บลิซเซิร์ด หนุ่มนัยน์ตาสีอำพันเข้ม เขาเย็นชาราวกับน้ำแข็ง แต่เธอกลับทำให้เขาลุกเป็นไฟ กับ เอมฤทัย ผู้หญิงที่น่าปรารถนาทุกครั้งที่เข้าใกล้ แต่ขอบอกว่าเขาเกลียดเธอเข้าไส้ และรังเกียจเธอสุดๆ จนต้องหยุดเตือนใจตนเองทุกนาทีที่ได้ใกล้ชิด ‘ว่าเขารังเกียจเธอ!’ “ฮึ! คิดจะเสนอตัวให้ผมหรือ ถ้ายั่วไม่เก่งจริงก็อย่ามาขายให้ผมเลย ผมไม่ซื้อหรอก” “ไม่เป็นไร คืนนี้ฉันบริการคุณฟรีๆ ก็ได้ ผู้ชายหล่อๆ เถื่อนๆ อย่างคุณหาง่ายเสียที่ไหน” จบคำเธอก็จัดการยั่วเขา จนสุดความสามารถ! ทว่าพอเขาเริ่มทนยั่วยุไม่ไหว แล้วหันกลับมาเป็นฝ่ายรุกบ้าง “คุณบลิซเซิร์ด ปล่อยฉันนะ!” “หึๆ ทีแบบนี้บอกให้ปล่อย เมื่อกี้ยังอวดเก่งอยู่เลย” “ฉันเป็นแค่นางโลมชั้นต่ำ เป็นแค่โสเภณีสกปรก คุณยังคิดจะมาเกลือกกลั้วกับฉันอีกเหรอ” “ก็คุณมายั่วผมจนอยากทำไมล่ะ ผมไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะ และตอนนี้ผมก็อยากจะลองของต่ำๆ ดูบ้าง ว่ามันจะให้ความรู้สึกต่างกันอย่างไรกับของสูงๆ ผู้หญิงที่ผ่านมือชายมามากมายอย่างคุณ คงไม่ต้องทะนุถนอมมากมายหรอกมั้ง ถ้าชอบแรงๆ ก็บอกกันได้นะ ผมจะจัดให้” สิ้นประโยคหวาดเสียวจนเสียววาบเข้าไปในช่องท้อง ใบหน้าคมคร้ามก็ก้มต่ำลงมาอย่างรวดเร็ว ด้วยประกายตาวาววับร้ายกาจ ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง หัวใจเต้นรัวแรงยิ่งกว่ากลองศึกด้วยความหวาดหวั่น เมื่อใบหน้าหล่อเหลาดุดันก้มต่ำลงมา จนริมฝีปากหยักลึกแทบจะชิดเรียวปากสีกุหลาบของเธออยู่รอมร่อ
สายตาคมกริบยิ่งกว่าใบมีดโกน มองภาพสองใบสลับกันไปมานานกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้วตั้งแต่ออกจากที่พัก ดวงตาสีอำพันเข้มราวกับมีเปลวไฟนรกลุกโชนอยู่ในนั้น คล้ายอยากจะแผดเผาผู้หญิงในรูปคนหนึ่งที่น่าจะอยู่จะในวัยสี่สิบกว่าให้มอดไหม้เป็นจุณหากทำได้ แววตาอาฆาตหมายมาดอย่างรุนแรงว่าจะต้องตามหาหล่อนให้เจอ ส่วนรูปภาพของผู้หญิงอีกคนที่หน้าตาอ่อนวัยกว่า เขาตั้งใจไว้แล้วว่าควรจะทำยังไงกับหล่อนดี ที่แน่ๆ ผู้หญิงสองคนในรูปนี้จะต้องได้รับการลงโทษทัณฑ์อย่างสาสม!
