เป็นเรื่องราวดราม่าในครัวเรือน เน้นความรักความสัมพันธ์ในครอบครัว ระหว่างพี่น้องทั้ง 5 คน แต่ยังมีกลิ่นอายความรักของหนุ่มสาวที่เป็นพระเอกนางเอกของเรื่องไว้ด้วย ตามสไตล์หนังฝรั่ง --- ฟาร่า เตฮะราน นักร้องสาวสวยชื่อดัง เชื้อสายเบรย์เมนพลอสที่ไปโด่งดังในฮอลลีวู้ด กลับมาบ้านเกิดปีนี้มี ‘บางอย่าง’ กำลังจะเปลี่ยนไป ครั้งหนึ่งเธอเคยทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงกับอดีตคนรักเก่าเพื่อแลกกับการเดินตามความฝัน... วันนี้...เธอจึงกลับมาแก้ไขเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นจากการกระทำของตัวเอง ไม่ว่าผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นเช่นไร...เธอจะยอมรับมันให้ได้ ดีกว่ามานั่งเสียใจที่ไม่คิดทำอะไรเลย “ยะ...อย่าหลบหน้ากันอีกเลยนะคะ ---” “…” “ฉะ...ฉันกลับมาเพื่อขอโทษคุณ และฉันมา...เพื่อขอโอกาส จะ...จากคุณอีกครั้ง” เธอกลืนลมหายใจสะท้าน รอคอยคำตอบจากเขาแม้เพียงสักนิด “...” ทว่าเขาก็ยังเงียบสนิท ไม่ปริปากใดๆ “คะ...คุณจะให้อภัยฉันได้ไหม ?” “ฮึ ! ไม่มีประโยชน์หรอก คุณกลับไปเสียเถอะ” เสียงทุ้มเย็นชากล่าวขึ้นในท้ายที่สุด “กลับไป...แล้วต่างคนต่างอยู่เหมือนที่เคยทำมาตลอด” “ฉะ...ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น กะ...กว่าฉันจะตามหาคุณเจอต้องใช้เวลาเกือบสองปี !” ดัรวีชทำสีหน้าเจ็บปวด “คะ...คุณทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร นะ...ในเมื่อตัวคุณเองไม่ใช่เหรอ ทะ...ที่ทิ้งผมไว้ข้างหลัง ยะ...อย่างไม่ไยดี ละ...แล้วตอนนี้คุณจะมาเอาอะไรอีกไม่ทราบ ฮะ คุณนักร้องฮอลลีวู้ด ?!!!” ฉันเหมือนโดนมีดกรีดแล่ไปในเนื้อหัวใจ ปวดร้าวทุรนทุราย “ฉะ...ฉันขอโทษ ฉะ...ฉันผิดไปแล้ว ฉะ...ฉัน ฉันรู้สึกผิดและละอายแก่ใจจริงๆ กะ...กับทุกสิ่งที่ทำกับคุณเอาไว้ คะ...คุณ จะยกโทษให้ฉันได้ไหม” เธอร้องไห้ระงม ระบายสิ่งที่อัดอั้นในอกออกมา “เฮอะ ! ช่างน่าขันสิ้นดี คุณทำกับผมเอาไว้เจ็บแสบมาก...คุณฟาร่า แล้วอยู่ๆ คุณคิดเหรอว่ากับการที่คุณแค่มาขอโทษผมง่ายๆ แบบนี้มันจะทำให้ผมยกโทษให้คุณได้ ตลกนัก...ฮะๆ” เขาหัวเราะหยัน “ความรู้สึกคนนะครับไม่ใช่แผ่นกระดาษที่หน้าขาดแล้วคุณจะใช้สกอตเทปแปะติดคืนกลับไปใหม่ได้ !!!” “…” “มันสายไปแล้วละครับ ทุกอย่าง...มันสูญสิ้นไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว เช่นเดียวกับที่ไอ้เด็กผู้ชายใสซื่อคนนั้นที่คิดว่าความรักสวยงามก็ได้ตายจากโลกนี้ไปแล้วเช่นกัน !” “…” “อย่ามายุ่งกับผมอีก เราต่างคนต่างใช้ชีวิต ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณ แล้วก็จำเอาไว้ด้วยว่า...ผมเกลียดคุณ --- คุณฟาร่า เตฮะราน !!!” เรื่องราวของพวกเขาสองคนจะเป็นยังไงต่อไป จะดำเนินไปในทิศทางไหน อุปสรรคและปัญหาที่มาในรูปแบบต่างๆ กันก็ถาโถมโจมตีมาทดสอบไม่จบสิ้น ฟาร่าจะหาทางออกได้ไหม แล้วจะเอาชนะใจ ‘ดัรวีช’ ได้หรือเปล่า ต้องติดตามได้ในเล่มครับ ###
1
กลับบ้าน
ฉันเห็น ‘อาบีร’ น้องคนที่สองจากห้ายืนผึ่งผายคอยอยู่แล้วเมื่อออกมาจากประตูผู้โดยสารขาเข้า ฉันโบกมือทักทายเขาแล้วสวมกอดน้องชายคนนี้ด้วยความคิดถึง
“หวัดดีจ้าบีร”
“สวัสดีครับพี่ฟา ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับ”
ฉันอายุมากกว่าน้องห้าปี ปีนี้อาบีรอายุแตะหลักสามพอดิบพอดี
“ขอบใจจ้ะ สบายดีนะเรา”
“ครับผม”
“เอ...ผอมลงหรือเปล่าเนี่ย เหมือนจะซูบลงไปเยอะเลยนะ” ฉันสังเกตน้องชายที่ดูอิดโรยและซีดเซียวผิดจากเดิม “ทำงานหนักเหรอช่วงนี้ ?”
