เพราะอุบัติเหตุสิบสองครั้งในระยะเวลาหนึ่งเดือนทำให้ พิมนรา เต็มไปด้วยความสยดสยองและขวัญกระเจิง หมอดูคือที่พึ่งหนึ่งเดียวที่คิดได้ ณ ตอนนั้น แต่คำทำนายที่ได้รับกลับทำให้ยิ่งตกใจ “หนูชะตาขาด ไม่มีหัวแล้วนะตอนนี้น่ะ” “แล้วหนูจะ... จะทำยังไงดีคะ หนูยังไม่อยากตาย” “มีผัว” “มีผัว?!” “ใช่ ต้องมีภายในคืนนี้ด้วย หลังออกจากตำหนักของแม่ไป ผู้ชายคนแรกที่พูดกับหนู เขานั่นแหละคือคนที่จะช่วยหนูได้ จับทำผัวให้ได้ก่อนเที่ยงคืนนะ” มหาเศรษฐีเพลย์บอยหมื่นล้าน ลีโอนาโด เด รอสซี ผู้ชายที่มีผู้หญิงล้อมหน้าล้อมหลังตลอดเวลา แต่จู่ๆ กลับต้องมาซวยเมื่อถูกผู้หญิงจืดชืดคนหนึ่งปลุกปล้ำจับทำสามี ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้เต็มใจจะถูกปล้ำเลยสักนิด และที่ร้ายยิ่งกว่านั้น... เช้ามาแม่คุณแม่ทูนหัวกลับหนีหายไปอย่างไร้ร่องรอย นี่เพลบอยย์อย่างลีโอนาโด เด รอสซี ถูกฟันแล้วทิ้งจริงๆ เหรอ?! และทุกอย่างมันก็คือจะเลือนหายไปตามกาลเวลา หากเขากับยายผู้หญิงเฉิ่มแต่ร้อนราวกับไฟป่าคนนั้นจะไม่ต้องมาเกี่ยวข้องกันอีก ในฐานะเจ้านายกับลูกน้อง!
โด่งดัง การบัญชีและทนายความ ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวงของประเทศไทย ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของ นางสาวพิมนรา ใจสู้ นักบัญชีสาวไฟแรงที่เพิ่งเรียนจบจากรั้วมหาวิทยาลัยชั้นนำของเมืองไทยมาได้เพียงแค่หกเดือนเท่านั้น
“น้องพิม...ลงบัญชีบิลค่าใช้จ่ายของบริษัทฯ เฮียอ๋าเสร็จหรือยัง”
พิมนราที่กำลังก้มหน้าก้มตาคีย์ข้อมูลอยู่เงยหน้าขึ้นทันที “ได้ค่ะพี่ดา แป๊บนะคะ” หญิงสาวลุกขึ้นแล้วรีบหยิบเอกสารให้กับดาริกาหัวหน้าของตัวเอง
“ขอบใจมากจ้ะ นี่ถ้าไม่มีน้องพิมพี่คงยุ่งมากกว่านี้แน่”
หล่อนยิ้มหน้าเจื่อนให้กับดาริกา อยากจะบอกออกไปเหมือนกันว่าหล่อนเองก็งานยุ่งจนหัวฟู วันๆ แทบไม่ได้กินข้าวเหมือนกัน
“พิมว่าถ้าพี่ดารับพนักงานเพิ่มอีกสักคนสองคน พี่ดาก็น่าจะไม่ยุ่งขนาดนี้นะคะ”
ดาริกาส่ายหน้าน้อยๆ “ไม่เอาหรอก จ้างมาอีกก็ต้องจ่ายเงินเพิ่มน่ะสิ พี่กับน้องพิมก็ทำกันมาได้ตั้งหลายเดือนแล้ว ทำต่อไปเรื่อยๆ งานคงอยู่ตัวเนอะ น้องพิมว่าไหม”
พิมนราทำได้แค่ยิ้มน้อยๆ แล้วหมุนตัวเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานรกๆ ของตัวเองตามเดิม
