ถิ่นจ้องมองร่างน้อยที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงนอนกว้าง เขาถลกผ้าห่มที่คลุมกายของเธอออก พบว่าร่างน้อยของเธอเปลือยเปล่า ไร้อาภรณ์ห่อหุ้ม เขาจึงซุกไซ้เข้าหา เธอบิดกายเร่าๆ ร้องครางด้วยความเสียวซ่าน จิกมือกับผ้าปูเตียงแน่น จนเธอต้องลืมตาตื่น เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง เมื่อเธอตื่นและพร้อมจะดิ้นอยู่ใต้ร่างของเขา เขาก็แยกขาของเธอออกแบบที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว รวิดาร้องครางเสียงหลงเมื่อกายของเขาฝากฝังเข้ามาจนมิดเม้น “เฮีย... พอก่อนค่ะ” รวิดาร้องประท้วง เธอเพิ่งได้นอนไปเอง ตั้งแต่ที่พี่ชายของเธอคดโกงเขา เพราะพี่ชายทำงานให้เขา เขาก็เปลี่ยนไป จากพี่ชายที่แสนใจดีกลายเป็นพี่ชายที่สุดแสนจะใจร้าย พี่ชายของเธอหนีไป พร้อมด้วยการหอบเงินไปก้อนใหญ่ ถิ่นโกรธมาก เขาจึงมาลงเอากับเธอ พี่ชายของเธอทิ้งเธอเอาไว้ให้คอยแบกรับภาระหนี้สินทั้งหมด รวิดาดันหน้าท้องแกร่งของเขาเอาไว้ แต่ถิ่นไม่ได้สนใจ เขาปัดมือของเธอออก พร้อมกดไปกับที่นอนกว้าง อันเป็นสมรภูมิรักที่เขาทำกับเธอตั้งแต่วันแรกที่พาเธอมาอยู่ด้วยกันที่ไร่แห่งนี้
ถิ่นจ้องมองร่างน้อยที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงนอนกว้าง เขาถลกผ้าห่มที่คลุมกายของเธอออก พบว่าร่างน้อยของเธอเปลือยเปล่า ไร้อาภรณ์ห่อหุ้ม เขาจึงซุกไซ้เข้าหา ลามเลียซอกขาด้านในและร่องสวาทของเธอ
เธอบิดกายเร่าๆ ร้องครางด้วยความเสียวซ่าน จิกมือกับผ้าปูเตียงแน่น ถิ่นเลียร่องเยิ้มแดงฉ่ำของเด็กสาวหนักขึ้น จนเธอต้องลืมตาตื่น
เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง เมื่อเธอตื่นและพร้อมจะดิ้นอยู่ใต้ร่างของเขา เขาก็แยกขาของเธอออกแบบที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว ประคองแก่นกายชายเสียดสีกับปากถ้ำสวาทและกดเข้าไปอย่างล้ำลึกมิดเม้น
“อ๊า... เฮีย” รวิดาร้องครางเสียงหลงเมื่อท่อนกายอวบใหญ่ฝากฝังเข้ามาในร่องจนมิดโคน เธออ้าปากค้าง ทั้งเสียวทั้งแน่นไปหมดทั้งร่อง
“เฮีย... พอก่อนค่ะ” รวิดาร้องประท้วง เธอเพิ่งได้นอนไปเอง เขาก็จะเอาเธออีกแล้ว ตั้งแต่ที่พี่ชายของเธอคดโกงเขา เพราะพี่ชายทำงานให้เขา เขาก็เปลี่ยนไป จากพี่ชายที่แสนใจดีกลายเป็นพี่ชายที่สุดแสนจะใจร้าย
พี่ชายของเธอหนีไป พร้อมด้วยการหอบเงินไปก้อนใหญ่ ถิ่นโกรธมาก เขาจึงมาลงเอากับเธอ รวิกรพี่ชายของเธอทิ้งเธอเอาไว้ให้คอยแบกรับภาระหนี้สินทั้งหมด
รวิดาดันหน้าท้องแกร่งของเขาเอาไว้ แต่ถิ่นไม่ได้สนใจ เขาปัดมือของเธอออก พร้อมกดไปกับที่นอนกว้าง อันเป็นสมรภูมิรักที่เขาทำกับเธอตั้งแต่วันแรกที่พาเธอมาอยู่ด้วยกันที่ไร่แห่งนี้
ร่างน้อยของรวิดาสั่นคลอนไปตามแรงโยกของกายหนานัก ถิ่นไม่ได้สนใจว่าเธอจะรู้สึกเช่นไร สิ่งที่เขาปรารถนาในเวลานี้คือการได้แก้แค้น และเสร็จสมอารมณ์หมายกับร่างของน้องสาวอดีตเพื่อนรักที่โกงเงินเขาไม่พอยังพาคนรักของเขาหนีหายไปด้วยกัน
หนีตามกันไปอย่างไม่ละอายใจ ทรยศหักหลังและสารเลวที่สุด!!!
