ดวงใจในไอรัก...เป็นเรื่องราวของ ‘บรูซ’ และ ‘คิมซอนมิน’ สองศิลปินชื่อดังจากทางฝั่งฮอลลีวู้ดและเกาหลีใต้ พวกเขาเจอกันเพราะงานภาพยนตร์ที่มีโอกาสได้เล่นร่วมกัน วินาทีแรกที่สองหนุ่มสบตาทั้งคู่ก็รู้เลยว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติ พวกเขาตกหลุมรักกัน ซึ่งมันเป็นความรักต้องห้ามที่ไม่มีวันจะมาบรรจบกันได้ ทั้งสองจะทำอย่างไรในเมื่อหัวใจได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ซ้ำยังปัญหาร้อยแปดประการที่โถมใส่พวกเขาจนยากที่จะหาทางออก มาร่วมกันค้นหาบทสรุปของบรูซและคิมซอนมินกันนะครับ “ผะ...ผมทำให้ชีวิตคุณ ขะ...เขวหรือเปล่า” “ทะ...ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้นล่ะ ?” ซอนมินตกใจ หันขวับมาจ้อง “อะ...อนาคตคุณกำลังจะไปได้สวย ตะ...แต่พอเราเจอกันทุกอย่างก็วูบดับลง” “บะ...บรูซ !!!” “...” “คะ...คุณอย่าพูดอย่างนี้อีกนะ ผมไม่เคยมีความคิดอะไรแบบนี้เลย !” “ฮะ...ฮึก...” บรูซสะอึกสะอื้น “คุณเองก็ยังยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อผมเหมือนกัน มะ...ไม่ใช่เหรอ ?” “ชะ...ใช่ครับ ตะ...แต่มันต่างกัน ผะ...ผมอยู่ในวงการนี้มาตั้งแต่สามขวบ ผิดกับคุณ...ที่เพิ่งจะสร้างชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมาได้ไม่กี่ปี คะ...คุณไม่เสียดายหรือไง !” ซอนมินจอดรถตรงข้างทาง ตะโกนก้องด้วยความเจ็บช้ำ “ทะ...ทำไมคุณถึงดูถูกความรู้สึกผมขนาดนี้ !!!” “ฮือออออ...” ที่สุดแล้วนักแสดงหนุ่มก็ร้องไห้โฮ ละล่ำละลักอย่างหมดอาย “ผะ...ผมกลัว กะ...กลัวจะเสียคุณไปไง !”
นิวยอร์ก วันที่ 3 มีนาคม
บูรซ ไปเปอร์ นักแสดงฮอลลีวู้ดชื่อดังเดินทางมายังบริษัทค่ายหนังยักษ์ใหญ่อย่าง ‘World C Entertainment’ พร้อมกับโรส ผู้จัดการส่วนตัว
ชายหนุ่มร่างสูงเพรียวลม ผิวขาวจัด ผมทอง นัยน์ตาสีฟ้าใส ใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตร วัยเพียงยี่สิบห้าปี ก้าวเดินฉับๆ ตรงไปที่ห้องประชุมกลัวว่าจะไปไม่ทัน
“ไม่ต้องรีบก็ได้บรูซ เดี๋ยวหกล้ม !” โรส...สาวใหญ่วัยสี่สิบปี ผมฟูฟ่อง แต่งตัวสไตล์สาวโบฮีเมียนติง หวั่นใจเหลือเกินว่านักแสดหนุ่มในสังกัดจะเกิดอุบัติเหตุเข้า
“เหลืออีกกี่นาทีครับ ?” หากเสียงนุ่มหวานสมกับใบหน้าอ่อนเยาว์กว่าวัยกลับถามมาด้วยความร้อนรน
“ห้านาทีจ้ะ แต่ถึงเราจะไปสายก็ไม่มีใครเขากล้าว่าหรอก”
“ไม่ได้หรอกพี่ เสียชื่อผมหมด ตั้งแต่เข้าวงการมาผมไม่เคยมาสายเลย จะมาพลาดแค่รถติดตรงทางเข้าบริษัทได้ยังไง”