รถเก๋งสีดำมันปลาบแล่นเข้ามาจอดที่หน้าผับเล็กๆ แห่งหนึ่งในแถบชานเมืองของตัวจังหวัด ด้านนอกผับไม่มีอะไรดึงดูดสายตาของบลิซเซิร์ดแม้แต่นิด สถานที่แบบนี้น่ะหรือที่เด็กสาวกะโปโลนั่นมาทำงาน
“ตามแผนที่ เด็กผู้หญิงที่นายตามหาทำงานอยู่ที่นี่ครับนาย” ลูกน้องคนหนึ่งที่ทำหน้าที่ขับรถหันมาบอกเจ้านายของตนเสียงเรียบ แต่แฝงไว้ด้วยความเคารพนับถือเต็มเปี่ยม
ลูกน้องคนสนิทวิ่งอ้อมมาเปิดประตูรถให้ผู้เป็นนายอย่างรีบด่วนเมื่อรถจอดสนิท ร่างสูงที่สวมเสื้อยืดกับกางเกงยีนแบรนด์ดังสีเข้มที่สวมทับด้วยเสื้อกันหนาวหนังสัตว์สีดำราคาแพงเดินลงมาจากรถคันหรู แล้วสั่งงานลูกน้องตัวโตพอๆ กับเขาสองสามนาทีก่อนที่จะเดินเข้าไปในผับโกโรโกโสด้านหน้าด้วยท่าทางดุดัน จนนักท่องราตรีหลายคนที่เดินผ่านไปมาไม่กล้าสบตามอง
ร่างสูงสง่าที่ดูดีโดดเด่นตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าที่ก้าวเข้ามา เต็มไปด้วยพลังเสน่หาแห่งบุรุษเพศที่ดึงดูดสายตาสาวๆ ในที่แห่งนั้นให้หันมามองด้วยความหลงใหล ใบหน้าคมสันที่หล่อเข้มเกินพิกัดที่หาใครทัดเทียมได้ยากดูเย็นชาราวกับน้ำแข็งขั้วโลกเหนือ แต่มันกลับแฝงไปด้วยเสน่ห์อย่างเหลือร้าย จนผู้ชายด้วยกันเองยังอดที่มองเขาด้วยความชื่นชมแกมอิจฉาไม่ได้
มองปราดเดียวก็รู้ว่าแขกผู้มาใหม่คงไม่ใช่ลูกค้าธรรมดาอย่างแน่นอน ไม่รู้หรอกว่าชายหนุ่มที่มีหน้าตาไปทางโซนยุโรปจะร่ำรวยล้นฟ้าขนาดไหน แต่มันก็ทำให้เจ้าของผับคนสวยที่เห็นเขาเดินเข้ามาแต่ไกลถึงกับต้องรีบเดินออกไปต้อนรับบริการด้วยตนเอง และเอื้อนเอ่ยกับลูกค้าหนุ่มด้วยภาษาสากลแสนจะสุภาพ พร้อมทั้งส่งสายตาหวานเยิ้มคล้ายจะทอดสะพานให้
“สวัสดีค่ะมิสเตอร์ เชิญทางนี้ค่ะ” ร่างสูงระหงในชุดเดรสสีแดงสดที่ค่อนข้างเปิดเผยกล่าวสวัสดีพร้อมทั้งผายมือเชื้อเชิญเขาให้ไปนั่งในมุมมืดสลัวพอดีมุมหนึ่ง
“มาคนเดียวเหรอคะ” เสียงหวานเอ่ยถาม ชายหนุ่มเพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อยเท่านั้น
“จะรับอะไรดีคะ”
“เอา Vodka แล้วกัน” เขาตอบกลับเป็นภาษาไทยเสียงเรียบ สร้างความแปลกใจให้กับเกศรินทร์เจ้าของอินดี้ผับมาก และสำเนียงของเขาก็ชัดเจนเสียด้วยสิ ท่าทางจะเป็นหนุ่มลูกครึ่งแน่นอน ม่ายสาวคิด ก่อนที่จะตอบรับเขาเป็นภาษาไทยที่อ่อนหวานเป็นพิเศษ
“ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวเกรซจะให้เด็กมาเสิร์ฟให้” ร่างระหงส่งยิ้มหวานโปรยเสน่ห์ให้ชายหนุ่มอีกครั้งก่อนเดินไปสั่งงานลูกน้องไม่กี่นาที ก็ไปบริการลูกค้าวีไอพีโต๊ะอื่นต่อ แต่หันมามองหนุ่มลูกครึ่งเป็นระยะๆ
หลังจากครึ่งชั่วโมงผ่านไป เกศรินทร์ก็ไม่เห็นวี่แววว่าใครจะมานั่งเป็นเพื่อนแขกหนุ่มที่เธอหมายตาเอาไว้ ผู้หญิงที่แพ้ความหล่อของผู้ชายก็เดินเข้ามาหาลูกค้าคนพิเศษของเธออีกครั้งด้วยท่าทางราวกับนางพญาอ่อยเหยื่อ
สายตาปริบๆ ที่เธอมองเขากับรอยยิ้มยั่วยวนเล็กน้อยอย่างมีเสน่ห์ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าผู้หญิงตรงหน้ากำลังให้ท่าเขาขนาดไหน
แต่เพื่อเป้าหมายสูงสุดที่เขาต้องการจะต้องสำเร็จ บลิซเซิร์ดจึงต้องเปิดการเจรจาด้วยท่าทีที่เป็นมิตรพร้อมกับรอยยิ้มแสนเสน่ห์ของเขาที่คลี่ยิ้มออกเพียงเล็กน้อย แค่นี้ม่ายสาวพราวเสน่ห์อย่างเกศรินทร์ก็แทบละลายลงตรงหน้าเขาแล้ว หากว่าชายหนุ่มเอ่ยขอสิ่งใดหล่อนคงจะรีบหามาประเคนให้ทุกอย่างโดยไม่รอช้า
“คุณคงเป็นเจ้าของผับนี้สินะ”
“ใช่ค่ะ เอ่อ...แล้วคุณรู้ได้ยังไงคะว่าฉันเป็นเจ้าของที่แห่งนี้” หล่อนถามพลางชม้อยสายตาวิบไหวมองตาเขาด้วยนัยน์ตาหยาดเยิ้มหว่านเสน่ห์เต็มที่ ในมือก็คลึงแก้วทรงสูงที่มีของเหลวสีอำพันไปมาราวกับมันเป็นผิวกายของผู้ชายตรงหน้าก็ไม่ปาน ก็หล่อคมบาดตาบาดใจน่าขย้ำมากขนาดนี้จะไม่ให้เธอรู้สึกรู้สาได้อย่างไร
“เพราะบุคลิกของคุณดูมีสง่าราศี ผมจึงเดาเอาน่ะครับ” ขณะที่ถามสายตาคมกล้าวาววับก็มองไปทางด้านบนเวทีตลอดเวลา เพื่อรอดูว่าเมื่อไหร่เหยื่อสาวของเขาจะโผล่มาสักที นี่ก็หลายนาทีแล้ว หรือว่าเอมฤทัยไม่ได้มาทำงานคืนนี้ แต่ถ้าถามผู้หญิงตรงหน้าเขานี้ หล่อนคงจะให้คำตอบที่เขาพอใจได้
เกศรินทร์แสร้งทำเป็นอายม้วนก่อนที่จะคุยกับเขาต่อว่า “คุณนี่ตาแหลมจังเลยนะคะ เดาเก่งจัง” ทั้งสองต่างยิ้มให้กันอย่างมีความหมาย แต่เป็นคนละความหมายกันแน่นอน
“ผมทราบมาว่าที่นี่มีนักร้องเสียงดีมากที่ชื่อว่าเอมฤทัย ไม่ทราบว่าเธอมาทำงานคืนนี้หรือเปล่าครับ”
