"นอนกับพ่อก็นอนมาแล้วแค่นอนกับลูกอีกคนมันจะเป็นไรไป!ว่ามั้ย?" ชายหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปากอย่าเย้ยหยัน มองสำรวจเรือนร่างเปลือยเปล่าของคนใต้ร่างที่นอนตัวสั่นน้ำตาไหลอาบสองแก้ม สไนเปอร์ ปรมะ โชติฐิติเมธานนท์ เจ้าของใบหน้าหล่อสังหาร ผู้จัด/ผู้กำกับ ที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย เขาเด็ดขาดไม่กลัวใครเวลางานคืองาน ใครที่ได้ร่วมงานด้วยต้องตั้งใจและจะประสบความสำเร็จทุกราย ถือว่าเป็นมาเฟียในวงการ เย็นชา เคร่งขรึมกับทุกคนยกเว้นคนในครอบครัว นับดาว หฤทย์ณิศา เอกอนันต์ เด็กสาวเจ้าของรอยยิ้มโลกละลาย ถึงฐานะทางบ้านจะไม่สู้ดี แต่รอยยิ้มของเธอทำให้พ่อและคนรอบข้างมีความสุข เธอสดใส อัธยาศัยดี ขี้เล่น ความฝันคือการได้โปรดิวเซอร์มือหนึ่ง แต่ด้วยเหตุไม่คาดคิดเธอตั้งรับไม่ทัน ด้วยความ ลำบากการแบ่งแยก การเอาเปรียบ เธอเป็นได้แค่เพียง เด็กกอง ที่ต้องทำงานหนักตื่นเช้าเข้างานก่อนทุกคนแต่ต้องกลับดึกทุกวัน แต่คนเราเลือกเกิดไม่ได้เธอได้แต่ก้มหน้ารับกรรม!แต่เพราะพลังบวกและคนที่รออยู่ข้างหลังทำให้เธอยิ้มรับ "ขอบคุณนะคะที่เมตตาดาว" "ที่ดาวมีกินมีใช้ทุกวันนี้ก็เพราะคุณ" สองร่างเปลือยเปล่านอนกอดคลอเคลียกันอยู่บนเตียง "เพราะหนูเอาใจเก่งแบบนี้ไงฉันถึงได้หลงจนโงหัวไม่ขึ้น" ชายวัยห้าสิบปลายๆ พูดเสียงอ่อนเสียงหวานมือสากลูบไล้คลอเคลียเนินอกอิ่มด้วยความเสน่หา "ดาวจะทำให้คุณมีความสุขทุกวันเลยค่ะ ขอแค่คุณเมตตาเด็กน้อยตาดำๆ คนนี้" มือเรียวไม่อยู่นิ่งลูบไล้แผงอกเลื่อนต่ำ ลงไปที่หน้าท้องล้วงลงไปใต้ผ้าห่ม กอบกุมความแข็งแกร่งชักรูดขึ้นลงอย่างชำนาญมือ "อ่าส์~~ ฉะ....ฉันจะไปไหนได้ในเมื่อหนูเด็ดขนาดนี้!" ชายวัยห้าสิบ ยกยิ้มอย่างพอใจเมื่อเด็กสาวรุ่นลูกใช้ปากปรนเปรอความใคร่มอบความสุขที่เขาปรารถนามาตลอด หลายปีที่ภรรยาคู่ใจไม่สามารถมอบความสุขกับเรื่องบนเตียงให้ตนได้ตั้งแต่เธอแท้งลูกและป่วยออด ๆ แอดๆ และไม่สามารถร่วมรักกับสามี ด้วยเหตุผลนี้ทำให้ผู้เป็นสามีมีบ้านเล็กบ้านน้อยแต่เธอก็ไม่ได้ต่อว่าเพราะเธอรู้ตัวว่าให้ในสิ่งที่สามีต้องการไม่ได้ แต่ผู้ชายมันกลับไม่เคยพอเมื่อสามีพาเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกันกับลูกชายเข้าบ้าน ทำเรื่องน่าอายโดยไม่สนใจว่าคนเป็นเมียจะรู้สึกยังไง และวันนี้สาวเจ้าก็ออดอ้อนเอาใจผัวแก่ให้พาเข้าบ้าน และยังยุยงส่งเสริมให้เขาหย่าขาดจากภรรยาเพื่อที่ตัวเองจะได้เป็นคุณผู้หญิงและมีชีวิตสุขสบายอย่างที่ฝันมาตั้งแต่เด็ก ๆ "อ๊ะ อ๊ะ อ๊างง ดาวเสียวจังค่ะ" "ของคุณมันใหญ่ทำเอาดาวทั้งจุกทั้งเสียว~~" ร่างบางนั่งควบม้าขย่มอยู่บนตัวชายรุ่นพ่ออย่างเมามัน สองมือบีบขย้ำสองเต้าอวบอิ่ม กัดปากยั่วยวนอารมณ์ของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี ปัง!! "ป๊า!!!" "ออกมาเรามีเรื่องต้องคุยกัน!!" แต่ระหว่างสองร่างเปลือยเปล่ากำลังสนุกกับรสสวาทอันเร่าร้อน เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมเสียงเข้มดุดันตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด "มีอะไร!