ถิ่นกระแทกกระทั้นจนร่างน้อยร้องครางสุดเสียง เธอครางเสียงหลงแทบจะขาดใจ ก่อนจะเกร็งกระตุกเสร็จสมคาร่างของเขาอย่างรุนแรง
รวิดาร้องครางเสียงสั่น รู้สึกเมื่อยก้นไปหมดเพราะโดนกระแทกข้ามวันข้ามคืนจากเงื้อมือของพี่ชายที่เธอเคยแอบรัก และเขาก็เอ็นดูเธอมากในฐานะที่เธอเป็นน้องสาวของเพื่อนรัก
รวิกรเป็นลูกของคนงานในไร่ของถิ่น แต่เขาเติบโตมาด้วยกัน จนเป็นเถื่อนกัน ถิ่นไม่เคยถือตัว คบกับลูกคนงานได้อย่างถือยศถือศักดิ์ เธอกับรวิกรผู้เป็นพี่ชายเติบโตมาที่ไร่แห่งนี้ จนรวิกรเรียนจบก็กลับมาทำงานช่วยเหลือถิ่นในไร่ ในขณะที่เธอไปศึกษาอยู่ในตัวจังหวัด
“เฮียคะ รวิไม่ไหวแล้วค่ะ” เธอพยายามเอ่ยขอร้องเขา แล้วเขาก็ทำให้เธอกรีดร้องได้ครั้งแล้วครั้งเล่าก่อนจะสลบไป
รวิดาพบเจอกับความโหดร้ายเช่นนี้ตลอดหลายวัน เธอสลบไป เขาก็ไม่สนใจยังเฝ้าวนเวียนปลุกเธอด้วยรสสวาทจากกายชายที่แข็งคึกและฝากฝังเข้ามาในร่องจนเธอปวดร้าวไปหมด
รวิดาฟื้นขึ้นมาอีกครั้งจากการลามเลียของปากร้อน เขาเห็นว่าเธอพร้อมก็เอาอีก เธอร้องไห้จนตาบวม กับความโหดร้ายที่เขาทำกับเธอ
คราบคาวโลกีที่เต็มไปหมดตามหน้าขา ทำให้เธอนอนหอบหายใจอย่างอ่อนแรง เขาอุ้มเธอไปอาบน้ำ ความรู้สึกของการได้เจอกับสายน้ำเย็นๆ ทำให้เธอสดชื่น พร้อมๆ กับความปวดแสบไปตามร่องสวาท
เธอกัดฟันยอมรับมันว่ามันเกิดขึ้นแล้ว ถิ่นเหมือนจะคลายจากความโกรธเกรี้ยวลงไปมากในหลายวันนี้ หลังจากที่เขาได้ระบายอารมณ์กับเธออย่างสาสมใจ
ถิ่นเป็นคนโมโหร้าย เธอรู้ข้อนี้ดี จะโทษเขาคนเดียวก็ไม่ได้ เพราะพี่ชายของเธอทำร้ายเขาก่อน
“เฮียถิ่นคะ”
“ทำไม” เสียงเย็นชาแข็งกระด้างของเขาทำให้เธอสะดุ้ง ก่อนจะใจกล้ารวบรวมจิตใจเจรจาต่องรองกับเขา
การได้ลุกจากเตียงที่ถูกเขาย่ำยี ได้อาบน้ำอาบท่าและกินอาหารจนอิ่ม ทำให้เธอพอจะมีแรงกายแรงใจขึ้นมาบ้าง
“รวิจะพยายามหาเงินมาใช้หนี้เฮียนะคะ”
“หนี้ของพี่ชายเธอมันหลายล้านเลยนะ ที่สำคัญมันหยามฉันขนาดนี้ พาคนรักของฉันหนีตามไปด้วย” เขากำลังจะแต่งงานกับแก้วตา รวิดารู้ข้อนี้ดี