เกศรินทร์มีแววไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินเขาถามถึงผู้หญิงคนอื่น แต่หล่อนก็ยิ้มกลบเกลื่อนทันควันจนแทบสังเกตไม่ทันเห็น ว่าหล่อนรู้สึกไม่พอใจ เพราะอาชีพบริการจึงทำให้หญิงสาวสามารถควบคุมอารมณ์ได้ดีเป็นพิเศษ และคงไม่ใช่มีเพียงแค่บุรุษตรงหน้านี้เท่านั้นที่ถามถึงนักร้องสาวที่ชื่อเอมฤทัย ผู้ชายแทบจะทุกคนที่เข้ามาที่ผับแห่งนี้เลยก็ว่าได้ที่ต้องการมานั่งฟังและมองสาวน้อยหน้าหวานเสียงใสร้องเพลงอันไพเราะให้ฟัง
“มาสิคะ แต่ของดีมักตามมาทีหลัง คุณต้องรอหน่อยนะคะ อีกไม่เกินหนึ่งชั่วโมงเธอออกมาแน่นอนค่ะ”
“งั้นหรือ คุณช่วยลัดคิวให้เธอหน่อยได้ไหม ผมใจร้อน”
เจ้าของผับคนสวยยิ้มร้าย มองหนุ่มลูกครึ่งที่ท่าทางกระเป๋าหนักอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะตอบว่า
“ถ้าเกรซทำตามที่คุณต้องการได้ เกรซจะได้อะไรเป็นสิ่งตอบแทนคะ” เพราะเธอเป็นสาวนักธุรกิจ จะทำอะไรให้ใครก็ต้องได้กำไรและผลตอบแทนที่คุ้มค่าเสมอ
แค่มองตาก็รู้ว่าหล่อนต้องการอะไร บลิซเซิร์ดจึงไม่ต้องคิดนาน ก่อนที่จะล้วงเอาธนบัตรปึกหนึ่งที่มีมูลค่ามากพอ มาวางไว้ตรงหน้าม่ายสาว สายตาคู่สวยที่กรีดอายไลเนอร์จนคมกริบเบิกกว้างออกทันทีที่เห็นในสิ่งที่เขาเสนอให้มา และเธอคงโง่มากหากไม่รีบตะครุบเอาไว้
“แค่นี้พอมั้ย” เขาถามสั้นๆ และรู้คำตอบโดยทันทีที่เห็นสายตาพึงพอใจของหญิงสาวส่งมา
“แหมๆ ทำไมจะไม่พอล่ะคะ เอาเป็นว่าอีกไม่เกินสิบห้านาทีนะคะ เกรซจะไปบอกให้เอมมี่เธอเตรียมตัวร้องเพลง” เกศรินทร์รีบลุกออกไปจากโต๊ะทันทีเพราะกลัวว่ามหาเศรษฐีหนุ่มตาคมจะเปลี่ยนใจ
สิบกว่านาทีที่ผ่านไปช้าราวกับสิบกว่าชั่วโมงที่เขาต้องนั่งแกร่วรอหลังจากนักร้องสาวคนหนึ่งเพิ่งร้องเพลงจบลงพร้อมกับเสียงปรบมือเกรียวกราว เมื่อเจ้าหล่อนเดินออกไปจากเวที แสงสว่างของไฟหลากสีก็หรี่ลง ปรากฏแสงไฟวงกลมเจิดจ้าสาดส่องไปตรงกลางเวทีที่มีร่างระหงชวนมองของหญิงสาวคนหนึ่งยืนหันหลังให้
สายตาทุกคู่จับจ้องไปบนเวทีเป็นจุดเดียวที่เรือนร่างสมส่วนงดงามในชุดราตรีเกาะอกสีโอลด์โรส ที่ประดับด้วยเกล็ดเพชรเป็นประกายระยิบระยับ ชุดสวยสั้นแค่ปิดช่วงสะโพกงามงอนเท่านั้นเพื่อโชว์เรียวขาสวยขาวผ่อง หนุ่มๆ เกือบทุกคนตะลึงมองเรือนร่างแสนเซ็กซี่ของนักร้องสาวจนต้องลอบกลืนน้ำลายไม่เว้นแม้แต่บลิซเซิร์ดเอง
