นทร์อยู่สูงเกินไขว่คว้าแต่จันทร์โน้มมาหาใจดวงน้อยๆ ที่ชะเง้อมองเขามาเนิ่นนาน ช่างน่ายินดีแม้มาพร้อมความข่มขืน แต่เมื่อรู้ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเหมือนฝันร้าย ใจก็พังทลายยับเยิน แต่ยังรอคอย… แต่เมื่อตัดใจไอแสนเย็นเยียบจัดกลับมาสู่หัวใจอีกครา เธอต้องยอมหรือทะนงตน พยายามนึกถึงความเจ็บปวดแต่หนหลังหลีกหนีเขา
“คุณศศินกุลกลับมาแล้วใช่ไหมคะคุณป้าแม่บ้าน”
แม่บ้านบ้านฤทธิไกรฤกษ์กำลังลงจากรถแท็กซี่หลังจากกลับมาจากจ่ายตลาดด้วยตนเอง แม่บ้านวัยห้าสิบหันมองคนที่ยืนอยู่ใกล้รั้วบ้านก็ตกใจแต่เพียงไม่นานก็ปรับสีหน้า “คุณรู้มาจากไหนคะ ยังหรอกคุณและตอนนี้ที่บ้านไม่มีเจ้านายคนไหนอยู่”
คุณศิน คุณนาย ไม่ต้องการพบใครถ้าตนบอกไปคงโดนดีแน่ ยิ่งผู้หญิงคนนี้ยิ่งไม่เป็นที่ต้องการพบ แม่บ้านเดินเข้าบ้าน… คุณนายนั้นน่ายิ่งน่ากลัวกว่าใครๆ ถ้ารู้ว่าตนปากพล่อยพูดอะไรออกไป
หทัยรัตน์หมุนแหวนทองคำขาวที่นิ้วนางข้างซ้ายแน่น อยากก้าวเข้าไปในบ้านแต่ยามเดินมาปิดประตู เธอได้แต่ชะเง้อเข้าไปข้างใน นับวันยิ่งไม่เข้าใจคนที่นี่
“ขอโทษนะคุณ” ยามว่า
หทัยรัตน์ถอยห่างจากรั้วทรงสูงบ้านหลังใหญ่โต เธอโบกแท็กซี่แต่ไม่มีคันไหนว่าง สองเท้าเดินเรื่อยๆ บนฟุตบาท ไม่อยากกลับบ้านที่คงอยู่ได้อีกไม่นานเพราะที่นั่นกำลังจะถูกยึดเพื่อนำไปขายทอดตลาด…เดินได้ไม่นานจึงตัดสินใจไปหาคนที่คิดถึงอีกคน
ในห้องรับแขกคุณชายคนเดียวของบ้านซึ่งเพิ่งกลับมาจากเมืองนอก กำลังนัวเนียกับคู่ขาในห้องนั่งเล่น แม่บ้านเดินผ่านตกใจเห็นภาพเจ้านายกอดจูบดาราสาวชื่อดังอยู่
แป๊ะ! ถุงกับข้าวหล่นจากมือ
“ว้ายคุณศิน” ดาราสาวร้องตกอกตกใจแต่ไม่ยอมปล่อยมือที่โอบกอดลำคอร่างหนาใหญ่ของเจ้าของบ้านรูปหล่อ
“ออกไปป้าอย่าให้ใครมายุ่มย่ามในห้องนี้อีก” ใบหน้าหล่อเหลาสายตาเย็นชาบอกว่ากำลังขัดใจยิ่งนัก พูดจบล้วงมือใหญ่เคล้าคลึงอกอวบใหญ่คนที่โอบกอด ดาราสาวพอใจ “อา…ที่รักดีจัง แรงๆ ค่ะ” ใช้มือตนเองตอบสนองโดยการจับหน้าขาเจ้าบ้านรูปงามขึ้นลงจนรู้ว่าของเขาพร้อมบ่งบอกว่าพร้อมสู้ศึก
“ไปห้องข้างบนกัน” ศศินกุลว่า หญิงสาวอารมณ์สวาทเดือดพล่านตามร่างใหญ่แนบชิด
