/0/5502/coverbig.jpg?v=deaa6446c9f1a7667f5a679550bc2c64)
คุณเชื่อรึเปล่าว่าแค่การอยากดูดาวจะทำให้เราเจอกับคนที่โชคชะตากำหนดมาให้ ฉันไม่เคยเชื่อเลยจนมาเจอกับตัวเอง เป็นเพราะดาวหรือเพราะโชคชะตากันนะที่ทำให้เขากับเธอมาเจอกันในสถานที่และห้วงเวลาที่ต่างออกไป
คุณเชื่อรึเปล่าว่าแค่การอยากดูดาวจะทำให้เราเจอกับคนที่โชคชะตากำหนดมาให้ ฉันไม่เคยเชื่อเลยจนมาเจอกับตัวเอง เป็นเพราะดาวหรือเพราะโชคชะตากันนะที่ทำให้เขากับเธอมาเจอกันในสถานที่และห้วงเวลาที่ต่างออกไป
วันนี้คือวันที่คู่รักทั่วโลกแสดงความรักต่อกัน แต่เธอกลับถูกแฟนหนุ่มที่คบกันมาตั้งสามปีบอกเลิกทำไมกันนะ ทำไมโชคชะตาต้องเล่นตลกกับหญิงสาวตัวเล็กๆ อย่างเธอด้วย ลู่เมิ่งหลิงสาวน้อยวัย19ปีที่เพิ่งถูกคนรักบอกเลิกเมื่อเช้า ตอนนี้กำลังนั่งร้องไห้ปรับทุกข์คนเดียวที่สวนสาธารณะหน้าหอดูดาวในเมืองแห่งหนึ่ง พลางในมือถือขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไว้ด้วย
“ถานมู่ไป๋ นายทำแบบนี้กับฉันได้ยังไงกัน ฉันอุตส่าห์คบกับนายตั้งสองปี สองปีเชียวนะที่ฉันยอมนายทุกอย่าง โชคชะตาเล่นบ้าอะไรกับชีวิตฉันเนี่ย ทำให้ต้องทำให้คนอย่างฉันไม่เหลือใครด้วยเนี่ย” ปากพลางพร่ำเพ้อโทษโชคชะตา มือก็พลางยกเครื่องดื่มขึ้นมาจรดปากตนเพื่อหวังเพียงให้มันช่วยคลายความโศกเศร้าในใจตนได้
“ดาวตกงั้นเหรอ จริงสินะวันนี้มีดาวตกนี้น่า ไปดูสักหน่อยก็แล้วกัน” ว่าอย่างนั้นลู่เมิ่งหลิงก็ลุกขึ้นเพื่อจะเดินเข้าไปภายในหอดูดาวสาธารณะที่เปิดบริการอยู่ทันที
“ขอบัตรประชาชนด้วยค่ะ” พนักงานขอบัตรประชาชนของลู่เมิ่งหลิง ก่อนที่เธอจะยื่นให้เหมือนเคยและได้ยินคำพูดบางอย่างของพนักงานที่ดูแลทางเข้าที่ชวนให้ประหลาดใจประโยคหนึ่ง
“หวังว่าจะหลุดพ้นจากเรื่องที่ไม่สมหวังนะครับ”
“คะ!? อ่อขอบคุณสำหรับคำอวยพรนะคะ” ลู่เมิ่งหลิงเอ่ยขอบคุณก่อนจะรับบัตรประชาชนของตนกลับคืนมา
“ครับ ข่าวบอกว่าคืนนี้จะมีดาวตกที่ในร้อยปีจะมีสักครั้งด้วยนะครับ หวังว่าคุณจะโชคดีได้เจอนะครับ”
“ค่ะ หวังว่าฉันจะมองเห็นมันนะคะ” ลู่เมิ่งหลิงขอบคุณพนักงานคนนั้นก่อนจะเลือกเดินขึ้นไปด้านบนของหอดูดาวแห่งนี้เพื่อจับจองพื้นที่สำหรับดูดาวในคืนนี้ แต่ที่น่าแปลกใจก็คือทั้งที่คืนนี้เป็นวันที่จะมีดาวตกที่จะมีทุกร้อยปีเกิดขึ้นแท้แต่กลับไม่มีใครอยู่ที่นี่เลยแม้แต่คนเดียว มีเพียงเธอและสายลมเย็นที่พัดผ่านเท่านั้น
