เมื่อผิดหวังจากความรักกะทันหัน นวลฉวี ร่ำเมรัยรสหวาน ฟังเพลงของคนอกหัก และสีสันของผับที่เร้าใจ เธอก็ลุกเต้นละติน ด้วยความคึกคะนองสนุกสนาน พร้อมคำประกาศ "คืนนี้ฉันฟรี ใครก็ได้ถึงตัวฉันคนเแรก เราจะไปด้วยกัน" รงค์ หนุ่มสุดหล่อเนี๊ยบ มาทันประกาศของเธอ มีหรือที่เขาจะปล่อยโอกาสผ่านไป เขากระโจนขึ้นไปถึงตัวเธอก่อนใคร และชายหนุ่มกับหญิงสาวในราตรีอันยาวนาน สุดแสนปั่นป่วน เพื่อจะถึงรุ่งอรุณของวันใหม่ และเธอพบว่าเธอไม่ได้เหมือนเมื่อวันวานอีกต่อไป โลกถล่มทลาย... เธอจะต้องเป็นจ้าสาวของเขาหรือ... ข้อเสนอของเขา "มาเป็นเจ้าสาวของผมเถิดนะ นวลฉวี ชั่วคราว...ก็ยังดีกว่าชั่วคืนไม่ใช่หรือ"
นวลฉวีเงยหน้าขึ้นจากงานเอกสารตรงหน้าเมื่อมีเงาผ่านทาบมาบนแผ่นพาร์ติชั่นที่กั้นอยู่ตรงหน้าเธอ...มันสูงประมาณระดับอกของคนยืนและเธอได้เห็นพนักงานทำงานร่วมแผนก
เธอไม่เรียกคนคนนี้ด้วยคำว่าเพื่อน
แค่คนทำงานด้วยกัน
และรับรู้ว่านี่คงจะเป็นเรื่องจุกจิกกวนใจแต่เช้าของวันแรกของสัปดาห์
เธอไม่ได้อยู่ออฟฟิศเลยในช่วงเดือนที่ผ่านมา ต้องติดตามเพ็ญพิมพ์ไปทำงานเก็บข้อมูลในพื้นที่ กลับเข้ามาในออฟฟิศก็ไม่ถึงวัน และวันนี้เธอเข้ามาแต่เช้า วันนี้จะได้นั่งทำงานทั้งวัน ทั้งสัปดาห์ยังไม่มีกำหนดการเดินทาง
เธอจะต้องทำรายงานเสนอให้ท่านประธานผู้ยังไม่ปรากฏตัว ยังเป็นบุคคลลึกลับ พูดกันว่าท่านประธานไม่อยากมารับงาน เขาจึงไม่ออกมาปรากฏตัว เขาบ่ายเบี่ยงและเรียกหาข้อมูลของงานจนกว่าเขาจะพอใจและอยากจะทำงาน
เพราะฉะนั้นรายงานของเธอจะต้องกระตุ้นให้เกิดแรงจูงใจสูงสุดให้ได้
แต่ตอนนี้ เธอคิดว่าการเริ่มต้นวันเริ่มแย่เพราะเพื่อนร่วมงานคนนี้
ดาราราย...
สาวสวยที่สุด เปรี้ยวสุด ร้ายสุด เชื่อมั่นสุดในตัวเองอย่างครบรสของแผนก...