เมื่อเสียงดนตรีดังขึ้น เสียงร้องอันไพเราะของนักร้องสาวก็ตามมา บลิซเซิร์ดยอมรับว่าน้ำเสียงของหล่อนช่างหวานไพเราะจับใจเขาจริงๆ และทันทีที่ร่างระหงที่เต็มไปด้วยส่วนโค้งส่วนเว้าไร้ที่ติค่อยๆ หันกลับมา ผู้ชายทุกคนก็ต้องน้ำลายสอไปตามๆ กัน
บลิซเซิร์ดเองก็ตะลึงมองใบหน้าสวยซึ้งตาไม่กะพริบ ชายหนุ่มไม่คิดเลยว่าเด็กผู้หญิงที่เขาตามหาจะกลายมาเป็นเทพธิดาแสนสวยในค่ำคืนนี้ หล่อนสวยกว่าในรูปหลายเท่านัก แต่ถึงหล่อนจะน่ากินไปหมดทั้งตัว เขาก็คงจะกระเดือกผู้หญิงชั้นต่ำอย่างหล่อนไม่ลงหรอก แต่จะให้ลูกน้องของเขาจัดการแทน!
ไม่กี่นาทีต่อมา เมื่อการแสดงจบลง นักร้องสาวสวยก็เดินลงมาจากเวทีตรงไปหาแขกหนุ่มรูปหล่อที่มาม่าซังบอกว่าเธอต้องไปบริการเขาเป็นพิเศษหน่อย
เอมฤทัยเห็นแล้วล่ะ ว่าหนุ่มลูกครึ่งคนนี้มองดูการแสดงของเธอด้วยความสนใจ เพราะแทบจะทุกครั้งที่เธอหันมาสบตาคมๆ ของเขา หญิงสาวก็พบว่าเขามองมาทางเธออยู่ก่อนแล้วอย่างไม่วางตา แต่ทว่าสายตาของเขามันช่างเย็นชานัก และดูเถื่อนๆ จนน่ากลัว แต่เมื่อเป็นคำสั่งของนายจ้างเธอจะปฏิเสธได้อย่างไร
“สวัสดีค่ะ ฉันเอมมี่ค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้อย่างอ่อนช้อย มองสบตาคนตรงหน้าด้วยอาการสำรวมมากที่สุด แม้ว่าภายในใจเริ่มจะประหม่ากับสายตาคมกล้าที่มองมาคล้ายจะชื่นชมหรือดูหมิ่นเธอก็ยังไม่แน่ใจนัก เพราะแสงไฟสลัวในยามค่ำคืนมันอาจจะหลอกตาเธอก็เป็นได้
“นั่งลงสิ” บลิซเซิร์ดสั่งสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงเย็นชา
เอมฤทัยนั่งลงตามที่เขาบอก แต่ดวงตาคู่สวยก็มองสบตาชายหนุ่มนิรนามที่เธอไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนอย่างไม่ไว้ใจนัก ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้ต้องการแค่นั่งดริ๊งก์ หรือแค่ต้องการให้เธอเป็นเพื่อนคุยกันแน่ เพราะท่าทางชองชายหนุ่มแตกต่างจากแขกผู้ชายคนอื่นๆ ที่ผ่านมา เขาไม่ส่งสายตากรุ้มกริ่มมาให้ ไม่ยิ้ม หรือพูดง่ายๆ เขาแทบไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมาเลยมากกว่า