ไว้คุยกันฉันไม่ว่าง!" แต่ผู้เป็นพ่อกลับไม่สนใจสองมือยังคงบีบจับอยู่กับเต้าอวบอิ่ม "ถ้าไม่ออกมาผมจะพังเข้าไป!" ชายหนุ่มพูดอย่างข่มอารมณ์ สองมือกำหมัดแน่นด้วยตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เขาที่กำลังสอบคัดเลือกการประกวดภาพยนตร์สั้นรอบชิงชนะเลิศต้องทิ้งทุกอย่างเมื่อได้รับข้อความจากแฟนสาวว่าแม่พยายามกินยาฆ่าตัวตาย แต่ตัวต้นเหตุกลับไม่สนใจ กลับพาเมียน้อยเข้าบ้าน ปัง!! "อร้าย!!!" หญิงสาวร้องเสียงหลงด้วยความตกใจเมื่ออยู่ๆ ประตูห้องก็ถูกเปิดโดยที่เธอยังนั่งแก้ผ้าล่อนจ้อน นั่งทับอยู่บนตัวของอีกฝ่าย "จะมากเกินไปแล้วนะสไนเปอร์!!" ผู้เป็นพ่อสถบลูกชายอย่างหัวเสีย "....." แต่หญิงสาวกลับไม่สนใจมองหน้าชายหนุ่มด้วยความเสน่หา เพราะรูปร่างหน้าตาเขามันชั่งถูกใจหล่อนเสียจริง "หึ...ไม่ต้องมาอ่อยกู!ผู้หญิงแรดๆ ร่านๆ แบบมึง!ให้พรีกูก็ไม่เอา!" "จะออกไปจากบ้านกูดี ๆหรือให้กูเอาคนมาลากมึงออกไป!!" แต่ทว่าชายหนุ่มกลับด่าเธออย่างไม่สนใจผู้เป็นพ่อที่จ้องหน้าลูกชายอย่างโมโห เพียะ!! "มันจะมากเกินไปแล้วนะ!" "ยังไงหนูนับดาว เขาก็มีศักดิ์เป็นเมียกู!" ผู้เป็นพ่อลุกขึ้นหยิบผ้าขนหนูพันช่วงล่าง เดินเข้าไปตบลูกชายด้วยความโมโห "หึ...เมีย?" สายตาแข็งกร้าวเกรี้ยวกราดมองไปที่หญิงไร้ยางอายที่ตอนนี้เธอก็ยังคงเปลือยกายเพื่อยั่วยวนเขา "อีตัวสิไม่ว่า!" "ป๊ารู้มั้ย ม๊าเกือบตายก็เพราะมัน!!!" เขาตะโกนใส่หน้าพ่อเสียงแข็งและขี้หน้าหญิงไร้ยางอายที่ยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจเมื่อได้ยินอย่างนั้น!
กาญจนบุรี
"พี่ดาว!!"
"อยู่ไหนพ่อให้มาตามครับ"
"พี่ดาว!พี่นับดาว!"
"อยู่ไหน! "
"คิก..คิก.."
ร่างบางที่แอบอยู่หลังต้นไม้ ถึงกับต้องกลั้นขำ หัวเราะคิกคัก
เมื่อเด็กชายตะวัน น้องชายวัย 6 ขวบ วิ่งหอบจากบ้านเข้าสวนที่อยู่ไกลพอสมควร เพื่อมาตามพี่สาวคนสวย
เด็กชายชะเง้อคอมองซ้ายทีขวาที แล้วทำหน้ามุ่ยเมื่อหาคนพี่ไม่เจอ
"พี่นับดาว!!!!!!!"
เด็กชายตะวันตะโกนสุดเสียง
"......." แต่เธอกลับเงียบค่อยๆ เดินย่องไปยืนอยู่หลังน้อง
"ตะวัน!!!!" และตะโกนใส่หูน้องชายสุดเสียง
"......"
แต่ทว่าเด็กชายตะวันกลับหันมาจ้องหน้าพี่สาวตาเขม็ง
ถ้าเป็นคนอื่นปกติทั่วไปด้วยระดับเสียงดังขนาดนี้หูคงแตกไปแล้ว แต่เพราะเด็กชายพิการทางหู มาตั้งแต่เด็ก ให้ตะโกนจนคอแตกก็แทบจะไม่ได้ยิน
พ่อเคยพาลูกชายไปรักษาตัวในกรุงเทพฯ หลายต่อหลายครั้ง แต่เพราะครอบครัวฐานะค่อนข้างลำบาก เลยช่วยลูกชายได้แต่ซื้อเครื่องช่วยฟังราคาถูก พอให้ลูกนั้นได้ยินเสียงอะไรบ้าง
"ไว้พี่เรียนจบ พี่จะหาเงินผ่าตัดให้ตะวันนะ" พี่สาวย่อตัวลงลูบหัวน้องอย่างเอ็นดู ดวงตากลมโตเต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น
เธอกับน้องห่างกัน 15 ปี ถึงจะเป็นลูกที่เกินมาจากมารดาคนละคน แต่สายใยรักสายสัมพันธ์ ความรักที่มีให้กันมันก็มาล้นเอ่อ
ตอนนี้เป็นช่วงปิดเทอมหญิงสาวเลยกลับมาช่วยพ่อทำงานที่สวนเล็กๆ พ่อเธอเป็นชาวสวนปลูกผักปลูกผลไม้ขายตามตลาด
ด้วยที่พ่อเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว ตั้งแต่เธออายุเท่าๆ กับน้องชาย
พ่อแม่แยกทางกันแต่เธอเลือกที่จะอยู่กับพ่อเพราะไม่อยากไปจากบ้านที่มีความทรงจำมากมายนี้ไปไหน
หลังจากที่เลิกกับแม่ พ่อก็ตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากินส่งเสียลูกสาวเรียน จนได้เจอกับแม่ของตะวันแต่โชคร้ายคุณน้าสาวคลองลูกชายได้เพียงไม่กี่วันก็ด่วนจากโลกไปก่อน
ทำให้พ่อเสียใจมาก แต่พ่อไม่เคยทำตัวไม่ดียิ่งขยันทำมาหากินขยันเป็นเท่าตัวเพื่อหาเลี้ยงลูกทั้งสอง
แต่โชคดีหน่อยที่ลูกสาวเป็นคนรักดีได้ทุนเรียนฟรี จนจบมหาวิทยาลัยและได้เข้าไปเรียนต่อในกรุงเทพฯ
หลังเลิกเรียนหญิงสาวก็ไปทำงานประจำเป็นพนักงานงานขายที่ร้าน 7 ถึงเงินเดือนจะไม่มากแต่ก็ทำให้เธอไม่ต้องรบกวนพ่อ
และมีเงินเก็บส่งให้พ่อกับน้องทุกเดือน แต่เธอก็ไม่ได้ทำแต่งานประจำ
ยังรับตัดต่อทำคลิปตามสายงานที่เล่าเรียนมาถึงจะไม่เก่งอะไรมากมายแต่ก็พอเอาตัวรอดได้
เธอมีความฝันมาตั้งแต่เด็ก ด้วยความที่ชอบเสียงเพลง ชอบร้อง ชอบการตัดต่อ ชอบดูหนังละครซีรีส์ มันเลยเป็นแรงบันดาลใจให้อย่างเรียนด้านนี้
ถึงฐานะทางบ้านจะไม่อำนวยเหมือนคนอื่นเขาแต่เธอก็เลือกใช้ความสามารถให้เกิดประโยชน์ เธอตัดสินใจทำคลิปวิดีโอเรื่องสั้นส่งเข้าประกวด
และเป็นที่น่าภูมิใจเธอได้รับรางวัลชนะเลิศ เลยได้มีโอกาสสานฝันเรียนมาถึงทุกวันนี้
เธอเลือกเรียนด้านภาพยนตร์ คณะดิจิตอลมีเดียและศิลปะภาพยนตร์ เรียนฟิล์มโดยเฉพาะ มีสามสาขาให้เลือก คือ โปรดักชัน เรียนเกี่ยวกับ กำกับ ตัดต่อ อาร์ตฯ
ต่อมาคือแอดมิน เรียนเกี่ยวกับการบริหารงาน หรือโปรดิวเซอร์
สุดท้ายคือ ศึกษาหนัง เรียนเกี่ยวกับโครงสร้างหนัง วิจารณ์หนัง
ที่เธอเลือกเรียนด้านนี้เพราะชอบร้องเพลง ชอบดูซีรีส์ ชอบการตัดต่อ
ระหว่างที่เรียนก็ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองว่าง รับทำนี้นั้นหารายได้เสริมเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่ตลอด
วันไหนอารมณ์ดีหน่อยก็จะมีไลฟ์สดร้องเพลงให้แฟนคลับทางแอปพลิเคชัน TikTok ฟัง ถ้ามีคนถูกใจชอบเพลงที่ร้องก็พอได้ค่าขนมอาหารแต่ละอาทิตย์
แต่...เธอกลับไม่เคยเปิดเผยตัวตนกับใคร ไม่มีใครรู้จักเพราะค่อนข้างเป็นคนขี้อาย
แต่เวลาเรียนเธอกลับเต็มที่ไปกับมัน ตัดความเขินอายทิ้งไป แต่พออยู่นอกตำรา เฮ้อ!กลับเป็นคนที่ไม่มีความมั่นใจเอาซะเลย
เพราะชีวิตครอบครัวที่เราลำบาก ต้นทุนชีวิตที่ต่ำ เป็นที่ดูถูกดูแคลนแต่นั่นมันกลับทำให้เธออยู่เหนือคนอื่น
คือการที่ต้องดิ้นรนด้วยตัวเองมันทำให้เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งเข้มแข็งและสามารถยืนหยัดสู้ เพื่อตัวเอง ครอบครัววิ่งตามความฝัน
เธอไม่เคยอายที่มีพ่อเป็นคนจน เป็นแต่ชาวไร่ชาวแต่หญิงสาวกลับพูดอย่างภาคภูมิเพราะเธอมีพ่อที่เป็นตัวอย่างที่ดี ขยันอดออม ไม่เคยคดโกงใคร มันเป็นความภาคภูมิใจที่เธอรักและศรัทธาในตัวพ่อมาตั้งแต่เด็ก
ถึงจะอดมื้อกินมื้อแต่ก็ไม่เคยงอมืองอเท้าขอใคร พ่อจะสอนลูกเสมอ "เกิดเป็นคนแค่ขยันก็ไม่อดตาย ไม่เลือกงานไม่ดูถูกเงินบาท" เพราะคำสอนเหล่านี้ถูกปลูกฝังตั้งแต่เธอยังเล็ก ๆ จนถึงทุกวัน
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ไม่อดตายขอแค่ขยับและซื่อสัตย์แค่นั้นพอ
"พ่อบอกแล้วใช่มั้ยไม่ต้องไปทำงานช่วยพ่อ มีหน้าที่เรียนก็เรียนเรื่องทำงานเป็นหน้าที่ของพ่อ "
ทันทีที่ลูกสาวมาถึงบ้านคนเป็นพ่อก็จัดแจงตั้งโต๊ะตักข้าวเสิร์ฟอาหารที่ลงมือทำเองจาก พืชผักปลอดสารพิษที่ปลูกเองในสวน ให้ลูกสาวสุดที่รัก
"ได้ไงคะ หนูเป็นลูกก็ต้องช่วยงานพ่อสิ จะปล่อยให้พ่อลำบากคนเดียวได้ไง!"
"นั่งเลย หนูทำเอง" ร่างบางลุกขึ้นแย่งชามข้าวจากมือพ่อ ตักข้าวใส่จากให้น้องและพ่อด้วยรอยยิ้ม
"ขอบคุณครับ!" เด็กชายยกมือไหว้พี่สาวแบบนี้ทุกครั้งเพราะมีครูดีอยากพ่อคอยสอนให้รู้จักมีสัมมาคารวะกับผู้ใหญ่
"น้องชายพี่น่ารักที่สุดเลยไว้พรุ่งนี้พี่จะพาไปซื้อของ" ใบหน้าหวานเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม ไม่มีอะไรสุขใจเท่าได้อยู่กับคนที่รัก
ชีวิตในเมืองกรุงชั่งเปล่าเปลี่ยว เด็กผู้หญิงตัวคนเดียวต้องใกล้บ้านวิ่งตามความฝัน ดิ้นรนทุกอย่างด้วยตัวเอง เพื่อความอยู่รอด
สังคมที่วุ่นวายเต็มไปด้วยความแก่งแย่งชิงดี ไม่มีญาติสนิทหรือมิตรสหายที่จริงใจ ทำให้เธอกลายเป็นคนพูดน้อยและไม่ค่อยมีเพื่อนเพราะไม่มีใครอยากผูกมิตรกับคนจนอย่างเธอ
แต่ทุกครั้งที่ได้กลับบ้านเธอเหมือนเป็นคนละคน เธอสดใสยิ้มเก่งเป็นที่รักของเด็กๆ และผู้ใหญ่แถวนั้น
"มีเงินก็เก็บไว้ ซื้อข้าวของให้ตัวเองไม่ใช่ซื้อให้แต่พ่อกับน้อง" เพราะเห็นลูกเป็นคนประหยัด แต่พอกลับบ้านมาที กลับสิ้นเปลืองเงินให้กับพ่อและน้องเลยทำให้ผู้เป็นพ่อรู้สึกไม่ค่อยดี
ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นพ่อกลับต้องอาศัยลูกทุกอย่าง
"ดาวไม่อยากได้อะไรคะ แต่มีคนอยากได้ของเล่นใช่มั้ย"
นับดาวหันไปยิ้มให้น้องชายที่อ้อน อยากได้ของเล่น หุ่นยนต์บังคับวิทยุกับพ่อมานานแต่ก็ไม่ได้สักทีเธอเห็นแล้วอดที่จะสงสารน้องไม่ได้
เลยควักเงินในกระเป๋าที่เก็บไว้เพื่อจะซื้อเป็นของขวัญวันเกิดให้น้องล่วงหน้า
"พ่ออ๊ะ ชอบคิดมาก ดาวเป็นพี่คนโตเป็นลูกสาวพ่อดาวก็ต้องหาเงินเลี้ยงพ่อกับน้องสิคะ!" หญิงสาวทำหน้าอ้อนเอียงหน้าถูแขนพ่อไม่ต่างอะไรกับลูกแมวตัวน้อย ๆ
"เราก็แบบนี้ตลอด ตามใจแต่อยากใช่สุรุ่ยสุร่ายก็พอเผื่อเวลาเดือดร้อนจะได้ไม่ลำบาก"
คนเป็นพ่อได้แต่ยิ้มอย่างปลื้มปีติที่ลูกสาวที่เขาเลี้ยงมากับมือเป็นเด็กกตัญญูรู้คุณ แบบนี้เวลาเขาจากไปเขาก็เชื่อได้ว่าพี่น้องจะไม่ทอดทิ้งกัน!
สายตาคนเป็นพ่อได้แต่มองลูกสองคนแล้วแอบถอนหายใจ เพราะไม่รู้จะได้อยู่เห็นความสำเร็จของลูกถึงวันไหน...