“เออ...น้องพิม เย็นนี้ส่งบันทึกตัดราคาค่าเสื่อมให้พี่ด้วยนะ”
คนฟังถอนหายใจฟืดฟาดกับงานที่หนักเกินกว่าค่าแรงที่ได้รับ “ได้ค่ะพี่ดา เดี๋ยวก่อนกลับบ้านพิมจัดการให้ค่ะ”
“ขอบใจมากจ้ะ อ้อ มีอีกเรื่องหนึ่ง บัญชีลูกหนี้น่ะจ้ะ ส่งให้พี่พร้อมกันเลยนะ เย็นนี้”
หล่อนยิ้มบางๆ อีกครั้ง รู้สึกว่าสมองหนักอึ้งจนแทบจะทำงานต่อไปไม่ไหว
“ได้ค่ะพี่ดา”
“ขอบใจจ้ะ เดี๋ยวปีหน้าพี่จะปรับเงินเดือนให้”
พิมนรายิ้มกว้างทันที เพราะรอฟังประโยคนี้มานาน
“ขอบคุณมากค่ะพี่ดา”
“สักห้าร้อยเป็นไง พอไหม”
จากที่ยิ้มกว้างอยู่ค่อยๆ หุบลงทีละนิดจนแทบไม่มีเหลือ
“แล้ว...แล้วแต่พี่ดาจะเห็นสมควรเถอะค่ะ”
“งั้นห้าร้อยเนอะ กำลังดี”
ดาริกาตอบเองเออเองเสร็จสรรพ ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปโทรศัพท์ที่ด้านนอกสำนักงาน
พิมนราถอนหายใจออกมาอย่างเหน็ดเหนื่อย สำนักงานบัญชีที่นี่มีหล่อนกับดาริกาอยู่แค่สองคน เพราะคนเก่าสองคนพร้อมใจกันลาออกไป งานทุกอย่างเลยถาโถมเข้ามาใส่หล่อนเต็มๆ
หล่อนไม่ใช่คนขี้เกียจ ไม่ใช่คนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ หล่อนทำงานอย่างสุดความสามารถ ไม่เคยเอาเวลาทำงานไปคุยโทรศัพท์หรือเล่นเฟซบุ๊ก แต่งานที่มีมันมากเกินไป แถมดาริกาก็ไม่ยอมรับคนเพิ่มสักที
หญิงสาวขยับตัวลุกขึ้นยืน แล้วเดินเข้าไปชงกาแฟภายในห้องครัว แต่แล้วก็ล้มครืนลงไปกองกับพื้น หน้าคว่ำลงกับกระเบื้องแข็งๆ เต็มแรง หน้าผากของหล่อนมีเลือดซึมทันที
“โอ๊ย...”
หล่อนขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ยกมือขึ้นกุมหน้าผากที่เจ็บระบมแล้วน้ำตาก็ไหลซึมออกมา
“ทำไมต้องซุ่มซ่ามแบบนี้ด้วยนะ”
“ตายแล้วน้องพิม หกล้มอีกแล้วเหรอจ๊ะ”
อาจเป็นเพราะหล่อนล้มเสียงดัง ดาริกาที่โทรศัพท์อยู่ด้านนอกถึงได้ยิน หญิงสาวรีบตรงปรี่เข้ามาหา และมองไปที่รอบๆ ตัวของพิมนรา
“โชคดีนะไม่มีของเสียหาย”
พิมนราเคยชินกับคำพูดของดาริกาแล้ว ทำให้หล่อนไม่คิดจะโมโหในความใจแคบของเจ้านาย
“ว่าแต่หน้าผากโนนะนั่น ไปทำแผลคลินิกใกล้ๆ ไหม พี่จะพาไป”
“ขอบคุณค่ะพี่ดา แต่พิมไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวทำแผลที่นี่ก็ได้ค่ะ”
ดาริกาส่ายหน้าดิก “ไม่ได้หรอกจ้ะ ที่นี่ไม่มีกล่องปฐมพยาบาล”
“แต่พิมเห็น...”