“อะ...เอ่อ คงงั้นมั้งฮะ” อาบีรหลุบตาลงต่ำ พลางส่งยิ้มแห้งๆ เจื่อนๆ
เขาเป็นตำรวจ แต่งงานมีครอบครัวแล้วแต่ยังไม่มีลูก
“จ้ะ ดูแลตัวเองบ้างนะ เพิ่งจะสามสิบเอง บีรดูแก่กว่าวัยไปเยอะเลยเที่ยวนี้” ฉันเอ่ยตรงๆ เมื่อก่อนอาบีรเป็นเด็กหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลา ผิวขาวใส แต่ช่วงหลังๆ เหมือนเขาจะปล่อยตัวและทำงานหนัก ใบหน้ากับรูปร่างเลยเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา เขาดูคล้ำขึ้นและผอมลงจากเดิมค่อนข้างมาก
“ได้ฮะ”
“งั้นเราไปกันดีกว่า พี่คิดถึงทุกคนจะแย่แล้ว ---”
หลังจากนั้นเราสองคนพี่น้องก็เริ่มออกเดิน อาบีรช่วยลากกระเป๋าของฉันให้ มีเพียงใบใหญ่ใบเดียวกับกระเป๋าสตางค์สีแดงที่ถือติดมือ ระหว่างทางก็มีพวกปาปารัสซี่ที่แอบถ่ายฉัน เสียงชัตเตอร์กับแฟลชจึงสาดมารัวๆ ท่ามกลางความสนใจของผู้คนรอบข้าง
แชะ ! แชะ !
“นั่นฟาร่านี่ !”
“ตัวจริงสวยจังเลย”
“กรี๊ดดด !”
ฉันยกมือทักทายทุกคนขณะรีบจ้ำเอาๆ เพื่อดิ่งไปยังด้านหน้าสนามบิน โดยมีบอดี้การ์ดสี่คนช่วยกันประชาชนและพวกปาปารัสซี่เอาไว้
ใช่แล้วละ ฉันเป็นคนดัง เป็นนักร้องเชื้อสายเบรย์เมนพลอสที่ไปโด่งดังในฮอลลีวู้ด...
แชะ ! แชะ !
ฉันกลับมาเยี่ยมพ่อกับแม่ทุกปี ส่วนใหญ่จะเป็นในช่วงเทศกาลปีใหม่ แต่ปีนี้มี ‘บางอย่าง’ กำลังจะเปลี่ยนไปจากเดิมฉันเลยมาในช่วงต้นฤดูหนาว ทันทีที่รถตู้คันสีดำทึบจอดเทียบมุขคฤหาสน์หลังใหญ่ใจกลางกรุงวาเฮด ผู้คนในตึกก็ทยอยมายืนต้อนรับฉันกันแน่นขนัด
ฉันก้าวลงจากรถ คนแรกที่กอดและหอมเลยคือแม่ ตามมาด้วยพ่อที่นั่งอยู่บนรถเข็น จากนั้นก็ปิดท้ายกับ ‘ฮาริส’ น้องชายคนสุดท้องที่ฉันรักมาก ด้วยอายุที่ห่างกันถึงสิบห้าปี ประกอบกับที่เขาเป็นเด็กน่ารักฉันเลยหลงรักเขาตั้งแต่ที่น้องลืมตาดูโลก
ปีนี้ฮาริสตัวสูงใหญ่และล่ำสันกว่าปีก่อนมาก ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มดูเป็นชายหนุ่มเต็มตัว
“โอ้โฮ น้องใครเนี่ย หล่อไม่เบาเลยนะ” ฉันสัพยอก ยีผมน้องชายคนเล็กเล่น
“ไม่ต้องมายอเลยพี่ฟา” ฮาริสเอ่ยขำๆ
“ฮะๆ”
“พี่สบายดีนะครับ”
“จ้ะ สบายดี เราล่ะ เป็นไง”
“เหมือนเดิมครับ”
“อื้มๆ” เธอเพียงพยักหน้ารับ ไว้คุยต่อกันทีหลัง ก่อนหันไปทักทายแม่บ้านเก่าแก่ เด็กรับใช้ รวมไปถึงคนสวนและคนขับรถ รวมๆ แล้วก็ประมาณสิบคน เสร็จจากนั้นก็เคลื่อนย้ายกันไปในบ้าน
มื้อเที่ยงวางพร้อมสรรพแล้วบนโต๊ะกระจกในห้องทานอาหาร ฉัน พ่อ แม่ อาบีรและฮาริส เลยเริ่มลงมือจัดการเมนูรสเด็ดบนโต๊ะกันทันที
“โห...อร่อยจัง ไม่ได้กินฝีมือแม่มานานมากกก” ฉันลากเสียงยาว มื้อนี้ฉันขอให้แม่เป็นคนลงมือทำเองเพราะอยากกินฝีมือแม่ที่สุด
“อร่อยก็กินให้หมดนะลูก” แม่ระบายยิ้มสดใส ใบหน้าเบ่งบานเปล่งประกาย
“ค่าาา หนูต้องเบิ้ลจานสองแน่”
ทุกคนหัวเราะกันอย่างมีความสุข นานๆ จะได้มาร่วมทานอาหารกันสักมื้อ
“หนูคุยกับ ‘มูนา’ แล้วใช่ไหม” พ่อถามขึ้นขณะที่อ้าปากรอรับอาหารจากพยาบาลพิเศษที่ฉันจ้างมาดูแลพ่อ เนื่องจากท่านสุขภาพไม่ดีมาสองสามปีแล้ว แถมปีนี้ยังต้องมานั่งรถเข็นอีก พ่อแก่ลงมากนับจากปีก่อน
“ค่ะพ่อ น้องบอกจะไปเจอเราที่ซาลาซะห์เลย”
มูนาคือน้องสาวคนที่สี่ที่ฉันส่งไปเรียนต่อโทที่อังกฤษ เหลืออีกปีเดียวก็จบ เธอทำงานในสถานทูตไทยและเรียนปริญญาโทไปพร้อมกันด้วย ปีนี้น้องอายุย่างยี่สิบสาม
“อื้อ” พ่อเพียงพยักหน้ารับทราบ
“นาดา...ติดเคสด่วนใช่ไหมคะ เห็นน้องไลน์มาบอกตอนอยู่สนามบิน”
“จ้ะฟา เคสผ่าตัดด่วนเลยผลัดไม่ได้” แม่ตอบ
“ค่ะ” ฉันไม่ติดใจอะไรเพราะน้องเป็นหมอผ่าตัดเลือกเวลาคนไข้ฉุกเฉินไม่ได้ งานช่วยชีวิตคนต้องมาก่อน
ฉันภูมิใจกับน้องๆ ทุกคน แต่ละคนทำงานดีและมั่นคงกันหมดแล้ว ที่มีห่วงนิดหน่อยก็คือฮาริส แต่เขายังเด็ก ทุกอย่างที่แสดงออกจึงเป็นไปตามกลไกของเด็กในช่วงวัยนี้ ฉันเองก็เข้าใจเลยไม่ได้ซีเรียสเกินกว่าที่จำเป็น อีกหน่อยพอเรียนจบ เป็นผู้ใหญ่มากขึ้นนิสัยก็คงเปลี่ยนไปเอง
หลังทานอาหารเที่ยง เราทั้งครอบครัวก็มานั่งถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันต่อในห้องโถง
“พี่ฟา ผมได้ยินข่าวลือว่าพี่ได้รับเชิญไปร้องเพลงเปิดงานฟุตบอลโลกปีหน้าเหรอครับ ?” อาบีรถามอย่างสนใจ
“จ้ะ แต่ยังไม่ได้คอนเฟิร์มอะไรนะ”
“อ้าว ทำไมล่ะพี่” ฮาริสขมวดคิ้วมุ่น “โอกาสทองเลยนะนั่น ผมจะได้อวดเพื่อนๆ ด้วย”
“ฮะๆ ถึงไม่มีพี่...ชากีร่ากับเจโลว์ก็ทำได้ดีอยู่แล้วละ”
“โธ่ ถ้าพี่ไม่ไปนี่เสียดายมากเลยนะครับ” อาบีรทำหน้ายับ
“ไม่หรอกบีร พี่ยังไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธเขาซะทีเดียว ต้องดู-สถานการณ์และอะไรหลายๆ อย่างก่อนว่าลงตัวหรือเปล่า” ฉันบอกกลางๆ
“ครับ”
“เอ้อ ฟา แม่อ่านเดอะ ฮอลลีวู้ด รีพอร์ตเตอร์ หนูจะรับเล่นหนังคู่กับคีนู-รีฟส์เหรอลูก” แม่หน้าบานเป็นดอกบัว
“ฮ่ะๆ ค่ะแม่ เข้าไปออดิชั่นมาน่ะค่ะ หนังโรแมนติกคอเมดี้ เขาติดต่อมาก็เลยไปแคสต์ดู ไม่อยากให้ทางค่ายหนังเขาเสียน้ำใจ อีกเรื่องก็ได้รับทาบทามให้ประชันฝีมือกับเดมี่ มัวร์ แต่หนูก็ยังไม่ได้คอนเฟิร์มอะไรเหมือนกัน ต้องหลังจากกลับนี่ก่อน” ฉันบอกตรงๆ หลายๆ อย่างกำลังจะเปลี่ยนไปในอีกไม่นานนี้...
“จ้ะลูก”
“พี่จะมาเที่ยวกี่วันครับรอบนี้” ฮาริสถามแต่ตากับมือจดจ้องอยู่กับโทรศัพท์
“เที่ยวนี้น่าจะหลายอาทิตย์ ต้องดูอีกทีหนึ่ง อย่างต่ำก็สิบห้าวันขึ้นล่ะ แล้วนี่คุยกับสาวใช่ไหม ?” ฉันหรี่ตามองน้องอย่างสงสัย
“ครับ”
“คนเดิมที่เคยบอกพี่หรือเปล่า”
“ใช่ครับ คนนี้ละตัวจริงแล้ว --- ผมรักคนนี้” ฮาริสยิ้มเผล่ ดวงตากรุ้มกริ่ม
“ฮั่นแน่” ฉันร้องแซว “ในที่สุดสินะ... น้องพี่จะได้เลิกทำให้สาวๆ หยุดร้องไห้เสียที”
“ฮะๆๆๆ ว่าไป ---” ฮาริสหัวเราะขำ “เอ้อพี่ฟา”
“ฮึ ?”
“ถ้าผมจะชวนซัลมาไปเที่ยวกับครอบครัวเราด้วยจะได้ไหมครับ”
“ได้สิ ใครจะว่า” ฉันอนุญาต เดี๋ยวนี้เรื่องหนุ่มสาวคบกันเปิดกว้างกันหมดแล้ว อยู่กินกันก่อนแต่งทั้งนั้น ดีกว่ากีดกันแล้วไปลักลอบได้เสียกันอยู่ข้างนอก ทำอะไรผิดถูกบ้างก็ไม่รู้ ฉันยอมให้น้องทำแล้วอยู่ในสายตาครอบครัวดีกว่าปล่อยให้ไกลหูไกลตาแบบนั้น
“ขอบคุณครับพี่” ฮาริสลิงโลด โผมากอดฉันหน่อยหนึ่ง
“แล้วเมียบีรล่ะ ลางานได้ไหม จะได้ไปเที่ยวกันครบทั้งครอบครัว” ฉันถามถึง...ตัสกีน ภรรยาของอาบีร พวกเขาสองคนคบหากันตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย พอเรียนจบ ทำงานกันได้หนึ่งปีก็จัดงานแต่งใหญ่โต สองคนนี้รักกันมาก...ฉันรู้ดี เห็นน้องมีความสุขแบบนั้นคนเป็นพี่มีหรือจะไม่ชื่นใจตาม
“เธอคงไปไม่ได้แล้วละครับ” อาบีรหน้าหมองเศร้า
“อ้าว ทำไมล่ะ ?”
