“จูบไม่ได้เรื่อง ยังกับไม่เคยจูบ” เขาถอนริมฝีปากออกห่าง กระซิบถามเธอเสียงแหบพร่า “นี่คุณ!” เธอเม้มปากแน่น อายจนหน้าแดง หน้าร้อนเห่อ หัวใจเต้นผิดจังหวะ “อื้อ...” เธอถูกบดจูบอีกครั้งเมื่อทำท่าจะพูดอะไร ในเวลานี้เขาไม่อยากฟังคำปฏิเสธของเธออีก “นี่คุณ! จะทำแบบนี้ไม่ได้นะ ฉันไม่ยินยอม” เธอดิ้นรนเมื่อเขาจับเธออุ้มพาดบ่า เดินผ่านห้องรับแขกเข้ามาในห้องนอน เขาโยนเธอลงบนเตียงโครมใหญ่ “โอ๊ย! นี่คุณ มันจะมากเกินไปแล้วนะ” “อะไรที่ว่ามากไปไม่ทราบ” เขาปลดกระดุมเสื้อของตัวเองออกอย่างรวดเร็ว รัตนาวดีหันรีหันขวางเพื่อหาทางเอาตัวรอด เธอกลิ้งตัวทำท่าจะลงจากเตียง แต่เขากระโดดขึ้นมาตะครุบเธอเอาไว้ ใช้แขนกันเอาไว้อีกด้าน หญิงสาวกวาดสายตามองหาอะไรสักอย่างที่จะหยุดการกระทำของเขาได้ โคมไฟที่หัวเตียงอยู่ไกลเกินไป “หาอะไรเหรอ อ้อ... โคมไฟ คิดผิดคิดใหม่นะ มันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เขากดมือเธอเอาไว้บนศีรษะ เธอพยายามดิ้น แต่หนทางรอดลิบลับ
“น้องคะ น้อง”
“คะ?” รัตนาวดีหันไปตามเสียงเรียกของรุ่นพี่คนหนึ่ง เธอเป็นคนค่อนข้างสวย แต่งตัวเก่ง แม้จะอยู่ในชุดนักศึกษาเช่นนี้ สีผมของอีกฝ่ายเป็นสีน้ำตาลทองม้วนเป็นลอนตามสมัยนิยม
“น้องชื่ออะไรคะ พี่ชื่อพี่เจี๊ยบนะคะ” พิจิตรายิ้มหวานส่งมาให้
“ชื่องามค่ะ” รัตนาวดีตอบออกไป เธอเป็นแค่น้องปีหนึ่งไม่กล้าแข็งข้อกับพี่ๆ รุ่นพี่เข้ามาทักทายดีๆ เธอก็ควรจะตอบดีๆ ด้วย
“ชื่อน่ารักจัง รู้ไหม เพื่อนพี่คนโน้นน่ะชอบน้องนะ” พิจิตราชี้ไปยังกลุ่มของตน รัตนาวดีมองตามเห็นผู้ชายที่บอกว่าชอบเธอท่าทางดูนักเลง วางก้ามใหญ่โตอย่างไรไม่รู้
“เขาให้พี่มาถามชื่อน้องและขอเบอร์โทรด้วย” พิจิตรารีบบอก
“เอ่อ...” รัตนาวดีอึกอัก
“จริงๆ พี่ไม่อยากมาขอให้หรอกนะ เพราะเพื่อนพี่คนนี้นิสัยเสียมากๆ เลยจ้ะ”
“คะ” รัตนาวดีมองคนตรงหน้างุนงง ตกลงจะมาเชียร์เพื่อนหรือจะมาถล่มกันแน่ แต่ถึงอย่างไรเธอก็อยากเรียนหนังสือมากกว่าจะมีแฟน เพราะคิดว่าการเรียนสำคัญที่สุด
“เพื่อนพี่คนนี้ชื่อพี่ธีจ้ะ แบดบอย เจ้าชู้ คาสโนว่า มีสาวๆ ล้อมหน้าล้อมหลังไม่หยุด แถมยังฟันแล้วทิ้งด้วย”
“คะ!” รัตนาวดีฟังแล้วตกใจ รีบส่ายหน้าไปมา เธอไม่อยากให้แม้แต่เบอร์โทร ทั้งยังไม่อยากรู้จักอีกด้วย
“พี่ถูกชะตากับน้องมากๆ เลยอยากเตือนเอาไว้ แต่พี่ก็แกล้งทำทีมาขอเบอร์น้องให้เพื่อนพี่นะ แต่พี่จะบอกเขาว่าน้องปฏิเสธโอเคไหม หรือน้องจะให้เบอร์เพื่อนพี่”
“ไม่ค่ะ” รัตนาวดีส่ายหน้ายิก
“ดีแล้วล่ะค่ะ น้ำตาจะได้ไม่เช็ดหัวเข่า พี่เตือนเพราะเป็นห่วง ไม่อยากให้น้ำตาเช็ดหัวเข่าเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ขนาดพี่เองมันยังไม่เว้น”
“เพื่อนพี่นิสัยไม่ดี เห็นผู้หญิงเป็นแค่ของเล่นเหรอคะ”
“ใช่จ้ะ แต่ที่บ้านรวยไง พ่อแม่ตามใจเลยนิสัยเสียแบบนี้”
“พี่ช่วยไปบอกเพื่อนพี่ด้วยนะคะว่างามไม่สนใจเรื่องมีฟงมีแฟนหรอกค่ะ งามอยากจะตั้งใจเรียนมากกว่า” เธอสอบติดคณะบริหารธุรกิจ คิดว่าตลาดแรงงานต้องการและหางานทำได้ง่าย ถ้าเรียนจบไปจะได้เลี้ยงดูมารดาคนเดียวให้สบายได้ ทุกวันนี้ท่านต้องนั่งเย็บผ้าหลังขดหลังแข็ง แถมยังมีโรครุมเร้าอีก เธอพยายามหางานพิเศษทำหลังเลิกเรียนหรือทำในวันหยุดเพื่อแบ่งเบาภาระ แต่ในเศรษฐกิจเช่นนี้ข้าวของแพงเหลือเกิน ประหยัดยังไงก็ชักหน้าไม่ถึงหลัง
“ได้สิจ๊ะ แล้วพี่จะบอกให้ น้องไปเถอะ” พิจิตรายิ้มหวานให้อีกครั้ง ก่อนจะเดินกลับไปยังกลุ่มเพื่อนของตน
“ว่าไงเจี๊ยบ” ธีรกรเอ่ยถาม เขาไม่เคยถูกตาต้องใจผู้หญิงคนไหนมากมายแบบนี้มาก่อน น้องปีหนึ่งที่แสนน่ารัก ปากนิดจมูกหน่อย หน้าตาจิ้มลิ้มทำให้เขาเกิดชอบพอขึ้นมาอย่างง่ายดาย
“เสียใจด้วยจ้ะ เขาบอกว่าไม่ชอบนาย แถมยังบอกว่ารังเกียจเสียด้วย ขาอ่อนเขาก็อย่าหวังได้เห็น”
“เฮ้ย!” เพื่อนในแก๊งอุทานพร้อมๆ กันก่อนจะหัวเราะกันยกใหญ่ ธีรกรรู้สึกเสียหน้าอย่างบอกไม่ถูก เกิดมายังไม่เคยโดนปฏิเสธมาก่อน มีแต่ผู้หญิงมาเสนอให้ เขาไม่เคยเป็นฝ่ายรุกผู้หญิงคนไหนมาก่อน แต่หล่อนกลับปฏิเสธเขาอย่างไม่มีชิ้นดี
“เฮ้ย! ไอ้ธี แกก็มีผู้หญิงเยอะแยะ อย่าไปสนใจเลยว่ะ” พิพัฒน์ตบบ่าเพื่อน
“คนอย่างกูมีเหรออยากได้แล้วไม่ได้”
“เขาไม่ชอบก็ยังจะไปตอแย ไม่เสียศักดิ์ศรีหรือไง” พิจิตราพูดขึ้น ก่อนส่ายหน้าไปมาทำท่าทีระอา
“กล้าดียังไงมาปฏิเสธคนอย่างฉัน” ธีรกรหน้าชาเพราะสายตาเพื่อนๆ รู้สึกเหมือนโดนหยามชัดๆ เขาไม่เคยโดนปฏิเสธ และรับไม่ได้จริงๆ
“มีคนปฏิเสธถึงกับรับไม่ได้เลยเหรอวะแก” คมสันต์หัวเราะร่วน
“ฉันไม่ได้จะจีบเล่นๆ แต่คนนี้จะจีบจริงๆ มันถูกตาต้องใจ” ธีรกรพูดจริงจัง
“เขาบอกว่าไม่ชอบคนเจ้าชู้ เขารังเกียจ กลัวติดเอดส์ตาย อย่าได้ไปเฉียดใกล้เขาหรือยุ่งกับเขาเลย เขาขอร้อง แทบจะกราบฉันเลยรู้ไหม” พิจิตราพูดเสียงจริงจัง
“โหย! แรงอะ กล้าดียังไงมาว่าไอ้ธีแบบนี้” มัณฑนาร้องเสียงหลง
“มันจะมากไปแล้ว” ธีรกรโมโหแทบควันออกหู เพื่อนๆ ทุกคนเงียบกริบ ก่อนที่เขาจะลุกหนีออกจากกลุ่มเพื่อน
“อ้าว... ไอ้ธีโมโหหนีกลับบ้านไปแล้ว” เพื่อนๆ อ้าปากค้างเมื่อจู่ๆ ธีรกรก็ลุกหนีไปเสียดื้อๆ
“งั้นฉันไปด้วยดีกว่า” มัณฑนายักไหล่แล้วลุกจากโต๊ะ คมสันต์เลยรีบถือหนังสือให้และตามแฟนสาวไปทันที คมสันต์จีบมัณฑนาตั้งแต่ปีหนึ่งจนขึ้นปีสาม หญิงสาวเห็นความเสมอต้นเสมอปลายและความจริงใจของอีกฝ่ายเลยยอมตกลงปลงใจเป็นแฟนด้วย
“เมื่อกี้เธอพูดจริงเหรอ” พิพัฒน์เอ่ยถามพิจิตรา เขารู้ดีว่าธีรกรขี้โมโห แถมยังโมโหร้าย แต่ถ้าเรื่องไหนจริงจังก็จริงจัง เพื่อนรักเห็นรัตนาวดีแล้วชอบก็อยากทำความรู้จัก แต่คลาดกันเสียทุกครั้ง จนวันนี้พิจิตราอาสาจะไปขอเบอร์โทรให้ ธีรกรเลยรอลุ้นว่าจะได้คุยกับสาวเจ้าหรือเปล่า คือเรื่องชื่อสกุลหรือเบอร์โทรนั้น ก็พอจะหาได้ แต่การให้อีกฝ่ายรู้ว่าอยากได้อยากคุย มันก็มีศักดิ์ศรีกว่าไปแอบเอามาแล้วโทรไปดื้อๆ
ในอดีตเขาคือพี่ชายที่แสนดี แต่ในวันนี้เขากลับหมางเมิน เย็นชา จิกกัดและปากร้าย เธอจึงอยากหลีกหนีเขาไปให้ไกล แต่ทำไมทุกอย่างกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย เธอต้องมาเป็นเลขาของเขา แถมยังต้องมามีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับเขาอีก!
งานแต่งงานที่เกิดขึ้น เพราะผู้ใหญ่ เธอถูกสามีรังเกียจ ก็ให้มันรู้ไปว่าเขาจะเกลียดเธอไปได้สักกี่น้ำ เธอจะแกล้งเขาให้หนำใจ ทำหน้าที่เมียให้สาสมกับที่เขาเกลียด!
เธอแอบชอบเขาเพราะเขาคือพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยเธอเอาไว้ เธอจึงสารภาพรักกับเขาเมื่อเรียนจบและได้เข้าทำงานในบริษัทของเขา แต่เขากลับให้เธอเขียนใบลาออก เธอจึงหนีหายไปจากชีวิตของเขา ได้เจอกันอีกครั้งความจริงก็ถูกเปิดเผย!