“กล่องนั้นเป็นของพี่คนเดียว สำหรับเจ้าของสำนักงานน่ะจ้ะ”
หล่อนได้แต่อ้าปากค้าง มองดาริกาอย่างอ่อนอกอ่อนใจ
“ค่ะ...พิมเข้าใจแล้วค่ะ”
พิมนราพยุงตัวเองลุกขึ้นยืน โดยมีดาริกาผู้ขี้เหนียวขยับเข้ามาให้ความช่วยเหลือ
“พี่ว่าน้องพิมต้องไปทำบุญล้างซวยเสียบ้างนะ”
หล่อนมองหน้าดาริกาอย่างตกใจ
“เพราะตั้งแต่ต้นเดือนมาจนถึงปลายเดือน พี่เห็นน้องพิมหกล้มบ้าง ชนนู่นนั่นนี่บ้างมาเกือบสิบครั้งแล้วนะ มันไม่ปกติแล้วล่ะ”
พิมนราว่าจะไม่รับฟัง แต่พอได้ยินก็ใจคอไม่ดีขึ้นมาดื้อๆ
“สิบเอ็ดครั้งแล้วค่ะ”
“นั่นไง เกินสิบครั้งอีกต่างหาก พี่ว่าน้องพิมไปให้พระท่านรดน้ำมนต์หน่อยดีกว่า หรือไม่ก็ไปทำสังฆทานให้เจ้ากรรมนายเวร หนักจะได้กลายเป็นเบา”
คราวนี้หล่อนที่นิ่งงันรับฟังอยู่หน้าซีดเผือด “มัน...จะร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอคะพี่ดา”
ดาริกาจ้องหน้าหล่อน
“พี่มีเพื่อนสมัยประถมคนหนึ่งนะ ก่อนตายก็มีอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ แบบน้องพิมนี่แหละ พี่บอกให้ไปรดน้ำมนต์ไปทำบุญก็ไม่เชื่อ สุดท้ายเป็นไง ไม่ถึงเจ็ดวันถูกรถชนตาย”
พิมนราพูดไม่ออก ช็อกมาก
“แล้วดูหน้าตาของน้องพิมช่วงนี้ก็ดำคล้ำแปลกๆ พี่ว่าดวงตกแน่เลย หรือไม่ก็อาจจะดวงถึงฆาต”
“พี่ดา...”
“นี่พี่ไม่ได้พูดให้กลัวนะ แต่พี่แค่เตือน”
พิมนราใจคอไม่ดีเอาเสียเลย “งั้น...พิมควรจะไปทำบุญใช่ไหมคะ อะไรๆ จะได้ดีขึ้น คือพิมยังตายไม่ได้พี่ดาก็รู้นี่ พิมมีแม่ มีน้องที่ต้องดูแล แถมน้องก็ยังเจ็บออดๆ แอดๆ” หล่อนรู้สึกหวาดกลัวกับสิ่งที่ได้ยินจนน้ำตาซึมออกมา
“งั้นเอาอย่างนี้...”
ดาริกาตบบ่าหล่อนเบาๆ และปรายตาไปดูนาฬิกาแขวนที่ผนังห้อง
“เหลืออีกสิบห้านาทีจะห้าโมงครึ่ง พี่ให้น้องพิมกลับบ้านไปทำบุญทำทานต่อชีวิตก่อนดีไหม”
พิมนราน้ำตาแทบไหลกับความใจดีของดาริกาที่หยิบยื่นมาให้หล่อนเป็นครั้งแรก
“ขอบคุณมากค่ะพี่ดา...”
