของชายหนุ่มในระยะประชิดแล้วละก็ ไม่ว่าจะเป็นสาวเล็กหรือว่าสาวใหญ่ เป็นอันต้องหวั่นไหวทุกรายไป แต่ทว่ามหาเศรษฐีหนุ่มหล่ออย่างทัพเทวินทร์กลับไม่เคยคิดที่จะสนใจผู้หญิงคนไหนเป็นพิเศษเลยสักคน
แต่สำหรับปาณิตาหญิงสาวมั่นใจในเสน่ห์และความสาวความสวยของตนเองมากเหลือเกินว่า จะสามารถเกาะกุมหัวใจของมหาเศรษฐีหนุ่มเอาไว้ได้ ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใครมาจากไหน หญิงสาวรู้เพียงว่าทัพเทวินทร์รวยมากเพียงแค่ธุรกิจด้านคอนโดและโรงแรมเพียงอย่างเดียวของชายหนุ่มก็มีรายได้มากมายมหาศาลแล้ว หากใครได้เขาเป็นสามีผู้หญิงคนนั้นก็คงจะสบายไปทั้งชาติ
“คุณเทวินทร์จะทานอะไรดีคะ เดี๋ยวแป๋มสั่งให้” ปาณิตาถามชายหนุ่มอย่างเอาใจ ใบหน้าสวยที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางยี่ห้อหรูมาอย่างดีไม่มีที่ติ เริ่มคลี่ยิ้มหวานหว่านเสน่ห์ให้คนที่นั่งตรงหน้าอย่างเปิดเผย
“ผมทานอะไรก็ได้ ที่นี่อาหารของเขาอร่อยทุกอย่างคุณแป๋มสั่งเลยดีกว่าครับ”
หลังจากที่นางแบบสาวสั่งรายการอาหารต่อพนักงานเสิร์ฟ ผ่านไปเพียงไม่กี่นาที อาหารหน้าตาน่าทานก็มาเสิร์ฟอยู่ตรงหน้าของหนุ่มสาวทั้งคู่ เมื่อทานข้าวกันไปได้ประมาณสักสองสามคำทัพเทวินทร์ก็เริ่มสอบถามข้อมูลบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับคู่แข่งทางการค้าของเขาทันทีโดยไม่ให้เสียเวลา ซึ่งปาณิตาก็ไม่น้อยหน้าหญิงสาวรู้ว่าคนตัวโตตรงหน้าต้องการอะไร และเธอก็เตรียมข้อมูลทุกอย่างมาให้ชายหนุ่มเรียบร้อยแล้วอย่างรู้ใจ
“ไม่ทราบว่าคุณแป๋มได้ข้อมูลเกี่ยวกับการประมูลที่...”
ร่างหนาพูดยังไม่ทันจบประโยค นางแบบสาวก็ยื่นซองสีขาวมาให้ชายหนุ่มตรงหน้าทันที เพื่อต้องการให้มหาเศรษฐีหนุ่มรู้ว่าเธอใส่ใจและรู้ใจเขามากเพียงใด
“นี่ค่ะ สิ่งที่คุณต้องการแป๋มเตรียมไว้ให้คุณหมดแล้ว” ร่างบางยิ้มให้ชายหนุ่มอีกครั้งอย่างประจบประแจง
“คุณแป๋มนี่รู้ใจผมไปเสียทุกอย่างเลยนะครับ ไม่เสียแรงที่ผมไว้ใจคุณ” นักธุรกิจหนุ่มพูดจาเอาใจนางแบบสาวอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมาจนปาณิตายิ้มแก้มแทบปริ
“แล้วเอ่อแป๋มจะได้รางวัลอะไรเป็นค่าตอบแทนเหรอคะสำหรับการเป็นคนรู้ใจของคุณ” สายตายั่วยวนและทอดสะพานให้ชายหนุ่มอย่างเปิดเผย ไม่บอกก็รู้ว่าหญิงสาวต้องการสิ่งใด
“งั้นคืนนี้เราไปเต้นรำกันที่เดิม จากนั้นก็ไปหาอะไรทำต่อสนุกๆ กันสองคนคุณแป๋มว่าดีไหมครับ” ทัพเทวินทร์พูดเอาใจนางแบบสาวบ้างทำให้ชายหนุ่มได้รับยิ้มหวานตอบกลับจากหญิงสาวไม่หุบเลยทีเดียว
“คุณรู้มั้ยคะว่าคุณก็เป็นคนที่รู้ใจแป๋มมากที่สุดเหมือนกัน” ปาณิตาช้อนสายตาหวานซึ้งขึ้นมองใบหน้าที่หล่อเหลาปานเทพบุตรตรงหน้าอย่างพึงพอใจ แค่คิดว่าคืนนี้จะได้อยู่ในอ้อมกอดที่แข็งแกร่ง และจะได้อยู่ภายใต้ร่างใหญ่โตกำยำของชายหนุ่ม กายสาวก็ร้อนรุ่มขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ร่างกายของเธอโหยหาบทรักอันร้อนแรงของเขามาเป็นแรมเดือนแล้ว
ทัพเทวินทร์มีสัมพันธ์กับปาณิตาก็แค่ทางกายเท่านั้น และทุกครั้งที่มีอะไรกับหญิงสาวชายหนุ่มจะป้องกันตนเองอย่างดีเสมอ เขาไม่เคยพลาดแม้แต่ครั้งเดียว เพราะความที่ไม่ต้องการให้ผู้หญิงคนไหนมาผูกมัดและเรียกร้องอะไรจากเขาได้ ผู้ชายอย่างเขาจึงถือคติอย่างหนึ่งเสมอว่า ‘สนุกกันต่อได้ถ้าไม่ผูกมัด ถ้าคิดจะฟัดก็ต้องรัดให้ดี’ นี่คือคติในการคบผู้หญิงของชายหนุ่ม
ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่มหาเศรษฐีหนุ่มรูปหล่อจะคบได้เกินสี่เดือน ไม่ว่าเจ้าหล่อนจะสวยหยาดฟ้ามาดิน จะเอาใจชายหนุ่มดีมากแค่ไหน ก็ไม่มีใครที่จะยื้อความสัมพันธ์กับเขาเอาไว้นานๆ ได้ ‘เพราะเงิน’ ผู้ชายอย่างเขาจึงเรียกผู้หญิงมาหาได้อย่างง่ายดาย และก็เพราะเงินอีกนั่นแหละที่สามารถไล่พวกหล่อนออกไปจากชีวิตของเขาได้อย่างไม่ยากเย็นเช่นกัน
คืนนี้ทั้งปาณิตากับทัพเทวินทร์ก็มาเที่ยวที่ผับดังแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพมหานคร ผับนี้ส่วนใหญ่จะมีแต่คนรวยๆ มาเที่ยว หรือไม่ก็อาจจะมีพวกดารานางแบบมาเที่ยวกันบ้างพอสมควร และทันทีที่สองหนุ่มสาวที่ทั้งคู่ดูโดดเด่นยิ่งกว่าใครๆ เดินเข้ามาในผับ เจ้าของผับก็รีบเดินเข้ามาต้อนรับแขกคนสำคัญทันทีเหมือนดังคำกล่าวที่ใครๆ หลายคนบอกว่า ลูกค้าคือพระเจ้านั่นแหละน่าจะเหมาะสมในการบริการครั้งนี้