“จ้ะๆ” โรสอดยิ้มชื่นชมหนุ่มน้อยตรงหน้าเธอไม่ได้
‘บรูซ ไปเปอร์’ คือ ดาราเด็กที่เป็นตัวประกอบจากภาพยนตร์หายนะเรือล่มเมื่อยี่สิบปีก่อนแต่กลับเป็นที่รู้จักในวงกว้าง เพียงไม่กี่ปีเจ้าหนูน้อยก็ประสบความสำเร็จจากการเล่นหนังครอบครัวที่มีธีมหลักเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ก่อนจะโด่งดังถึงสุดขีดสุดในภาพยนตร์แฟรนไชส์พ่อมดและไตรภาคแวมไพร์ ทำให้ชื่อ ‘บรูซ ไปเปอร์’ กลายเป็นที่ต้องการของผู้สร้างภาพยนตร์มากที่สุดในเวลานี้
ถ้าเรียกไม่ผิด ณ ตอนนี้ บรูซถือเป็นนักแสดงระดับ A-list เทียบชั้น ทอม ครูซ และ แบรด พิตต์ เลยทีเดียว
ไม่นานเกินคอยทั้งสองก็เดินมาถึงประตูทางเข้าห้องประชุมใหญ่
ก๊อกๆๆ
โรสเคาะเรียก ครู่หนึ่ง เจ้าหน้าที่สวมแว่นตาหนาก็เปิดประตูห้องออกแล้วผายมือเชื้อเชิญพวกเขาเข้าไปด้านใน
“เชิญค่ะคุณโรส คุณบรูซ”
“ขอโทษด้วยนะคะที่เกือบมาสาย พอดีรถติดหนักมากตรงปากทางเข้าบริษัท” โรสกล่าวขึ้นต่อหน้าบอร์ดบริหารและทีมงานหลักๆ ในกองถ่ายภาพยนตร์เรื่อง ‘The Warrior’s Respect เดอะ แวริเออร์ส เรสเปก’
“ไม่เป็นไรๆ เชิญๆ คุณโรส ยังไม่สายหรอก เหลืออีกตั้งสี่นาที” เทรเวอร์ ลุยซี...ประธานบริหารค่ายหนังยักษ์ใหญ่เอ่ยร่วนๆ
“ค่ะ” โรสค้อมหัวให้เกร็งๆ ขณะที่บรูซเดินไปทักทายเทรเวอร์
“สวัสดีครับท่าน”
“สวัสดีบรูซ เป็นไงบ้าง ไม่ได้เจอกันเสียนาน” เทรเวอร์ทักทายนักแสดงหนุ่มคนโปรดกลับ หลายต้องหลายครั้งที่เขาเรียกใช้บริการเจ้าหนุ่มคนนี้ซึ่งก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง แถมรายได้จากภาพยนตร์ที่มีบรูซเป็นตัวนำหลักก็มักจะได้เงินถล่มทลายด้วย
“สบายดีครับท่าน” บรูซเช็กแฮนด์กับหนุ่มใหญ่วัยห้าสิบห้าปี ลงพุง แต่งตัวภูมฐาน “ท่านล่ะครับ”
“ตามประสาคนมีอายุนั่นแหละ”
“ท่านยังหล่อและแข็งแรงอยู่เลยครับ ถ้าไม่รู้จักกันผมคงนึกว่าท่านน่าจะอายุสักสามสิบห้า” บรูซกล่าวประจบ
“ฮ่าๆๆ ว่าไปนั่น” เทรเวอร์ตบไหล่หนุ่มคราวลูกเบาๆ อย่างชอบใจ “ไปหาที่นั่งไป ใกล้ๆ กับเดมี่ก็ได้”
“ครับๆ” บรูซพยักหน้ายิ้มๆ แล้วดิ่งตรงไปนั่งใกล้ๆ กับ เดมี่ มัวร์ นักแสดงนำอีกคนหนึ่งของเรื่อง
วันนี้เขามีประชุมใหญ่กับนักแสดงและทีมงานหลักทุกคนในภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่เขารับเล่น นอกจากจะมีเดมี่ มัวร์แล้วนักแสดงหลักอีกคนที่พูดถึงไม่ได้ก็คือ แบรด พิตต์ หนุ่มใหญ่รายนี้นั่งตรงข้ามกับเขากำลังพูดคุยอะไรกับผู้กำกับอยู่ ยังไม่มีโอกาสได้ถามไถ่อะไรกัน
“สวัสดีครับเดมี่” บรูซหันมาทักนักแสดงอาวุโสด้วยรอยยิ้มหวาน
