แต่ถ้าเธออยากจะฟังอีกฉันก็จะบอกอีกครั้ง ว่าฉันอยากครอบครองเป็นเจ้าของร่างนุ่มนิ่ม...แสนหวาน อยากเห็นใบหน้าแดงๆ เหมือนกับผลทับทิม ดวงตาเปล่งประกายเหมือนดวงดาราบนท้องฟ้ายามมอบบอกกับฉันว่า...ต้องการให้ฉันเป็นส่วนหนึ่ง ปากนี้...” นิ้วยาวลากไล้กดย้ำบนริมฝีปากนุ่ม “ร้องอ้อนวอนขอให้ฉันแปลงกายเป็นปลาใหญ่วนเวียนแหวกว่ายในโถงอุ่นระอุฉ่ำนุ่ม เปล่งเสียงครางๆ หวานๆ ยามกลืนกินโมกข์น้อยไม่ยอมหยุด” โมกข์บอกเสียงกระเส่า ลมหายใจเริ่มหอบพร่า กายแกร่งปวดร้าวกับมือและปากเล็กที่เคลื่อนไหวบางเบาแต่หนักหน่วง “อยากมีร่างนุ่มๆ นอนคลอเคลียแนบชิด และทำให้เตียงนอนฉันร้อนราวกับไฟเผาทุกๆ คืน” เสียงแหบหวานหลุดออกมาจากปากอิ่มนุ่ม สองแก้มร้อนผ่าวจนต้องรีบก้มหน้าหลบสายตาร้อนแรงเต็มไปด้วยความต้องการที่มากล้นเหลือ ดังเช่นมือหนาที่ลูบไล้สร้างความปั่นป่วนวาบหวามทั่วกายน้อยๆ ให้สั่นสะท้านเหมือนนกน้อยบินไปท่ามกลางฝนพรำ
“กรี๊ด...พี่พลทำไมทำแบบนี้กับเปรมล่ะคะ เปรมทำผิดอะไร ทำไมพี่ถึงต้องทิ้งเปรมไปหานังคนใช้นั่นด้วย”
ร่างโปร่งบางเดินเข้าไปหาชายหนุ่มร่างสูงใหญ่
สองมือเรียวจับแขนใหญ่เขย่าและทุบตีอย่างแรงตามอารมณ์ที่ปะทุขึ้น
“พี่ก็รู้ว่ามันไม่คู่ควร มันเป็นเพียงแค่คนใช้ภายในบ้าน”
“ถึงลูกจันทร์เป็นเพียงแค่คนใช้ แต่ก็เป็นคนดีและน่ารัก
ดีกว่าคนบางคนที่หน้าไหว้หลังหลอก คบกันหวังแต่เอารัดเอาเปรียบและผลประโยชน์ส่วนตัว”
ชายหนุ่มร่างใหญ่ตอบกลับอย่างไม่ไว้หน้า ดวงตาดุไล่มองร่างโปร่งบางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างดูถูกดูแคลน
“กรี๊ด...พี่พล เปรมจะฟ้องคุณลุงคุณป้าว่าพี่พลด่าเปรม”
ร่างโปร่งกระทืบเท้าแรงๆ พร้อมเสียงร้องแปดหลอดจนแสบแก้วหู ใบหน้าขาวสวยแดงระเรื่อ
ดวงตาเป็นประกายเจิดจ้าและลุกโชน เต็มไปด้วยความรักและเคียดแค้นที่ไม่ได้อยู่ในความสนใจของชายหนุ่ม
“หยุดได้แล้วเปรมยุดา เธอจะมาแสดงตัวเป็นหญิงปากตลาดที่บ้านฉันไม่ได้
ถ้าเธอยังแสดงกิริยาท่าทางแบบนี้ก็กลับไปซะ บ้านนี้ไม่ต้อนรับ”
“กรี๊ด...”
“คัท”
เสียงกรีดร้องบาดแก้วหูของสาวน้อยร่างอรชรอ้อนแอ้นดังขึ้น
พร้อมกับเสียงนุ่มทุ้มของสารัชผู้กำกับหนุ่มไฟแรงแห่งกองละครเรื่องที่แม้กระทั่งตัวนักแสดงเองก็ยังไม่รู้เลย
เพราะชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของบทประพันธ์และสปอนเซอร์ในการจัดสร้างละครเรื่องนี้ขอไว้
ให้ทุกคนแสดงตามบทที่เขาส่งไปให้เท่านั้น
แต่ก็นั่นแหละ ใครๆ ก็ย่อมจะไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
ขอเพียงผลตอบแทนที่ได้รับดีพอและได้ร่วมงานกับนักเขียนหนุ่มมากฝีมือ แถมยังเป็นสปอนเซอร์รายใหญ่ที่ทุ่มงบไม่อั้นในการจัดทำละครเรื่องนี้
แค่นั้นยังไม่พอ ชายหนุ่มยังเสนอให้ทางทีมงานเข้ามาใช้พื้นที่ในรีสอร์ทเพื่อถ่ายทำละครเรื่องนี้อีกด้วย
ที่เพียงได้เห็น ไม่ว่าใครต่างก็ต้องอึ้ง
ทึ่งและตกตะลึงในความโอ่อ่าหรูหราของสถานที่ และที่สำคัญคือคนบุคคลผู้เป็นเจ้าของอย่างโมกข์
สาระสน ที่ไม่แค่ร่ำรวยหากแต่รูปร่างและหน้าตาจัดเข้าขั้นพระเอกหนังไทยได้อย่างสบายๆ
เลยล่ะ
“คุณโมกข์ขา ลิสาทำได้ดีหรือยังคะ” ชาลิสานางร้ายดาวรุ่งดวงใหม่มาแรงถามเสียงหวานเชื่อม
พร้อมกับร่างโปร่งบางวิ่งกลับมาที่จอมอนิเตอร์อย่างรวดเร็ว
เพื่อหาคนที่เธอถามไปเมื่อครู่ ทั้งที่ความจริงแล้วโมกข์เป็นเพียงแค่นักประพันธ์
ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องการแสดงเลยสักนิด
ร่างอวบอั๋นในชุดนุ่งน้อยห่มน้อยทำเอาผู้คนที่อยู่รายรอบต่างก็กลัวว่า
ไอ้ของที่แม่ให้มาที่ใหญ่โตราวกับส้มโอสองผลนั้นจะหลุดออกมาอวดสายตาให้กับคนในกองถ่ายได้เห็น
แต่ดูเหมือนชาลิสาจะไม่สนใจแม้แต่น้อย เพราะมัวแต่ส่งสายตาหวานเยิ้มและเชิญชวนให้กับโมกข์
ร่างอวบอิ่มเอนตัวไปด้านหน้า หวังให้ชายหนุ่มที่เธอถูกใจ ได้สัมผัสกับความอวบอิ่มเต่งตึงและกลิ่นหอมของเครื่องประทินผิวที่เธออาบลงไป
ก่อนที่จะเข้าฉากอาละวาดใส่พระเอกของเรื่อง ซึ่งกำลังจะทิ้งเธอไปหายายตัวประกอบหน้าใสที่นั่งซับเหงื่ออยู่ไม่ไกล
โมกข์ละสายตาจากการพูดคุยกับสารัชและจอมอนิเตอร์หันมองคนถาม
แต่สายตากลับผ่านไปเห็นหญิงสาวอีกนางที่นั่งทำปากพะงาบๆ เลียนแบบคำพูดชาลิสา
แล้วก็เกิดอาการหมั่นไส้คนที่กำลังทำอยู่เป็นอย่างมาก ดวงตาสองคู่สบกันก่อนที่คนหนึ่งจะทำหน้าหงิกงอใส่แล้วยังเมินหน้าหนี
แค่นั้นยังไม่พอหญิงสาวยังลุกขึ้นและเดินหนีไปอีกทาง
สิ่งที่ได้เห็นทำให้โมกข์หงุดหงิดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เคยมีแต่ผู้หญิงวิ่งเข้าใส่
ใครๆ ก็อยากจะอยู่ในอ้อมกอดเขา
แต่แม่สาวคนนั้น...ที่ดูเหมือนว่าเป็นเพียงนักแสดงตัวประกอบที่เขายังไม่รู้จักชื่อ
ดันทำเหมือนกับว่าเขาเป็นไส้เดือนกิ้งกือที่เธอเกลียดและต้องรีบหนีให้ห่าง
เห็นแล้วมันหงุดหงิดและคันยิบๆ ในใจ แล้วคนอย่างเขาก็ยอมไม่ได้ที่จะให้ผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าทำแบบนี้ใส่ด้วย
แล้วสมองอันฉลาดและแหลมคมก็เริ่มหมุนวนเป็นลูกข่าง
เขาต้องหาทางเข้าใกล้แม่สาวตัวประกอบจอมหยิ่งนั่น และหาทางสั่งสอนให้รู้สำนึกเสียบ้างว่ากำลังเล่นอยู่กับใคร
ใบหน้าคมยิ้มกริ่ม ดวงตาคมดุแวววาวจ้องมองตามเหยื่อสาวแสนสวยอย่างที่คนถูกมองต้องหนาวสั่นในหัวใจถ้าได้เห็น
เพราะมันมีทั้งความดูถูกดูแคลน รังเกียจหยามเหยียด
แต่ก็ซุกซ่อนไว้ด้วยไฟปรารถนาอันร้อนแรง
“คุณโมกข์มองดูอะไรอยู่หรือคะ”
ชาลิสาถามและมองตามสายตาคมไปแต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีสิ่งใดผิดปรกติ
หรือว่ามีใครอยู่ตรงที่สายตาของโมกข์หยุดอยู่สักนิด สองมือเรียวจับใบหน้าคมให้หันมาสนใจตัวเอง
“ว่าไงคะคุณโมกข์ขา ลิสาเล่นดีหรือยังคะ”
หญิงสาวถามย้ำอีกครั้งอย่างต้องการคำชมจากปากเขาให้ชื่นอกชื่นใจ
กายอวบอิ่มเอนตัวลงไปเสียดสีกับกายใหญ่ ทำให้ชายหนุ่มร้อนรุ่มและต้องการได้เธอไปเป็นคนคลายร้อนรุ่มในกายให้
“ไม่ทราบครับ คุณลิสาคงจะต้องถามจากคุณสารัชมากกว่า”
โมกข์ตอบกลับอย่างรำคาญใจและเบื่อหน่าย ถ้าเป็นก่อนที่จะได้เห็นหน้าแม่ตัวประกอบนั่น
เขาก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะปล่อยให้ชาลิสาปลุกเร้าอารมณ์ปรารถนาในกาย
แต่พอได้เห็นใบหน้าสวยหวานนั่น...เขาถึงกับลืมหญิงสาวและผู้หญิงอีกหลายคนที่เคยสนิทชิดเชื้อด้วยไปเสียสนิท
สองมือใหญ่ดันกายอวบอิ่มออกห่าง
สายตายังมองตามร่างบอบบางของแม่สาวตัวประกอบที่หายไปยังซอกหนึ่งของตึกเรียบร้อยแล้ว
ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธตัวเอง ทั้งที่ระยะทางก็ไม่ได้ใกล้เลยสักนิด
แต่ในสมองและสายตากลับเห็นและจดจำใบหน้าของแม่สาวคนนั้นชัดเจนเหลือเกิน
ใบหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโตเป็นประกายวาววับ ล้อมกรอบด้วยขนตายาวงอน
จมูกโด่งรับกับริมฝีปากอิ่มเต็มสีชมพูระเรื่อ ราวกับกำลังเชิญชวนให้เข้าหา
และมอบจุมพิตแสนหวานให้สักครั้งสองครั้งเป็นการเริ่มต้นทำความรู้จักกันและกัน เพียงแค่คิดเท่านั้นกายใหญ่ก็ปวดร้าวด้วยความต้องการ
ชาลิสาหงุดหงิดที่วันนี้โมกข์ไม่ได้เอาใจใส่เธอเหมือนวันก่อนๆ
หรือเพราะตอนนี้มีอะไรกันแล้ว และเขากำลังจะผละจากเธอไปหาผู้หญิงคนใหม่
แล้วดูเหมือนว่าแม่นางเอกหน้าหวานปานระวีที่เข้าฉากวันนี้ก็ให้ท่าชายหนุ่มอยู่เหมือนกัน
ใจดวงน้อยร้อนรุ่มราวกับมีไฟกองใหญ่สุม ใบหน้าแดงขึ้น
หายใจเข้าปอดด้วยความรุนแรง
แพ้ใครเธอไม่ว่าแต่ถ้าต้องแพ้ปานระวีผู้หญิงตีสองหน้าเก่ง ต่อหน้าโมกข์ก็ทำตัวเป็นสาวเรียบร้อยอ่อนหวาน
แต่ลับหลังแล้วแม่ค้าในตลาดที่ปากว่าด่าเก่งยังต้องยอมแพ้เลย
ไม่...ต้องไม่ยอมให้ใครมาแย่งโมกข์ไปได้ ชายหนุ่มที่ทั้งรูปหล่อ
ร่ำรวยและทำงานเก่งแบบนี้ใครๆ ก็อยากได้เป็นเจ้าของ ถ้าเขายอมหยุดที่เธอ
นั่นก็หมายความว่า...สบายไปทั้งชาติเลยทีเดียว
ชิ...นังปานระวี คิดหรือว่าฉันจะปล่อยบ่อเงินบ่อทองให้แกง่ายๆ ไม่มีทางหรอกย่ะ
เมื่อเพื่อนถามถึงสถานะ... "พวกแก...เชี่ย! แล้วไหมล่ะ อย่าบอกกูนะไอ้ลูกเต่า ที่มึงพูดไปวันนั้นเป็นเรื่องจริง มึงด้วยไอ้ยอด...มีผัวเป็นตัวเป็นตนกับเขาด้วยใช่ไหม" "ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยชี้แจงเรื่องของมึงสองตัวกับพี่สองคนให้กูฟังหน่อย...เร็ว ๆ อย่าชักช้าร่ำไร" "คนที่นั่งข้าง ๆ กูชื่อพี่คาย...กูอาศัยอยู่กับพี่เขาแล้วก็คอยดูแลซีโร่ให้" ศรวัณบอกสั้น ๆ เพราะยังไม่ค่อยกล้าบอกสถานะของตัวเอง เขากลัวเพื่อนจะรับไม่ได้ "ช่วยบอกสถานะให้กูรู้ด้วย...แค่แฟนหรือเป็นผัวมึง!"
ก็ไม่ได้คิดหรอกนะว่าวันหนึ่งจะพบเจอกับเรื่องแปลก ๆ แต่เมื่ออยู่แล้วไร้ความหมายไม่มีคนที่รักและรักเรา เขาจึงเลือกที่จะแลกทั้งที่ไม่ได้มั่นใจเลยว่าจะได้พบกับคนที่รักจริงหรือเปล่า แต่ก็ตัดสินใจเลือกไปแล้ว... “อาซวงเป็นของข้าใช่หรือไม่” ก็มิค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่และคิดว่ามิน่าจะมีอะไรมากมาย เก้าเทียนรุ่ยจึงพยักหน้ารับ “ขอรับ” “ถึงเราจะมิได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขเช่นที่ท่านมีกับสหายที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ นอนกลางดินกินกลางทรายมาด้วยกันมาอย่างชิงชวนหรือคนอื่น ๆ หากนับตั้งแต่ที่เราได้พบรวมถึงอยู่ด้วยกัน ข้าก็คิดว่าเราผ่านอะไรมามากมายพอที่จะทำให้ข้ารู้ถึงความรู้สึกที่ตนเองมีต่อท่าน” เก้าเทียนรุ่ยมองสบสายตาเสวียนลิ่วหลางที่มองเขาด้วยความงุนงง ในดวงตามีความสับสนระคนมิแน่ใจ คล้ายจะมีคำถามตามติดมาด้วย ทำให้เขาเผลอยิ้มหวานออกไป เสวียนลิ่วหลางได้แต่ยิ้มด้วยความเขินอาย “ข้าก็มิรู้ว่าจะวางตัวเช่นไรดี พึงพอใจอยากให้เจ้าอยู่ชิดใกล้...หากก็มิอยากบังคับหากเจ้ามิเต็มใจ” “แต่ก็มิอาจทำใจได้หากจะต้องปล่อยมือ” เก้าเทียนรุ่ยเอ่ยอย่างเข้าใจ “เมื่อยังต้องรอให้อาซวงรู้สึกเช่นเดียวกัน นอกจากข้าจะทำให้ผู้อื่นรับรู้แล้วว่าคนนี้...” เสวียนลิ่วหลางจับมือเก้าเทียนรุ่ยมาจูบขณะมองสบเข้าไปในดวงตากลมใสก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มหากเต็มไปด้วยความหนักแน่น “ข้าจอง” “ตะเกียบยังต้องอยู่เป็นคู่ถึงจะใช้กินอาหารได้ หยินก็ยังคู่หยางถึงจะสมดุล เมื่อข้าพบคนที่ใช่ เหตุใดถึงต้องปล่อยมือเล่า”
ความรักไม่ผิด...เรารักเขา เขาไม่รักเรา ก็ไม่ผิด แต่การรอคอยมันย่อมมีระยะเวลาสิ้นสุดลงเมื่อ...ใจเราไม่อาจรอรักจากเขาได้อีกแล้ว มันก็ถึงเวลา...สิ้นสุดยุติการรอคอที่เลื่อนลอยไร้จุดหมาย “นั่นสิคะ หนูดาวก็งงอยู่ ทำไมถึงหนีพี่เหนือไม่พ้นสักที ตั้งแต่หนูดาวตัดสินใจทำแบบนั้นลงไป พี่เหนือทำให้หนูดาวแปลกใจจนงงและสับสนไปหมด” “หือ” “ปกติพี่เหนือจะผลักไสให้หนูดาวไปไกล ๆ ชอบใช้สายตาแบบว่า...ฉันรำคาญเธอนะ เห็นหน้าเธอแล้วมันหงุดหงิดใจมาก จะไปเองดี ๆ หรือจะให้ฉันเตะโด่งเธอไป...ประมาณนี้นะคะ แต่พอหนูดาวเอาแหวนหมั้นไปคืน กลับต้องเจอกับพี่เหนือทุกวัน...และยังอยู่ด้วยกันแทบจะตลอดทั้งวันเลยด้วย ขนาดคิดหนีมาทำงานที่นี่ สุดท้ายยังหนีพี่เหนือไม่พ้นเลยด้วย” “เราคงเป็นคู่เวรคู่กรรมกันละมั้ง ทำยังไงก็หนีกันไม่พ้น เสร็จงานที่นี่ เห็นทีพี่คงจะต้องจับมัดเราให้หนักกว่าเดิม” พันดาวมองแดนเหนืออย่างตื่นตะลึง เรียวปากสีชมพูอ้าค้าง “นี่พี่เหนือ...”
เพื่อน้องสาว เขาจึงหลอกลวงนำตัวเธอมา “คุณโกรธอะไรใครก็ไปเอาคืนกับคนนั้นสิ มายุ่งกับฉันทำไม ปล่อยฉันนะไอ้วายร้าย!” “เผอิญว่าฉันดันอยากได้เธอด้วยผิง ก็เธอมันขาวอวบยั่วยวนราคะใช่ย่อยนิ แค่จับลูบไล้หน่อยเดียวก็พร้อมจะร้อนเป็นไฟแล้ว” ชายหนุ่มลูบไล้ฝ่ามืออุ่นร้อนบนลำตัวกลมกลึง สะกิดเอากระดุมหลุดออกจากรางทีละเม็ดจนหมด จูบอุ่นร้อนทาบทับซุกไซ้ซอกคอขาวผ่อง “ฉันขอร้องนะคุณใหญ่...ถ้าฉันผิดจริง ฉันยอมให้คุณลงโทษได้ทุกอย่าง คุณจะย่ำยีลงทัณฑ์ฉันยังไงก็ได้ ฉันจะไม่ร้องขอความปราณีแม้แต่นิดเดียว จะไม่หนีอย่างที่ทำอยู่ทุกวัน จะไม่คิดไม่เคียดแค้นคุณเลย แต่ถ้าฉันไม่ผิด คุณปล่อยฉันไปนะ...ได้โปรด” “รู้อะไรไหมผิง...ไม่มีผู้ชายคนไหนโง่ยอมปล่อยให้ผู้หญิงสวย ๆ เซ็กซี่ แล้วก็ปลุกเร้าอารมณ์ได้อย่างกับน้ำมันราดลงไปกองไฟให้หลุดรอดมือไปหรอกนะ” แต่ใครจะรู้ล่ะ...ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้น จะนำสิ่งใดมาสู่เขาบ้าง เรื่องหัวใจก็ยังต้องจัดการ เรื่องการงานก็ต้องตรวจสอบหาความจริง
กฎของหมู่บ้าน ทำให้สองศรีพี่น้องต้องเร่งหา...ผัว! ให้ได้ “ตัวสั่นเชียว กลัวหรือจ๊ะฟองจ๋า” “โถ...น่าสงสารจริง เมียของผัว” มือหนาลูบไล้ผิวเนื้อนวลนุ่มลื่นขณะเดียวกันก็เกี่ยวเอาชายเสื้อของหญิงสาวดึงมันออกไปจากกายสาวก่อนจะแนบฝ่ามือลงบนทรวงอกอวบใหญ่ เสียงหวานแหบพร่าดังออกมาจากกลีบปากเล็ก “ร้องได้เลยจ้ะฟองจ๋า ผัวอยากได้ยินเสียงหวาน ๆ ของฟองที่สุด” “โถ่...จะปิดทำไมละจ๊ะสร้อยจ๋า” แม่เจ้าโว้ย! ใหญ่ฉิบหายเลย ใหญ่จนเขาอยากเห็นใกล้ ๆ อยากได้ลิ้มลองรสชาติในตอนนี้เลย “เดี๋ยวเราสองคนจะไม่เพียงแค่ได้เห็นทุกซอก...ทุกมุมของสร้อยแล้ว เราสองคนจะทั้งจับ...ทั้งเลีย แล้วก็อัดกระแทกให้ร่องสวาทของสร้อยแทบพังไปเลยจ๊ะ” ตรวนสวาทนางไพร : ใครกันแน่ที่เป็นผู้ล่า ใครกันแน่ที่เป็นเหยื่อ แน่ใจหรือว่าแพรพลอยคือเหยื่อให้ห้าหนุ่มอย่างพวกเขาเสพสวาทอย่างเร่าร้อน “ไม่เอาอย่างนี้นะโรม...อย่าทำแพรเลยนะ” แพรพลอยร้องห้ามเสียงสั่นพร่าเมื่อรู้ว่าโรมรันจะทำอะไร ไหนจะหนุ่ม ๆ ทั้งสี่ที่ไร้อาภรณ์ปกปิด ทำให้เธอได้เห็นอาวุธของแต่ละคนที่มันช่าง...ใหญ่! ไหนจะคำพูดที่บอกก่อนหน้านี้ที่บอกว่า...จะอัดกระแทกเธอให้ยับ! ทำเอาเธอถึงกับกับหวาดหวั่นไม่ใช่น้อย ยิ่งตอนนี้ทุกคนได้มายืนล้อมรอบเธอแล้วด้วย “พี่ได้ยินไม่ผิดใช่ไหมจ๊ะ...ที่น้องแพรบอกว่าอย่าช้า ให้พวกเรารีบเอาน้องแพรเร็ว ๆ นะ”
เพียงแค่เห็นหน้า เขาก็ถูกใจแล้ว แม้เธอจะมีลูกติดมา เขาก็ไม่คิดที่จะปล่อย ยังคงตามเอาใจลูกสาวตัวน้อยและจีบเธออย่างไม่ลดละ “เย้ เย้ แม่เอาอีกหนุก หนุก เอาอีก เอาอีก” โซดาเริ่มลุยน้ำลงไปกอบทรายที่เปียกน้ำใส่ศีรษะอันนิโต้เรื่อยๆ ไม่ยอมหยุด สิมิลันหัวเราะจนท้องแข็ง อันโตนิโอ้เอาคืนคนอารมณ์ดีด้วยการกอบทรายเปียกใส่ร่างบางบ้าง “ว้าย! เล่นอะไรนะคุณสกปรกจะตาย” “อ้าวที่คุณกับลูกทำผมล่ะ นี่แนะ” มือใหญ่ขยี้ผมบนศีรษะสิมิลัน โซดาเริ่มเอาอย่างสองมืออวบขยี้ผมบนศีรษะมารดาและศีรษะตัวเองจนยุ่งเหยิงและเปียกชื่น แล้วยืนหัวเราะเสียงใสแจ๋ว ดวงตาเป็นประกายสดใส ยิ้มจนเห็นฟันในปากแทบทุกซี่ “ไม่เลิกใช่ไหมคุณเอ โซดารุมพ่อเอเลยลูก” สองมือเล็กเรียวผลักร่างใหญ่ลงนอนบนพื้นทราย พร้อมกอบทรายเปียกชื้นละเลงบนกายแข็งแกร่ง สองแรงแข็งขันสองมือรุมกอบทรายละเลงบนกายหนาใหญ่จนเปียกชื้น ยังไม่พอสองนิ้วเล็กๆ จี้ไปเอวหนาจนชายหนุ่มหัวเราะท้องแข็ง โซดาเองก็เอาอย่างคนเป็นแม่ มือใหญ่ทั้งห้านิ้วจี้เอวแข็งแกร่ง อันโตนิโอ้ก็ไม่ยอมแพ้ มือใหญ่จี้เอวสองแม่ลูกกลับบ้าง เสียงหัวเราะของสองผู้ใหญ่หนึ่งเด็กดังลั่นหาดทรายสีขาว
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
นรีรัตน์ตอบตกลงทำตามสัญญาที่ว่าเธอจะแต่งงานกับชยุดและต้องมีลูกกับเขาภายในเวลาหนึ่งปี มิเช่นนั้น เธอจะต้องสูญเสียทุกอย่างในชีวิตของเธอไป แต่การกระทำมักทำยากกว่าคำพูดเสมอ การที่เธอต้องเผชิญกับการถูกกลั่นแกล้งให้ขายหน้าวันแล้ววันเล่า จนที่สุดเธอหมดความอดทนและไม่อยากจะยอมก้มหัวอย่างคนพ่ายแพ้อีกต่อไป ในวันที่เขาประสบอุบัติเหตุ เธอได้อุทิศเสียสละโดยไม่ได้นึกถึงความปลอดภัยของตนเองเพื่อช่วยชีวิตของเขาไว้ ถึงแม้ว่าในตอนนี้เธอยังคงมีชีวิตอยู่ แต่ในอีกไม่ช้าเธอจะหายตัวไปจากชีวิตของเขา ตราบจนถึงเวลาที่ลูกของพวกเขาเติบโตขึ้นมา และเมื่อถึงเวลานั้นโชคชะตาจะพัดพาให้พวกเขากลับพันผูกกันอีกครั้ง เดิมทีเธอจะกลับไปหาเขาก็ได้ แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะอุทิศทุกสิ่งอย่างเพื่อความรักในตัวเขาอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เธอพร้อมแล้วที่จะต่อสู้เพื่อลูกชายของตัวเอง
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
ทะลุมิติมาในนิยายยุค 80 ว่ายากลำบากแล้วเธอยังต้องมาเลี้ยงลูกแฝดและวางแผนหนีชะตาชีวิตที่นักเขียนระบุให้ตายอย่างทรมานภายใต้เงื้อมมือของพ่อตัวร้ายอีก สวรรค์!ยังจะมีตัวละครทะลุมิติใดบัดซบเท่าเธออีกหรือไม่
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"