วันนี้เธอจะรับขวัญเขาที่บ้านให้ซ่านไปถึงหัวใจ ดูสิเขาจะมอบรักให้เธอหรือแค่ใคร่ตลอดไปอย่างนี้ คอยดูกันต่อไป
“อ้า…ดีมากโยกขยับแรงๆ ดาด้า” ศศินร้องครางร่างอวบอัดของคู่ขากำลังโยกขยับกลางกายบนท่อนรักตนที่ชูชันพร้อมสู้ เบลินดาโยกย้ายสะโพกสองมือคลึงแคล้าอกอวบด้วยความเสียวซ่าน ศศินใกล้ถึงจุดหมายจับร่างอวบให้โก่งโค้งตอกอัดความยาวเข้าใส่ท่องทางลื่นแฉะของคู่ขาอย่างเมามันส์
“ซี้ดด…อา ศิน สุดยอดค่ะ แรงอีกดาด้าไหว โอ้ว”
ศศินกุลจับเอวดาราสาวแน่น โยกอัดความยาวสุดทาง
พับๆๆๆ เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังสนั่นก่อนทั้งสองจะถึงจุดหมายร้องครางด้วยความสุขสม…
“ที่รักน่ารักที่สุด” เบลินดายังมีแรงลูบไล้ความยาวใหญ่ของศศินกุล แต่ชายหนุ่มลุกขึ้นถอดถุงยางออกจากความยาวใหญ่
“กลับไปก่อนนะ”
เบลินดาอ้าปากค้างทว่าเห็นแววตาจริงจังก็เลือกจะเงียบเดินเข้าห้องน้ำชะระร่างกาย
แม่บ้านอยู่ในครัวปากกำลังบ่น “คุณศินนะคุณศินคุณนายไม่อยู่ถึงกล้าทำแบบนี้ บัดสีลูกตาป้าจริงๆ ไปอยู่เมืองนอกเมืองนาดูแล้วคงเป็นจอมเจ้าชู้กว่าเมื่อก่อน เมื่อไหร่คุณนายและคุณเกริกจะกลับมาจากเชียงใหม่ซะทีนะ”
“ป้าก็ยังไม่ชิน คุณชายเราหล่อสาวๆ ต้องจ้องจะจับมันธรรมดา”
“รู้มาก” ป้าแม่บ้านว่าเด็กรับใช้ก่อนเดินไปที่โทรศัพท์โทรหาประมุขของบ้าน
ดาราสาวเดินหน้าบูดออกมายืนข้างๆ บูกัตติ เวย์รอนสีดำซูเปอร์สปอร์ตของเจ้าของบ้านรูปงาม
เสร็จสมอารมณ์หมายก็ไล่กลับกันเลยถ้าไม่ติดว่าพอใจชายหนุ่มคนนี้มากกว่าใครๆ เธอ เบลินดา ดาราสาวผู้มีชื่อเสียงจะไม่ยอมอ่อนข้อให้เขาแน่นอน
“ไปสิดาด้าหรือจะรอคุณแม่ผมหึ” ศศินกุล รับกุญแจจากคนขับรถ ว่าแล้วขึ้นนั่งบนรถ รู้ดีเบลินดาไม่อยากเจอมารดาตนเป็นที่สุด เบลินดาหน้าเสียยอมขึ้นไปนั่งโดยคนขับรถในบ้านเป็นคนเปิดประตูให้
รถเร็วแรงออกไปจากประตูรั้ว แม่บ้านเดินมายืนข้างคนขับรถ “โล่งอกกลับไปเสียได้”
“เป็นไรป้า ว่าใคร”
“ดาราคนนั้น คุณนายไม่มีวันยอมรับผู้หญิงแบบนี้มาเป็นสะใภ้”
“รู้ดีนะป้า”
“แกก็รู้ขนาดลูกสาวเพื่อนรัก พอตกอับยังทอดทิ้งนับประสาอะไรกับผู้หญิงเต้นกินรำกินที่ควงผู้ชายไปทั่ววะ”
“น่าสงสารคุณหทัยรัตน์นะป้า ดูเธอรักเจ้านายเรามาก มาหาตั้งหลายครั้ง ทำไมผมไม่เข้าใจเธอไม่รู้เรื่องราวอะไรบ้างหรือ ขี้ข้าอย่างเราๆ ยังรู้”