“หวัดดีจ้ะบรูซ” ซุปเปอร์สตาร์สาวใหญ่วัยหกสิบปีตอบรับพร้อมยิ้มอ่อนโยน “เป็นยังไงบ้างฮะเรา”
“สบายดีครับ คุณล่ะ”
“สบายดีจ้ะ”
“เราไม่ได้เจอกันเลยนะครับตั้งแต่ The Christmas Party” บรูซว่า
“ช่ายยย นั่นก็ผ่านมาสิบห้าปีแล้วใช่ไหม” เดมี่หัวเราะร่วน
“ใช่ครับ นานมากๆ ฮะๆๆๆ” บรูซร่วมประสมโรง
“แล้วช่วงนี้งานเยอะไหม” เดมี่ชวนคุย
“ปิดกล้องไปสามเรื่องครับ เรื่องที่สี่เพิ่งถ่ายคิวสุดท้ายไปเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมานี่เอง”
“โอ้ ฮอตมาก !” เดมี่ยกมือทาบอก ยิ้มกว้างขวาง “พี่ดีใจด้วยนะกับความสำเร็จในอาชีพ”
“ขอบพระคุณมากครับเดมี่” บรูซน้อมรับ มองนักแสดงอาวุโสรายนี้ด้วยความซาบซึ้ง เขาเคยเล่นหนังกับเดมี่มาแล้วหนึ่งเรื่อง พอได้มีโอกาสกลับมาเล่นเป็นแม่ลูกกันอีกครั้งก็ดีใจมาก และแน่นอนบทพ่อก็ต้องเป็นของแบรด พิตต์ นั่นเอง
ไม่เพียงเท่านั้น ภาพยนตร์เรื่อง The Warrior’s Respect ยังได้ศิลปินนักร้องหนุ่มสัญชาติเกาหลีซึ่งฮอตมากในเวลานี้อย่าง ‘คิม-ซอนมิน’ มาร่วมแสดงนำด้วย ทางประธานค่ายหนังอย่างเทรเวอร์จึงต้องการสองศิลปินชื่อดังทั้งสองฝั่งทวีปมาร่วมเล่นภาพยนตร์ทุนสร้างมหาศาลเรื่องนี้ร่วมกันเพื่อดันให้ World C Entertainment ทะยานไปถึงจุดสูงสุด
ตัวเขาเองยังไม่เคยพบกับคิมซอนมินแต่ได้ทำการบ้านมาแล้วเกี่ยวกับนักร้องหนุ่มคนนี้
ในที่สุดประตูห้องประชุมก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง บุคคลที่เข้ามาคือศิลปินเกาหลีคนนั้นกับผู้จัดการส่วนตัวของเขา วินาทีนั้นที่บรูซเห็นคิมซอนมินเหมือนมีบางอย่างเกิดขึ้นในอก
ใบหน้าเขาร้อนวาบ ขณะที่หัวใจเต้นแรงอย่างที่ไม่ทราบสาเหตุ เป็นจังหวะเดียวกับที่นักร้องหนุ่มหันมาปะทะสายตาเข้าพอดี ทำให้บรูซยิ่งหายใจไม่ออก เนื้อตัวเกร็งแข็ง
“บรูซ...” เสียงท่านประทานเทรเวอร์ดังขึ้นเรียกภวังค์ของบรูซกลับมา
“คะ...ครับท่าน”
“เดินมารู้จักกับคิมซอนมินหน่อย”
“ครับ” ชายหนุ่มจึงลุกจากที่นั่งแล้วเดินไปเช็กแฮนด์กับศิลปินหนุ่มเกาหลีผู้มีใบหน้าหวาน ทั้งตา จมูก ริมฝีปากที่รับกันอย่างลงตัว ผิวพรรณขาวหยวก รูปร่างกำยำอย่างคนที่ออกกำลังกายมาหนัก
สองหนุ่มต่างเชื้อชาติวัยเท่ากันสัมผัสมือกันเบาๆ บรูซเป็นฝ่ายที่สะดุ้งก่อนทันทีที่สองมือประสานกันแน่นเพราะรู้สึกถึงกระแสไฟฟ้าที่แล่นผ่านมา เสียงหัวใจของนักแสดงหนุ่มดังกระหน่ำ ใบหน้าเห่อร้อน เขารีบหลุบตาลงขวับ
มะ...มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย !
“สะ...สวัสดีครับ” คิมซอนมินเอ่ยเป็นภาษาอังกฤษ ศิลปินหนุ่มเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน เขาท้องไส้ปั่นป่วน หน้าแดงระเรื่อ หายใจไม่เป็นจังหวะ
“อะ...เอ่อ สะ...สวัสดีครับ ผะ...ผมบรูซครับ”
“ผะ...ผมซอนมินครับ ยะ...ยินดีที่ได้รู้จัก”
“ชะ...เช่นกันครับ” สองหนุ่มจ้องตากันนิ่งงันอยู่อย่างนั้น
“ทำความรู้จักกันเอาไว้นะ เพราะเดี๋ยวจะต้องไปใช้ชีวิตกันในกองถ่ายอีกหลายเดือนเชียว แลกไลน์แลกเบอร์กันเอาไว้” เทรเวอร์แนะนำ
“คะ...ครับๆ” บรูซเลิ่กลั่ก ควานหาโทรศัพท์มือถือส่วนตัวให้วุ่นวาย จากนั้นก็กดหมายเลขเก้าหลักลงในโทรศัพท์คิมซอนมิน เช่นเดียวกับที่ศิลปินหนุ่มก็กดเบอร์มือถือให้บรูซเช่นกัน
“มีอะไรก็กริ๊งกร๊างหากัน ปรึกษาเรื่องงานกันนะ” ประธานค่ายหนัง World C บอก
“คะ...ครับท่าน” บรูซพยักหน้ารับทราบ
“เอาละ ไปนั่งที่ได้”
บรูซเดินกลับมาประจำที่ สายตาเหลือบมองคิมซอนมินตลอด ไม่ต่างอะไรกับที่นักร้องหนุ่มคอยชำเลืองเขา
“ครบองค์ประชุมแล้วก็เริ่มคุยงานกันได้” เทรเวอร์ขยับตัวนั่งหลังตรง “สรุปแล้วเราจะใช้โลเกชั่นที่ไหนกันดี บทเราพร้อมแล้วเหลือแค่สถานที่ถ่ายทำ ส่วนตัวผมอยากได้แถบตะวันออกกลาง เพราะมันมีวิวเมืองกับทะเลทรายที่ตรงกับบทเราพอดี พวกคุณคิดว่ายังไง ?”
#Yaoi ชีวิตเขาตั้งแต่ที่ได้รู้จักกับไอ้นักโทษแหกคุกในวันนั้นเมื่อห้าปีก่อน ก็เหมือนกับยืนอยู่บนเส้นทางสายกลาง ระหว่างความรู้สึกผิดชอบชั่วดีกับความต้องการของหัวใจ จะรักก็ไม่ได้...จะเกลียดก็ไม่ลง ใช่...มังกรไม่ใช่คนดี เขาเป็นคนเลว เป็นนักโทษ เป็นฆาตกร ซึ่งแน่นอนคนดีๆ กับโจรย่อมอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้อยู่แล้ว ด้วยเหตุผลนี้เอง ทำให้ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาต้องกักเก็บความรักที่เขามีต่อมังกรเอาไว้ภายใน โดยที่เขาไม่สามารถจะแสดงอะไรออกมาให้มังกรเห็นได้เลย รักของเขากับมังกรมันไม่มีทางเป็นไปได้ ไม่ว่าจะทำหรือใช้วิธีไหนก็ตาม !