“ผมกับกีน...เราหย่ากันแล้ว”
#Yaoi ชีวิตเขาตั้งแต่ที่ได้รู้จักกับไอ้นักโทษแหกคุกในวันนั้นเมื่อห้าปีก่อน ก็เหมือนกับยืนอยู่บนเส้นทางสายกลาง ระหว่างความรู้สึกผิดชอบชั่วดีกับความต้องการของหัวใจ จะรักก็ไม่ได้...จะเกลียดก็ไม่ลง ใช่...มังกรไม่ใช่คนดี เขาเป็นคนเลว เป็นนักโทษ เป็นฆาตกร ซึ่งแน่นอนคนดีๆ กับโจรย่อมอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้อยู่แล้ว ด้วยเหตุผลนี้เอง ทำให้ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาต้องกักเก็บความรักที่เขามีต่อมังกรเอาไว้ภายใน โดยที่เขาไม่สามารถจะแสดงอะไรออกมาให้มังกรเห็นได้เลย รักของเขากับมังกรมันไม่มีทางเป็นไปได้ ไม่ว่าจะทำหรือใช้วิธีไหนก็ตาม !
ดวงใจในไอรัก...เป็นเรื่องราวของ ‘บรูซ’ และ ‘คิมซอนมิน’ สองศิลปินชื่อดังจากทางฝั่งฮอลลีวู้ดและเกาหลีใต้ พวกเขาเจอกันเพราะงานภาพยนตร์ที่มีโอกาสได้เล่นร่วมกัน วินาทีแรกที่สองหนุ่มสบตาทั้งคู่ก็รู้เลยว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติ พวกเขาตกหลุมรักกัน ซึ่งมันเป็นความรักต้องห้ามที่ไม่มีวันจะมาบรรจบกันได้ ทั้งสองจะทำอย่างไรในเมื่อหัวใจได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ซ้ำยังปัญหาร้อยแปดประการที่โถมใส่พวกเขาจนยากที่จะหาทางออก มาร่วมกันค้นหาบทสรุปของบรูซและคิมซอนมินกันนะครับ “ผะ...ผมทำให้ชีวิตคุณ ขะ...เขวหรือเปล่า” “ทะ...ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้นล่ะ ?” ซอนมินตกใจ หันขวับมาจ้อง “อะ...อนาคตคุณกำลังจะไปได้สวย ตะ...แต่พอเราเจอกันทุกอย่างก็วูบดับลง” “บะ...บรูซ !!!” “...” “คะ...คุณอย่าพูดอย่างนี้อีกนะ ผมไม่เคยมีความคิดอะไรแบบนี้เลย !” “ฮะ...ฮึก...” บรูซสะอึกสะอื้น “คุณเองก็ยังยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อผมเหมือนกัน มะ...ไม่ใช่เหรอ ?” “ชะ...ใช่ครับ ตะ...แต่มันต่างกัน ผะ...ผมอยู่ในวงการนี้มาตั้งแต่สามขวบ ผิดกับคุณ...ที่เพิ่งจะสร้างชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมาได้ไม่กี่ปี คะ...คุณไม่เสียดายหรือไง !” ซอนมินจอดรถตรงข้างทาง ตะโกนก้องด้วยความเจ็บช้ำ “ทะ...ทำไมคุณถึงดูถูกความรู้สึกผมขนาดนี้ !!!” “ฮือออออ...” ที่สุดแล้วนักแสดงหนุ่มก็ร้องไห้โฮ ละล่ำละลักอย่างหมดอาย “ผะ...ผมกลัว กะ...กลัวจะเสียคุณไปไง !”
เพราะถูกสามีเก่าทุบตีทำร้ายร่างกาย ‘เมลลี่ มัลเบิร์ต’ สาวจากเมืองทางใต้จึงทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลังแล้วดิ้นรนมาตายเอาดาบหน้า เธอขนข้าวของขึ้นมาหางานทำทางภาคเหนือ ที่นี่...เธอได้งานแม่บ้านในไร่แห่งหนึ่ง หลายคนบอกว่า ‘คุณทรัค’ ชายหนุ่มรูปงามผู้เป็นเจ้าของไร่วัยเพียง 25 นั้น ดุร้ายเหมือนเสือ แต่ทำไมกับเธอ...เขาถึงใจดีนัก ดี...จนน่าใจหาย แต่แล้ว...เขาก็แสดงธาตุแท้ออกมาไม่นานจากนั้นว่าสุดท้ายเขาก็ไม่ต่างอะไรจากชายที่เธอวิ่งหนีมาทั้งชีวิต
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"