“แต่น้องพิมจะต้องมาทำชดเชยให้พี่วันเสาร์นี้”
“แค่...สิบห้านาทีเนี่ยนะคะ”
“ไม่ใช่แค่สิบห้านาที แต่ต้องเพิ่มเป็นหนึ่งชั่วโมง เพราะต้องคูณต้นคูณดอกไปด้วย”
“แต่พิมก็อยู่เกินเวลาเลิกงานทุกวันเลยนะคะ โอทีพิมก็ไม่เคยเบิก...”
ดาริกายังคงยิ้มน้อยๆ
“คืออย่างนี้นะน้องพิม พี่เป็นเจ้าของสำนักงานบัญชี แถมยังเรียนบัญชีมาด้วย ในหัวของพี่ต้องมีแต่กำไร พี่ไม่ชอบขาดทุน”
“พี่ดา...”
“เอาน่า ปีหน้าจะขึ้นเงินเดือนให้ห้าร้อยไงจ๊ะ”
หล่อนพูดไม่ออกอีกกับความใจดีที่สุดของดาริกา จำต้องยกมือขึ้นไหว้ประชด
“น้ำใจของพี่ดามีมากขนาดนี้ ชาตินี้พิมคงชดใช้ไม่หมดแน่ๆ เลยค่ะ”
“ชาตินี้ใช้ไม่หมด เอาไปชาติหน้าก็ได้นะน้องพิม พี่ไม่ถือหรอก”
ดาริกายังไม่รู้ว่าหล่อนประชดประชัน หล่อนจึงทำได้แค่ทำหน้าเบื่อหน่าย และเอ่ยขอตัว
“พิมขอตัวไปชงกาแฟก่อนนะคะ”
“กาแฟของน้องพิมเองใช่ไหมจ๊ะ”
พิมนราหันมายิ้มเหนื่อยหน่ายให้กับดาริกา
“ก็ต้องของพิมสิคะ ในเมื่อในครัวไม่มีอะไรเลย นอกจากน้ำร้อน”
ดาริกายังคงยิ้มให้หล่อนอย่างไม่สะทกสะท้าน นี่หล่อนอยากรู้จริงๆ ว่าดาริกาไม่รู้จริงๆ หรือว่าแกล้งไม่รู้กันแน่
“อ้อ น้องพิม อย่าทำอะไรในห้องครัวตกแตกอีกนะ”
“พิมทราบค่ะ เพราะที่แก้วทุกใบมีราคาติดอยู่”
หล่อนประชดออกไปอย่างอ่อนอกอ่อนใจ
“พิมขอตัวนะคะ”
“ตามสบายจ้ะ”
ดาริกายิ้มหวานให้หล่อน ในขณะที่หล่อนแสนเหนื่อยใจ ทำไมหล่อนจะต้องมาเจอหัวหน้างานที่ขี้เหนียวขั้นเทพแบบนี้ด้วยนะ
เมื่อ คิมหันต์ ชายหนุ่มหล่อ รวย ทายาทคนเดียวของตระกูล ถูกใจ พอฤทัย นักกายภาพบำบัดที่คุณย่าจ้างมา เขาคิดว่าหล่อนง่าย แต่หล่อนกลับไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดเลย หล่อนสวย แต่ยาก และนั้นก็ยิ่งทำให้เขากระหาย ยิ่งอยากได้หล่อนจนใจจะขาด ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ประตูห้องยังไม่ทันจะปิดสนิท คิมหันต์ก็ดึงคนตัวเล็กเข้ามาประกบปากจูบดูดดื่ม ราวกับว่าถ้ารออีกนิดเดียวเขาจะขาดใจตาย "คุณคิมหันต์ อย่าค่ะ...