“สาวๆ ที่ไหนไม่รักเจ้านายรูปหล่อ มหาเศรษฐีของเราก็แปลก แต่คงทำอะไรไม่ได้ตอนหมั้นกันเจ้านายก็ไม่ได้เต็มใจ แกก็รู้ ตอนนี้นายหนุ่มของเราคงโล่งใจแล้วที่กลายเป็นคนมีอิสรภาพ เป็นหนุ่มโสดเนื้อหอมอีกครั้ง”
คนขับรถรุ่นราวคราวเดียวกับเจ้านายหนุ่มหน้านิ่งเดินเข้าบ้าน “อ้าวไอ้ธรณ์เดินหนีไม่รอนะเอ็ง มาชวนคุยแล้วหนีมึงนะมึง” แม่บ้านต่อว่าเดินตามเข้าไปอีกคน
หน้ามหาวิทยาลัยมีชื่อ… ปี๊ดๆๆๆ
“ว้าย!” หทัยรัตน์เดินใจลอยข้ามถนนตกใจจนแหวนหมั้นที่กำอยู่ในมือกลิ้งหายไป แม้ล้มลงเจ็บก้นเธอรีบวิ่งตามแหวนวงเล็กไป อย่าหายนะ อยู่ไหนนะ อยู่ไหน!
“บ้าจริงๆ เดินยังไง ไปกันเถอะค่ะ ลุกขึ้นวิ่งไปโน้นแล้วคงตกใจเพราะรู้ว่าตัวเองผิด” เบลินดาบอกศศินกุล
“คุณอยู่ในรถก่อนนะผมไปดูเค้าหน่อย” ศศินกุลเปิดประตูรถคันหรูเดินลงไปหลังจากเทียบรถใกล้ฟุตบาท
“หาอะไรคุณแล้วเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” ชายหนุ่มถามเห็นคนที่ทำตนตกอกตกใจซึ่งเธอกำลังมองหาบางอย่างแถวฟุตบาท
“แหวนฉัน”
“แล้วเจ็บตรงไหนไหม?” ศศินกุลถามซ้ำสำรวจด้านหลังสวยในชุดนักศึกษา ก้นงอนงาม ขาเรียวยาวขาวผ่อง ซึ่งทำให้ศศินกุลทนอากาศร้อนอบอ้าวถามไถ่อยู่อย่างที่ไม่เคยคิดทำ
“ไม่ค่ะ ไม่เจ็บ ขอบคุณ” ใบหน้าที่อยากเห็นหันมาช้าๆ ศศินกุลอึ้งไป คิ้วขมวดหากัน
“เธอ”
“คุณศศินกุล…คุณ เป็นคุณจริงๆ ด้วย” เช่นเดียวกับหทัยรัตน์ซึ่งตกใจเห็นว่าใครที่เกือบชนคนใจลอยเช่นเธอ แต่เพียงไม่นานใบหน้าตกใจแกมดีใจก็กลายเป็นหน้าไร้สีเลือด
“ถ้าไม่เจ็บฉันไปนะ” ศศินกุลเลิกสนใจผู้หญิงตรงหน้าเห็นว่าเป็นใคร
ผู้หญิงที่กล้าทำให้ชีวิตโสดของเขาหมดสนุกและสนุกนิดหน่อย ตอนนั้นเขาแค่ยอมลงเล่นเกมตามน้ำเพราะเหตุผลบางอย่างเท่านั้น เขาไม่มีวันลืม แม้ตอนนี้จะดูมีน้ำมีนวลน่ามองแต่เขาไม่คิดเกี่ยวข้องคนบ้านนั้นอีก นายศศินกุลมีแต่สนใจแล้วเรียกหา เบื่อก็ทิ้งเอง ไม่ชอบให้ใครวิ่งตาม มันน่าเบื่อ ยายคนนี้คงแรงยิ่งกว่าพี่สาวละมั้ง ใจกล้าหน้าด้าน
“เดี๋ยวสิคะมะนาวดีใจจังที่เจอคุณ มะนาวไปหาคุณแต่ เอ่อ…ช่างมันเถอะ คุณพอจะมีเวลาว่างให้มะนาวสักนิดไหมคะ มะนาวอยากคุยเรื่องของเรา รอมา…” มะนาวลืมตัวรั้งต้นเขาใหญ่ไว้ในมือ มองใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มรอคอยคำตอบ