“สวัสดีครับ เชิญครับ จะเลือกเครื่องดื่มอะไรดีครับ เดี๋ยวผมจะให้เด็กเอามาบริการให้” เจ้าของผับถามทัพเทวินทร์ด้วยวาจาสุภาพ
“เอาเหมือนเดิมนะ แล้วคุณล่ะจะรับอะไรดีครับ” เสียงทุ้มหันไปถามคนข้างๆ เบาๆ พอได้ยิน
“แป๋มขอไวน์ที่ดีที่สุดของร้านก็แล้วกันค่ะ อ้อ...แล้วก็กับแกล้มเหมือนเดิมนะเสี่ย” นางแบบสาวหันไปบอกเจ้าของผับด้วยเสียงหวานใสก่อนจะหันหน้ามายิ้มให้กับคนตัวโตข้างๆ
“ได้ครับ รอสักครู่นะครับเดี๋ยวเด็กๆ จะนำทุกย่างที่คุณทั้งสองต้องการมาเสิร์ฟให้” เสี่ยใหญ่พูดจบก็เดินเลี่ยงออกไป แล้วหยุดพูดคุยกับเด็กเสิร์ฟไม่กี่คำก็ไปบริการโต๊ะอื่นต่อ
ไม่นานนักทั้งเครื่องดื่มและกับแกล้มทุกอย่างก็ถูกลำเลียงมาวางไว้ตรงหน้าภายในเวลาอันรวดเร็วเป็นพิเศษ พร้อมทั้งมีพนักงานเด็กหนุ่มมาคอยชงเครื่องดื่มให้ตลอดเวลาอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ไม่ว่าหนุ่มสาวทั้งสองต้องการอะไร ทุกอย่างก็จะถูกนำมาเสิร์ฟอย่างรวดเร็ว เพราะทัพเทวินทร์กับปาณิตาถือว่าเป็นแขกวีไอพีเกรดเอเลยก็ว่าได้
“คุณเทวินทร์นี่เสน่ห์แรงจังเลยนะคะ”
“อ้าว ทำไมพูดแบบนั้นล่ะครับ” ชายหนุ่มสงสัย
“คุณเทวินทร์ก็ลองหันไปมองรอบๆ ตัวคุณสิคะ มีแต่สาวๆ จ้องคุณอย่างกับจะกลืนกินคุณเข้าไปทั้งตัวอย่างนั้นแหละ”
ทัพเทวินทร์จึงหันไปมองรอบๆ ตามที่ปาณิตาบอก และเมื่อร่างใหญ่กวาดสายตาอันทรงเสน่ห์ของเขามองไปเรื่อยๆ สายตาคมกล้าก็ไปหยุดอยู่ที่ร่างของสาวงามคนหนึ่ง รูปร่างของเธอช่างอ้อนแอ้นอรชรเหมือนงานศิลปะชั้นเอก บอบบางแต่ได้สัดส่วน ช่วงขาที่เรียวยาวสวยอย่างกับเรียวขาของนางแบบแถวหน้า สะโพกที่กลมมนงอนงามกระชับได้สัดส่วนรับกับเอวบางที่คอดกิ่ว ชุดที่หญิงสาวใส่เผยให้เห็นหน้าท้องที่แบนราบน่าสัมผัสน่าลูบไล้ยิ่งนัก
แค่เห็นหน้าท้องที่เซ็กซี่ของโคโยตี้สาว ร่างกายหนุ่มถึงกับปวดร้าวดีดตัวขึ้นมาทันที ดีที่ใต้โต๊ะค่อนข้างมืดไม่เช่นนั้นล่ะก็ สาวๆ โต๊ะข้างๆ คงจะตาเป็นกุ้งยิงกันเป็นแถวๆ เพราะเห็นนกเขามันโก่งคอขันก็เป็นได้ ทัพเทวินทร์ต้องพยายามกล่อมนกเขาของเขาให้สงบลงแต่มันก็ดื้อด้านยิ่งนัก เมื่อสายตาคมของเขายังคงจ้องมองร่างงามระหงที่กำลังเต้นยั่วยวนอย่างไม่วางตา
นอกจากนักแด๊นซ์สาวจะมีรูปร่างยั่วใจชายแล้ว หญิงสาวยังมีใบหน้าที่สวยใสเรียบเนียน ดวงตากลมโตแจ่มจรัสดั่งแสงดาวอยู่ภายคิ้วเรียวยาวที่โก่งดั่งคันศร บวกกับจมูกเล็กโด่งเป็นสันเชิดน้อยๆ ที่แสดงถึงความดื้อรันของเจ้าตัวมันช่างรับกับริมฝีปากจิ้มลิ้มพริ้มเพราน่าจูบยิ่งนัก ในความรู้สึกของมหาเศรษฐีหนุ่มในตอนนี้ เขานึกอย่างจูบหญิงสาวขึ้นมาทันทีชายหนุ่มอยากจะรู้นักว่าถ้าหากเขาได้จูบเธอจริงๆ จูบนั้นจะหวานซึ้งเพียงใด
“คุณเทวินทร์คะ คุณเทวินทร์” ปาณิตาเรียกหวานใจของเธอเสียงดังนิดหนึ่ง
“...” เงียบไม่มีเสียงตอบรับและร่างหนาก็ทำท่าเหมือนกับว่ายังไม่ได้ยินที่หญิงสาวเรียก
“คุณเทวินทร์!” ปาณิตาเรียกชายหนุ่มที่กำลังเหม่อมองไปยังเวทีเสียงดังมากขึ้นอีกนิด แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่สนใจ จนกระทั่งโคโยตี้สาวหยุดเต้นร่างใหญ่จึงได้หันมาสนใจคนข้างๆ อีกครั้ง และก็แปลกใจที่เห็นปาณิตาหน้าบูดหน้าบึ้งใส่เขาอย่างแสนงอน
“อ้าว คุณแป๋มทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะครับ” ทัพเทวินทร์แกล้งทำเป็นทองไม่รู้ร้อนว่าหญิงสาวโกรธเขาเรื่องอะไร และตัวเขาเองก็ไม่รู้สึกกังวลใจอะไรกับอาการขัดใจของหญิงสาวนัก เพราะชายหนุ่มสนใจแต่ร่างบางที่เต้นอยู่บนเวทีนั้นมากว่า แม้ว่าโคโยตี้สาวจะเดินลงจากเวทีไปแล้วแต่ชายหนุ่มก็ยังจำภาพหญิงสาวได้ติดตา
“แป๋มงอนคุณจริงๆ ด้วยนะคะ ถ้าคุณยังสนใจคนอื่นมากกว่าแป๋ม” พอจบประโยค ดวงตาสีน้ำตาลเข้มกลมโตแวววับ ก็มองใบหน้าคมเข้มหล่อเหลานั้นอย่างคาดโทษด้วยความรู้สึกหึงหวง คืนนี้เมื่อเขามากับเธอหญิงสาวก็ไม่อยากให้ชายหนุ่มสนใจสาวคนไหนไปมากกว่าเธอ ไม่อย่างนั้นเธอไม่ยอมแน่ๆ
ตื้ด...ตื้ด...ตื้ด!