มีคนพูดเสมอว่าดารารายนั้นสวยแบบนางร้ายที่หลุดจากจอละครทีวีออกมามีตัวตนอยู่จริง
ดารารายคนงามที่ งามแต่รูป ไม่งามใจ
รอยยิ้มบนหน้าดารารายตอนนี้ดูมากมาย และเหมือนมีรอยยิ้มเยาะอยู่ด้วยจางๆ
แต่เพราะเห็นกันมานาน ไม่ใช่ได้เห็นกันแค่ที่นี่ เพราะที่จริงดารารายเพิ่งจะเข้ามาทำงานไม่เกินหกเดือน ไม่อยากประหลาดใจอีก เธอเลยมองข้าม
เรื่องเธอกับดารารายรู้จักกันมาก่อนนี้ เธอไม่เคยพูด จะพูดไปไย ดารารายเองเป็นคนประกาศตั้งแต่แรกเข้ามาทำงานที่นี่ด้วยการมีเส้นสายฝากเข้ามา
...อย่าบอกใครว่าเราเคยเรียนหนังสือมาด้วยกันนะ นวล
ถึงไม่ได้โดนกำชับเช่นนั้น ดารารายคิดได้อย่างไรกันว่าเธออยากจะบอกคนอื่นๆ ถึงความสัมพันธ์ดังว่านั้น
ไม่น่าจะบอก เพราะบอกไปก็น่าอาย...เพื่อนแบบดารารายมีไปก็ใช่จะดี ไม่น่าเอามาอวด แม้แต่ในความสัมพันธ์ที่ต้องใส่ไว้ในโลกไซเบอร์ที่เป็นโลกเสมือน เธอยังไม่เคยคิดจะใส่
เพื่อนหรือ...ไม่เคยอยากคิดว่าดารารายคือเพื่อน แม้จะเรียนด้วยกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม ตอนมอหนึ่งถึงมอสามเรียนห้องเดียวกัน แต่นวลฉวีได้ประจักษ์ความร้ายกาจของดารารายตั้งแต่หล่อนยังอายุสิบต้นๆ เท่านั้น
แต่ทุกอย่างก็เป็นการแข่งขันกันแบบเด็กๆ ไม่มีการคิดมากอะไร นวลฉวีเป็นคนที่ไม่มีการแข่งขัน ไม่ทะเยอทะยานมาแต่ไหนแต่ไร เธอถูกสอนให้รู้จักเพียงพอเรียบง่าย คนในบ้านยังพูดกันเลยว่ายากนักจะผลักดันเธอให้ไปตะกายฟ้าคว้าดาวหากเธอไม่อยากได้เอง
การแข่งขันมาสูงมากตอนเรียนมอปลาย เมื่อต้องอยู่ห้องเรียนเดียวกัน ดารารายทำตัวเป็นอริกับเธอมากกว่าจะเป็นเพื่อน ไม่ได้แข่งเรื่องการเรียนอย่างเดียว แต่แข่งเรื่องกิจกรรม การเป็นเชียร์ลีดเดอร์
ที่จริงดารารายลงแข่งแต่นวลฉวีถอนตัว
และดารารายเรียกนวลฉวีว่า ‘นังขี้แพ้’ พร้อมกับเอ่ยเย้ยหยันไปทั่วว่าเพราะนวลฉวีสวยสู้หล่อนไม่ได้ เก่งสู้หล่อนไม่ได้ หารู้ไม่ว่าหากความสวยที่จะต้องได้มาด้วยการแก่งแย่งแข่งขันใดๆ นวลฉวีตั้งปณิธานเอาไว้แล้วว่าเธอจะไม่ทำเป็นอันขาด
เธอไม่ขอแก่งแย่งแข่งขันใดๆ เพื่อให้ได้มาในทุกเรื่อง
และอีกเรื่องที่ดารารายได้ขอเอาไว้วันที่เดินเหน้าเข้ามาทำงานที่นี่
...และเธอห้ามบอกใครด้วยว่าเราเป็นญาติกัน...
เรื่องนี้สาบานได้กับวัดทั่วประเทศ นวลฉวีคิดตลอดมา เธอไม่อยากให้ดารารายเป็นญาติของเธอเลย
เธอเคยถามแม่...
...เขามาเป็นญาติของเราได้อย่างไร และอย่างที่เขาเข้ามากับแม่ของเขานั่นเรียกว่าเป็นญาติหรือ...