“เรื่องของเราเคยมีด้วยเหรอ ถ้าจะเคยมีแต่ตอนนี้ก็ไม่มีเรื่องของเราแล้วนี่ ที่เธอต้องการไม่มีแล้ว เธอไม่รู้หรือแกล้งลืม ฉันไปละ มีคนคอยอยู่ เสียเวลาจริงๆ”
สาวน้อยในชุดนักศึกษาเข้ารูปทรงผมสีดำหางม้าลืมเรื่องแหวนเพราะไม่ทันพูดจบโดนขัดคอ มองเข้าไปในรถคันหรูที่มีนักศึกษาหลายคนมองอยู่เช่นกัน รู้สึกใจหาย คอแห้ง ดวงตาที่สุกสกาวนิดหน่อยในตอนแรกเพราะความดีใจ มันกลายเป็นความแห้งแล้ง
เกือบลืมตัววิ่งตามเจ้าของรถไป ดีที่หยุดเท้าไว้ทัน
เจ้าของรถทิ้งเธอไว้เบื้องหลัง รถหรูออกตัวแรงจากไป ทิ้งไว้แค่ความไม่เข้าใจของหทัยรัตน์
คุณศินทำไมเขาเย็นชาอย่างนี้ เย็นชาจนเหมือนเกลียดชังกัน ไหนแม่บอกว่าการหมั้นหมายวันนั้นเขาเต็มใจ แล้วตอนนี้เกิดอะไรขึ้น เธอต้องถามเรื่องนี้กับแม่ให้รู้ความจริง
รอคอยเขามานาน วันนี้พอเจอกันทุกอย่างผิดไปอย่างที่คิดเสียหมด ไปหาเขาเธอน่าจะรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของคนบ้านนั้น หทัยรัตน์ทำไมมองโลกแสนดีเช่นนี้ สาวน้อยใจเจ็บแปลบเสมือนแผลที่ยังไม่เคยตกสะเก็ดไม่เคยหายเริ่มปริจนมีเลือดไหลอีกครั้ง นักศึกษาหลายคนเริ่มมองหทัยรัตน์ปาดน้ำตาที่ไหลมาสู่ขาวซีดเมื่อเดาเหตุการณ์ไปทางร้ายๆ แต่ยังคงสาวเท้าเดินไปหาแหวนหมั้นที่รักและห่วงมาก…อยู่ไหนนะ
เรื่องพบเขาค่อยคิดใหม่ก็แล้วกัน ยังไงเธอไม่ต้องการให้เรื่องราวค้างคาใจอย่างนี้
อทิตยาคือหญิงสาวที่นายพลภัทรอุปการะไว้ตั้งแต่อายุสิบขวบ เธอรัก เคารพนายพลเหมือนพ่อแต่กลัวคุณหญิง ภรรยานายพลมาก ดังนั้นเมื่อโตเป็นสาวเธอก็ไม่กล้าเข้าใกล้นายพลอีก จนกระทั่งภัทรกร ลูกชายคนโตของนายพลเข้ามาแทรกซึมให้หัวใจที่ว้าเหว่อบอุ่นขึ้น เธอหลงรักเขาอย่างห้ามใจไม่ได้ เธอยอมเป็นคนในความลับ เพื่อรอวันที่จะได้ทะเบียนสมรสจากเขา แต่แล้ววันหนึ่งคนรักเขากลับมา เขาไม่รีรอที่จะมอบเงินให้เธอ ตัดสัมพันธ์ที่เธอหวงแหนลง แล้วเธอจะพูดอะไรได้ นอกจากทำตามที่เขาต้องการ ทว่าเมื่อรู้ว่าตั้งท้องเธอก็เปลี่ยนใจ อยากให้ภัทรกรรู้เรื่องลูก แต่เขากลับคิดว่าเธอโกหกเพราะคิดจะจับเขา หญิงสาวเสียใจมาก เธอยอมไปจากบ้านดลจิตรตามที่คุณหญิงสั่ง เพราะที่นี่ไม่มีใครช่วยเธอได้ นายพลเธอก็ไม่อยากให้เดือดเนื้อร้อนใจเพราะเธอ