“ท่าทางของคุณคงไม่ได้แค่ต้องการจะให้ฉันมานั่งดื่มด้วยเฉยๆ แน่ ใช่มั้ยคะ”
1 พ่ายปรารถนาเจ้ารัตติกาล 2 กระหายรักใต้เงาจันทร์ 3 พิศวาสหวามข้ามกาลเวลา(ภาคจบ) ร่างสูงเคลื่อนเข้ามาใกล้ชิดรวดเร็ว จับบ่าบอบบางสองข้างเอาไว้แน่น จ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยที่ทั้งกล้าหาญและหวาดหวั่น “คุณเลือกทางของคุณเองนะ ณิชา เกิดอะไรขึ้นอย่ามาโทษผม” “ฉะ...ฉันไม่กลัว” “คุณกำลังกลัวมากที่สุดต่างหากล่ะณิชา” ร่างเล็กถูกกระชากเข้ามาบดจูบด้วยความกระหาย ‘ณิชา ยอดรักของข้า’ เขาไม่พูดคำว่ารักออกมาให้เธอได้ยิน แต่ส่งผ่านความรู้สึกนั้นด้วยเซ็กส์ที่ทรงพลัง... เขาทะยานไปข้างหน้ารุนแรง ตอกย้ำกายใหญ่เข้าหาราวกับจะแทงทะลุให้ถึงจิตวิญญาณ ราตรีนี้ความต้องการทางกายของแวมไพร์หนุ่มจะทวีความรุนแรงขึ้นอีกหลายเท่า เขาหลอกล่อเธอด้วยไฟพิศวาสร้อนแรง เพื่อจะดับไฟแค้นในหัวใจ ส่วนเธอทั้งรักทั้งหลงเขา ไม่อาจห้ามใจสักครั้งเมื่อได้ชิดใกล้ แต่เมื่อรู้ความจริงว่าเขาคือใคร ดวงตะวันจะเลือนหายไปจากเธอและเขาหรือเปล่า วันเวลาหมุนเวียน ทุกสิ่งรอบกายเปลี่ยนผัน มีเพียงดวงจิตที่ผูกพัน ร้อยปีผันผ่านยังเฝ้าคอย ‘เชอร์ลีน ยอดรักของข้า “ไม่ใช่ ฉันไม่ใช่เชอร์ลีน ฉันชื่อกิรณา และฉันไม่เคยไปทำความเดือดร้อนให้ใคร ไม่เคยรู้จักคุณ แล้วคุณจับฉันมาทำไม”
‘ทั้งๆ ที่รักแต่ไม่อาจครอบครอง ของของเขา เธอจะแย่งมาได้อย่างไร’ “เลิกคิดเถอะ คุณไม่เหมาะสมกับผมสักนิด และสเปคผู้หญิงของผมก็คงไม่ใช่เด็กสาวกะโปโลอย่างคุณ กลับไปเรียนหนังสือให้จบแล้วมีคนอื่นไปซะ ไม่ต้องมายั่วผมอีก เข้าใจที่ผมพูดมั้ย” เธอเข้าใจ... จึงเดินวกกลับมาจูบเขาอย่างยั่วยวนอีกครั้งพร้อมกับรอยยิ้มหวาน “ถ้าเรียนจบแล้ว แพรจะกลับมา อย่าเพิ่งแต่งงานนะคะ...” ทว่าเมื่อเรียนจบกลับมาหาเขาอีกครั้ง ได้ใกล้ชิดชายหนุ่มอีกหน ครานี้เธอ ‘ยั่ว’ เขาหนักขึ้น แต่... เธอก็ต้องมาพบกับความร้ายกาจของผู้หญิงของเขา ที่ต้องการจะ ‘เอาเธอให้ถึงตาย!’ ลูกแพรจึงต้อง ‘ร้าย’ กลับบ้าง ‘ร้ายเพราะรัก มันต้องร้ายให้ลึกที่สุด!’