โทรศัพท์มือถือกำลังสั่นสะเทือนอยู่ในกระเป๋ากางเกงของทัพเทวินทร์ติดต่อกันสองสามครั้ง ชายหนุ่มจึงขอตัวออกมาคุยโทรศัพท์ข้างนอกที่เป็นมุมส่วนตัวมากที่สุด คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อยเมื่อได้ยินลูกน้องคนสนิทรายงานมาตามสาย
“ว่าไงนะ พูดอีกทีซิ เจอหล่อนแล้วอย่างนั้นเหรอ”
“เปล่าเจอเธอครับเจ้านาย แต่เราได้ข้อมูลเกี่ยวกับน้องสาวของเธอแทนครับ” นาคาลูกน้องคนสนิทที่ทัพเทวินทร์วานให้ไปตามหาผู้หญิงแพศยาคนนั้นที่เขาแค้นหล่อนยิ่งนักรายงานมาตามสาย ว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ได้อยู่ในเมืองไทยแล้วสายสืบบอกว่าหล่อนหนีไปอยู่เมืองนอกกับสามีชาวฝรั่ง แต่ข้อมูลสำคัญที่พบคือหล่อนมีน้องสาวที่รักมากคนหนึ่งกำลังทำงานเป็นสาวโคโยตี้อยู่ที่ผับแห่งหนึ่งซึ่งก็คือผับที่ ทัพเทวินทร์มาเที่ยวคืนนี้นี่เอง
“ส่งรูปน้องสาวของแม่นั่นมาให้ฉันเดี๋ยวนี้!” เสียงเข้มมีอำนาจออกคำสั่งกับลูกน้องแทบจะทันที
“รอสักครู่ครับเจ้านายผมจะส่งไปให้เดี๋ยวนี้” เพียงแค่ไม่กี่นาทีภาพของน้องสาวของผู้หญิงแพศยาคนนั้นก็มาปรากฏบนหน้าจอมือถือเมื่อคนรับเปิดดู ชายหนุ่มแทบไม่อยากเชื่อสายตาตนเองเลยว่าภาพผู้หญิงที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอมือถือของเขาจะคือคนๆ เดียวกับแม่สาวโคโยตี้คนเมื่อกี้ที่เต้นจนเขามองแทบน้ำลายหก หล่อนมีน้องสาวที่สวยมากขนาดนี้เชียวเหรอ
‘เสียดายจังเลยนะสาวน้อยที่เธอเกิดมาเป็นน้องสาวของคนที่ฉันแค้นมากที่สุด มันช่วยไม่ได้จริงๆ ที่ผู้หญิงสวยๆ อย่างเธอจะต้องได้รับชะตากรรมที่เจ็บปวดทรมานไม่ต่างกับน้องชายของฉัน พี่สาวของเธอจะต้องได้รับความเจ็บปวดเหมือนอย่างที่ฉันได้รับ ในเมื่อพี่สาวของเธอทำร้ายน้องชายสุดที่รักของฉันได้ลงคอ ฉันในฐานะพี่ชายขอแก้แค้นด้วยการทำร้ายเธอให้ได้รับความเจ็บปวดนั้นเช่นเดียวกัน’
ร่างสูงใหญ่ยืนคิดอย่างคลั่งแค้นในใจ แล้วแผนการร้ายๆ ก็เกิดขึ้นในหัวสมองอันชาญฉลาดและแยบยลของเขา ชายหนุ่มเรียกพนักงานชายในร้านมาคุยประมาณสองสามนาทีแล้วโทร.คุยกับลูกน้องสักพักก็กลับเข้ามานั่งในร้านตามเดิมเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
“ทำไมออกไปนานจังเลยคะ แป๋มนั่งรอคนเดียวตั้งนาน” นางแบบสาวพูดด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอด
“เผอิญต้องคุยธุระสำคัญที่ต้องอธิบายยาวหน่อยน่ะครับ ก็เลยคุยนานไปนิดหนึ่ง ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้คุณแป๋มรอนาน เอาอย่างนี้ดีกว่า เราออกไปเต้นรำกันดีไหมครับ” ร่างสูงชะลูดกำยำปานนายแบบท่าทางองอาจยืนขึ้นผายมือไปยังร่างบางตรงหน้าด้วยท่าทีให้เกียรติและเชื้อเชิญหญิงสาวให้ออกไปเต้นรำกับเขา นางแบบสาวไม่ปฏิเสธรีบลุกจากเก้าอี้ทันที แล้วคล้องแขนใหญ่ล่ำของชายหนุ่มออกไปกลางฟลอร์เต้นรำท่ามกลางฝูงผีเสื้อราตรีทั้งหลาย ที่กำลังโยกย้ายส่ายสะโพกกันอย่างสนุกสนาน
เมื่อคู่หนุ่มสาวที่ดูโดดเด่นยิ่งกว่าคู่ไหนๆ เต้นรำกันจนเหนื่อยและกลับมานั่งที่โต๊ะอีกครั้ง แก้วเครื่องดื่มของปาณิตาก็ถูกสลับสับเปลี่ยนเป็นแก้วใบใหม่เรียบร้อยแล้ว ตามคำสั่งของมหาเศรษฐีหนุ่มที่จ้างวานพนักงานเสิร์ฟชายด้วยค่าแรงที่มากเกินพอสำหรับคนหาค่ำกินเช้าอย่างพนักงานเสิร์ฟคนนี้ และพนักงานทุกคนรวมถึงเจ้าของร้านรู้ว่า ทัพเทวินทร์มีอิทธิพลมากแค่ไหนจึงไม่มีใครกล้าคิดขัดความต้องการของเขา
“สนุกจังเลยค่ะคุณเทวินทร์ แต่ก็เหนื่อยเหมือนกันนะคะนี่ สงสัยไม่ค่อยได้เต้นรำนานไปหน่อย” ปาณิตาหัวเราะเสียงใสปนหอบนิดหน่อยเมื่อกลับมานั่งที่โต๊ะเดิม
“ถ้าคุณแป๋มเหนื่อยก็รีบดื่มนี่แก้กระหายก่อนสิครับเดี๋ยวก็ดีขึ้น” พูดจบสายตาคมก็จ้องมองร่างบางตรงหน้ายกแก้วไวน์ขึ้นดื่มจนเกือบหมดแก้วอย่างพึงพอใจ ชายหนุ่มกำลังยิ้มร่าอยู่ในใจอย่างเจ้าเล่ห์โดยที่หญิงสาวที่นั่งตรงหน้าไม่มีโอกาสได้ล่วงรู้เล่ห์เหลี่ยมของชายหนุ่มเลยสักนิด ไม่นานนักร่างบางก็ฟุบหลับไปกับโต๊ะอย่างหมดท่า ลูกน้องของทัพเทวินทร์คนหนึ่งที่รูปร่างใหญ่โตกำยำเดินเข้ามาอุ้มร่างของปาณิตาออกไป ปล่อยให้เจ้านายหนุ่มนั่งอยู่ที่โต๊ะเพียงลำพัง