แม่โมโหมากกับคำอ้างตัวเช่นนั้นของดาราราย คำว่าญาติ และเธอถึงได้รู้ว่าลุงเขยของเธอทรยศต่อป้าด้วยการมีเมียน้อยและรับเลี้ยงดู
ดารารายคือลูกติดมากับเมียผู้หญิงคนนั้น มาเสพสุขกับสมบัติของครอบครัวป้า ที่ไม่ใช่สมบัติของลุง...ลุงเขยร่ำรวยเพราะสมบัติของป้า
และสุดท้ายป้าก็ทนไม่ได้ ป้าขอหย่า แม่ของดารารายจึงได้รู้ว่าผู้ชายที่นางคิดว่ามั่งคั่งร่ำรวยนั้น ที่แท้เขาไม่ได้มีอะไรมากมายดังที่นางเข้าใจแม้แต่น้อย นอกจากทรัพย์สินเศษๆ ที่เมียหยิบยื่นให้เหมือนให้ทานทิ้งไว้ดูแลนางกับลูก แต่นางก็ตามมาด่าทอประจานป้าของนวลฉวีสาดเสียเทเสีย ทั้งที่นางมาทีหลังและอยู่ในฐานะเมียน้อย แต่นางก็ไม่ได้ละเว้น สิ่งที่นางทำนั้นเลวร้ายจนป้าต้องเรียกตำรวจมายุติเรื่องและบอกกับลุงว่าหากยังไม่คุมกันให้ดี แม้แต่บ้านที่ได้ให้อยู่กันฟรีๆ ก็จะเรียกคืน นั่นแหละถึงได้เงียบกันไป
ถ้าชีวิตเติบโตขึ้นมาด้วยความเจ็บแค้น วันนี้เขาก็เต็มไปด้วยความแค้นในทุกอณูของชีวิต ภายใต้ท่าทีสงบ นิ่งเงียบ และแข็งกร้าวประดุจหินผาของ "ศิลา"... แต่ภายในใจเขานั้น กลับระอุคุกรุ่นไปด้วยไฟแค้นที่รอวันชำระสะสาง! อสูรตนนี้ ผ่านวันเวลาแห่งความเคียดแค้นชิงชัง และพร้อมที่จะเริงไฟแล้ว...และสำหรับเธอ "มินตา"...สาวน้อยผู้อ่อนเยาว์ต่อโลกแห่งความเคียดแค้นชิงชัง ไฟแห่งอสูรครั้งนี้ มันน่าหวาดผวาสำหรับเธอแค่ไหน เพราะมันเป็นไฟแค้น ที่หลอมรวมมากับไฟแห่งปรารถนา...
(นิยายทำละคร เกมเสน่หา) เพราะเย่อหยิ่ง ถือตัว และเหยียดทุกคนที่ต่ำต้อยกว่า จึงทำให้ใครๆ ก็มองว่าเธอ "ร้ายกาจ" แต่ทว่า...นั่นเพราะเธอร้ายกาจจริงๆ หรือเพราะเธอสร้างสิ่งเหล่านั้นขึ้นมา เพียงเพราะเธอกำลังเผชิญกับปัญหาบ้านแตก! และความรัก ความเป็นหนึ่งในครอบครัวถูกแย่งชิงจาก "เขา" ผู้เป็น "คนนอก" ครอบครัว เพราะเขาได้รับความไว้วางใจและเชื่อมั่นจากครอบครัวของเธอมากกว่าเธอเสียอีก เธอจึงเกลียดเขาอย่างมากมาย และต้องกดเขาไว้ให้เป็นเพียง "เด็กในบ้าน" อย่าให้เขาเข้ามาชุบมือเปิบ ฮุบทุกอย่างในบ้านของเธอ และเมื่อเธอค้นพบว่า เขาหลงรักเธอ และหมายปองดอกฟ้าอย่างเธอ เธอจึงวางแผนขุดหลุมล่อ วาง บ่วงเสน่หา เพียงเพื่อให้เขาพบกับความผิดหวังและทุกข์ทรมาน โดยที่ไม่รู้เลยว่า เธอเองต่างหาก...ที่จะตกอยู่ในบ่วงเสน่หาที่วางไว้เอง!