“ไม่มีคนงั้นสินะ เอาเถอะหากว่าคืนนี้มีดาวตกที่ทุกร้อยปีจะมีสักครั้งเกิดขึ้นจริงก็ขอให้คำขอของฉันเป็นจริงทีเถอะ” ลู่เมิ่งหลิงพลางยกสองมือประสานกันเพื่ออธิษฐานต่อดาวและเทพบนสวรรค์ให้ช่วยบันดาลให้คำขอของเธอเป็นจริงเท่านั้น
“เอาล่ะ ลู่เมิ่งหลิงพรุ่งนี้เธอยังต้องไปเรียน จะมามัวแต่เสียใจกับเรื่องแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ” ลู่เมิ่งหลิงปลอบใจตัวเองแล้วเดินลงมาจากหอดูดาวเพื่อกลับไปยังหอพักนักศึกษาที่ตนอาศัยอยู่ในตอนนี้
“อาเตี๋ยฉันกลับแล้ว อาเตี๋ยเธออยู่ไหม” ลู่เมิ่งหลิงเรียกชื่อของรูมเมทของตน ก่อนจะนึกได้ว่าวันนี้รูมเมทของเธอไปค้างที่ห้องของแฟนหนุ่มที่อยู่นอกมหาลัย
“วันนี้แม้แต่อาเตี๋ยที่น่ารักก็ยังไปนอนหอแฟนเลยสินะ แล้วฉันล่ะถูกแฟนบอกเลิกไม่พอ ยังต้องมานั่งดื่มเหล้าในหอคนเดียวอีก วันนี้มันวันอะไรของฉันเนี่ย” ว่าจบลู่เมิ่งหลิงก็ล้มตัวลงบนเตียงก่อนจะค่อยๆ หลับตาลงอย่างช้าเพื่อปล่อยให้ร่างกายได้พักผ่อนลง
ร่างบางหลับลงอย่างไม่สติจนกระทั่งได้ยินเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นข้างหูเบาๆ
‘เด็กน้อยลืมตาขึ้นมาเถอะ แม่มารับเจ้าแล้ว’
'ใครน่ะ'ลู่เมิ่งหลิงที่ไม่ยอมลืมตาขึ้นมาเพียงเอ่ยถามเท่านั้น
'แม่มารับเจ้าแล้ว เมิ่งเมิ่ง ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่ลูกควรอยู่ ไปเถอะกลับไปกับแม่ แม่จะพาเจ้ากลับไปในที่ที่เจ้ากลับมา'
'จะพาฉันไปไหนกันน่ะ'
'เมื่อเจ้าตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เจ้าก็จะรู้ได้เองเมิ่งเมิ่ง'เสียงของผู้หญิงคนนั้นเงียบไป ลู่เมิ่งหลิงก็หลับลงไปอีกครั้ง
แสงอาทิตย์สาดส่อง เสียงของนกน้อยใหญ่ดังขึ้นเบาๆ เหมือนการขับกล่อมให้ตื่นขึ้นจากนิทรา สาวน้อยค่อยๆ ตัดสินใจลืมตัวขึ้นมามองดูธรรมชาติเบื้องหน้า พลางใช่สายตาสำรวจรอบๆ อย่างนึกสงสัยว่าตนมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกันแน่ หรือเพียงเพราะนี้เป็นแค่ฝันที่ตนสร้างขึ้นจากจินตนาการในยามเช้า หรือนี่คือเรื่องจริงกันแน่