แต่ละคืนณัฐกานต์ต้องออกมาเต้นอยู่หน้าเวทีถึงสองรอบ หญิงสาวชอบเต้นเป็นชีวิตจิตใจ ใครจะรู้บ้างว่าณัฐกานต์ที่ดูอ่อนหวานเรียบร้อยในตอนกลางวันจะกลายเป็นนางแมวสาวยั่วสวาทที่แสนจะเซ็กซี่ในตอนกลางคืนอย่างกับเป็นคนละคนกัน เพราะฐานะทางการเงินที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไรมากนัก ทำให้หญิงสาวต้องหารายได้พิเศษหลังจากเรียนปริญญาตรีจบมาหมาดๆ แต่ยังหางานดีๆ ทำไม่ได้ โดยการนำความสามารถที่ตนเองมีอยู่ออกมาใช้เพื่อหารายได้พิเศษ
เต้นอีกรอบเดียวณัฐกานต์ก็จะได้กลับบ้านไปพักผ่อนแล้ว ร่างบางระหงหมุนตัวไปรอบๆ หน้ากระจกเพื่อสำรวจดูความเรียบร้อยของตนเองอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ ก่อนจะเดินขึ้นไปบนเวทีแล้วสวมวิญญาณนักเต้นโยกย้ายส่ายสะโพกอย่างพลิ้วไหวเหมือนดั่งนางหงส์ สะกดสายตาให้ทุกคนข้างล่างเวทีหันมามองเธออีกครั้งด้วยท่าเต้นที่เซ็กซี่เร้าใจกว่าครั้งแรก
มีพนักงานเสิร์ฟหนุ่มคนหนึ่งวิ่งมาหาหญิงสาวที่หน้าเวทีเขายื่นแผ่นกระดาษเล็กๆ แผ่นหนึ่งมาให้ ณัฐกานต์รับมาอ่านก่อนที่จะปรายทอดมองไปยังหนุ่มหล่อที่นั่งคนเดียวอยู่ที่โต๊ะข้างหน้าด้านล่างเวทีด้วยจังหวะการเต้นของหัวใจที่เริ่มจะไม่คอยปรกติเท่าไหร่นัก เมื่อโดนจ้องมองด้วยสายตาคมคู่นั้น สงสัยคงจะเป็นพวกอยากซื้อตัวเธอไปนอนด้วยอีกรายกระมัง ถึงแม้ว่าจะเริ่มชินกับการที่มีพวกเสี่ยๆ ทั้งหลายทั้งเสี่ยเล็กเสี่ยใหญ่ที่คอยจะตะครุบเธอถ้าทำได้ แต่หญิงสาวก็ยังรู้สึกหวั่นๆ ใจยังไงพิกลเพราะเธอมีความรู้สึกว่าผู้ชายตรงหน้าช่างดูน่ากลัวยิ่งนัก
ณัฐกานต์เพิ่งมาทำงานที่ผับนี้ได้ไม่ถึงเดือนหญิงสาวจึงไม่รู้ว่าทัพเทวินทร์เป็นแขกประจำของที่นี่และไม่เคยเห็นหน้าชายหนุ่มมาก่อน หญิงสาวจึงเริ่มรู้สึกไม่ไว้ใจร่างสูงใหญ่ขึ้นมาทันทีที่เธอมายืนอยู่ตรงหน้าเขา
“ไม่ทราบว่าคุณมีอะไรให้ดิฉันรับใช้เหรอคะ” เสียงหวานใสเอ่ยถามออกไปตามมารยาท
ทัพเทวินทร์ทราบมาจากพนักงานเสิร์ฟหนุ่มแล้วว่าเด็กสาวแค่เพียงมาหารายได้พิเศษแค่เต้นรำเท่านั้นไม่ได้มาขายตัว แต่มีหรือที่คนอย่างเขาจะเชื่อใครง่ายๆ ถ้ายังไม่ได้พิสูจน์ บางทีหญิงสาวก็อาจจะโกหกเพื่อโก่งค่าตัวก็ได้ใครจะไปรู้ แต่ชายหนุ่มก็อยากจะลองใจหญิงสาวเหมือนกันว่าถ้าหากเขาเสนอเงินให้เธอมากพอ สาวโคโยตี้เช่นเธอจะยังปฏิเสธเงินของเขาอยู่อีกหรือเปล่า
“ถ้าคืนนี้ฉันขอให้เธอนั่งดื่มเป็นเพื่อนฉันจะได้หรือเปล่า”
“นั่งเป็นเพื่อนได้ค่ะแต่ไม่ดื่ม แต่ว่าตอนนี้ดิฉันไม่ว่างแล้วค่ะเพราะได้เวลากลับบ้านแล้ว ต้องขอโทษด้วยนะคะ” ร่างบางพูดจบก็ทำท่าจะเดินหนีแต่คำพูดที่ทรงพลังอำนาจของชายหนุ่มเปรียบเหมือนโซ่ที่กระชากหญิงสาวเอาไว้
“เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งไป โอเคงั้นฉันขอถามเธออีกครั้ง ว่าถ้าฉันจะขอให้เธอไปนั่งเป็นเพื่อนฉันที่ห้อง เธอจะคิดค่าบริการเท่าไหร่”
นั่นไงล่ะ ในที่สุดชายหนุ่มก็เผยไต๋ออกมาจนได้ ผู้ชายรวยๆ ก็เหมือนกันหมดทุกคน เห็นผู้หญิงเป็นแค่ของเล่นที่ซื้อได้ด้วยเงิน หญิงสาวล่ะเกลียดนักผู้ชายประเภทนี้
“ขอโทษด้วยนะคะ ดิฉันแค่มาแด๊นซ์อย่างเดียวค่ะไม่ได้มาทำอย่างอื่น”
“แล้วถ้าฉันให้เธอเท่านี้ล่ะเธอยังจะกล้าปฎิเสธอีกมั้ย” มือหนาเขียนอะไรยิกๆ ที่กระดาษแผ่นหนึ่งก่อนจะกรอกตัวเลขลงไปแล้วยื่นมันให้เธอ
“นี่คุณ! ฉันบอกคุณแล้วไงคะว่าฉันไม่ขายตัว ได้ยินชัดมั้ยคะ” ร่างบางเริ่มสั่นเทิ้มด้วยความโมโห เสียงดังมากขึ้นตามอารมณ์ที่เริ่มคุกรุ่น ใช่อยู่ตัวเลขที่ชายหนุ่มเขียนให้มันมากกว่ารายได้ที่เธอทำงานมาทั้งปีรวมกันเสียอีก แต่หญิงสาวก็ไม่คิดที่จะแคร์สิ่งที่เขาหยิบยื่นให้ กลับยิ่งรู้สึกขยะแขยงผู้ชายตรงหน้านี้มากขึ้น ผู้ชายอะไรหน้าตาก็ดีแต่นิสัยแย่ชะมัด เขาเห็นผู้หญิงเป็นแค่ของเล่นหรือยังไงกัน ถึงได้ขอซื้อต่อรองราคากันเป็นผักเป็นปลาแบบนี้
“โอกาสดีๆ ไม่ได้มีมาง่ายๆ นะคุณ คิดดูดีๆ สิ คุณต้องเต้นไปอีกกี่คืนต้องรับแขกไปอีกสักกี่คนคุณถึงจะได้เงินมากมายขนาดนี้ แค่ไปกับผมคืนเดียวมันไม่สึกหรอเท่าไหร่หรอกน่า ดีไม่ดีคุณอาจจะติดใจผมก็ได้นะ”
เผียะ!