กี่ครั้งกี่หน ก็แพ้ก็พ่าย ผู้ชายไม่เคยซื่อสัตย์ ชื่อเสียง เงินทอง เกียรติยศ รูปโฉม กะรัต เทพทัต ไม่อาจนำมาทระนงได้ กี่คราที่ต้องแก้มือใหม่ ถูกตราหน้า ประณามว่าสามผัว มิหนำซ้ำหนสุดท้าย เมื่อเขาตายจากไปมิได้จบกันแค่นั้น แต่ สายน้ำผึ้ง เพื่อนสนิท คบกันมา 12 ปี กลับกลายเป็นเพื่อนสนิท คิดคด อุ้มท้องเยาะเย้ยว่าเป็นเมียหลวง ส่วนเธอคือเมียน้อย กะรัต ผู้แสนฉลาดเลิศล้ำ เฝ้าตรวจสอบปัญหาชีวิตแล้วพลันคิดได้ เธอไม่เคยจับผู้ชายคนไหน ตีตรา ขึ้นทะเบียน เป็นสามีถูกต้องตามกฎหมาย ครานี้ เห็นทีจะต้องให้ถูกต้องครบถ้วนกระบวนความ พิศุทธิ์ หนุ่มผู้ดี ผู้เกิดมาเป็นอภิชาตบุตรเกินหน้าพ่อแม่ เธอพบว่าเขาเหมาะสมยิ่งอนิจจา... กะรัต เธอมองข้ามสิ่งสำคัญของการครองเรือน เธอลืมความรักแล้วเธอจะรู้ว่าหนนี้ ผู้ชายหรือเธอกันแน่ที่ผิด การตีตราด้วยทะเบียน มันเป็นยันต์ป้องกันชีวิตคู่แตกร้าวได้หรือไม่
จากเด็กหญิงเล็กๆ ที่ได้รับการปลุกปั้นขึ้นมาเป็นนักร้องเสียงทองสุดสวยแห่งยุค พิจิกา โลดแล่นไปตามจังหวะเสียงเพลงจนถึงจุดสุดยอดในชีวิต และเส้นทางนั้นก็ไม่ได้งดงามเสมอไปเมื่อ สุวิชา ชายหนุ่มรูปงามก้าวผ่านมา เขาไม่ได้เป็นเทพบุตรสำหรับเธอ แต่เป็นมารร้ายที่ทำให้เธอตระหนกตกใจสุดขีด เขาทำให้จังหวะเพลงชีวิตของเธอผิดเพี้ยนไป กว่าเธอจะรู้ว่ามารร้ายมีหัวใจรักมั่นคง...ก็เกือบจะสายเกินไป
ชาวัน หนุ่มหล่อ รวย เอาแต่ใจตัวเอง และไม่เคยสนใจความรู้สึกของใครมาก่อน ต้องจำยอมรับผิดชอบ รุ้งทอง หญิงสาวที่ความจำเสื่อมเพราะเขาเป็นต้นเหตุ ชาวันรับสมอ้างเป็นสามีของรุ้งทอง ด้วยเหตุนี้รุ้งทองจึงถือสิทธิ์ว่าเป็น “เมีย” โดยที่ชาวันเองไม่มีทางขัดขืน เพราะหัวใจเขาไปอยู่ในมือของเธอ หัวใจของอสูรตัวแสบ...นามชาวัน ฉายา “ชาละวัน” ไอ้เข้ตัวเอ้ ยอมสยบในอุ้งมือของสาวน้อย รุ้งทอง อย่างหมดลาย
โชคชะตาพัดพา ศรา เข้ามาในเส้นทางชีวิตของเกสร หนุ่มดิบเถื่อนจากป่าดง มาเจอสาวสวยเปรี้ยวจี๊ด สาวมองหนุ่มเป็น อสูร ตัวร้าย และเขาก็เต้นระบำรอบตัวเธอ คนสองคนถูกเหวี่ยงเข้าไปในเส้นทางของการแต่งงาน จาก บังเอิญ เป็น ผูกพัน เมื่อต่างมีปม และปูมหลังครอบครัวที่แหว่งวิ่น พวกเขาเริ่มเห็นใจกันเข้าใจกันพร้อมจะสร้างครอบครัวใหม่ เกสร จับมือ ศรา เริ่มร่ายระบำรำฟ้อน ไปด้วยกัน อสูรตัวนั้นก็เป็นได้เพียง อสูรในหัวใจเกสร...ที่ทำให้ครอบครัวเติมเต็ม