เมื่อพินิจอย่างถี่ถ้วนแล้วว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือเรื่องจริง สาวน้อยก็ลุกขึ้นมองเสื้อผ้าของตนที่ตอนนี้อยู่ในชุดจีนโบราณผ้าเนื้อดีสีขาวเหลือบน้ำเงินปักด้วยลายที่วิจิตรประณีต เช่นนั้นสาวน้อยจึงวิ่งไปที่สระน้ำด้านหน้าที่ใสราวกับกระจกเพื่อจะสำรวจใบหน้าของตน ก่อนจะพบว่าฝาหน้าของเธอในตอนนี้งดงามยิ่งกว่าเทพธิดาบนสรวงสวรรค์หรือกระทั่งดาราในยุคปัจจุบันที่เธอจากมาด้วย แม้ตอนนี้ร่างนี้จะยังเป็นเพียงเด็กอยู่ก็ตาม
“อะไรกัน นี่ใช่ฉันจริงเหรอ” ลู่เมิ่งหลิงใช้มือลูบไปที่กลางหน้าผากของตน
“รอยอะไรกัน ฉันเคยมีรอยแบบนี้อยู่กลางหน้าผากด้วยงั้นเหรอ”
“ตราดารา สัญลักษณ์แห่งเทพธิดาแห่งฝันน่ะ” เสียงทุ้มดังขึ้นด้านหลังอย่างไม่ทันตั้งตัว จึงทำให้ลู่เมิ่งหลิงตกลงไปในน้ำอย่างช่วยไม่ได้
“คุณเป็นใครน่ะ”
“อยู่ที่นี่เจ้าต้องใช้ภาษาของที่นี่ มิใช่ภาษาของที่ที่เจ้าจากมารู้หรือไม่ลู่เมิ่งหลิง”
“แล้วคุณเป็นใครกันแน่ รู้ชื่อฉันได้ยังไงกัน แล้วอีกอย่างฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ตอบคำถามฉันได้หรือเปล่า” ลู่เมิ่งหลิงถามบุคคลตรงหน้าที่ยืนยิ้มแย้มโดยไม่มีท่าทีว่าจะช่วยตนขึ้นจากน้ำเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“เจ้าขึ้นมาจากน้ำดีก่อนหรือไม่ ข้าจะได้ตอบคำถามเจ้าได้ง่ายขึ้น”
“คุณไม่คิดช่วยฉันหน่อยหรือไง ทั้งที่เป็นเพราะคุณแท้ๆ ที่ทำให้ฉันตกลงมาในน้ำแบบนี้น่ะ”
“อ่อ งั้นข้าช่วยเจ้าเอง” ว่าจบร่างกายของเมิ่งหลิงก็ค่อยๆ ลอยขึ้นมาจากน้ำอย่างช้าๆ พร้อมกับเสื้อผ้าที่แห้งงด้วยเช่นกัน
“ขอบคุณมาก ว่าแต่คุณคือ”
“เสียมารยาทแล้ว ข้าคือคนที่มารดาเจ้าไหว้วานให้มาช่วยดูแลเจ้าในโลกนี้เท่านั้น”
“ในโลกนี้คุณหมายความว่า ที่ๆ ฉันจากมามันไม่ใช่ที่ของฉันเหรอ”
“ฉลาดดี สมแล้วที่เป็นธิดาเทพธิดาดาราจันทรา ถูกต้องโลกที่เจ้าอาศัยอยู่ก่อนหน้านี้เป็นเพียงแค่ด่านเคราะห์หนึ่งของเจ้าเท่านั้น”
“ด่านเคราะห์ จะบอกว่าฉันเป็นเทพเซียนหรือไงที่จะได้ต้องผ่านด่านเคราะห์อะไรแบบนั้น”
“ใช่มารดาเจ้าคือเทพธิดาดาราจันทรา ส่วนบิดาของเจ้าก็เป็นเทพเช่นกัน เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่เจ้าจะรู้เรื่องต่างๆ มากขนาดนั้น ตอนนี้สิ่งที่เจ้าต้องรู้มีเพียงแค่เรื่องราวของโลกใบนี้เท่านั้น”