แก้วตาเองก็เป็นเพียงแค่ลูกสาวคนงานในไร่ ก่อนที่บิดามารดาของเธอจะจากไป ทิ้งให้แก้วตาเป็นกำพร้า แก้วตามีนิสัยอ่อนโยน อ่อนหวาน ทำอาหารเก่ง และกำลังจะเป็นนายผู้หญิงของที่นี่ ถ้าไม่เกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน เธอเองก็เสียใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างถิ่น แก้วตาและพี่ชายคนเดียวของเธอ
เธอไม่เคยรับรู้มาก่อนเลยว่ารวิกร พี่ชายของเธอจะแอบชอบพอกับแก้วตาจนถึงขั้นหนีตามกันไปแบบนี้
“รวิจะพยายามค่ะ”
“เธอจะทำอะไร เรียนหนังสือยังไม่จบ” ใช่ เธออายุแค่สิบแปด เพิ่งจบมัธยมหกมาหมาดๆ ยังตัดผมสั้นเสมอหูอยู่เลย แถมยังไม่ได้เรียนต่อเพราะพี่ชายทิ้งเธอไปหน้าตาเฉย เขาทิ้งเธอไปกับแก้วตา พี่ชายของเธอเลือกที่จะทิ้งทุกอย่างที่นี่ไปกับผู้หญิงคนนั้น
“รวิคิดว่าจะหางานทำค่ะ” เขาฟังนิ่งเหมือนไม่เชื่อน้ำหน้าอย่างเธอ ก็ใช่น่ะสิ เธอจะไปทำงานอะไรได้ ให้ได้เงินหลักล้านมาปลดหนี้ที่มีอยู่ของพี่ชาย
“แนะให้อีกอย่าง”
“คะ”
“ขายตัวใช้หนี้ฉัน แต่ให้ครั้งละห้าร้อยนะ ลีลาไม่ได้เรื่อง นอนนิ่งเหมือนท่อนไม้” ประโยคของเขาทำให้เธอชาไปหมดทั้งร่าง ไร้ค่าไร้ราคาสำคัญเขา นี่คือสิ่งที่เธอได้ตระหนักในความสัมพันธ์อันแสนเปราะบางของเขา
“รวิทำงานได้ทุกอย่างนะคะ งานบ้านก็ได้ งานในไร่ก็ได้” เธออาสาอย่างอาจหาญ คนอย่างเธอไม่เคยคิดที่จะงอมืองอเท้าอยู่แล้ว
“ก็ดี ทำให้ได้อย่างที่พูดแล้วกัน” เขามองอย่างไม่เชื่อถือ ใบหน้าของเขาเย็นชา และน้ำคำของเขาทำให้เธอจุกไปถึงอก
ถิ่นเป็นคนเย็นชา พูดคำไหนคำนั้นเธอรู้ดีว่าเขาไม่ได้มีนิสัยสนุกเฮฮาเหมือนพี่ชายของเธอที่ค่อนข้างเจ้าสำราญ ดังนั้นสิ่งที่เขาพูดมันออกมา เขาก็คิดแบบนั้นจริงๆ
นอกจากงานบ้านงานเรือนแล้ว งานในไร่เธอก็ไม่เกี่ยงงอน เขาไม่ได้สนใจไยดีว่าเธอจะมีชีวิตเช่นไร ขอแค่ทำงานใช้หนี้เป็นพอ หนี้สินที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะจบจะสิ้น
“อุ๊ย! เฮีย มีอะไรคะ” เธอร้องเสียงหลงเมื่อเขากระชากแขนของเธอขึ้นจากการดายหญ้า ใบหน้าของเขาดูไม่สบอารมณ์อะไรสักอย่าง
“เธอจะหว่านเสน่หาไม่เลิกอย่างนั้นเหรอ”
“อะไรกันคะ”
“คนงานในไร่ตีกันแย่งเธอ สรุปว่าไปอ่อยผู้ชายหน้าไหนถึงได้อยากได้เธอทำเมียนัก”
“รวิไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะคะเฮีย”
“อ้อ... เหรอ แสดงว่ามันหาเรื่องต่อยกันเองเพื่อแย่งเธออย่างนั้นเหรอ” เขาทำเสียงเยาะคนตรงหน้า
“รวิ! ว้าย!” หญิงสาวร้องเสียงหลงเมื่อถูกกดไปกับพื้นหญ้า ร่างหนาหนักของเขาถาโถมลงมาอย่างรุนแรง
“จะดีดดิ้นร้องแรกแหกกระเชอให้คนมาดูว่าเราทำอะไรกันหรือไง หรือเธอชอบโชว์” ถิ่นเอ่ยถามเสียงกร้าว ในขณะที่ซุกไซ้เข้าหาซอกคอของหญิงสาว
“เฮียคะ ตรงนี้ อื้อ... เดี๋ยวมีคนมาเห็นเข้า” เธอร้องบอกเขาอย่างอดสูใจ เขาทำเหมือนกับเธอยิ่งกว่าดอกไม้ริมทาง แต่มันไร้ค่ามากกว่านั้น คิดจะข่มเหงอย่างไรก็ทำได้อย่างใจ เธอเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆ ไร้ที่พึ่ง ไม่มีที่ไป ไร้ญาติขาดมิตร เหมือนลูกไก่อยู่ในกำมือของเขา จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด
“เฮียอย่าดูดคะ” เขาดูดซอกคอของเธอ ทำให้เธอต้องร้องประท้วง ขืนเขาทำแบบนี้อีก เธอคงได้อับอายกว่านี้เป็นแน่ เพราะมันจะทิ้งร่องรอยเอาไว้
ถิ่นไม่ได้สนใจว่าหญิงสาวจะประท้วงหรือจะเป็นเช่นไร สิ่งเดียวที่เขาต้องการก็คือจัดการน้องสาวคนทรยศให้สาสม
รวิดาขัดขืนในคราแรก ก่อนที่เธอจะเริ่มอ่อนระทวย มือหนาหยาบกร้านของถิ่นลูบไล้ไปทั่วผิวกายผุดผ่องของเด็กสาว เธอสะท้านทุกครั้งที่เขาลากมือผ่าน พร้อมทั้งริมฝีปากร้อนที่ขบเม้มไปทั่ว
เธอแอบชอบเขาเพราะเขาคือพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยเธอเอาไว้ เธอจึงสารภาพรักกับเขาเมื่อเรียนจบและได้เข้าทำงานในบริษัทของเขา แต่เขากลับให้เธอเขียนใบลาออก เธอจึงหนีหายไปจากชีวิตของเขา ได้เจอกันอีกครั้งความจริงก็ถูกเปิดเผย!