รูรักอันบริสุทธิ์เมื่อถูกปลายลิ้นร้อนของชายหนุ่มเป็นครั้งแรกดูเหมือนว่าจะตอบสนองได้เป็นอย่างดี ร่องของนางขมิบรัว สะโพกของนางยกขึ้นยังเด้งเข้าไปหาปากร้อน ฝ่าบาทเก่งกาจยังสามารถแยงลิ้นเข้าไปในรู อันซูเซี่ยถูกทาขี้ผึ้งหอมรอบปากทาง ขี้ผึ้งนี้นอกจากจะมีรสชาติดีส่งเสริมรสน้ำรักของนางแล้วยังมีคุณสมบัติอันวิเศษ แม้จะเป็นหญิงพรหมจรรย์ก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวด และเผลอทำร้ายฝ่าบาทจนบาดเจ็บ อี้หลงดูดแบะขาของนางให้กว้างขึ้นแล้วรวบขึ้นไปให้ขาชี้ฟ้า จากนั้นมุดใบหน้าลงมาอย่างหลงใหล “หอมอร่อยเหลือเกิน รู้สึกเหมือนดื่มสุราไม่เมามาย อ้า ข้าชอบยิ่ง หอยของฮองเฮาช่างใหญ่โต ดูโคกเนื้อโยนีแทบจะล้นริมฝีปากของข้า สีแดงเช่นนี้คงไม่เคยผ่านสิ่งใดมาก่อน บริสุทธิ์ยิ่งนัก ซี้ด” นางดิ้นเร่าอยู่ในปาก ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรนอกจากเชื่อฟังในคำของฝ่าบาท “อืม อร่อยยิ่งนัก อ้า ข้าไม่ไหวแล้วขอดูหน้าฮองเฮาของข้าหน่อยเถิด” ดูเหมือนว่าร่องรักของนางยังขมิบ นางไม่อยากให้เขาเงยหน้าขึ้นจากตรงนั้นด้วยซ้ำ อยากถูกปลายลิ้นเลียเช่นนั้นจนกว่านางจะได้รับการปลดปล่อย “อ้า ฝ่าบาทเพคะ อย่าหยุดเพคะ อื้อ” นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ มี 2 เล่มจบ เป็นนิยายแบบพล็อตอ่อน เน้นฉากรักบนเตียงของตัวละครเป็นหลัก เหมาะสำหรับผู้มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ไม่เหมาะสำหรับสายคลีนใส ๆ นะคะ หากใครไม่ชอบอ่าน NC เยอะ ๆ กรุณาเลื่อนผ่าน เพราะเรื่องนี้เน้น NC เป็นหลักค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
เสียงกระเส่าในยามค่ำคืน ไม่ได้มีแค่เสียงเดียวแต่มีถึงหลายคน สตรีนางน้อยที่อยู่บนเตียงหันมองสตรีที่จูบแม่ทัพปีศาจ นางพึ่งจะเป็นมือใหม่ที่ใหม่จนไม่กล้าทำสิ่งใด ได้แต่มองเขาเสพสมสตรีอื่นต่อหน้านาง เสียงเนื้อกระทบเนื้อที่ดังไม่หยุด ยิ่งทำให้นางประสาทเสีย หากแต่ว่าหากนางยังนิ่งมองอยู่เช่นนี้ เกรงว่าพรุ่งนี้จะไม่มีที่นอน เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จัดเลยสิจะรออะไร ใช่ว่านางจะทำไม่เป็นเสียหน่อย
ต่อหน้าทุกคน เธอเป็นเลขานุการส่วนตัวของท่านประธาน โดยส่วนตัวแล้ว เธอเป็นภรรยาของเขา กู้เวยยีรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเธอทราบว่าตนเองตั้งครรภ์ ทว่าเธอกลับเห็นฟู่จิงเฉินกับรักแรกของเขาสิทสนมกัน... เธอจากไปอย่างเศร้าใจและตัดสินใจที่จะให้พวกเขาสมหวัง ต่อมา เมื่อฟู่จิงเฉินมองดูท้องที่ยื่นออกมาของเธอ และถามอย่างตื่นเต้นว่า "้กู้เวยยี นี่คือลูกของใคร!" เธอตอบอย่างหัวเราะเยาะ "มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย อดีตสามี!"
นาธัชชาถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจจากผู้เป็นพ่อ เพียงเพราะเธอมีส่วนทำให้แม่ต้องตาย ใครจะคิดว่าชีวิตเด็กเจ็ดขวบ จะถูกโชคชะตาเล่นตลกครั้งแล้วครั้งเล่า และพลิกผันจนกลายเป็น 18 มงกุฏ เพื่อความอยู่รอดของชีวิต ฟาเบียน (อายุ 35 ปี) ชายหนุ่มรูปหล่อทายาทคนโตแห่งมาร์ตินกรุ๊ป เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีธุรกิจโรงแรมทั้งที่ไทยและฝรั่งเศส ชีวิตของเขามีพร้อมทุกอย่างแต่กลับไร้เงาของสาวข้างกาย ใครๆ ก็พูดว่าเขาตั้งมาตรฐานผู้หญิงที่จะมาเป็นคู่ชีวิตไว้สูง บางคนบอกว่าระดับเขาต้องได้ผู้หญิงระดับนางงามที่มีมงกุฏการันตีความสวย ซึ่งมันก็คงจะจริง เพราะสาวที่เข้ามาพัวพันเป็นสาวสวยที่มีมุงกุฏการันตี และไม่ได้มีแค่มงกุฏเดียว เพราะเธอเป็น 18 มงกุฏ นาธัชชา (อายุ 20 ปี) นาธัชชาหรือหนูนา เด็กหญิงผู้เผชิญกับชีวิตที่แสนรันทดตั้งแต่อายุแค่เจ็ดขวบ เธอถูกพ่อแท้ๆ ยัดเยียดให้เป็นตัวซวย เพียงเพราะมีส่วนทำให้แม่ต้องตาย ชีวิตของเธอต้องพลิกผันซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นกราฟชีวิตที่มีแต่จะตกต่ำ จนถึงขั้นต้องเป็น 18 มงกุฏ เพียงเพราะความอยู่รอดของชีวิต ความแตกต่างและความห่างชั้นทางสังคม จะชักนำให้เขาและเธอมาเจอกันได้อย่างไร เรามาติดตามไปพร้อมๆ กันค่ะ - ฟาเบียน ลูกชายคนโตของ เซดริก และมาลารินทร์ จากเรื่อง Malalin of love ร้อยรักมาลารินทร์ - นาธัชชา หรือหนูนา ตัวละครใหม่ คำเตือน -นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น มิได้มีเจตนาชี้นำหรือเป็นตัวอย่างให้นำไปใช้ในชีวิตจริง -นิยายอาจมีเนื้อหาบางช่วงบางตอนที่ไม่เหมาะสม ทั้งเรื่องเพศ และมีคำหยาบคาย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน - นิยายเรื่องนี้เหมาะสมกับผู้อ่านที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป
สำหรับเขาผู้หญิงก็เป็นได้แค่ที่ระบายความใคร่ เขาไม่เคยมีความรักไม่เคยรักใคร แต่พอได้มาเจอเธอ เพื่อนของน้องสาวเขา ใจที่ด้านชากลับเต้นแรงขึ้นมาอีกครั้ง…
นุชพินตา ควรเป็นเจ้าสาวที่น่าอิจฉาที่สุดที่ได้แต่งงานกับ ปุลวัชร เจ้าบ่าวที่ทั้งหล่อ รวย เนื้อหอม เป็นเจ้าชายในฝันของสาวๆ ทั้งเมือง แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าบ่าวในฝันนั้น...ทั้งไร้หัวใจ และไม่ได้รักเธอสักนิด! การแต่งงานที่ไร้รัก อยู่กันไปก็มีแต่เจ็บปวดเท่านั้น แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อเธอไม่อาจปฏิเสธ แม้จะต้องถูกเขาทำร้ายหัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะทำอย่างไรหากใจที่ไม่คิดปรารถนารักกลับอยากได้ความรักจากเขา ------------------------------ “เธอเคยนอนกับผู้ชายหรือเปล่า” เขาถามออกมาจากปากร้าย ตอนที่เธอได้ยินถึงกับสะอึก ไม่คิดว่าเขาจะถามตรง ๆ และในนาทีต่อมา นุชพินตาก็รู้สึกโกรธมาก หญิงสาวโต้เขากลับ “ทำไมผู้ชายดี ๆ การศึกษาดี ๆ ถึงได้พูดจาแบบนี้คะ มาพูดดูถูกกัน