เป็นเรื่องราวดราม่าในครัวเรือน เน้นความรักความสัมพันธ์ในครอบครัว ระหว่างพี่น้องทั้ง 5 คน แต่ยังมีกลิ่นอายความรักของหนุ่มสาวที่เป็นพระเอกนางเอกของเรื่องไว้ด้วย ตามสไตล์หนังฝรั่ง --- ฟาร่า เตฮะราน นักร้องสาวสวยชื่อดัง เชื้อสายเบรย์เมนพลอสที่ไปโด่งดังในฮอลลีวู้ด กลับมาบ้านเกิดปีนี้มี ‘บางอย่าง’ กำลังจะเปลี่ยนไป ครั้งหนึ่งเธอเคยทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงกับอดีตคนรักเก่าเพื่อแลกกับการเดินตามความฝัน... วันนี้...เธอจึงกลับมาแก้ไขเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นจากการกระทำของตัวเอง ไม่ว่าผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นเช่นไร...เธอจะยอมรับมันให้ได้ ดีกว่ามานั่งเสียใจที่ไม่คิดทำอะไรเลย “ยะ...อย่าหลบหน้ากันอีกเลยนะคะ ---” “…” “ฉะ...ฉันกลับมาเพื่อขอโทษคุณ และฉันมา...เพื่อขอโอกาส จะ...จากคุณอีกครั้ง” เธอกลืนลมหายใจสะท้าน รอคอยคำตอบจากเขาแม้เพียงสักนิด “...” ทว่าเขาก็ยังเงียบสนิท ไม่ปริปากใดๆ “คะ...คุณจะให้อภัยฉันได้ไหม ?” “ฮึ ! ไม่มีประโยชน์หรอก คุณกลับไปเสียเถอะ” เสียงทุ้มเย็นชากล่าวขึ้นในท้ายที่สุด “กลับไป...แล้วต่างคนต่างอยู่เหมือนที่เคยทำมาตลอด” “ฉะ...ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น กะ...กว่าฉันจะตามหาคุณเจอต้องใช้เวลาเกือบสองปี !” ดัรวีชทำสีหน้าเจ็บปวด “คะ...คุณทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร นะ...ในเมื่อตัวคุณเองไม่ใช่เหรอ ทะ...ที่ทิ้งผมไว้ข้างหลัง ยะ...อย่างไม่ไยดี ละ...แล้วตอนนี้คุณจะมาเอาอะไรอีกไม่ทราบ ฮะ คุณนักร้องฮอลลีวู้ด ?!!!” ฉันเหมือนโดนมีดกรีดแล่ไปในเนื้อหัวใจ ปวดร้าวทุรนทุราย “ฉะ...ฉันขอโทษ ฉะ...ฉันผิดไปแล้ว ฉะ...ฉัน ฉันรู้สึกผิดและละอายแก่ใจจริงๆ กะ...กับทุกสิ่งที่ทำกับคุณเอาไว้ คะ...คุณ จะยกโทษให้ฉันได้ไหม” เธอร้องไห้ระงม ระบายสิ่งที่อัดอั้นในอกออกมา “เฮอะ ! ช่างน่าขันสิ้นดี คุณทำกับผมเอาไว้เจ็บแสบมาก...คุณฟาร่า แล้วอยู่ๆ คุณคิดเหรอว่ากับการที่คุณแค่มาขอโทษผมง่ายๆ แบบนี้มันจะทำให้ผมยกโทษให้คุณได้ ตลกนัก...ฮะๆ” เขาหัวเราะหยัน “ความรู้สึกคนนะครับไม่ใช่แผ่นกระดาษที่หน้าขาดแล้วคุณจะใช้สกอตเทปแปะติดคืนกลับไปใหม่ได้ !!!” “…” “มันสายไปแล้วละครับ ทุกอย่าง...มันสูญสิ้นไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว เช่นเดียวกับที่ไอ้เด็กผู้ชายใสซื่อคนนั้นที่คิดว่าความรักสวยงามก็ได้ตายจากโลกนี้ไปแล้วเช่นกัน !” “…” “อย่ามายุ่งกับผมอีก เราต่างคนต่างใช้ชีวิต ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณ แล้วก็จำเอาไว้ด้วยว่า...ผมเกลียดคุณ --- คุณฟาร่า เตฮะราน !!!” เรื่องราวของพวกเขาสองคนจะเป็นยังไงต่อไป จะดำเนินไปในทิศทางไหน อุปสรรคและปัญหาที่มาในรูปแบบต่างๆ กันก็ถาโถมโจมตีมาทดสอบไม่จบสิ้น ฟาร่าจะหาทางออกได้ไหม แล้วจะเอาชนะใจ ‘ดัรวีช’ ได้หรือเปล่า ต้องติดตามได้ในเล่มครับ ###