“แล้วฉันต้องรู้อะไรบ้างล่ะ ถึงฉันจะไม่ค่อยเข้าใจว่าแค่อกหักแล้วทำไมถึงตายแล้วมาอยู่ที่นี่ก็เถอะ แต่ฉันก็จะพยายามทำความเข้าและปรับตัวก็แล้วกัน” เทพผู้นั้นมองเด็กสาวอย่างยิ้มเอ็นดูกับการกระทำของนาง
“เหมือนบิดาเสียยิ่งกว่าใครจริง เอาล่ะอย่างแรกเลยก็คือเจ้าลู่เมิ่งหลิง เจ้าต้องเปลี่ยนวิธีการพูดใหม่เสียเดี๋ยวนี้เลย”
“ขอเวลาอีกหน่อยนะคะ ตอนนี้ฉัน…ข้าอยากรู้ว่าตัวเองเป็นใครในโลกนี้กันแน่ แล้วทำไมตอนนี้ข้าเหมือนเป็นเด็กเช่นนี้ล่ะ” ลู่เมิ่งหลิงถามเทพหนุ่มตรงหน้าตน เพราะอยากรู้เหตุผลที่แท้จริงที่ตนมายังโลกนี้
“เจ้าคือลู่เมิ่งหลิง ปีนี้อายุเจ็ดหนาวเท่านั้น ในโลกนี้เจ้าก็คือเทพธิดาแห่งฝัน”
“พ่อแม่ข้าล่ะเจ้าคะ”
“ในโลกใบนี้เจ้าเป็นเด็กที่เกิดมาจากพลังของธรรมชาติเท่านั้น เจ้าเป็นสตรีจึงมีพลังหยินมาก เจ้าจำไว้แค่เพียงว่าตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าจะคอยสั่งสอนเจ้าแทนบิดามารดาเอง”
“เจ้าค่ะ งั้นให้ข้าเรียกท่านว่าอย่างไรดีเจ้าคะ อาจารย์ดีหรือไม่”
“อย่าเชียว อย่าได้คิดที่จะเรียกข้าว่าอาจารย์เชียวเด็กน้อย มิเช่นนั้นบิดาเจ้าได้มาแหกอกข้าเป็นแน่”
“งั้นให้ข้าเรียกท่านว่าอย่างไรดีเจ้าคะ”
“เรียกข้าว่าท่านลุงใหญ่ก็แล้วกัน เพราะอย่างไรเสียมารดาเจ้าก็เหมือนน้องสาวของข้าคนนึงเช่นกัน ส่วนข้าก็จะเรียกเจ้าว่าอาเมิ่ง” เทพหนุ่มบอกเด็กสาวอายุเจ็ดหนาวตรงหน้าตน
“เจ้าค่ะท่านลุงใหญ่ เมิ่งเมิ่งจะทำถามที่ท่านบอก” เด็กน้อยคำนับบุรุษตรงหน้าตน
“เมิ่งเมิ่ง เจ้าแทนตัวเองเช่นนี้ไปได้ยินมาจากไหนหรือ” เทพหนุ่มถามเด็กน้อย เพราะชื่อนี้หากมิใช่บิดาหรือมารดาแล้วย่อมไม่อาจมีผู้ใดเรียกเช่นนี้เป็นแน่
“เสียงของผู้หญิงที่บอกว่าจะพาข้ากลับมาที่ที่ข้าควรอยู่เจ้าค่ะ นางบอกว่าเป็นแม่ข้า” เด็กน้อยตอบบุรุษตรงหน้าตน
“งั้นหรือ อาเมิ่งเจ้าจำไว้นะ นั้นคือเสียงของมารดาเจ้า อาเมิ่งน้อยเจ้ารู้หรือไม่ว่าชื่อของเจ้ามาจากอะไร” เทพหนุ่มพลางลูบหัวเด็กน้อยที่ตอนนี้นั่งอยู่บนตักตน
“ชื่อของข้าหรือเจ้าคะ”
“ใช่ชื่อของเจ้า”
“ชื่อของข้าไม่ได้มาจากกวางแห่งฝันหรือเจ้าคะ”
“เจ้าคิดว่าเป็นเช่นนั้นหรืออาเมิ่ง”