คุณปวดเอวอยู่ไม่ใช่เหรอ?" หล่อนจับมือที่บีบขยำนมออก แต่เขาก็เอาขึ้นมาบีบใหม่ ก้มหน้าลงกระซิบข้างหู "ปวดก็ต้องซ้ำครับ จะได้หายปวด" พูดจบก็อุ้มร่างบางขึ้นแนบอกทันที พอฤทัยรู้ว่าโดนหลอก ก็โมโหเอาฟันกัดที่หัวไหล่เขาไปทีหนึ่ง แล้วก็รู้ว่าตัวเองทำผิดพลาดครั้งใหญ่ เมื่อได้ยินประโยคที่เขาพูดออกมา "ที่แท้คุณก็ชอบความรุนแรงนี่เอง ได้เลยครับเมียจ๋า...เดี๋ยวผัวจัดให้" เขาเดินก้าวยาว ๆ จนมาถึงเตียง วางร่างบางบนที่นอน จากนั้นก็ถอดเหมือนกระชากชุดของหล่อนออกจากร่าง ตามด้วยเสื้อผ้าของตัวเอง แล้วทาบทับลงไป "เห็นคุณชอบความรุนแรงแบบนี้ แสดงว่าต้องชอบแบบจูบแรกของเราด้วยใช่ไหม?" เขาเคลื่อนหน้าลงมาถาม หล่อนถลึงตาใส่เขา เมื่อนึกถึงจูบรุนแรง ที่มีแต่ความเจ็บตรงหน้าห้องน้ำ "ก็ลองทำอีกสิ คราวนี้ฉันจะกัดลิ้นคุณให้ขาดเลย" เขาได้ยินก็หัวเราะเสียงร่วนออกมา ก่อนจะก้มหน้าลงไปจูบกลีบปากอิ่มอ่อนโยน และเปลี่ยนเป็นร้อนแรงขึ้นในเวลาต่อมา
นนท์ปวิธคือคุณหมอหนุ่มรูปงามและใจดี และมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้นที่ได้เห็นมุมมืดของผู้ชายคนนี้ มุมมืด... ที่เขาสร้างเอาไว้เพื่อทำร้ายเธอเพียงคนเดียว +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "นอนกับฉัน แล้วฉันจะยอมช่วยลูกสาวของเธอ" นี่คือข้อเสนอของนายแพทย์นนท์ปวิธ อริณวัฒน์ ศัลยแพทย์หัวใจชื่อดังของเมืองไทย เขาคือเทพเจ้าแห่งการผ่าตัดหัวใจ เพราะคนไข้ทุกคนที่ผ่านมีดผ่าตัดของเขาจะประสบความสำเร็จทุกราย ทุกคนต่างชื่นชมในฝีมือและความมีน้ำใจของคุณหมอหนุ่มหล่อคนนี้มาก เขาคือเทพบุตร คือเทวดาสำหรับคนไข้และญาติๆ แต่ในมุมมืดของเขามีเพียงแค่หล่อนคนเดียวที่ได้เห็น แน่ล่ะ... เขาสร้างมุมมืดเอาไว้เพื่อทำร้ายหล่อนแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น "ตกลงค่ะ" รอยยิ้มหยันเกลื่อนใบหน้าหล่อเหลาของนายแพทย์นนท์ปวิธ ขณะที่เคลื่อนเรือนร่างสูงโปร่งหกฟุตสามนิ้วเข้ามาหยุดใกล้ๆ "งั้นก็คืนนี้เลย" "ตาว... ขอเวลา..." "ลูกสาวของเธอ มีเวลาเหลือเยอะสินะ" "เอ่อ..." "ฉันต้องการเอาเธอคืนนี้..." แล้วเท้าใหญ่ก็ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก จนตอนนี้ร่างกายอยู่ห่างกันแค่เพียงฟุตเดียวเท่านั้น กลิ่นหอมเฉพาะตัวของเขาโชยฟุ้งเข้ามาในจมูก ทำให้รจิตราตัวสั่นเทา หล่อนช้อนตาขึ้นมองคนตัวสูง ซึ่งเขาก็ลดสายตามองลงมามองพอดี ดวงตาสองดวงสบประสานกัน โลกทั้งใบหยุดหมุน ความทรงจำเมื่อห้าปีก่อนย้อนกลับเข้ามาราวกับสายน้ำไหลหลาก ความทรงจำที่หล่อนไม่เคยลืม... และใช้มันหล่อเลี้ยงหัวใจมากว่าห้าปี
ในสายตาของทุกคน คชาวุฒิเก่งฉลาด สุภาพเรียบร้อย และสุดเนิร์ด คงมีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้น ที่รู้ว่าใต้แว่นตาหนาของเขาซ่อนความร้อนแรงเอาไว้มากแค่ไหน ไม่รู้จะอวยยศให้อาจารย์ฟิสิกส์คนนี้ยังไงดี แต่รับประกันว่าอาจารย์แซ่บมาก แซ่บฉ่ำแฉะ^^ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "ตรงไหนดี..." หล่อนควรต่อต้านสิ ควรผลักไส เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่ควรเกิดขึ้นเลย แต่... แต่ร่างกายของหล่อนมันอ่อนระทวยไม่มีแรงเลย "ตรงไหนดีเด็กน้อย..." เขากระซิบถามเสียงกระเส่า "ถ้าคุณไม่ตอบ ผมจะเลือกเองนะ..." "อาจารย์... หนู... หนู..." ใบหน้านวลแดงระเรื่อ ตอนนี้สมองของหล่อนขาวโพลนไร้ความคิดชั่วคราว รอยยิ้มจากปากหยักสวยของอาจารย์ฟิสิกส์สุดหล่อช่างบาดใจเหลือเกิน เขาค่อยๆ ย่อตัวลง และคุกเข่าลงกับพื้น ขณะที่สายตาช้อนขึ้นมาสบประสานกับหล่อนตลอดเวลา ไฟร้อนๆ ในดวงตาของเขากำลังแผดเผาให้หล่อนมอดไหม้ "อา... จารย์..." นี่เขากำลังจะทำอะไรน่ะ เขาคุกเข่าทำไม
พระเอกเรื่องนี้แรกๆ จะออกแนวปากหมา ใจร้าย ชอบทำนางเอกช้ำใจ แต่หลังจากเห่าหอนเป็นแล้ว ก็จะกลายเป็นหมาโบ้คลั่งรักสุดๆ เลยค่ะ ไรต์นอนยันเลย 555+++ คำเตือน... พระเอกเรื่องนี้โบ้ซ้ำโบ้ซ้อนโบ้ไม่ปรานีใคร 55 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "คุณ... ภาม... เป็นอะไรคะ..." คำถามของหล่อนตะกุกตะกักจนแทบฟังไม่เป็นคำ "หึ... ยังจะมีหน้ามาถามอีกหรือคาลิสา!" เขายื่นมาบีบคอของหล่อน และนั่นก็ทำให้หล่อนตกใจแทบช็อก "คุณภาม... ครีม... กลัว..." ทำไมเขาทำแบบนี้ ทำไมภาวินทร์ถึงบีบคอหล่อนล่ะ แม้จะไม่ได้บีบแรงนัก แต่ก็ทำให้หล่อนกลัวจนแทบหยุดหายใจ "เธอนี่มันเลี้ยงไม่เชื่อง" "คุณภาม... พูดอะไรคะ ครีมไม่เข้าใจ... อ๊ะ..." นิ้วยาวของเขาบีบเค้นลงกับลำคอขาวผ่องของหล่อนแรงขึ้น จนหล่อนเกือบจะหายใจไม่ออก "ยังจะมีหน้ามาถามอีกเหรอ เธอไปทำอะไรเอาไว้ล่ะ" "ครีม... ครีมเปล่า..." "เลิกตอแหลเถอะ ฉันรู้เรื่องจากน้องอัญหมดแล้ว" "..." "เธอจงใจละเมิดข้อตกลงของเรา" "ครีมเปล่านะคะ คุณอัญเธอรู้อยู่แล้ว... เธอรู้จากคุณภามไม่ใช่เหรอคะ..." หล่อนพยายามจะอธิบายในมุมของตัวเอง แต่ชายหนุ่มไม่ยอมรับฟัง "เธอเดือดร้อน ฉันก็ช่วย ให้ข้าวให้น้ำ ให้เงิน เซ็กซ์ดีๆ ฉันก็ให้ งานก็มีให้ทำ แล้วเธอยังต้องการอะไรจากฉันอีก อยู่เงียบๆ อยู่ในที่ตัวเองไม่ได้หรือไง หื้อ!" "ครีม... ฮืออออ..." "แล้วเธอยังมีหน้าไปโกหกน้องอัญว่าท้องกับฉันอีกเหรอ เธอกล้าดียังไงพูดแบบนั้นออกไป คาลิสา!" หากหล่อนบอกออกไปว่าตัวเองกำลังตั้งท้องลูกของเขาจริงๆ ภาวินทร์ก็คงจะไม่เชื่อ ใช่... เขาไม่มีทางเชื่อหรอก ตอนนี้เขาเชื่อคำพูดของคู่หมั้นคนสวยของเขาคนเดียวเท่านั้น "ตอบมาสิ... เธอท้องลูกของฉันจริงหรือเปล่า" ใบหน้าที่เปียกชุ่มไปด้วยหยาดน้ำตาส่ายไปมา ก่อนจะตอบเสียงสะอื้น "ไม่... ไม่ได้ท้องค่ะ..." "หึ... นึกอยู่แล้วเชียว เธอมันก็แค่ผู้หญิงมารยา ที่ต้องการทำให้ฉันเดือดร้อนเท่านั้นเอง" เขาหยุดบีบคอของหล่อน และผลักร่างของหล่อนออกห่าง แสดงท่าทางรังเกียจออกมา "เราเลิกกันเถอะ"
เรื่องนี้พระเอกเป็นพวกชอบวิ่ง ตอนแรกวิ่งหนี ตอนหลังวิ่งชนจนมดลูกน้องแทบอักเสบ ฝากติดตามเป็นกำลังใจให้ไรต์ด้วยค่ะ เลิฟ เลิฟ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "พี่วิศ... ทำไมพี่เปลี่ยนไปแบบนี้คะ... อื้อ... อย่าทำแบบนี้สิคะ... " แม้จะพยายามขัดขืน แต่เสียงก็แผ่วเบา และอ่อนแรงเหลือเกิน "แล้วชอบพี่แบบนี้ไหมล่ะครับ... อืมม หอมจัง" ปลายจมูกของเขาซุกไซ้อยู่ที่ลำคอ ในขณะที่ฝ่ามืออบอุ่นลูบไล้ซุกซน "พี่ชอบก้นของเธอจัง นุ่มนิ่มมาก" "พี่วิศ..." "และพี่ก็ชอบเสียงครางของเธอด้วย ฟังแล้วยิ่งมีอารมณ์..." เขาเงยหน้าขึ้นจากลำคอของหล่อนที่ดูดเม้มจนแดงช้ำ ดวงตาสบประสานกัน ก่อนที่ปากหยักสวยจะแนบชิดลงมาหา เขาจูบเบาๆ หนึ่งครั้ง ก่อนจะกระซิบเสียงแปร่งพร่า "ให้พี่เอานะ... พี่หิว..."
เพราะแอบรักจึงยอมทุกอย่าง ยอมแม้กระทั่งเป็นคนในความลับ อยู่เงียบๆ ในเงามืดชั่วนิรันดร์ กฎของเขาก็คือ มีอะไรกัน นอนด้วยกัน สนุกกัน แต่ห้ามบอกใคร ห้ามให้ใครรู้ว่ามีความสัมพันธ์กันแบบไหน ในที่ทำงานเขาคือท่านประธาน และเธอก็คือพนักงานคนหนึ่งในบริษัทเท่านั้น เมื่อเจอกันก็ทักทายกันบ้างแบบเจ้านายกับลูกน้อง ห้ามแสดงท่าทางหรือแสดงความเป็นเจ้าของ ห้ามโพสต์สถานะในโซเชียล แม้จะไปเที่ยวด้วยกัน ไปถึงไหนต่อไหนด้วยกันก็แล้วแต่ห้ามเปิดเผยทั้งนั้น ซึ่งด้วยความรักที่มีต่อเขา ทำให้เธอตกลงยอมเป็น คนในความลับของเขาอย่างเต็มใจ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ "มามี๊ขา..." วชิรวัฒน์มองเด็กหญิงตัวน้อยที่อายุน่าจะไม่ถึงสามขวบวิ่งเข้ามาสวมกอดฟาริดาด้วยความประหลาดใจและตกใจในเวลาเดียวกัน เขามองใบหน้ากลมๆ ของเด็กหญิงคนนั้น สลับกับใบหน้าของฟาริดา ซึ่งก็พบว่าหญิงสาวกำลังหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด "นี่มันอะไรกัน น้องฟาง... เด็กคนนี้... เป็น..." เขายังพูดไม่ทันจบ ฟาริดาก็ดันร่างของเด็กหญิงไปไว้ด้านหลัง ก่อนจะตอบเขาด้วยสุ่มเสียงดังฟังชัด "ลูกสาวของฟางเองค่ะ" วชิรวัฒน์ถึงกับอึ้ง เขาหันไปมองสบตากับอภิวัฒน์ ก็พบว่าเลขาฯ หนุ่มก็อึ้งไม่ต่างกัน หลังจากตั้งสติอยู่ชั่ววินาที เขาก็หันกลับมาจ้องหน้าฟาริดาเขม็ง "เด็กคนนี้เป็นลูกของใครครับ" เขาพยายามที่จะถามเสียงสุภาพ ทั้งๆ ที่ภายในในเต็มไปด้วยเพลิงไฟกัลป์ เพราะอย่างนี้เองเหรอ ฟาริดาถึงได้หนีจากเขาไป เพราะหล่อนท้อง... แล้วหล่อนท้องกับใครล่ะ นอกจากเขาแล้ว หล่อนยังแอบมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นอีกอย่างนั้นเหรอ บ้าชิบ! นี่หล่อนกำลังจะทำให้เขาโมโหจนเป็นบ้าอยู่แล้วนะ! "ลูกของใครก็ช่างเถอะค่ะ แต่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพี่โรมแน่นอน"
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
เพียงดื่มน้ำชาจอกแรกที่ผู้เป็นมารดาเลี้ยงมอบให้ซุนฮวาก็กลายเป็นสตรีร้ายกาจ ปีนขึ้นเตียงท่านอ๋องผู้เป็นคู่หมายของน้องสาวจำใจกล้ำกลืนสถานะพระชายาตัวแทนเป็นเพียงเงาของผู้อื่นในสายตาของสวามี
สำหรับเขาผู้หญิงก็เป็นได้แค่ที่ระบายความใคร่ เขาไม่เคยมีความรักไม่เคยรักใคร แต่พอได้มาเจอเธอ เพื่อนของน้องสาวเขา ใจที่ด้านชากลับเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง…
เรื่องราวการผจญภัยของอดีตสายลับนักฆ่า ที่ทะลุมิติมาเป็นแม่ผู้ชั่วร้าย ทั้งยังต้องร่วมเดินทางกับเด็กน้อยผู้แสนใสซื่อในโลกที่ผู้คนใช้พลังลมปราณ อันตรายมีทั่วทุกหนแห่ง แล้วพวกเขาจะเอาชีวิตรอดได้หรือไม่?!