เขาเป็นคุณอาของเพื่อน เย็นชา หน้านิ่ง แถมยังดุอีกด้วย ในค่ำคืนหนึ่งที่โดนเพื่อนชายวางยา เขากลับช่วยเธอเอาไว้ แล้วกลายเป็นคุณอาหนุ่มคลั่งรักที่ทำเอาเธอกลายเป็นนางฟ้าตัวน้อย ๆ ในอ้อมแขนแข็งแกร่งอบอุ่นอ่อนโยนของเขา
เธอพลาดท่าเสียทีเขาในค่ำคืนหนึ่ง เขาออกตามหาเธอจนแทบพลิกแผ่นดิน จู่ ๆ ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งอุ้มลูกน้อยมาบอกเขาว่า เขาคือพ่อของลูก แล้วจากไป เขาได้เจอผู้หญิงอีกคน กลับตกหลุมรักเธอในทันที และความลับมากมายที่ถูกเก็บซ่อนก็เปิดเผยออกมาให้เขาได้รับรู้
เธอต้องหมั้นหมายกับหลานชายของเขา แต่เพราะประสบอุบัติเหตุทำให้เกิดผลข้างเคียงกลายเป็นผู้หญิงอ้วนสุดแสนอัปลักษณ์ หลานชายของเขาจึงขอถอนหมั้น แต่เธอไม่คิดว่าเขาผู้มีศักดิ์เป็นอาจะเป็นคนหมั้นหมายกับเธอแทน คุณอาหนุ่ม เพื่อนรุ่นน้องของบิดามารดาที่เธอแอบชอบมานานหลายปีแล้ว ในที่สุดจะได้เป็นสามีของเธอจริงๆ
พิมพ์ลภัสโดนมารดาเลี้ยงกับน้องสาวใจร้ายโยนออกจากบ้านท่ามกลางสายฝน และโพทะนาไปว่าเธอหนีตามผู้ชายไป เพื่อทำลายชื่อเสียงของเธอ กลับมาอีกครั้ง พิมพ์ลภัสจึงเปลี่ยนจากบทนางเอกกลายเป็นนางร้ายเอาคืนคนที่ทำเอาไว้กับเธออย่างสาสม!
หวังจื่อหลินอ่านนิยายจบด้วยความโมโหที่นางเอกในนิยายโดนทำร้ายจนตาย เธอเดินข้ามถนนไม่ทันระวังจึงโดนรถชน หลิวเหวินจงเพื่อนชายคนสนิทที่แอบรักเธอจึงเข้ามาช่วยเอาไว้ แต่ทั้งสองก็โดนรถชนอยู่ดี สองหนุ่มสาวกลายเป็นเจ้าชายและเจ้าหญิงนิทรานอนหลับไม่ฟื้น แต่ขณะเดียวกันก็ทะลุมิติเข้าไปอยู่ในนิยายเล่มที่ตัวเองอ่าน และเข้าไปแก้ไขสถานการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นให้แปรเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น
อวิ๋นหลาน นักฆ่าอันดับหนึ่งแห่งศตวรรษที่ 25 ได้ข้ามภพและเกิดใหม่ในร่างของหญิงสาวผู้ไร้ประโยชน์ซึ่งมีชื่อเดียวกันในจวนเทพเจ้าแห่งสงคราม รากวิญญาณถูกทำลายไป? บำเพ็ญวิชาไม่ได้? คู่หมั้นถอนหมั้น? ทุกคนหัวเราะเยาะนาง? การควบคุมอสูร ยาพิษ ยาลูกกลอนปีศาจ อาวุธลับ...นางจัดการได้อย่างสบายๆ อดีตผู้ไร้ค่า แต่บัดนี้มาแก้แค้นชาาเจ้าชู้ เอาคืนทุกคนที่รังแกตนเอง ได้ประสบความสำเร็จ และขึ้นไปสู่จุดสูงสุด ผู้แข็งแกร่งอย่าคิดจะทำอะไรตามใจ ผู้อ่อนแออย่าท้อแท้ กล้ามารุกรานข้า งั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือนก็แล้วกัน เขาเป็นจ้าวแห่งอาณาจักรปีศาจ ชอบเอาใจนาง นางฆ่าคน เขาช่วยปิดปาก นางทำลายศพ เขาช่วยกำจัดหลักฐาน เขายอมทำทุกอย่างเพื่อนาง ชีวิตนี้ยอมร่วมทุกข์ร่วมสุขไม่ทอดทิ้งกัน
เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"