เมื่อกี้ก็หาว่าพวกเราขายตัว และตอนนี้ยังมากล่าวหาฉันอีกว่าฉันสำส่อน คุณถามคำถามแบบนี้กับผู้หญิงทุกคน ที่คุณเคยนอนด้วยหรือยังไงคะ” ความเจ็บปวดระบายออกมาทางสายตา เขาเป็นบ้าอะไรกันนี่ คำพูดแบบนี้มาจากสันดานข้างในหรือเพราะว่าเขาเมา “แล้วเธอเคยมีอะไรกับผู้ชายหรือเปล่าล่ะ” เขาย้ำอีกครั้ง จ้องสบตาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ “ปากร้าย ประโยคนี้คุณไม่ควรถามออกมาด้วยซ้ำไป” จากที่เรียกเขาว่าพี่ปุ่น ชักขุ่นและมีอารมณ์โมโหขึ้นมาเปลี่ยนสรรพนามที่คนฟังก็รู้ว่าห่างเหิน “ผู้หญิงที่ดี ๆ ที่ไหน จะตอบตกลงแต่งงานกันชายแปลกหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่คิด เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น” “แล้วมันยังไงคะ” นุชพินตาก็ไม่ยอมเหมือนกัน “เธออาจจะเป็นมือสองก็ได้” ‘เมื่อคืนเขาไปนอนที่ไหน แล้วไปนอนกับใคร’ ‘อ้อ… ก็คงจะเป็นผู้หญิงคนนั้นสินะ’ ดวงตาเศร้าลง เธอลุกขึ้นไปเปิดม่านหน้าต่าง และมองออกไปยังท้องทะเล แสงอาทิตย์กระทบกับระลอกคลื่นที่ไล่เรียงกันกระทบเข้าฝั่ง นุชพินตาถึงกับถอนหายใจดังเฮือก ‘ฉันมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ มาให้เขาย่ำยีเล่นใช่หรือไม่’ เฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ‘ยะหยาอย่าเสียใจไปเลยนะ เธอต้องทำตัวเองให้เข้มแข็ง แข็งแรงเถอะ ในเมื่อเธอก็ไม่ได้รักเขาเหมือนกัน’ คำพูดปลอบโยนตัวเอง ‘ใช่… ฉันไม่ได้รักเขา และจะเกลียดเขาให้มากกว่านี้’ เธอตอกย้ำคำนี้เข้าไปในหัวใจของตัวเองด้วยความมุ่งมั่นและสายตาที่แน่วแน่ แม้จะรู้สึกเจ็บแน่นในหัวอก ------------------------------ “ฉันจะหย่ากับเธอ” เขาเอ่ยอย่างใจดำ หญิงสาวถึงกับใจหล่นวูบ เธอเม้มขบริมฝีปาก กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว นุชพินตาพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว “นางผู้หญิงไร้ยางอาย แพศยาฉันเกลียดผู้หญิงหลายใจ ฉันเกลียดผู้หญิงที่นอกใจ ไปให้พ้นจากบ้านของฉัน ไปให้พ้นจากหน้าฉัน พรุ่งนี้จะให้ทนายทำใบหย่า” “พี่ปุ่นคะ” เธอยกมือขึ้นมาไหว้เขาปลก ๆ “เราสองคนเพิ่งแต่งงานกันเองนะคะ ยะหยาไม่อยากให้คุณลุงและคุณย่าเสียใจ” “แต่สิ่งที่เธอทำล่ะ มันน่าอาย แล้วเธอไม่ละอายบ้างเหรอ หน้าด้าน” เขามีอาการเสียใจ และหัวเสีย นุชพินตาเอง เธอไม่คิดว่าปุลวัชรจะปากร้ายด่าทอเธอได้ถึงเพียงนี้ “ฉันจะหย่ากับเธอแน่นอน เตรียมปากกาไว้เซ็นใบหย่าในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” พูดจบ เขาเดินเข้าไปใช้มือปัดแจกันที่อยู่ใกล้ และชกบานกระจกที่ใช้ตกแต่งอยู่ในห้องโถงด้วย จนกระจกแตกละเอียดทั้งบาน มือของปุลวัชรมีเลือดไหลซึม เขาจะเดินเข้าห้องทำงานและปิดประตูตามหลังดังโครม นุชพินตาตกใจ และหวาดกลัวกับสิ่งที่เธอได้เห็น ความดีใจที่สามีจะกลับมา เธอจะบอกข่าวดีเขา และกินข้าวด้วยกัน ได้มลายหายไปสิ้น มีเพียงความเศร้าเข้ามาทับถมอยู่ในจิตใจของนุชพินตา แล้วหญิงสาวยกมือขึ้นมาปิดหน้าปิดตาปล่อยโฮ