“เจ้าค่ะ มิใช่หรือเจ้าคะ ในโลกก่อนคนที่รับเมิ่งเมิ่งไปเลี้ยงบอกว่า ชื่อของเมิ่งเมิ่งมาจากกวางแห่งฝันเจ้าค่ะ ท่านลุงรู้หรือไม่เจ้าคะ ว่าเมื่อก่อนเมิ่งเมิ่งถูกล้อว่าเป็นเด็กไม่มีพ่อแม่ เป็นเด็กกำพร้าเป็นเพียงแค่เด็กที่ถูกรับเลี้ยงเท่านั้น” เด็กน้อยว่าด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจจากการที่ถูกล้อเมื่อชาติก่อน
“อาเมิ่งฟังลุงนะ เรื่องของชาติก่อนจะเป็นเช่นไรก็ช่าง มันก็คือเรื่องที่ผ่านไปแล้ว ตอนนี้เจ้ามีลุงใหญ่อยู่ด้วยแล้วจะไม่มีใครรังแกเจ้าได้อีก”
“เจ้าค่ะ เมิ่งเมิ่งรักท่านลุงเจ้าค่ะ ว่าแต่ชื่อของเมิ่งเมิ่งมาจากอะไรกันแน่เจ้าคะ” เด็กน้อยที่ยังไม่คลายความสงสัยเอ่ยถามผู้ที่ตนเรียกว่าลุงอีกครั้ง
“เด็กน้อยเจ้าอยากรู้เช่นนั้นเชียว”
“แน่นอนสิเจ้าคะ ก็ท่านลุงเอ่ยมาเช่นนั้นแล้วจะไม่ให้เมิ่งเมิ่งอยากรู้ได้อย่างไรกัน” เด็กน้อยว่าแก้มป่องอย่างติดงอนเล็กน้อย
“ก็ได้ๆ เดี๋ยวลุงจะบอกให้ ชื่อของเจ้าคือลู่เมิ่งหลิง ลู่ที่มาจากหยกที่สวยงาม เมิ่งมาจากฝันส่วนหลิงมาจากกระดิ่งลม เพราะฉะนั้นชื่อของเจ้าคือ กระดิ่งลมแห่งฝันที่สร้างมาจากหยก” เทพหนุ่มบอกเด็กน้อยตัวกลมบนตักตน
“กระดิ่งลมแห่งฝันที่สร้างมาจากหยกหรือเจ้าคะ เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้นล่ะเจ้าคะ ทำไมท่านแม่ถึงตั้งชื่อข้าแบบนี้กัน”
“เจ้านี้ช่างสงสัยมากจริงนะอาเมิ่ง ชื่อเจ้าหาใช่มารดาเจ้าตั้งไม่ เป็นบิดาของเจ้าต่างหากที่เป็นผู้ตั้งชื่อของเจ้าขึ้นมา” เทพหนุ่มตอบเด็กน้อยบนตักตน
“ท่านพ่อจะตั้งชื่อข้าเช่นนี้ทำไมกันนะ”
“อาเมิ่ง ต่อไปนี้เจ้าแทนตัวเองว่าอาเมิ่งนะ อย่าแทนตัวเองว่าเมิ่งเมิ่งต่อหน้าผู้อื่นอีกเป็นอันขาดเข้าใจหรือไม่”
“เจ้าค่ะ ท่านลุงใหญ่ต่อไปนี้อาเมิ่งจะต้องทำเช่นไรต่อไปเจ้าคะ”
“ต่อไปนี้ ลุงจะคอยดูแลคอยสอนเจ้าในทุกๆ เรื่องเอง อย่างไรเสียก็เฉพาะเรื่องที่เจ้าต้องรู้ในโลกนี้เท่านั้นแหละนะ ที่ลุงจะสอนเจ้าได้ เพราะอย่างเจ้าเองก็เคยเป็นผู้ใหญ่มาก่อนเช่นกัน”
“ท่านลุงแล้วเราจะพักที่ไหนหรือเจ้าคะ”
“…” เทพหนุ่มไม่ตอบพลางยิ้มก่อนจะใช่พลังสร้างกระท่อมขึ้นมาเพื่อให้เด็กน้อยและตนได้อาศัยอยู่