เสียงฝ่ามือกระทบเนื้อดังสนั่นหวั่นไหว ใบหน้าหล่อเข้มคมคายของร่างสูงใหญ่หันไปตามแรงตบเล็กน้อย ตามมาด้วยรอยแดงเป็นปื้นบนใบหน้าที่เริ่มเหี้ยมเกรียมนั่น
ที่ผ่านมาไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าทำกับเขาแบบนี้มาก่อน ดวงตาที่เปล่งประกายวาวโรจน์ดั่งมีเปลวไฟร้อนแรงอยู่ภายในช่างดูน่ากลัวยิ่งนัก โดยเฉพาะในนาทีนี้ มันแทบจะเผาร่างเล็กตรงหน้าให้มอดไหม้เป็นจุณไปในพริบตาเลยทีเดียวถ้าเขายังมองเธออยู่อย่างนั้น
ร่างบางถึงกับขนลุกเกรียวไปทั่วร่าง เมื่อรู้สึกถึงรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาจากตัวผู้ชายร่างกายใหญ่โตตรงหน้า แววตาที่เขามองมายังเธอทำให้หญิงสาวต้องรีบถอยหลังกลับอย่างลนลานแต่กว่าจะรู้ตัวว่าภัยมาถึงตัว มันก็สายเกินไปเสียแล้ว ไม่มีใครในที่นั่นกล้าเข้ามาช่วยหญิงสาวได้ เพราะทุกคนต่างก็รักตัวกลัวตายกันทั้งนั้น ร่างบางจึงถูกนำตัวออกมาจากผับ และพามาขึ้นรถเมอร์ซเดส-เบนซ์ เอส-คลาสสีดำคันหรูออกไปจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็วดุจสายลม
1 พ่ายปรารถนาเจ้ารัตติกาล 2 กระหายรักใต้เงาจันทร์ 3 พิศวาสหวามข้ามกาลเวลา(ภาคจบ) ร่างสูงเคลื่อนเข้ามาใกล้ชิดรวดเร็ว จับบ่าบอบบางสองข้างเอาไว้แน่น จ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยที่ทั้งกล้าหาญและหวาดหวั่น “คุณเลือกทางของคุณเองนะ ณิชา เกิดอะไรขึ้นอย่ามาโทษผม” “ฉะ...ฉันไม่กลัว” “คุณกำลังกลัวมากที่สุดต่างหากล่ะณิชา” ร่างเล็กถูกกระชากเข้ามาบดจูบด้วยความกระหาย ‘ณิชา ยอดรักของข้า’ เขาไม่พูดคำว่ารักออกมาให้เธอได้ยิน แต่ส่งผ่านความรู้สึกนั้นด้วยเซ็กส์ที่ทรงพลัง... เขาทะยานไปข้างหน้ารุนแรง ตอกย้ำกายใหญ่เข้าหาราวกับจะแทงทะลุให้ถึงจิตวิญญาณ ราตรีนี้ความต้องการทางกายของแวมไพร์หนุ่มจะทวีความรุนแรงขึ้นอีกหลายเท่า เขาหลอกล่อเธอด้วยไฟพิศวาสร้อนแรง เพื่อจะดับไฟแค้นในหัวใจ ส่วนเธอทั้งรักทั้งหลงเขา ไม่อาจห้ามใจสักครั้งเมื่อได้ชิดใกล้ แต่เมื่อรู้ความจริงว่าเขาคือใคร ดวงตะวันจะเลือนหายไปจากเธอและเขาหรือเปล่า วันเวลาหมุนเวียน ทุกสิ่งรอบกายเปลี่ยนผัน มีเพียงดวงจิตที่ผูกพัน ร้อยปีผันผ่านยังเฝ้าคอย ‘เชอร์ลีน ยอดรักของข้า “ไม่ใช่ ฉันไม่ใช่เชอร์ลีน ฉันชื่อกิรณา และฉันไม่เคยไปทำความเดือดร้อนให้ใคร ไม่เคยรู้จักคุณ แล้วคุณจับฉันมาทำไม”
‘ทั้งๆ ที่รักแต่ไม่อาจครอบครอง ของของเขา เธอจะแย่งมาได้อย่างไร’ “เลิกคิดเถอะ คุณไม่เหมาะสมกับผมสักนิด และสเปคผู้หญิงของผมก็คงไม่ใช่เด็กสาวกะโปโลอย่างคุณ กลับไปเรียนหนังสือให้จบแล้วมีคนอื่นไปซะ ไม่ต้องมายั่วผมอีก เข้าใจที่ผมพูดมั้ย” เธอเข้าใจ... จึงเดินวกกลับมาจูบเขาอย่างยั่วยวนอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มหวาน “ถ้าเรียนจบแล้ว แพรจะกลับมา อย่าเพิ่งแต่งงานนะคะ...” ทว่าเมื่อเรียนจบกลับมาหาเขาอีกครั้ง ได้ใกล้ชิดชายหนุ่มอีกหน ครานี้เธอ ‘ยั่ว’ เขาหนักขึ้น แต่... เธอก็ต้องมาพบกับความร้ายกาจของผู้หญิงของเขา ที่ต้องการจะ ‘เอาเธอให้ถึงตาย!’ ลูกแพรจึงต้อง ‘ร้าย’ กลับบ้าง ‘ร้ายเพราะรัก มันต้องร้ายให้ลึกที่สุด!’