เจียงซุ่ยแต่งงานกับยู่จินเฉินมาเป็นเวลาสามปี เธอยอมทำงานบ้านทุกอย่างเพื่อเขา ทั้งซักผ้า ทำอาหาร และถูพื้น แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้หัวใจของเขาสลายลงได้ เธอเริ่มตระหนักและตัดสินใจหย่ากับผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจมาเป็นเวลาสามปี เพื่อให้เขาได้ไปอยู่กับผู้หญิงที่เขารักจริง หลังจากที่เธอหย่าแล้ว คนในแวดวงไฮโซล้วนรอดูเรื่องตลกของเธอและล้อเล่นกับเธอว่า"เจียงซุ่ย ทำไมถึงหย่ากับคุณยู่น่ะ" เจียงซุ่ยยิ้ม"เพราะฉันจะกลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลไง ผู้ชายอย่างเขาไม่คู่ควรกับฉันหรอก" อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเธอ วันรุ่งขึ้น ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในโลกปรากฏตัวในข่าวและกลายเป็นว่าเป็นภรรยาเก่าขอยู่จินเฉินด้วย ทุกคนล้วนตกตะลึงไปหมด เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้งหลังจากการหย่าร้าง ยู่จินเฉินมองไปที่ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดคนนั้นซึ่งกำลังถูกรายล้อมไปด้วยหนุ่มหล่อไฮโซมากมาย ใบหน้าของเขาก็มืดมนลงทันที "คุณเจียง คุณรวยขนาดนี้ ควรหาแฟนที่มีฐานะเสมอกันสิ อย่างผมนี่ ผมยอมให้ทุกอย่างที่ผมมีให้คุณนะ"
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
เดิมทีนางเป็นทายาทของตระกูลแพทย์เทพ แต่จู่ๆ นางก็กลายเป็นบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีที่พ่อไม่สนใจใยดีและแม่ก็เสียชีวิตตั้งแต่ยังนางยังเด็ก ในวันที่นางย้อนยุค นางถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ร้ายตัวจริงที่สังหารฮูหยินจวนโหว นางพยายามพลิกผัน พลิกสถานการณ์ และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง นางคิดว่าภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นจบลงแล้ว แต่นางไม่รู้ว่าสิ่งที่นางจะต้องเผชิญคือเหวอันไม่มีที่สิ้นสุด เป็นถึงบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีกลับมีอันตรายอยู้รอบตัวมากมาย ทุกคนก็รังแกนางได้ พ่อไม่สนใจนางจะเป็นหรือจะตาย แม่เลี้ยงและน้องสาวต่างแม่สนุกกับการทรมานนาง คู่หมั้นชั่วร้ายของนางอยากจะใช้นางเป็นประโยชน์เพื่อขึ้นไปที่สูง และแม้แต่น้องชายแท้ๆ ของนางยังทรยศนาง นางจึงเริ่มต่อสู้กับคนเจ้าเล่ห์ ข่มเหงแม่เลี้ยงของนาง และดูแลน้องชายและน้องสาวของนาง ดังนั้นนางวางแผนที่จะเล่นงานผู้ชายชั่ว เอาคืนแม่เลี้ยง และแก้แค้นน้องๆ ระหว่างที่นางแก้แค้นนั้น นางมีชีวิตที่มีความสุข แต่กลับไม่รู้ว่าไปยั่วยุคนใหญคนหนึ่งเข้าเมื่อไร เมื่อนางจะทำเรื่องไม่ดีหรือฆ่าคน เขาก็ช่วยนางหมด ในที่สุดนางก็อดไม่ได้ที่ถามออกมาว่า "ท่าน แม้ว่าข้าจะทำลายโลกที่ไม่มความยุติธรรมนี้ ท่านก็จะช่วยข้าเช่นกันหรือ" เขาทำหน้าใจเย็น "ตราบใดที่เจ้าอยู่เคียงข้างข้า แม้ว่าจะเป็นโลกใบนี้ ข้าก็สามารถให้เจ้าได้"
หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง