เขาตกหลุมรักเด็กสาว ม.ปลายใจบุญที่ชอบช่วยเหลือสัตว์ โดยเฉพาะหมาแมวจรจัดข้างถนนเมื่อหลายปีก่อน แม้จะเคยเห็นกันไกลๆ แต่ไม่เคยได้คุยกันเลยสักครั้งเดียว หลายปีต่อมาเขาได้เจอเธออีกครั้ง และครั้งนี้เขาจะมุ่งมั่นที่จะจีบเธอให้สำเร็จ
“คุณหมอช่วยมันด้วยครับ มันโดนรถชน” ตฤณรีบอุ้มสุนัขบาดเจ็บที่โดนรถชนเข้าไปในโรงพยาบาลสัตว์แห่งหนึ่งอย่างรีบร้อน
“ใจเย็นๆ นะคะ เดี๋ยวหมอจะช่วยมันเองค่ะ” เสียงหวานใสก้องกังวลของปิ่นแก้วทำให้ตฤณเงยหน้าจากร่างโชกเลือดของเจ้าสุนัขจรจัดเพื่อมองสัตวแพทย์สาว
ตฤณยืนมองร่างอรชรที่สั่งให้เจ้าหน้าที่รีบพาสุนัขบาดเจ็บเข้าห้องไปด้วยหัวใจเต้นถี่กระชั้น เขาจำเธอได้ เด็กผู้หญิงคนนั้นที่ชอบเอาอาหารไปให้สุนัขจรจัดหิวโหยน่าสงสารที่โดนทิ้งอยู่ข้างถนน
ตฤณนั่งลงที่เก้าอี้หน้าห้องรักษาสัตว์ เขามองบรรยากาศโดยรอบของโรงพยาบาลสัตว์อย่างคุ้นเคย เนื่องจากเขาพาสุนัขและแมวจรจัดมารักษาที่นี่บ่อยๆ
“มันปลอดภัยแล้วนะคะ” เสียงหวานใส เจ้าของใบหน้ารูปไข่หวานละมุนทำให้ตฤณหลุดจากภวังค์ความคิด เขานั่งอยู่ตรงเก้าอี้สลับกับเดินไปมาด้วยความร้อนใจ ด้วยรู้สึกว่ามันนานเหลือเกินกับการเอาใจช่วยให้ชีวิตหนึ่งรอดพ้นความตามไปได้
“ขอบคุณมากครับ” ตฤณยืนขึ้นเต็มความสูงหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร เขายิ้มกว้างให้สัตวแพทย์สาวในทันทีที่ได้ยินเรื่องน่ายินดีนี้
“แต่มันต้องนอนพักรักษาตัวสักระยะก่อนนะคะ” ปิ่นแก้วบอกชายหนุ่มตรงหน้า
“ผมตฤณครับ เรียกสั้นๆ ว่าสองก็ได้” เขาแนะนำตัวเองยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน
“ค่ะคุณสอง ฉันชื่อปิ่นแก้วค่ะ เรียกสั้นๆ ว่าปิ่นก็ได้ค่ะ” เธอยิ้มตอบเขากลับไป ทำไมเธอจะจำเขาไม่ได้กันล่ะ ผู้ชายใจดีคนนั้น เธอเคยเห็นเขาเอาอาหารไปให้สุนัขจรจัดบ่อยๆ แต่น่าแปลกที่เธอกับเขาไม่เคยได้คุยกันเลยสักครั้ง เธอเห็นเขาแค่ไกลๆ ตอนที่เขากำลังจะจากไป
“ผมขอไปเยี่ยมมันหน่อยได้ไหมครับ” ตฤณบอกหญิงสาวตรงหน้า
“ได้สิคะ มันหลับอยู่น่ะค่ะ”
“มันโดนรถชนครับ ถ้าไม่พามารักษาคงพิการเดินลากขาเหมือนสุนัขบางตัว”
“น่าสงสารจังเลยนะคะ แสดงว่ามันเป็นสุนัขจรจัดใช่ไหมคะ”
“ครับ” ทั้งสองเดินมาหยุดหน้าเตียงสุนัขสีดำผ่ายผอม
“คุณตั้งชื่อมันหรือยังคะ” เธอเอ่ยถาม เขาเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ ก่อนจะส่ายหน้าไปมา
“ยังครับ เราเพิ่งเจอกันก่อนหน้านี้ไม่นานครับ หมายถึงผมเจอมัน ตอนโดนรถชนแล้ว”
“งั้นเรามาตั้งชื่อมันกันดีไหมคะ” ปิ่นแก้วพูดยิ้มๆ
“ชื่ออะไรดีครับ” เขาเหลือบมองสัตวแพทย์สาว เธอมีส่วนสูงประมาณหนึ่งร้อยหกสิบห้าเซนติเมตรโดยประมาณ ผิวของเธอขาวอมชมพู ปากอวบอิ่ม คิ้วเรียวสวย แก้มเนียนใสไร้ไฝฝ้าจุดด่างดำ ผมของเธอดำขลับมัดเป็นหางม้าอยู่ด้านหลัง ดวงตาเรียวสวยรับกับคิ้ว จมูกโด่งเล็ก หน้าผากนูนเกลี้ยง เขามองเธอพูดอย่างเพลินตา มองปากสวยที่ขยับขึ้นลงไปมาแล้วเผลอแตะลิ้นเลีย ริมฝีปากเบาๆ ปากน่าจูบจัง...
“คุณสองคะ คุณสอง”
“ครับ” ตฤณหลุดจากภวังค์ความคิดอันแสนสับสนวุ่นวายของตัวเอง หัวใจของเขาสั่นไหวรุนแรง
“ปิ่นถามว่าให้ชื่อเจ้าดำดีไหมคะ มันตัวดำ” เธอพูดติดตลก
“ดีครับ”
“ต้องพักรักษาตัวอีกหลายวันนะคะ คุณสองโอเคไหมคะ”
“โอเคครับ ค่ารักษาพยาบาลผมจะรับผิดชอบทั้งหมดนะครับ”
“ทางโรงพยาบาลจะลดให้พิเศษนะคะ กรณีที่สุนัขตัวนั้นเป็นสุนัขจรจัดและถูกคนใจบุญช่วยเอาไว้”
“ดีจังครับ”
“โรงพยาบาลที่นี่ปิ่นกับพี่ชายช่วยกันสร้างขึ้นมาน่ะค่ะ เราชอบเลี้ยงสัตว์และรักสัตว์ เลยอยากเป็นหมอรักษาสัตว์กันตั้งแต่เด็ก”
“แสดงว่าครอบครัวของคุณเป็นหมอรักษาสัตว์กันหมดเลยเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ ปิ่นมีพี่ชายอีกสามคน ปิ่นเป็นลูกคนเล็กน่ะค่ะ”
“ดีจังครับ”
“ฝนตกหนักเลยนะคะ คุณสองมีร่มไหมคะ” เธอเอ่ยถาม ตฤณส่ายหน้าไปมา
“ไม่มีร่มครับ”
“งั้นเอาร่มของปิ่นไปก่อนนะคะ”
“ขอบคุณครับ เอ่อ... ผมขอเบอร์โทรศัพท์ของคุณปิ่นเอาไว้ได้ไหมครับ คือเอาไว้สอบถามอาการของเจ้าดำน่ะครับ” คนเอ่ยขอพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ยิ้มเขินเพราะใจเขาแอบอยากได้เบอร์โทรศัพท์ของเธอจากสาเหตุอื่น
“ได้สิคะ เดี๋ยวเอาไลน์ของปิ่นไปด้วยนะคะ แล้วก็ของโรงพยาบาลด้วย”
“ผมมีไลน์และเบอร์โทรศัพท์ของโรงพยาบาลแล้วครับ เพราะว่าผมเป็นลูกค้าประจำของที่นี่”
“จริงเหรอคะ ปิ่นเพิ่งเรียนจบมาทำงานน่ะค่ะ แสดงว่าพี่ๆ ของปิ่นก็ต้องรู้จักคุณสองสิคะ”
“ก็คิดว่าแบบนั้นครับ แต่มีลูกค้าเยอะ ผมอาจจะไม่เป็นที่จดจำก็ได้ นะครับ
ในอดีตเขาคือพี่ชายที่แสนดี แต่ในวันนี้เขากลับหมางเมิน เย็นชา จิกกัดและปากร้าย เธอจึงอยากหลีกหนีเขาไปให้ไกล แต่ทำไมทุกอย่างกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย เธอต้องมาเป็นเลขาของเขา แถมยังต้องมามีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับเขาอีก!
งานแต่งงานที่เกิดขึ้น เพราะผู้ใหญ่ เธอถูกสามีรังเกียจ ก็ให้มันรู้ไปว่าเขาจะเกลียดเธอไปได้สักกี่น้ำ เธอจะแกล้งเขาให้หนำใจ ทำหน้าที่เมียให้สาสมกับที่เขาเกลียด!
เธอแอบชอบเขาเพราะเขาคือพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยเธอเอาไว้ เธอจึงสารภาพรักกับเขาเมื่อเรียนจบและได้เข้าทำงานในบริษัทของเขา แต่เขากลับให้เธอเขียนใบลาออก เธอจึงหนีหายไปจากชีวิตของเขา ได้เจอกันอีกครั้งความจริงก็ถูกเปิดเผย!
เขาเป็นคุณอาของเพื่อน เย็นชา หน้านิ่ง แถมยังดุอีกด้วย ในค่ำคืนหนึ่งที่โดนเพื่อนชายวางยา เขากลับช่วยเธอเอาไว้ แล้วกลายเป็นคุณอาหนุ่มคลั่งรักที่ทำเอาเธอกลายเป็นนางฟ้าตัวน้อย ๆ ในอ้อมแขนแข็งแกร่งอบอุ่นอ่อนโยนของเขา
เธอพลาดท่าเสียทีเขาในค่ำคืนหนึ่ง เขาออกตามหาเธอจนแทบพลิกแผ่นดิน จู่ ๆ ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งอุ้มลูกน้อยมาบอกเขาว่า เขาคือพ่อของลูก แล้วจากไป เขาได้เจอผู้หญิงอีกคน กลับตกหลุมรักเธอในทันที และความลับมากมายที่ถูกเก็บซ่อนก็เปิดเผยออกมาให้เขาได้รับรู้
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
รูรักอันบริสุทธิ์เมื่อถูกปลายลิ้นร้อนของชายหนุ่มเป็นครั้งแรกดูเหมือนว่าจะตอบสนองได้เป็นอย่างดี ร่องของนางขมิบรัว สะโพกของนางยกขึ้นยังเด้งเข้าไปหาปากร้อน ฝ่าบาทเก่งกาจยังสามารถแยงลิ้นเข้าไปในรู อันซูเซี่ยถูกทาขี้ผึ้งหอมรอบปากทาง ขี้ผึ้งนี้นอกจากจะมีรสชาติดีส่งเสริมรสน้ำรักของนางแล้วยังมีคุณสมบัติอันวิเศษ แม้จะเป็นหญิงพรหมจรรย์ก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวด และเผลอทำร้ายฝ่าบาทจนบาดเจ็บ อี้หลงดูดแบะขาของนางให้กว้างขึ้นแล้วรวบขึ้นไปให้ขาชี้ฟ้า จากนั้นมุดใบหน้าลงมาอย่างหลงใหล “หอมอร่อยเหลือเกิน รู้สึกเหมือนดื่มสุราไม่เมามาย อ้า ข้าชอบยิ่ง หอยของฮองเฮาช่างใหญ่โต ดูโคกเนื้อโยนีแทบจะล้นริมฝีปากของข้า สีแดงเช่นนี้คงไม่เคยผ่านสิ่งใดมาก่อน บริสุทธิ์ยิ่งนัก ซี้ด” นางดิ้นเร่าอยู่ในปาก ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรนอกจากเชื่อฟังในคำของฝ่าบาท “อืม อร่อยยิ่งนัก อ้า ข้าไม่ไหวแล้วขอดูหน้าฮองเฮาของข้าหน่อยเถิด” ดูเหมือนว่าร่องรักของนางยังขมิบ นางไม่อยากให้เขาเงยหน้าขึ้นจากตรงนั้นด้วยซ้ำ อยากถูกปลายลิ้นเลียเช่นนั้นจนกว่านางจะได้รับการปลดปล่อย “อ้า ฝ่าบาทเพคะ อย่าหยุดเพคะ อื้อ” นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ มี 2 เล่มจบ เป็นนิยายแบบพล็อตอ่อน เน้นฉากรักบนเตียงของตัวละครเป็นหลัก เหมาะสำหรับผู้มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ไม่เหมาะสำหรับสายคลีนใส ๆ นะคะ หากใครไม่ชอบอ่าน NC เยอะ ๆ กรุณาเลื่อนผ่าน เพราะเรื่องนี้เน้น NC เป็นหลักค่ะ ซีไซต์ นักเขียน