กัญญายอมมาเป็นผู้หญิงของรอน กวี อลอนโซแทนน้องเพื่อใช้หนี้ให้พ่อ แม้เธอจะต้องทิ้งรักแรกแต่ก็ไม่สามารถหลีกหนีได้ ทว่าวันหนึ่งกลับเจอว่าน้องสาวและคนรักเก่ากำลังคบหาจะแต่งงานกัน เธอได้รับรู้ที่ผ่านมาไม่มีใครสนใจถึงความเสียสละของเธอแม้แต่น้อย กัญญารู้สึกโดดเดี่ยว เสียใจเป็นที่สุด และในเวลานั้นรอนก็กำลังจะแต่งงาน ยุติความสัมพันธ์กับเธอ ซ้ำจะยกเธอให้ลูกน้องเขา เธอไม่มีค่ากับใครเลยหรือ?
เขาทิ้งเธอไว้ไปในวันฝนพร่ำเพื่อไปหาคนรักที่รอคอยมาเนิ่นนาน ความฝันที่จะได้เคียงคู่พลันมลายลง เธอเป็นแค่คนผ่านทาง เธอจะไม่ร้องไห้ แต่ทำไม น้ำตาไหลไม่หยุดแบบนี้เล่า ------------------------ เพราะยินยอมพร้อมใจเป็นเด็กเลี้ยงของหมอดลทัช เมื่อเขาจะจากไป โดยที่ไม่บอกกล่าวล่วงหน้า ชลรัมภาจำต้องยอมรับความทุกข์ ความปวดร้าวให้ได้ ทว่าเมื่อต้องเจอหน้าเขาอยู่ร่ำไป เพราะเธอคือเพื่อนรักน้องสาวเขา เธอจะทำตัวเช่นไรดี ให้เขาไม่สมเพช ไม่เห็นน้ำตาที่ไม่มีค่าของเธอ
เพราะอนาคตของน้องสาว เพราะแม่ พลอยหวาน สาวสมองขี้เลื่อยจึงต้องมารับกรรมที่ไม่ได้ก่อ คีตะคราม เขาหล่อ แต่เขาร้าย แต่ไม่ปราณีเธอ แม้เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ วันที่หลานชายเขาฟื้นขึ้นมาจากการหลับใหล เธอรู้ว่าตนเองท้อง ทว่าพ่อของลูก คนใจร้ายคนนั้นไม่ยอมรับฟัง เขายังต้องการให้เธอไปให้ไกลตาหลานชายของเขา แต่กลับไปบ้าน สักวันคนบ้านนั้นอาจจะรู้เรื่องน้องสาว ที่ไม่เคยเหลียวแลพี่สาวอย่างเธอ ดังนั้นเธอต้องไปหางาน หาเงินเอาข้างหน้า คลอดลูกเมื่อไหร่ จะเอามาให้พ่อเขาก็แล้วกัน ไม่โกรธแม่ใช่ไหมลูก? เธอน้ำตาไหล เธอหวังลูกจะตอบกลับเป็นประโยคเดียวกับคำถามของเธอ
เรื่องราวของอัญชลียาผู้ซึ่งยึดมั่นในความผูกพัน จนกลายเป็นความรัก แม้รู้ว่าคุณอคินของเรามีให้แค่เงินและสัมพันธ์ทางกายเธอก็ยังไม่เปลี่ยนใจจากเขา จนกระทั่งวันที่ต้องลาจากมาถึง เพราะคนรักที่เขาสัญญาจะแต่งงานด้วยกลับมาจากเมืองนอก ความผูกพันของเธอก็ดูไร้ค่าจนน่าสมเพชตนเอง และเรื่องราวที่เกิดขึ้นมากมายทำให้ความรักกลายเป็นความแค้น