เขาเป็นคุณอาของเพื่อน เย็นชา หน้านิ่ง แถมยังดุอีกด้วย ในค่ำคืนหนึ่งที่โดนเพื่อนชายวางยา เขากลับช่วยเธอเอาไว้ แล้วกลายเป็นคุณอาหนุ่มคลั่งรักที่ทำเอาเธอกลายเป็นนางฟ้าตัวน้อย ๆ ในอ้อมแขนแข็งแกร่งอบอุ่นอ่อนโยนของเขา
เธอพลาดท่าเสียทีเขาในค่ำคืนหนึ่ง เขาออกตามหาเธอจนแทบพลิกแผ่นดิน จู่ ๆ ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งอุ้มลูกน้อยมาบอกเขาว่า เขาคือพ่อของลูก แล้วจากไป เขาได้เจอผู้หญิงอีกคน กลับตกหลุมรักเธอในทันที และความลับมากมายที่ถูกเก็บซ่อนก็เปิดเผยออกมาให้เขาได้รับรู้
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มจนฉันต้องลดหนังสือในมือลงชะเง้อคอมองไปที่ถนน “เสียงท่อรถแบบนี้ ผ่านด่านตรวจมาได้ยังไงวะ?” ความรู้สึกแรกหลังได้ยินเสียงแสบหู ท่อไอเสียที่ถูกตัดแต่งเพิ่มเสียงให้ดังมากขึ้น จนทำให้คนที่ได้ยินเกิดความรำคาญ และฉันเป็นหนึ่งในหลายคนที่เบ้ปากร้องยี๋ แต่ฉันอาจจะอาการหนักกว่าคนอื่นนิดหน่อยก็ได้ เพราะฉันกำลังติดพันกับหนังสือนวนิยายที่เพิ่งได้มา มันเป็นหนังสือนิยายทำมือของนักเขียนท่านหนึ่งแต่ติดเรท ที่ฉันพยายามหลบๆ อ่าน เพราะบางทีสายตาของคนอื่นตอนที่มองปกหนังสือก็ทำให้ฉันหงุดหงิดเล็กๆ ฉันคิดในใจทุกครั้งหากสายตาคนเหล่านั้นพุ่งตรงมาที่หนังสือในมือฉัน ฉันซื้อมาด้วยสตางค์ที่หาได้ ไม่ได้ไปใครขโมยใครมา แล้วทำไมล่ะ ความชอบส่วนตัวของฉันจึงไปขัดตาคนอื่น จบเรื่องนั้นกันก่อนเถอะค่ะ เรามาว่ากันต่อด้วยเรื่องที่กำลังเกิดขึ้น ไอ้รถบิ้กไบค์คันนั้นดันมาจอดใกล้ๆ แปลที่ฉันนอนซุ่มอ่านหนังสือเล่มโปรดอยู่นี่สิ!!
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
เจียนเยว่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากจนกระทั่งพบอาของเธอ แต่เธอก็ตกหลุมรักอาของเธออย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ น่าเสียดายที่อาคนนั้นกำลังจะแต่งงาน เลยจัดให้เธอไปต่างประเทศ เพื่อแก้แค้น เธอจึงเรียนวิชาบุรุษวิทยาและหลังจากกลับมาอีกครั้ง เธอก็กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านบุรุษวิทยาที่มีชื่อเสียงที่สุด เชี่ยวชาญการรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ การหลั่งเร็ว ภาวะมีบุตรยาก... คราวนี้คุณอาดันเธอไว้ในห้องนอน "ถ้าอยากดูร่างกายของผู้ชายมาก ก็ช่วยตรวจให้ผมหน่อยสิ" เธอยิ้มอย่างชั่วร้าย และใช้มือปลดเข็มขัดของเขา "มิน่าเล่าขนาดอามีคู่หมั้นแล้ว แต่กลับไม่แต่งงานสักที ที่แท้มันใช้งานไม่ได้สินะ" "จะได้หรือไม่ได้ คุณก็ลองดูเองสิ" "ไม่เลย อาไปหาคนอื่นช่วยดูให้เถอะ"
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"