“เราจะอยู่ที่นี่กัน กระท่อมแห่งนี้คือที่ที่เราสองคนลุงหลานจะอยู่จนกว่าเจ้าจะถึงเวลาที่สมควรออกไปเจอโลกภายนอก”
“ท่านลุงเรียกที่นี่ว่ากระท่อมหรือเจ้าคะ” เมิ่งหลิงถามเทพหนุ่มเพราะสิ่งปลูกสร้างตรงหน้าไม่ควรถูกเรียกว่ากระท่อม ควรเรียกว่าจวนมากกว่า
“งั้นหรือ” เทพหนุ่มว่าก่อนจะอุ้มเด็กน้อยขึ้นแนบอกและพาสำรวจรอบๆ โดยไม่รู้เลยว่าจะมีสายตาคู่หนึ่งมากทั้งสองด้วยสายตาอิจฉาอยู่
“หน็อย เจ้าหงส์เฒ่าถือสิทธิ์ว่าเป็นคนที่ดูแลภรรยาข้ามา แล้วยังมีหน้ามาอุ้มลูกสาวก่อนผู้เป็นบิดาเช่นข้าอีก” เทพหนุ่มพูดขึ้นก่อนจะใช้มือทุบเข้าที่ต้นไม้ใกล้อย่างแรง
ฉันจะเปลี่ยนโชคชะตาของตัวเอง จากเดิมที่ต้องตายในตอนจบ โอฟีเลียคนนี้จะร่ำรวยที่สุดในจักรวรรดิแห่งนี้ให้ดู..ว่าแต่ท่านแม่คะ นั่นท่านพาตัวร้ายเข้ามาในบ้านของเราทำไมกัน?
หลังจากแต่งงานมาสามปี เสิ่นเนียนอันคิดว่าตนเองสามารถเอาชนะใจโฮ่วอวินโจวได้ แต่กลับพบว่าเขามีเพียงคนรักแรกอยู่ในใจ "ฉันจะปล่อยเธอไปหลังจากที่เธอคลอดลูก" ในวันที่เสิ่นเนียนอันมีปัญหาในการคลอดบุตร โฮ่วอวินโจวได้พาผู้หญิงอีกคนออกจากประเทศด้วยเครื่องบินส่วนตัว "ไม่ว่าคุณจะชอบใครก็แล้วไป สิ่งที่ฉันเป็นหนี้คุณ ฉันคืนให้หมดแล้ว" หลังจากที่เสิ่นเนียนอันจากไป โฮ่วอวินโจวก็เสียใจ "กลับมาหาฉันอีกครั้งได้ไหม"
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
เพียงดื่มน้ำชาจอกแรกที่ผู้เป็นมารดาเลี้ยงมอบให้ซุนฮวาก็กลายเป็นสตรีร้ายกาจ ปีนขึ้นเตียงท่านอ๋องผู้เป็นคู่หมายของน้องสาวจำใจกล้ำกลืนสถานะพระชายาตัวแทนเป็นเพียงเงาของผู้อื่นในสายตาของสวามี
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
สิ่งแรกที่เธอทำหลังจากการหย่าร้าง เธอไปหมั้นกับศัตรูของเขา ไปมีความรักกับชายหนุ่มน้อย เล่นงานมือที่สาม แก้แค้นอดีตสามี ตัวตนที่แท้จริงของเธอค่อยๆ ถูกเปิดเผย นักเปียโนอันดับหนึ่งของโลก? ดีไซเนอร์ Elan ที่หาตัวยาก? นักลงทุนลึกลับ? หลังจากการหย่าร้างหลี้จิงถิงถึงค้นพบว่าอดีตภรรยาของเขามีความลับมากมายอย่างนี้ เขาอยากตามตื้ออดีตภรรยาของเขากลับมาคบกัน แต่ยังเป็นไปได้ไหมล่ะ มีอยู่วันหนึ่ง เมื่อปริศนาแห่งประสบการณ์ชีวิตของเธอถูกเปิดเผยจริงๆ หัวใจของเขาแตกสลายอย่างสิ้นเชิง...
© 2018-now MeghaBook
บนสุด