ความรักของฉันมันคงเหมือนนาฬิกาทราย.. .. เมื่อด้านหนึ่งถูกเติมเต็ม....อีกด้านกลับว่างเปล่า ..และสูญสิ้นไป..กับกาลเวลา........ "สำหรับฉันเธอมันก็แค่ผู้หญิงไร้ค่า อยู่บนที่สูงแต่ทำตัวต่ำ" "หึ....ขอบคุณค่ะที่ชม จะพูดแค่นี้ใช่มั้ย จะได้ไปอ่อยผู้ชายต่อ" "อ้อ...ถ้าสนใจ เชิญนะคะ พอดีชอบแบบ ทีเดียวหลายๆคนมันสนุกดี แต่คนดีๆอย่างพี่...."เธอมองเขาอย่างพิจารณา พร้อมยกยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน ก่อนจะเดินจากไป หมับ!! "มีอะไรอีกคะ หรือว่าสนใจอยากไปร่วมเตียงด้วย" "......" ชายหนุ่มเงียบ มองหน้าเธออย่างเอาเรื่อง และออกแรงบีบข้อมือเล็กอย่างแรง แต่คนตรงหน้ากลับไม่แสดงท่าทีว่าเจ็บ ถึงเธอจะเจ็บเหมือนกระดูกกำลังจะแหลกเป็นชิ้นๆ "ถ้าไม่ทำอะไรก็ปล่อย พี่ไม่อยากได้แต่คนอื่นเขาอยากได้!" พรึบ!! เธอสะบัดมือเขาอย่างแรงและเดินกลับเข้าไปในงานเลี้ยง หมับ! "ว้าย เป็นบ้าอะไรปล่อยนะ" แต่ไม่ทันจะเดินไปถึงไหนร่างบางก็ถูกกระชากจนตัวปลิว จนชนเข้ากับกำแพงห้องอย่างแรง "ถ้าเธอยังหาเรื่องอุ่นอีก ฉันจะไม่ปล่อยเธอไว้แน่!" เขามองเธออย่างเกรี้ยวกราด "หึ...ทำไมค่ะ จะแกล้งแล้วจะทำไม" เธอมองหน้าเขาอย่างไม่เกรง ยิ่งได้ยินเขาพูดแบบนี้แล้วมันยิ่งรู้สึกเจ็บ ทำไมนะทำไมต้องรักคนที่ไม่มีใจ "ปล่อย!" "ทำไม จะรีบไปเสนอตัวให้ไอ้บ้านั่นรึไง!"ใบหน้าหล่อคม ยื่นเข้าใกล้ พร้อมตะเบ็งเสียงแข็งใส่หน้าเธอ มือหนาออกแรงบีบท่อนแขนราวกับจะให้มันแหลกละเอียด "ใช่แล้วจะทำไม คืนนี้เรามีนัดกัน จะไปทำอะไรกันคนไม่ต้องให้บอกนะ หรือว่าอยากรู้จะได้ถ่ายคลิปมาให้ดู!" "หึ...ร่าน! ถ้ามันคันมากเดี๋ยวฉันจะสังเคราะห์ให้เธอเอง" "นะ...ฺฮื่อ" ร่างเล็กดิ้นพยายามให้หลุดจากพันธนาการเมื่อ เขาประกบปากจูบดูดเม้มริมฝีปากบางสีแดงอย่างแรง เขาดูดเม้มมันอย่างหนักหน่วง มือหนาลูบบีบขย้ำหน้าอกอย่างแรงเหมือนจะให้มันแหละติดมือออกมา "ฮื่อ" เสียงหวานร้องท้วงในลำคอ เมื่อได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งเต็มปาก จนแทบจะอ้วก -ญี่ปุ่น ณิชาภัทร โชติฐิติเมธานนท์ ดีไซเนอร์สาวสวย เก่งฉลาดไม่ยอมใคร มั่นใจในตัวเอง ลูกสาวคนโตของแด๊ดดี้กันต์ อายุ 24 -แบงค์ นิธิภัทร์ พัชรกานต์กุล วิศวกรหนุ่มไฟแรง หล่อเก่งมีความสามารถทั้งศึกษาวิเคราะห์ คำนวณ ออกแบบ ตรวจสอบแก้ไขปัญหาและควบคุมการผลิต....วัย 27 ความผูกพันระหว่างคนเป็นสิ่งมีค่าและมีความหมาย เป็น เสมือนเรื่องราวและความทรงจำดี ๆ ที่คนทุก ๆ คนไขว่คว้า แต่กลับมีน้อยช่วงเวลา ที่สอนสิ่งดี ๆ ให้เราได้รับรู้ ที่มีค่าให้เรานึกถึง ทุกครั้งที่นึกถึงมัน จะคอยย้ำเตือนเราให้นึกถึงช่วงวันเก่าๆ ที่ดึงทุก ๆ คนไว้ให้อยู่ร่วมกัน สิ่ง ดี ๆ ที่ผ่านไปเป็นเสมือนเม็ดทรายในนาฬิกาที่ร่วงหล่น…… ทุกเม็ดทรายแทน ความหมายของ………………ความผูกพัน ทุกเม็ดทรายแทนความหมาย ของ………………ความห่วงใย ทุกเม็ดทรายแทนความหมาย ของ………………ความชิดใกล้ ทุกเม็ดทรายแทนความหมาย ของ………………การไขว่คว้า ทุกเม็ดทรายแทนความหมาย ของ………………ความคิดถึง ทุกเม็ดทรายแทนความหมาย ของ………………ความลึกซึ้ง ทุกเม็ดทรายแทนความหมาย ของ………………วันเวลา ทุกเม็ดทรายแทนความหมาย ของ………………สิ่งมีค่า ทุกเม็ดทรายแทนความหมาย ของ………………จิตใจ ทุกเม็ดทรายแทนความหมาย ของ………………ตัวตน ทุกเม็ดทรายแทนความหมาย ของ………………คำว่า “รัก” ทุกเม็ดทรายแทนความหมาย ของ………………คำว่า “เรา” ทุกเม็ดทรายแทนความหมาย ของ………………คำว่า “มิตรภาพ” ทุกเม็ดทรายแทนความหมาย ของ………………คำว่า “เพื่อน” ทุกเม็ดทรายแทนความหมาย ของ………………” ทุกสิ่งที่เต็มใจ ให้เพื่อเธอ” เม็ดทรายเหล่านี้แม้จะ ร่วงหล่น แต่ก็ยังคงรวมกันในนาฬิกาทราย คอยย้ำเตือนเราถึงช่วงเวลาดีๆ ที่ผ่านมา เป็นนาฬิกาที่มีค่าและมีความหมาย อยู่ในความทรงจำของกันและกันตลอดไป … ช่วงเวลาแห่งความสุข อาจไม่เคย อยู่กับเรานานในโลกของความเป็นจริง เป็นเหมือนสิ่งที่ผ่านเข้ามาและก็ผ่านเข้าไป ให้เราได้สัมผัส ให้เราได้รู้สึกดี ๆ ให้เราได้รู้สึกอบอุ่นและมีความสุข แต่ถึงแม้ช่วง เวลาเหล่านี้อาจจะไม่ยาวนาน แต่มันสร้างสิ่งดี ๆ ให้เรามากมาย มันมีค่าและยิ่งใหญ่ และจะเป็นกำลังใจให้เราตลอดไป มันจะแทนความหมายของความเป็น “เพื่อน” ตลอดไป…… “นาฬิกาทรายใบนี้ ขอให้แทนมิตรภาพของเราตลอดไป ไม่เคยมีช่วงเวลาไหนที่เราห่างไกล โดยไม่ผูกพัน” ขอบคุณบทความจาก คุณ นุชรัตน์ รักมาก คำเตือน ในทุกเรื่องทุกการกระทำของตัวละครเกิดจากจินตนาการ ไม่ใช่เรื่องจริงไม่ควรลอกเลียนแบบการกระทำที่ไม่เหมาะสม อันจะนำไปสู่ความสูญเสียความผิดบาปทั้งปวง ไม่ได้มีเจตนามุ่งร้ายต่อตัวบุคคลหรือวิชาชีพใดวิชาชีพหนึ่ง หากอ่านแล้วไม่มั่นใจว่าหรือไม่เลียนแบบได้หรือไม่แนะนำให้ปรึกษาผู้ปกครองค่ะ นิยายเรื่องนี้เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป เพราะอาจมีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมด้านพฤติกรรม ความรุนแรง เพศ หรือการใช้ภาษาโปรดใช้วิจารณญาณและเสพเนื้อหาอย่างมีสตินิยายเรื่องนี้เกิดจากความต้องการจะเขียนของนักเขียนเท่านั้นไม่ได้มีเจตนาไม่ดีหรือสนับสนุนการใช้ความรุนแรงในชีวิตจริง รบกวนอ่านคำเตือนก่อนอ่านของนักเขียนแล้วค่อยตัดสินใจหากไม่ชอบไม่เป็นไรค่ะ ©ลิขสิทธิ์เป็นของผู้สร้างสรรค์ แต่เพียงผู้เดียวการเผยแพร่ทำซ้ำดัดแปลงโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตผิดกฎหมายตาม พ. ร. บลิขสิทธิ์ 2537 มาตรา 1527 31 มีโทษทั้งจำทั้งปรับ ไม่อนุญาตให้คัดลอกทำซ้ำดัดแปลงตัดภาพหรือถ่ายภาพไปเผยแพร่ใด ๆ ทั้งสิ้นหากพบจะขอดำเนินคดีตามกฎหมาย❌❌❌ พึ่งหัดแต่งนิยายเป็นมือใหม่หัดแต่งคำบางคำอาจจะใช้ผิดไปต้องขออภัยด้วยนะ คำโปรยเนื้อหาการบรรยายอาจใช้คำได้ไม่สวยเท่ากับนักเขียนท่านอื่นๆ แต่ก็ตั้งใจเขียนออกมาให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ 14 กุมภาฯ 13/01/2022 ฝากติดตามผลงานด้วยนะคะ
“ฮึ ผู้หญิงอย่างเธอไม่มีสิทธิ์เป็นแม่ของลูกฉันจำใส่หัวเธอไว้!” “ค่ะ หนูรู้ตัวดีว่าตัวเองก็แค่ของเล่นชิ้นหนึ่งที่คุณใช้เงินซื้อมา” “รู้ตัวก็ดี จะได้ไม่ต้องพูดซ้ำ!” น้ำเสียงราบเรียบท่าทีนิ่งเฉยสายตาเย็นชาของ ปรเมศวร์ จ้องหน้า พิชญา เด็กสาวด้วยความหงุดหงิดรำคาญใจ เพราะไม่มีทางเลือกเธอต้องยอมเป็นของเล่นให้เขาจนกว่าเขาจะเบื่อเพื่อแลกกับความสุขสบายของครอบครัว เธอต้องอดทนนะ แนนนี่ “หนูเจ็บ!” เด็กสาวในชุดนักเรียน มองหน้าชายหนุ่มด้วยความหวาดกลัว เมื่อเธอขัดขืนไม่ยอมทำตามคำสั่ง "อย่ามาลีลา" เขาพ่นลมหายใจแรงๆ อย่างหงุดหงิด ยิ่งดวงตากลมโตคู่นั้นสั่นระริกมันยิ่งสร้างรำคาญใจให้แก่เขา “ไม่ทำได้มั้ย” เด็กสาวมองหน้าชายหนุ่มที่นั่งขาไขว่ห้างหลังพิงโซฟาจ้องหน้าเธออย่างเบื่อหน่าย ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าคำขอของเธอไม่เป็นผลแต่เธอก็อยากจะลองดูอีกสักครั้ง พรึบ! “ฮึ...ไม่อยากให้พ่อแม่และน้อง ๆ เธอสบายรึไง!” ใบหน้าหล่อคมคายที่นิ่งเรียบ ไร้ซึ่งอารมณ์ยากจะคาดเดา เดินตรงเข้าไปประชิดตัวสาวน้อยที่อยู่ตรงหน้า สายตาเกรี้ยวกราดเลือดเย็นมองเธออย่างดูถูกเหยียดหยาม “แคก ๆ ๆ” เด็กสาวสำลักควันบุหรี่ที่เขาตั้งใจพ่นใส่ “อย่ามาทำเป็นลีลาแค่นอนอ้าขาให้ฉันเอามันจะตายรึไง!” เขาทิ้งมวนบุหรี่ลงพื้นแล้วใช่เท้าเหยียบ พรึบ! ร่างบางถูกผลักล้มหงายหลังนอนราบกับเตียงอย่างแรง “อย่าทำอะไรหนูเลย” สองมือยกขึ้นไหวพร้อมดันตัวรูดถอยหนีเมื่อชายหนุ่มค่อยๆ เอามือค้ำยันที่นอนคลานเข่าเข้ามาประชิดตัว “อย่าทำเหมือนไม่เคย!” น้ำเสียงราบเรียบแววตาดุดันทำเอาคนฟังถึงกับจิตใจวูบหาย สาวน้อยมองเขาอย่างหวาดกลัวเพราะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอบางเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเจอเทพบุตรในคราบซาตานอย่างเขา ที่ภายนอกเป็นนักธุรกิจหนุ่มเจ้าพ่อเหมืองเพชรพันล้านที่ทุกคนในแวดวงไฮโซรู้จักเขาดี แต่น้อยคนนักที่จะรู้จักตัวตนที่แท้จริงและด้านมืดของเขา ที่ดุร้าย ป่าเถื่อนเหมือนสัตว์ป่า “ขอแค่เรียนจบอดทนไว้” สาวน้อยได้แค่นึกคิดพูดปลอบใจตัวเอง เพียงแค่เธอเรียนจบมีงานทำเธอก็จะไม่ต้องตกเป็นทาสอารมณ์ของคนใจร้ายอย่างเขา ที่เห็นเธอเป็นเพียงสินค้าตัวหนึ่ง แต่เธอจะรู้มั้ยว่าสินค้าทุกอย่างที่ตกต้องอยู่ในมือเขาแล้วนั้น ถ้าเขาไม่เบื่อเธอจะไม่ได้อิสรภาพและชีวิตของเธอคืน แควก!! “กรี๊ด!!!” “หนูเจ็บ!” ชุดนักเรียน ถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ อย่างไม่ไยดี “ฮึ...น่ารำคาญ!” “ทำเป็นเล่นตัว เล่นตัวยังไงราคาค่าตัวเธอมันก็ไม่ได้ขึ้นไปกว่านี้หรอก” นิ้วเรียวยาวปลดกระดุมเสื้ออย่างเร่งรีบ สายตาคมกริบจดจ้องไปยังร่างเปลือยเปล่า ดวงตาสาวน้อยยังคงสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว ถึงนี่จะเป็นครั้งที่สองที่เขาจะทำเรื่องน่าอายกับเธอแต่ด้วยความที่ยังเด็ก เธอทั้งสับสนและไม่เข้าใจทำไมต้องเป็นเธอที่ต้องมาแบกรับทุกอย่างไว้แต่เพียงคนเดียว แค่เพราะพ่อเธอต้องการเงินไปใช้หนี้การพนัน เพื่อให้น้อง ๆ ได้ทีที่ซุกหัวนอน เพื่อให้แม่ได้มีหน้ามีตาอยู่ในสังคมจอมปลอมทำไมต้องเป็นเธอที่ต้องมาแบกรับทุกอย่างไว้แค่คนเดียว ทั้งหมดนี่มันก็ไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงขายตัวตามช่อง ผิดก็แต่ชายหนุ่มบินไปๆ มาๆ เพื่อติดต่อธุรกิจทำให้เธอไม่ต้องประเชิญหน้ากับเขาทุกวัน แต่ในเวลาเดียวกันถ้าเขากลับมาเขาจะส่งลูกน้องคนสนิทมารับตัวเธอเพื่อไปสนองอารมณ์ของเขา “อ้าขาออก!” น้ำเสียงราบเรียบที่เขาเอ่ยออกมาพร้อมฝ่ามือใหญ่จับที่ขา ทำให้คนตัวเล็กถึงกับสะดุ้ง พรึบ! ร่างบางถูกดึงให้มาอยู่ใต้ร่างหนา “ฉันไม่อยู่...แอบไปร่านที่ไหนรึเปล่า” ปลายนิ้วโป้งเกลี่ยริมฝีปากบางชมพูระเรื่อ ผิวขาวใสเรียบเนียนอมชมพูทำให้สายตาคู่ดุดันค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนมองร่างบางด้วยความปรารถนา “ฉันลงทุนซื้อเธอมาด้วยเม็ดเงินก้อนโต เธอคงจะรู้ดีว่าต้องทำยังไงฉันถึงจะพอใจและครอบครัวเธอถึงจะสบาย” ใบหน้าหล่อเหลา ก้มลง...มอบจุมพิตให้แก่เธออย่างอ่อนโยน แต่นั้นมันก็ไม่ได้ช่วยให้คนตัวเล็กใต้ร่างรู้สึกดีขึ้นสักนิด แต่ทว่าเธอกลับรู้ดีว่านี่มันแค่เริ่มต้น “ฮื้อ!” สาวน้อยนิ่วหน้าเมื่อสัมผัสถึงของแข็งบางอย่างค่อย ๆ ถูกสอดใส่ดันเข้ามาในตัวเธอโดยไร้ซึ่งเกาะป้องกัน “รู้ใช่มั้ยฉันไม่ชอบเสียง มันน่ารำคาญ!” เด็กสาวเม้มริมฝีปากแน่นเป็นเสียตรง เมื่อแก่นกายขนาดใหญ่สอดดันเข้ามาในตัวเธอทีเดียวจนมิดลำ ใบหน้าหวานบิดเบี้ยวนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด เมื่อแก่นกายขนาดใหญ่สับเอวสอบถาโถมเข้าใส่ร่องแคบเธออย่างเร่าร้อน รุนแรง แต่เธอก็ต้องเก็บกลั่นไม่ให้มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมาเพราะฉะนั้นมันจะยิ่งเป็นการทำให้เขาหงุดหงิดและกระทำกับเธอรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
แรกเริ่มเขา 'ซื้อ' เธอมาเพื่อบำบัดความใคร่ เมียชั่วคราวที่มีไว้แก้เหงา แต่สุดท้ายแล้ว...เมียชั่วคราวนั่นแหละ ที่อยากได้เป็นเมียจริงๆ ผู้หญิงสู้ชีวิตอย่างนับดาว...ไม่ยอมแพ้โชคชะตาที่นำพาตนเองไปรับบทน่าอดสู เธอถูกหลอกจากคนที่ไว้ใจที่สุด!! กับการ 'ขายตัว' เขาเหยียดหยามสารพัด ดุถูกจนเธอเจ็บช้ำเจียนตาย เธอเลือกทางหนี เพื่อจบปัญหาน่าปวดหัวครั้งนี้.... ขอเริ่มต้นใหม่ กับชีวิตแบบใหม่ แต่ทำไมล่ะ?...ทำไมเขาถึงไม่ยอมปล่อยเธอ ในเมื่อเขาชิงชังเธอนักหนานี่นา?????
หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง
หลิวชิวเยว่จบชีวิตจากชาติภพปัจจุบัน เมื่อฟื้นขึ้นมาก็อยู่ในร่างของหญิงอ้วน ชื่อเดียวกับตัวเอง อีกทั้งตัวเธออยู่ในเกี้ยวเจ้าสาวกำลังจะไปแต่งงานกับแม่ทัพเสิ่นมู่ฉือ แม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นชิงเป่ย จากซีอีโอสาวแสนสวย ผู้ทระนงตนว่า ฉันสวย รวยและเริ่ดในปฐพี ต้องกลายมาเป็นหญิงอ้วน น้ำหนักร่วมสองร้อยจิน (100กิโลกรัม) แถมด้วยฉายา สตรีกาลกิณี ! แล้วข่าวลือที่ว่าแม่ทัพหนุ่มสามีของเธอ เป็นพวกชอบตัดแขนเสื้อ (ชอบผู้ชาย) นั้นเป็นจริงหรือไม่...จำต้องพิสูจน์ให้กระจ่าง! ทว่า... ยามจันทร์เต็มดวง หลิวชิวเยว่กลับค้นพบความลับของสามี เมื่อเขากลายร่างเป็น หมีแพนด้า ! หลิวชิวเยว่จะใช้ชีวิตในยุคจีนโบราณอย่างไรให้แฮปปี้ เมื่อต้องมีสามีเป็น หมีแพนด้าผู้คลั่งรัก !
หลังจากดูแลสามีมาเป็นเวลาสามปี เมื่อเห็นสามีสอบติดขุนนาง เฉียวชูเยว่ก็นึกว่าชีวิตดีๆ จะมาแล้ว แต่กลับไม่รู้ว่าสามีเป็นคนโลภ และเจ้าชู้ เพื่อจัดการปัญหาให้สามี เฉียวชูเยว่เสียตัวให้กับจักรพรรดิโหดร้ายโดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อชีวิตและอนาคตของสามี นางได้แต่อดทนเอาไว้ จากนั้น สามีของนางก็ได้รับการยกย่องจากจักรพรรดิ และถูกเลื่อนตำแหน่งเรื่อยๆ เมื่อสามีของนางกำลังเพลิดเพลินอำนาจและสาวสวยนั้น นางกำลังรับใช้กับจักรพรรดิอย่าง้อยใจ แต่ไม่คาดคิดว่าความพยายามของนางได้แลกกับใบหย่าจากสามี ในวันแต่งงานของสามี นางถูกฆาตกรไล่ตามและตกลงไปในโคลน เมื่อนางหมดหวังนั้น จักรพรรดิก็มายืนอยู่ตรงหน้านาง "มาเป็นคนของข้าสิ และจะไม่มีใครกล้ารังแกเจ้าอีก!"
ซูมู่หยูคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลที่พลัดพรากจากกันไปนาน หลังจากกลับมาสู่ครอบครัว เธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาใจญาติๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวตน เกียรติศักดิ์ หรือผลงานการออกแบบ เธอก็ถูกบังคับให้มอบสิ่งเหล่านี้ให้กับลูกสาวบุญธรรม อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้รับความรักและการดูแลจากครอบครัวแต่อย่างใด แต่กลับโดนเอาเปรียบตลอด นับแต่นั้นเป็นต้นมา มู่หยูไม่ยอมให้ใครอีกเลย และตัดความรู้สึกและความรักทั้งหมดออกไป ปัจจุบันเธอเป็นสายดำระดับเก้า เชี่ยวชาญภาษาถึงแปดภาษา เป็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ และนักออกแบบระดับโลก ซูมู่หยูกล่าวว่า "จากนี้ไป ฉันเป็นหนึ่งของตระกูลซู"