“ผมจะยอมแต่งงานกับคุณก็ได้ แต่ผมมีข้อแลกเปลี่ยนสามข้อ คุณจะยอมรับได้ไหมแต่คุณต้องผ่านการทดสอบของผมในคืนนี้ให้ได้ก่อนนะ แล้วเราค่อยมาตกลงกัน” ความเป็นชายของเขาก็กำลังร้อนเป็นไฟ เธอมองเขาด้วยสายตาวิงวอน เธอกำลังกลัว กลัวมากที่สุด! “อย่ากลัวผมเลยนะ คุณรู้มั้ยว่าคุณน่ารักไปทั้งตัว คุณสวยจนผมอดใจไม่ไหว แล้วก็หอมหวานจนผมแทบจะคลั่งตายอยู่แล้ว” กฤตภพเก่งกาจเกินกว่าที่เธอจะต้านทานไหว เขาใช้ประสบการณ์อันช่ำชองพาให้เธอเคลิบเคลิ้ม และคล้อยตามเขาไปทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าเขาจะดึงขึ้นสวรรค์หรือดิ่งลงนรก เธอก็โบยบินตามเขาไปทุกที่ ตามที่เขาปรารถนา อาภรณ์ชิ้นสุดท้ายหลุดออกจากเรียวขาเมื่อไหร่ไม่ทันได้รู้สึกตัว แต่รู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อเห็นร่างกายกำยำของเขายืนตรงปลายเตียง
ฟรานซิส ฟาร์นองเดซ เจ้าพ่อธุรกิจไวน์รายใหญ่ที่สุดแห่งอัลซาส ประเทศฝรั่งเศส เขาไม่ต่างกับอสูรร้ายที่ร้ายกาจ ป่าเถื่อน เพียงเพื่อจะกำจัด ‘ผู้หญิงที่หวังรวยทางลัด’ อัญญาลิน ทายาทสาวเพียงคนเดียวของเจ้าของบริษัทไวน์เนอรี่ชั้นแนวหน้าของไทย เธอตั้งใจไปเที่ยวฝรั่งเศส เพียงเพื่อจะหาความรู้เรื่องการผลิตไวน์มาบริหารงานช่วยผู้เป็นพ่อเท่านั้น แต่ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอ ‘น้องชายของเขา’ “คุณกำลังเข้าใจผิด” “เปล่า ผมกำลังเข้าใจถูกต่างหาก และผมก็รู้ว่าจริงๆ แล้วคุณเองก็คงแอบมีใจให้ผมไม่น้อย ไม่อย่างนั้นคุณจะยั่วผมท้าทายผม ด้วยการขัดคำสั่งผมเหรอ เพราะคุณก็รู้ดีอยู่แล้วนี่ ว่าเวลาที่คุณขัดคำสั่งผมแล้ว ผมจะลงโทษคุณอย่างไรบ้าง ต้องการแบบนี้ใช่มั้ย ได้...ผมจะจัดให้” ศีรษะดกดำโน้มต่ำลงมาทันที อัญญาลินคิดเสมอว่าฟรานซิสรังเกียจเธอ หญิงสาวอยากจะรู้จังว่า ในสมองของเขาเคยคิดถึงเธอในแง่ดีบ้างหรือเปล่า หรือคิดแต่จะหาเรื่องทำให้เธอเป็นคนผิดที่คิดขัดคำสั่งเขาแล้วหาทางลงโทษเธอตามอำเภอใจ ‘ผู้ชายไม่มีหัวใจ’ อัญญาลินคิดได้แค่นี้ แล้วสติสัมปชัญญะของเธอก็ดับวูบลงทันที “ก็ได้! ในเมื่อคุณไม่เคยเห็นผมเป็นคนดีในสายตา ผมก็จะขอเป็นคนเลวอย่างที่คุณประณามก็แล้วกัน” ฟรานซิสสะกดเสียงต่ำลอดไรฟัน มองหน้าคนดื้อรั้นไม่ยอมฟังเหตุผลด้วยประกายตาแข็งกร้าววาววับ ด้วยอารมรณ์คุกรุ่นผสมผสานกับอารมณ์ปรารถนาของร่างกายที่อัดแน่นมานานแล้ว เขาผลักร่างบอบบางที่มีเพียงผ้าแพรปกปิดร่างกายให้นอนราบลงไปกับที่นอน ก่อนที่จะคร่อมทับร่างของเธอเอาไว้ สวมบทอสูรร้ายบ้ากามทันทีโดยไม่ฟังเสียงร้องอ้อนวอนใดๆ จากหญิงสาวอีกต่อไป