เพราะถูกสามีเก่าทุบตีทำร้ายร่างกาย ‘เมลลี่ มัลเบิร์ต’ สาวจากเมืองทางใต้จึงทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลังแล้วดิ้นรนมาตายเอาดาบหน้า เธอขนข้าวของขึ้นมาหางานทำทางภาคเหนือ ที่นี่...เธอได้งานแม่บ้านในไร่แห่งหนึ่ง หลายคนบอกว่า ‘คุณทรัค’ ชายหนุ่มรูปงามผู้เป็นเจ้าของไร่วัยเพียง 25 นั้น ดุร้ายเหมือนเสือ แต่ทำไมกับเธอ...เขาถึงใจดีนัก ดี...จนน่าใจหาย แต่แล้ว...เขาก็แสดงธาตุแท้ออกมาไม่นานจากนั้นว่าสุดท้ายเขาก็ไม่ต่างอะไรจากชายที่เธอวิ่งหนีมาทั้งชีวิต
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
เธอเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวย แต่ต้องประสบเคราะห์กรรมสูญเสียแม่ไปตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่วันนั้นเธอก็ไม่มีวันอยู่เป็นสุขเลย พ่อแท้ ๆ และแม่เลี้ยงของเธอบังคับให้เธอแต่งงานกับชายที่เธอไม่รักแทนน้องสาวต่างมารดาของเธอ เธอไม่ยอมแพ้ต่อชะตากรรมของตน ในวันแต่งงาน เธอหนีออกจากบ้านไปและได้มีอะไรกับชายแปลกหน้าคนหนึ่งในคืนนั้น หลังจากนั้นเธอก็พยายามจะหนีไปแต่สุดท้ายก็ถูกพ่อเธอหาจนพบ และหนีไม่รอดชะตากรรมที่จะต้องแต่งงานแทนน้องสาว เธอจะพบว่าชายที่เคยมีอะไรกับเธอในคืนนั้นก็คือสามีของเธอหรือไม่ และเขานั้นจะรู้ว่าเธอเป็นแค่เจ้าสาวปลอมหรือไม่ ตลอดจนความลับเบื้องหลังของสามีคนจนจะเป็นเช่นไร ติดตามไปด้วยกันเลย
หลิวซือซือผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่นอกจากรูปร่างหน้าตาที่สวยหยดย้อยแล้ว แทบจะไม่มีความสามารถหรือความโดดเด่นในเรื่องอื่น และหากจะว่ากันไปหญิงสาวก็เป็นคนที่ค่อนข้างใสซื่อบริสุทธิ์อยู่ไม่น้อย เพราะได้รับการรับเลี้ยงประดุจไข่ในหินจากผู้เป็นพ่อและแม่ที่มีฐานะไม่ธรรมดา เธอรักในอาชีพนักแสดงแม้พ่อแม่จะคัดค้านแต่สุดท้ายก็ตามใจเธอเพราะไม่ต้องการให้ลูกสาวเสียใจ อยู่มาวันหนึ่งด้วยบทบาทที่ต้องแสดงในซีรีส์ย้อนยุค ทำให้พ่อของเธอหาขลุ่ยโบราณเล่มหนึ่งมาให้ ตั้งแต่ได้รับขลุ่ยมาหลิวซือซือก็มักฝันประหลาด ว่าเธอได้พบผู้ชายคนหนึ่งในเขาเป็นแม่ทัพอยู่ระหว่างสงครามอีกทั้งตนเองยังมีโอกาสช่วยเขาหลายครั้ง ที่น่าประหลาดใจคือ ฝันนั้นของเธอเหมือนจะเป็นความจริงไปแล้ว เขาคือใครและเกี่ยวข้องกับเธอด้วยเหตุใด ทำไมเธอจึงมักฝันประหลาดเช่นนี้???
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"