เรื่องราวจะเป็นอย่างไรติดตามกันในเล่มนะคะ ------ “ฉันไปนะอันอัน อย่าลืมฝากคีย์การ์ดไว้ที่เคาน์เตอร์นะ” “อะไรกันแค่คีย์การ์ด ฉันจะเอาไปทำไม” อันอัน เช็ดหน้าเดินไปหาเสื้อผ้า ดึงของใช้ตนเองออกมา” “เธอจะโมโหทำไม เอ๊ะ! หรือว่าคิดไม่ทำตามสัญญา อย่าเชียวนะ นั่นๆ ดึงไปให้หมดเลยเสื้อผ้าพวกนั้น” เขายืนมอง ปากก็พูดไล่อีกครั้ง หญิงสาวหันไปมองเขา “เลือดเย็นกับฉันจังเลยนะอคิน ทั้งที่เมื่อคืนปากบอกว่าชอบฉัน” อดไม่ได้จะตัดพ้อ แต่เขาคงฟังเป็นถ้อยคำน่ารำคาญ เพราะหันหลังหนีไปอีกครั้ง หยิบกุญแจรถขึ้น “เวลาเข้าด้ายเข้าเข็ม กำลังมันส์จะให้พูดว่าเกลียดหรือไง เธอเองก็ชอบนี่น่า พอๆ อย่าหาเรื่อง นั่นเช็คนะ ดูแลตัวเองด้วย” อย่างน้อยยังมีน้ำใจ แม้จะออกมาเพราะเธอคาดคั้น อัญชลียาหันมองเช็ค ใจแห้งเหี่ยวเดินเข้าไปแต่งตัว พร้อมกับเจ้าของห้องหรูเดินห่างไป เสียงประตูปิดลง หญิงสาวผู้ไม่เคยแสดงความอ่อนแอ นั่งลงปาดน้ำตา ขอบคุณทุกการสนับสนุนค่ะ ทรายสีรุ้ง
เขารักคนอื่น กำลังจะแต่งงานกัน ในค่ำคืนหนึ่งเธอกลายเป็นของเขาด้วยความงงๆ อยากบอกเขาให้รับผิดชอบ เพราะไม่รู้จะทำอย่างไร แต่คนที่เขาจะแต่งงานเป็นคนที่เธอรัก เคารพ อารยายอมตัดใจ แม้อุ้มท้องและโดนพ่อด่าทอ ทุบตี ว่าแย่งของคนอื่นเธอก็ไม่อาจโต้แย้ง ---------------------- “อย่าเพิ่งไป” มือใหญ่คว้ามือเธอไว้ อารยาสะบัด “จะกลับแล้ว ถ้าคุยเรื่องไร้สาระ” “การที่เรานอนกันดุเดือดคืนนั้น เธอพูดว่าไร้สาระเหรอ ฉันคงจะคิดผิดเสียแล้ว ว่าเธอไร้เดียงสา” ดวงตาคมโตหันไปถลึงตา “พูดอะไรเงียบไปเลยนะ” โยธินหัวเราะขื่น “แสดงท่าทีแบบนี้ ยอมรับแล้วสินะ” อารยากำหมัดแน่น มองซ้ายขวา ที่นี่คงให้เธอตะโกนให้หายแค้นใจได้ “ยอมรับแล้วไง คุณก็ไม่สามารถทำอะไรให้ฉันกลับมาเป็นคนเดิม พอๆ เลิกพูดเรื่องนี้ อย่ามายุ่งกับฉันอีก!” ไม่คิดจะกลายเป็นคำพูดนี้ที่ปิดการสนทนา เธอแหงนมองท้องฟ้า ห้ามน้ำตาไม่ให้ไหล ไม่มีอะไรดีขึ้น จะร้องไห้ไปทำไม “เธอหวังอะไรล่ะ น่าจะรู้ฉันจะแต่งกับพี่สาวเธอเท่านั้น” อารยากำหมัดแน่น พลั่ก! “โอ้ย!” โยธินกุมจมูก สบถเสียงดัง “เธอเป็นบ้าอะไร เจ็บนะ” “ให้คุณมีสติและคิดบ้าง ตั้งแต่เกิดเรื่อง