ด้วยอำนาจแห่งมนตรา หรือเพราะพรหมลิขิต ชักนำเธอเข้าสู่อ้อมกอดแห่งรัตติกาล ที่ทั้ง ‘เร่าร้อน’ และ ‘เหน็บหนาว’ ในคราวเดียวกัน ครั้งแรกที่สบตากับเขา ‘รุ้งราตรี’ ไม่รู้ตัวเลยว่าเธอกำลังเผชิญอยู่กับอะไร ทันทีที่ได้ใกล้ชิด โลกทั้งใบก็ดูเหมือนจะหยุดหมุน และแค่เพียงปลายนิ้วสัมผัส เธอก็รับรู้ได้ถึงความน่ากลัวบางอย่าง แต่ทำไมถึงได้หวั่นไหวนัก แค่เพียงจุมพิตแรก หัวใจที่เหมือนถูกแช่แข็งมานานของ ‘แดเนียล’ ก็เริ่มสั่นคลอน แค่จูบเดียวก็เหมาเอาว่า เธอเป็น ‘เนื้อคู่’ ของเขา แล้วใครจะเชื่อ เธอไม่อยากเข้าใกล้เขานัก แต่ความจำเป็นบางอย่าง เธอจึงพาตัวองเข้าสู่ ‘คฤหาสน์ที่น่าสะพรึงกลัว’ เป็นหนที่สอง
“คุณพลประภัทร คุณมันเป็นเจ้าหนี้ที่เผด็จการมากที่สุด ทำไมจะต้องให้ฉันไปถ่ายโฆษณากับหมอนั่นด้วย” ...นายอลัน...นายเป็นญาติฝ่ายไหนของคุณพลประภัทร... แล้วเธอจะรู้หรือเปล่า...ว่าความจริงแล้วสองคนนี้เป็นคนๆ เดียวกัน “คงถึงเวลาที่ฉันจะเริ่มคิดดอกเบี้ยเธอแล้วนะสาวน้อย” “ฉันเกลียดคุณ เกลียดที่สุด คุณมันไม่เป็นสุภาพบุรุษ ออกไปจากตัวฉันเดี๋ยวนี้นะ!” อลันรู้สึกเจ็บแสบขึ้นมาทันที และรู้สึกโมโหคนใต้ร่างมากขึ้น จึงใช้กำลังข่มเหงรุกรานหญิงสาวอีกครั้ง เขาบดขยี้เรียวปากอิ่มสีกุลาบอย่างไม่ปรานี... แล้วเมื่อความจริงปรากฏ สมองของดุจดาวก็พร่าเลือนไปหมด แต่ไฟปรารถนาที่กำลังลุกโชนท่วมร่างแกร่งกำยำของเขา มันกำลังพร้อมที่จะแผดเผาร่างของเธอให้หลอมละลาย อะไรก็หยุดเขาไม่ได้! “คุณพลประภัทร อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ฉันกลัว” “ผมกำลังจะมอบความสุขให้กับคุณ จะกลัวทำไม” แต่คุณกำลังจะข่มขืนฉันอยู่นะ” คนไม่มีทางสู้เริ่มขึ้นเสียง “ผมไม่ได้ข่มขืนคุณสักหน่อย เขาเรียกว่าเรียกร้องสิทธิ์ต่างหาก อย่าลืมสิว่าคุณเป็นลูกหนี้ผม และคุณทำผิดสัญญา คุณก็ต้องชดใช้”
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"