“ผมจะยอมแต่งงานกับคุณก็ได้ แต่ผมมีข้อแลกเปลี่ยนสามข้อ คุณจะยอมรับได้ไหมแต่คุณต้องผ่านการทดสอบของผมในคืนนี้ให้ได้ก่อนนะ แล้วเราค่อยมาตกลงกัน” ความเป็นชายของเขาก็กำลังร้อนเป็นไฟ เธอมองเขาด้วยสายตาวิงวอน เธอกำลังกลัว กลัวมากที่สุด! “อย่ากลัวผมเลยนะ คุณรู้มั้ยว่าคุณน่ารักไปทั้งตัว คุณสวยจนผมอดใจไม่ไหว แล้วก็หอมหวานจนผมแทบจะคลั่งตายอยู่แล้ว” กฤตภพเก่งกาจเกินกว่าที่เธอจะต้านทานไหว เขาใช้ประสบการณ์อันช่ำชองพาให้เธอเคลิบเคลิ้ม และคล้อยตามเขาไปทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าเขาจะดึงขึ้นสวรรค์หรือดิ่งลงนรก เธอก็โบยบินตามเขาไปทุกที่ ตามที่เขาปรารถนา อาภรณ์ชิ้นสุดท้ายหลุดออกจากเรียวขาเมื่อไหร่ไม่ทันได้รู้สึกตัว แต่รู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อเห็นร่างกายกำยำของเขายืนตรงปลายเตียง
ฟรานซิส ฟาร์นองเดซ เจ้าพ่อธุรกิจไวน์รายใหญ่ที่สุดแห่งอัลซาส ประเทศฝรั่งเศส เขาไม่ต่างกับอสูรร้ายที่ร้ายกาจ ป่าเถื่อน เพียงเพื่อจะกำจัด ‘ผู้หญิงที่หวังรวยทางลัด’ อัญญาลิน ทายาทสาวเพียงคนเดียวของเจ้าของบริษัทไวน์เนอรี่ชั้นแนวหน้าของไทย เธอตั้งใจไปเที่ยวฝรั่งเศส เพียงเพื่อจะหาความรู้เรื่องการผลิตไวน์มาบริหารงานช่วยผู้เป็นพ่อเท่านั้น แต่ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอ ‘น้องชายของเขา’ “คุณกำลังเข้าใจผิด” “เปล่า ผมกำลังเข้าใจถูกต่างหาก และผมก็รู้ว่าจริงๆ แล้วคุณเองก็คงแอบมีใจให้ผมไม่น้อย ไม่อย่างนั้นคุณจะยั่วผมท้าทายผม ด้วยการขัดคำสั่งผมเหรอ เพราะคุณก็รู้ดีอยู่แล้วนี่ ว่าเวลาที่คุณขัดคำสั่งผมแล้ว ผมจะลงโทษคุณอย่างไรบ้าง ต้องการแบบนี้ใช่มั้ย ได้...ผมจะจัดให้” ศีรษะดกดำโน้มต่ำลงมาทันที อัญญาลินคิดเสมอว่าฟรานซิสรังเกียจเธอ หญิงสาวอยากจะรู้จังว่า ในสมองของเขาเคยคิดถึงเธอในแง่ดีบ้างหรือเปล่า หรือคิดแต่จะหาเรื่องทำให้เธอเป็นคนผิดที่คิดขัดคำสั่งเขาแล้วหาทางลงโทษเธอตามอำเภอใจ ‘ผู้ชายไม่มีหัวใจ’ อัญญาลินคิดได้แค่นี้ แล้วสติสัมปชัญญะของเธอก็ดับวูบลงทันที “ก็ได้! ในเมื่อคุณไม่เคยเห็นผมเป็นคนดีในสายตา ผมก็จะขอเป็นคนเลวอย่างที่คุณประณามก็แล้วกัน” ฟรานซิสสะกดเสียงต่ำลอดไรฟัน มองหน้าคนดื้อรั้นไม่ยอมฟังเหตุผลด้วยประกายตาแข็งกร้าววาววับ ด้วยอารมรณ์คุกรุ่นผสมผสานกับอารมณ์ปรารถนาของร่างกายที่อัดแน่นมานานแล้ว เขาผลักร่างบอบบางที่มีเพียงผ้าแพรปกปิดร่างกายให้นอนราบลงไปกับที่นอน ก่อนที่จะคร่อมทับร่างของเธอเอาไว้ สวมบทอสูรร้ายบ้ากามทันทีโดยไม่ฟังเสียงร้องอ้อนวอนใดๆ จากหญิงสาวอีกต่อไป
ด้วยอำนาจแห่งมนตรา หรือเพราะพรหมลิขิต ชักนำเธอเข้าสู่อ้อมกอดแห่งรัตติกาล ที่ทั้ง ‘เร่าร้อน’ และ ‘เหน็บหนาว’ ในคราวเดียวกัน ครั้งแรกที่สบตากับเขา ‘รุ้งราตรี’ ไม่รู้ตัวเลยว่าเธอกำลังเผชิญอยู่กับอะไร ทันทีที่ได้ใกล้ชิด โลกทั้งใบก็ดูเหมือนจะหยุดหมุน และแค่เพียงปลายนิ้วสัมผัส เธอก็รับรู้ได้ถึงความน่ากลัวบางอย่าง แต่ทำไมถึงได้หวั่นไหวนัก แค่เพียงจุมพิตแรก หัวใจที่เหมือนถูกแช่แข็งมานานของ ‘แดเนียล’ ก็เริ่มสั่นคลอน แค่จูบเดียวก็เหมาเอาว่า เธอเป็น ‘เนื้อคู่’ ของเขา แล้วใครจะเชื่อ เธอไม่อยากเข้าใกล้เขานัก แต่ความจำเป็นบางอย่าง เธอจึงพาตัวองเข้าสู่ ‘คฤหาสน์ที่น่าสะพรึงกลัว’ เป็นหนที่สอง
“คุณพลประภัทร คุณมันเป็นเจ้าหนี้ที่เผด็จการมากที่สุด ทำไมจะต้องให้ฉันไปถ่ายโฆษณากับหมอนั่นด้วย” ...นายอลัน...นายเป็นญาติฝ่ายไหนของคุณพลประภัทร... แล้วเธอจะรู้หรือเปล่า...ว่าความจริงแล้วสองคนนี้เป็นคนๆ เดียวกัน “คงถึงเวลาที่ฉันจะเริ่มคิดดอกเบี้ยเธอแล้วนะสาวน้อย” “ฉันเกลียดคุณ เกลียดที่สุด คุณมันไม่เป็นสุภาพบุรุษ ออกไปจากตัวฉันเดี๋ยวนี้นะ!” อลันรู้สึกเจ็บแสบขึ้นมาทันที และรู้สึกโมโหคนใต้ร่างมากขึ้น จึงใช้กำลังข่มเหงรุกรานหญิงสาวอีกครั้ง เขาบดขยี้เรียวปากอิ่มสีกุลาบอย่างไม่ปรานี... แล้วเมื่อความจริงปรากฏ สมองของดุจดาวก็พร่าเลือนไปหมด แต่ไฟปรารถนาที่กำลังลุกโชนท่วมร่างแกร่งกำยำของเขา มันกำลังพร้อมที่จะแผดเผาร่างของเธอให้หลอมละลาย อะไรก็หยุดเขาไม่ได้! “คุณพลประภัทร อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ฉันกลัว” “ผมกำลังจะมอบความสุขให้กับคุณ จะกลัวทำไม” แต่คุณกำลังจะข่มขืนฉันอยู่นะ” คนไม่มีทางสู้เริ่มขึ้นเสียง “ผมไม่ได้ข่มขืนคุณสักหน่อย เขาเรียกว่าเรียกร้องสิทธิ์ต่างหาก อย่าลืมสิว่าคุณเป็นลูกหนี้ผม และคุณทำผิดสัญญา คุณก็ต้องชดใช้”
หลังจากดูแลสามีมาเป็นเวลาสามปี เมื่อเห็นสามีสอบติดขุนนาง เฉียวชูเยว่ก็นึกว่าชีวิตดีๆ จะมาแล้ว แต่กลับไม่รู้ว่าสามีเป็นคนโลภ และเจ้าชู้ เพื่อจัดการปัญหาให้สามี เฉียวชูเยว่เสียตัวให้กับจักรพรรดิโหดร้ายโดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อชีวิตและอนาคตของสามี นางได้แต่อดทนเอาไว้ จากนั้น สามีของนางก็ได้รับการยกย่องจากจักรพรรดิ และถูกเลื่อนตำแหน่งเรื่อยๆ เมื่อสามีของนางกำลังเพลิดเพลินอำนาจและสาวสวยนั้น นางกำลังรับใช้กับจักรพรรดิอย่าง้อยใจ แต่ไม่คาดคิดว่าความพยายามของนางได้แลกกับใบหย่าจากสามี ในวันแต่งงานของสามี นางถูกฆาตกรไล่ตามและตกลงไปในโคลน เมื่อนางหมดหวังนั้น จักรพรรดิก็มายืนอยู่ตรงหน้านาง "มาเป็นคนของข้าสิ และจะไม่มีใครกล้ารังแกเจ้าอีก!"
เดิมทีนางเป็นทายาทของตระกูลแพทย์เทพ แต่จู่ๆ นางก็กลายเป็นบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีที่พ่อไม่สนใจใยดีและแม่ก็เสียชีวิตตั้งแต่ยังนางยังเด็ก ในวันที่นางย้อนยุค นางถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ร้ายตัวจริงที่สังหารฮูหยินจวนโหว นางพยายามพลิกผัน พลิกสถานการณ์ และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง นางคิดว่าภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นจบลงแล้ว แต่นางไม่รู้ว่าสิ่งที่นางจะต้องเผชิญคือเหวอันไม่มีที่สิ้นสุด เป็นถึงบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีกลับมีอันตรายอยู้รอบตัวมากมาย ทุกคนก็รังแกนางได้ พ่อไม่สนใจนางจะเป็นหรือจะตาย แม่เลี้ยงและน้องสาวต่างแม่สนุกกับการทรมานนาง คู่หมั้นชั่วร้ายของนางอยากจะใช้นางเป็นประโยชน์เพื่อขึ้นไปที่สูง และแม้แต่น้องชายแท้ๆ ของนางยังทรยศนาง นางจึงเริ่มต่อสู้กับคนเจ้าเล่ห์ ข่มเหงแม่เลี้ยงของนาง และดูแลน้องชายและน้องสาวของนาง ดังนั้นนางวางแผนที่จะเล่นงานผู้ชายชั่ว เอาคืนแม่เลี้ยง และแก้แค้นน้องๆ ระหว่างที่นางแก้แค้นนั้น นางมีชีวิตที่มีความสุข แต่กลับไม่รู้ว่าไปยั่วยุคนใหญคนหนึ่งเข้าเมื่อไร เมื่อนางจะทำเรื่องไม่ดีหรือฆ่าคน เขาก็ช่วยนางหมด ในที่สุดนางก็อดไม่ได้ที่ถามออกมาว่า "ท่าน แม้ว่าข้าจะทำลายโลกที่ไม่มความยุติธรรมนี้ ท่านก็จะช่วยข้าเช่นกันหรือ" เขาทำหน้าใจเย็น "ตราบใดที่เจ้าอยู่เคียงข้างข้า แม้ว่าจะเป็นโลกใบนี้ ข้าก็สามารถให้เจ้าได้"
จากอลิส เจนี่ ร็อกส์ กลายมาเป็นหลิวตานผู้สู้ชีวิตกับระบบทำฟาร์มแสนห่วย ครอบครัวปู่ย่าไม่เหลียวแล กดขี่ข่มเหงทั้งยังทำเหมือนว่าบ้านรองเป็นแค่คนรับใช้เท่านั้น ในฐานะคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากบิดามาก่อน ชาตินี้หลิวตานจึงหาหนทางเพื่อพาบ้านรองไปจุดสูงสุด หลิวตานใช้ความสามารถที่เธอมีพลังธาตุเร่งการเจริญเติบโตของผัก ทำฟาร์มผัก และยังมีตัวช่วยอย่างระบบทำฟาร์มแสนห่วยอยู่ในมือ เธอจะต้องพาครอบครัวมั่งคั่งร่ำรวยให้ได้! แต่ระบบที่มีทำให้เธอชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันช่วยเหลือเธอได้จริง ๆ - -
นุชพินตา ควรเป็นเจ้าสาวที่น่าอิจฉาที่สุดที่ได้แต่งงานกับ ปุลวัชร เจ้าบ่าวที่ทั้งหล่อ รวย เนื้อหอม เป็นเจ้าชายในฝันของสาวๆ ทั้งเมือง แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าบ่าวในฝันนั้น...ทั้งไร้หัวใจ และไม่ได้รักเธอสักนิด! การแต่งงานที่ไร้รัก อยู่กันไปก็มีแต่เจ็บปวดเท่านั้น แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อเธอไม่อาจปฏิเสธ แม้จะต้องถูกเขาทำร้ายหัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะทำอย่างไรหากใจที่ไม่คิดปรารถนารักกลับอยากได้ความรักจากเขา ------------------------------ “เธอเคยนอนกับผู้ชายหรือเปล่า” เขาถามออกมาจากปากร้าย ตอนที่เธอได้ยินถึงกับสะอึก ไม่คิดว่าเขาจะถามตรง ๆ และในนาทีต่อมา นุชพินตาก็รู้สึกโกรธมาก หญิงสาวโต้เขากลับ “ทำไมผู้ชายดี ๆ การศึกษาดี ๆ ถึงได้พูดจาแบบนี้คะ มาพูดดูถูกกัน เมื่อกี้ก็หาว่าพวกเราขายตัว และตอนนี้ยังมากล่าวหาฉันอีกว่าฉันสำส่อน คุณถามคำถามแบบนี้กับผู้หญิงทุกคน ที่คุณเคยนอนด้วยหรือยังไงคะ” ความเจ็บปวดระบายออกมาทางสายตา เขาเป็นบ้าอะไรกันนี่ คำพูดแบบนี้มาจากสันดานข้างในหรือเพราะว่าเขาเมา “แล้วเธอเคยมีอะไรกับผู้ชายหรือเปล่าล่ะ” เขาย้ำอีกครั้ง จ้องสบตาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ “ปากร้าย ประโยคนี้คุณไม่ควรถามออกมาด้วยซ้ำไป” จากที่เรียกเขาว่าพี่ปุ่น ชักขุ่นและมีอารมณ์โมโหขึ้นมาเปลี่ยนสรรพนามที่คนฟังก็รู้ว่าห่างเหิน “ผู้หญิงที่ดี ๆ ที่ไหน จะตอบตกลงแต่งงานกันชายแปลกหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่คิด เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น” “แล้วมันยังไงคะ” นุชพินตาก็ไม่ยอมเหมือนกัน “เธออาจจะเป็นมือสองก็ได้” ‘เมื่อคืนเขาไปนอนที่ไหน แล้วไปนอนกับใคร’ ‘อ้อ… ก็คงจะเป็นผู้หญิงคนนั้นสินะ’ ดวงตาเศร้าลง เธอลุกขึ้นไปเปิดม่านหน้าต่าง และมองออกไปยังท้องทะเล แสงอาทิตย์กระทบกับระลอกคลื่นที่ไล่เรียงกันกระทบเข้าฝั่ง นุชพินตาถึงกับถอนหายใจดังเฮือก ‘ฉันมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ มาให้เขาย่ำยีเล่นใช่หรือไม่’ เฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ‘ยะหยาอย่าเสียใจไปเลยนะ เธอต้องทำตัวเองให้เข้มแข็ง แข็งแรงเถอะ ในเมื่อเธอก็ไม่ได้รักเขาเหมือนกัน’ คำพูดปลอบโยนตัวเอง ‘ใช่… ฉันไม่ได้รักเขา และจะเกลียดเขาให้มากกว่านี้’ เธอตอกย้ำคำนี้เข้าไปในหัวใจของตัวเองด้วยความมุ่งมั่นและสายตาที่แน่วแน่ แม้จะรู้สึกเจ็บแน่นในหัวอก ------------------------------ “ฉันจะหย่ากับเธอ” เขาเอ่ยอย่างใจดำ หญิงสาวถึงกับใจหล่นวูบ เธอเม้มขบริมฝีปาก กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว นุชพินตาพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว “นางผู้หญิงไร้ยางอาย แพศยาฉันเกลียดผู้หญิงหลายใจ ฉันเกลียดผู้หญิงที่นอกใจ ไปให้พ้นจากบ้านของฉัน ไปให้พ้นจากหน้าฉัน พรุ่งนี้จะให้ทนายทำใบหย่า” “พี่ปุ่นคะ” เธอยกมือขึ้นมาไหว้เขาปลก ๆ “เราสองคนเพิ่งแต่งงานกันเองนะคะ ยะหยาไม่อยากให้คุณลุงและคุณย่าเสียใจ” “แต่สิ่งที่เธอทำล่ะ มันน่าอาย แล้วเธอไม่ละอายบ้างเหรอ หน้าด้าน” เขามีอาการเสียใจ และหัวเสีย นุชพินตาเอง เธอไม่คิดว่าปุลวัชรจะปากร้ายด่าทอเธอได้ถึงเพียงนี้ “ฉันจะหย่ากับเธอแน่นอน เตรียมปากกาไว้เซ็นใบหย่าในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” พูดจบ เขาเดินเข้าไปใช้มือปัดแจกันที่อยู่ใกล้ และชกบานกระจกที่ใช้ตกแต่งอยู่ในห้องโถงด้วย จนกระจกแตกละเอียดทั้งบาน มือของปุลวัชรมีเลือดไหลซึม เขาจะเดินเข้าห้องทำงานและปิดประตูตามหลังดังโครม นุชพินตาตกใจ และหวาดกลัวกับสิ่งที่เธอได้เห็น ความดีใจที่สามีจะกลับมา เธอจะบอกข่าวดีเขา และกินข้าวด้วยกัน ได้มลายหายไปสิ้น มีเพียงความเศร้าเข้ามาทับถมอยู่ในจิตใจของนุชพินตา แล้วหญิงสาวยกมือขึ้นมาปิดหน้าปิดตาปล่อยโฮ
ซินหยาน นักฆ่าสาวที่ใช้นามแฝงว่า สืออี เธอถูกพาตัวมาจากสถานสงเคราะห์ตั้งแต่อายุเพียงเจ็ดปี เพื่อฝึกให้เป็นนักฆ่าขององค์การใต้ดิน เพราะความสามารถของเธอ รวมถึงความเฉลียวฉลาดจากการเอาตัวรอด ทำให้เธอได้รับภารกิจเสี่ยงอันตรายอยู่เสมอ จนวันหนึ่งที่องค์กรยื่นข้อเสมอสุดพิเศษให้ หากทำภารกิจครั้งนี้เสร็จสิ้นเธอจะสามารถไปใช้ชีวิตตามที่เธอต้องการได้ แต่เรื่องมันจะง่ายถึงเพียงนั้นได้อย่างไร ซินหยาน แม้จะรู้ดีว่านี้เป็นภารกิจสุดท้ายก่อนที่เธอจะถูกสั่งเก็บแต่ก็รับงานมาอย่างเต็มใจ แต่ที่องค์การคิดไม่ถึงคือ ซินหยานเลือกที่จะจบชีวิตลงพร้อมกับภารกิจสุดท้ายที่สูญหายไปพร้อมกับเธอด้วย ซินหยานเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าเธออยู่ในร่างของเด็กสาววัยสิบสองหนาว จางซินหยาน ชื่อนี้ช่างคุ้นหูนัก และยิ่งคุ้นมากขึ้นเมื่อชื่อของบิดามารดาของซินหยานก็คือนิยายเรื่องหนึ่งที่เธอได้เคยอ่านเมื่ออยู่ภพที่แล้ว หลังจากที่จางซินหยานอายุได้สิบหกหนาว นางตกหลุมรักท่านแม่ทัพจ้าว ที่ได้รับบาดเจ็บและจางซินหยานเป็นผู้ช่วยไว้ ถ้าหากท่านแม่ทัพจ้าวมิได้มีสตรีที่ตบแต่งไปแล้วเรื่องนี้ก็คงจบอย่างสวยงาม แต่เพราะเขารับจางซินหยานไปเป็นได้เพียงอนุเท่านั้น จางซินหยานก็ยังคิดว่าถึงจะเป็นเพียงอนุนางก็ยังหวังว่าท่านแม่ทัพจะรักนางเช่นกัน แต่เปล่าเลย ในสายตาของท่านแม่ทัพมีเพียงฮูหยินเอกเท่านั้น จนตายจางซินหยานก็ไม่เคยได้ยินคำว่ารักจากปากของท่านแม่ทัพ ซินหยานเมื่อมาอยู่ในร่างของจางซินหยานแล้วนางจะยอมให้เกิดเหตุการณ์นี้ได้อย่างไร แต่เหมือนโชคชะตาชอบเล่นตลก เพราะเรื่องที่นางไม่อยากยุ่งเกี่ยวดันเข้าไปยุ่งเต็มๆ