ฉันเคยอ้อนวอนอะไรคุณบ้าง ฉะนั้นอย่ามาตัดสินว่าฉันคิดหรือไม่คิดอะไร เข้าใจไหม” โยธินอึ้งไปแต่ไม่ยอมแพ้ “ผู้หญิงเก็บกด อยากลองจะว่างั้น แล้วทำไมไม่บอกกันดีๆ ล่ะ แอบลอบเข้าไปมันคงเร้าใจใช่ไหม ก็แน่ล่ะ หุ่นผมมันคงน่ากิน” อารยายกมือจะซัดอีกครั้งแต่กลับโดนรวบที่เอว ก่อนใบหน้าบึ้งตึงจะก้มลงมาบดจูบปากเธอ หญิงสาวพยายามกระทืบเท้าเขาและดิ้น คนบ้านี่ ทำอะไรอีก
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
อารียา ถูกโชคชะตาชักนำไปสู่บทพิศวาสที่แสนเร่าร้อนบนความเข้าใจผิด ก่อเกิดเป็น ‘รักต้องห้าม’ ที่ไม่อาจต้านทานได้ แล้ว ชีควาคิล จะทำเช่นไร ที่จะทำให้ยอดหญิงที่เป็นดั่งดวงหฤทัย กลายเป็น ‘รักเดียว ตลอดกาล’ มันคงไม่ยากนัก หาก ‘เขา’ ซึ่งเป็นถึงองค์รัชทายาทจะทรงต้องการ ‘นางสนมในฮาเร็ม’ เพิ่มอีกสักคน ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ ‘เธอ’ ครูสอนภาษาที่เป็นดังกุหลาบงามที่ซ่อนหนามแหลมเอาไว้ภายใน แม้จะทรงมีอำนาจเหนือใคร ก็อย่าหมายมารังแกเธอได้ง่ายๆ แต่ทว่าเขากำลังถือ ‘ไพ่’ เหนือเธอ จึงทรงบังคับขืนใจด้วยไฟแค้น พันธนาการเธอเอาไว้ด้วยเพลิงพิศวาสที่แสนหวาน แล้วครูสาวไร้เดียงสาอย่างอารียา จะสามารถต้านทานบทสวาทขั้นเทพของชีคหนุ่มผู้กระหายในรสรักได้อย่างไร “อ๊ะ...ท่านชีค” เสียงหวานๆ ครางแผ่วออกมาอย่างลืมอายเมื่อท่านชีคผู้แสนจัดเจนในสนามรัก งัดกลยุทธพิชิตกายสาวออกมาใช้กับหญิงสาวอย่างไม่หมกเม็ด เจ้าของเรือนร่างงดงามดุจรูปปั้นเปลือยเปล่าของนักรบเทพเจ้ากรีก ได้จุดประกายไฟพิศวาสให้ลามเลียไปทั่วร่างร้อนผ่าวที่พร้อมจะติดไฟรักได้ทุกเมื่อ แล้วเมื่อใบหน้าหล่อเหลาดุจเทพบุตรแห่งสวรรค์ ฝังจมูกลงมาบนช่อดอกรักอวบอูมกลางกายสาว คนใต้ร่างก็ไม่อาจกลั้นใจ “ท่านชีค อย่าค่ะ ไม่...โอว” ร่างบอบบางบิดเร่าๆสะท้านไหว กลีบดอกไม้ลู่ไปตามทิศทางลมที่พัดโหมจนกลายเป็นพายุสวาทลูกใหญ่ซัดกระหน่ำแทรกลึกซอกซอนเข้าไปยังกลีบดอกรักแสนสวยจนเกสรสีหวานสั่นระรัวและบวมเป่งเพราะอารมณ์เสน่หา
หน้าตาก็หล่อเหลา เท่าที่ปั้นหยาอยู่ด้วยก็คิดว่าคงจะดูไม่ผิด ฐานะคุณไม่ใช่ธรรมดา แต่ปั้นหยาก็ยังไม่รู้หรอกนะว่าถึงขั้นไหน จะหาผู้หญิงมานอนด้วยเมื่อไหร่ก็ได้ แต่จะบอกอะไรให้นะคะคุณฮัมดีนขา...” ปัณฑารีย์เขย่งเท้าขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้ริมฝีปากแนบชิดกับใบหูฮัมดีน “ถึงปั้นหยาจะไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีนัก แต่ก็รักตัวเองเป็น แล้วผู้ชายอย่างคุณ ปั้นหยาไม่เลือกมาดูแลชีวิตปั้นหยาหรอกค่ะ คุณแก่และน่าเบื่อเกินไป” ปึก!! เข่าเล็กกระทุ้งขึ้นไปเตะกึ่งกลางกายใหญ่ ถึงจะไม่รุนแรงอะไรมากนัก แต่ก็ทำให้ฮัมดีนเจ็บได้ไม่น้อย “ช่วยไม่ได้นะคะคุณฮัมดีน คุณเป็นคนสอนให้ปั้นหยาทำแบบนี้เอง”
เมื่อเซิ่งหนิงเตรียมจะบอกฮั่วหลิ่นเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอ ทว่ากลับพบเขาช่วยพยุงผู้หญิงอีกคนลงจากรถอย่างเอาใจใส่... เคยคิดว่าตนเองอยู่เคียงข้างฮั่วหลิ่นคอยดูแลเขามาสามปี สักวันหนึ่งเขาจะมาสามารถสร้างความประทับใจให้กับเขา แต่สุดท้ายเป็นตนเองที่คิดเองเออเองไปฝ่ายเดียว เซิ่งหนิงตายใจแล้วจากไป สามปีต่อมา ข้างกายของเธมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง และฮั่วหลิ่นเสียใจมาก เจาพูดด้วยความโศกเศร้า "เซิ่งหนิง เรามาแต่งงานกันเถอะ" เซิ่งหนิงยิ้มอย่างเฉยเมย "ขออภัยนะคุณฮั่ว ฉันมีคู่หมั้นแล้ว"
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
หลิวซือซือผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่นอกจากรูปร่างหน้าตาที่สวยหยดย้อยแล้ว แทบจะไม่มีความสามารถหรือความโดดเด่นในเรื่องอื่น และหากจะว่ากันไปหญิงสาวก็เป็นคนที่ค่อนข้างใสซื่อบริสุทธิ์อยู่ไม่น้อย เพราะได้รับการรับเลี้ยงประดุจไข่ในหินจากผู้เป็นพ่อและแม่ที่มีฐานะไม่ธรรมดา เธอรักในอาชีพนักแสดงแม้พ่อแม่จะคัดค้านแต่สุดท้ายก็ตามใจเธอเพราะไม่ต้องการให้ลูกสาวเสียใจ อยู่มาวันหนึ่งด้วยบทบาทที่ต้องแสดงในซีรีส์ย้อนยุค ทำให้พ่อของเธอหาขลุ่ยโบราณเล่มหนึ่งมาให้ ตั้งแต่ได้รับขลุ่ยมาหลิวซือซือก็มักฝันประหลาด ว่าเธอได้พบผู้ชายคนหนึ่งในเขาเป็นแม่ทัพอยู่ระหว่างสงครามอีกทั้งตนเองยังมีโอกาสช่วยเขาหลายครั้ง ที่น่าประหลาดใจคือ ฝันนั้นของเธอเหมือนจะเป็นความจริงไปแล้ว เขาคือใครและเกี่ยวข้องกับเธอด้วยเหตุใด ทำไมเธอจึงมักฝันประหลาดเช่นนี้???