ความสัมพันธ์ทางกายเพียงคืนเดียวก่อให้เกิดความรัก ความผูกพัน ความลุ่มหลง อยากครอบครองตามมาหลังจากนั้นได้ไหม คำตอบของแพรไหมอาจไม่ แต่คำตอบของวิษุวัตนั้นตรงข้ามกับเธอโดยสิ้นเชิง ########## แพรไหมที่เผลอไปมีความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนกับวิษุวัต เรื่องจะไม่ยุ่งยากเลย หากเขาจะไม่ใช่ผู้ชายที่พี่สาว(ลูกของป้าสะใภ้)หมายปองเอาไว้ เธอไม่กล้าสู้หน้าเขา แน่ละว่าเพราะความอาย แต่เมื่อได้พบกับวิษุวัตอีกครั้ง เขาก็ยังย้ำเรื่องราวที่เกิดในคืนนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีก จนเธอต้องหนีไปให้ห่างจากเขา หารู้ไม่ว่ายิ่งหนีก็ยิ่งปลุกความเป็นนักล่าของวิษุวัตมากเท่านั้น
“ใส่ไปเถอะยัยแพร แล้วลงไปช่วยรับแขกเพื่อนๆของพี่เอพริลเขาเสียที”
คนพูดเป็นหญิงวัยเฉียดห้าสิบปีที่ใบหน้าสวยงามสะพรั่ง แต่ทรวดทรงนั้นฉุมากจนดูคล้ายตุ๊กตาหมีตัวอ้วนๆที่พูดและขยับตัวได้
นางชื่ออาภาเป็นภรรยาใหม่ของคุณลุงหาญ เธอโตมาในความดูแลของลุงตั้งแต่สูญเสียบุพการีไปตอนอายุสิบขวบ แรกทีเดียวเธออยู่กับยาย พอยายเสีย คุณลุงที่เป็นญาติเพียงคนเดียวจึงเข้ามารับเลี้ยงอุปการะตั้งแต่นั้นมา ด้วยความที่ท่านไม่มีบุตรธิดาด้วยละมัง จึงทุ่มความรักทั้งหมดให้กับเธอ ก่อนจะตัดสินใจแต่งงานกับอาภาเมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้า
ป้าสะใภ้ของแพรไหมนั้นมีลูกติดหนึ่งคนชื่ออัจฉรานรี รายนั้นมีใบหน้าสวยสดปานกันกับมารดา แต่หุ่นดีสูงยาวมีสัดส่วนสวยงามชัดเจนเฉกเช่นนางแบบ
อาภาเป็นเศรษฐีนีคนหนึ่ง นางมีที่ทางอยู่มาก แถมยังช่วยอุ้มชูกิจการของลุงหาญอีกด้วย ลุงหาญจึงค่อนข้างเกรงใจภรรยาใหม่คนนี้ เธอเองก็ด้วย เมื่ออีกฝ่ายออกปากสิ่งใดมา เธอจึงไม่กล้าปริปากทัดทานสองแม่ลูกแม้แต่ครั้งเดียว
ครั้งนี้ก็เช่นกัน
แพรไหมขยับชุดแฟนซีคอสเพลย์ที่มีลักษณะเป็นชุดเมดแสนสั้นคลุมก้นได้พอดีเพียงเท่านั้น ค่อยถอนหายใจยาวลงไปช่วยต้อนรับแขกที่ว่าที่เป็นเพื่อนของอัจฉรานรี ลูกสาวของคุณอาภา ป้าสะใภ้ของเธอ
“เด็กในงาน สวยๆทั้งนั้นเลยนะเอพริล”
ชายหนุ่มที่นั่งดื่มอยู่ที่โต๊ะเดียวกันบอกยิ้มๆสายตากรุ้มกริ่มมองนิ่งอยู่ที่ร่างเย้ายวนในชุดสาวใช้ที่สั้นจนอดลุ้นตามประสาผู้ชายไม่ได้ว่าให้มันเปิดโชว์อะไรให้ได้เห็นบ้างสักนิดใต้ชุดนั้น
“สวยสู้ฉันได้หรือไง” อัจฉรานรีบอกอย่างเชิดๆ
“อันนั้นไม่รู้หรอก แต่เห็นมีอยู่คนหนึ่งสวยหวานน่ารักเชียวล่ะ” ชายคนเดิมว่าต่อ คราวนี้คนที่มั่นใจในรูปร่างหน้าตาของตนเองถามกลับด้วยน้ำเสียงติดฉุนเล็กน้อย
“คนไหนยะ”
“นู่นไง” คนเดิมว่า แล้วเสริมทีเล่นทีจริง “รู้จักไหม เรียกมาหน่อยสิ”
แพรไหมกำลังหยิบแก้วเครื่องดื่มส่งให้บรรดาเพื่อนชายหญิงของอัจฉรานรี ตามที่ได้รับคำสั่งมา ตามจริงก่อนจะมาที่บ้านพักชะอำนี่ เธอมีนัดทำรายงานกลุ่มที่อาจารย์ที่ปรึกษาแนะนำให้ทำก่อนจบกับเพื่อนๆและต้องส่งในวันมะรืนนี้ด้วย แต่ป้าอาภากับอัจฉรานรีก็ชวนกึ่งบังคับให้มาที่นี่ด้วยกัน โดยที่เธอไม่ใคร่จะเต็มใจเท่าใดนัก
“แพร! ยัยแพร! มาทางนี้หน่อย”
เสียงเรียกของอัจฉรานรีดังแหวกความคิดเข้ามา ได้ยินแล้วจึงรีบสาวเท้าไวไวตรงไปหาทันที “คะพี่เอพริล”
“มารู้จักเพื่อนพี่หน่อย”
อัจฉรานรีบอกด้วยน้ำเสียงไม่เต็มใจนัก เธอไม่ชอบให้ใครเด่นเกินหน้าเกินตาของเธอ โดยเฉพาะหลานสาวของบิดาเลี้ยงนี่ด้วยที่ตนพยายามกดให้ต่ำกว่าอยู่เสมอ
“นี่เจ้านาย คนนี้ตะวัน นู่นเขม” ส่วนคนที่อัจฉรานรีนั่งคล้องแขนเอาไว้เจ้าตัวไม่ได้แนะนำให้รู้ว่าชื่ออะไร
ชายหนุ่มคนที่ถูกอัจฉรานรีแสดงความเป็นเจ้าของนั่งพิงเก้าอี้ด้วยท่าทีสบายๆ แต่ดูมีอำนาจราวกับผู้สูงศักดิ์ที่ห้อมล้อมด้วยบริวารน้อยใหญ่รอบกายเขา ชั่วขณะที่สายตามองพาดผ่านเขาไปแพรไหมพบว่าหัวใจของตนเองกระตุกวูบขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด ราวกับถูกดึงดูดด้วยพลังงานของชายคนนั้น
ภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่งสงบแต่เหตุไฉนจึงรับรู้ได้ถึงการรุกรานทางสายตามาดมั่นจากเขา ดวงตาสีดำเข้มคู่นั้นดูลึกลับและน่าหวาดหวั่นอยู่ในที และเหมือนหัวใจจะหยุดเต้นกะทันหันเมื่อเขามองสบตากับเธอ
สายตาของเขาและเธอสบกันอยู่ครู่เดียวแต่แพรไหมรู้สึกเหมือนมันนานจนต้องเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนีไปก่อนเพราะสู้สบตาตอบเขาไม่ไหว
“ไม่มีอะไรแล้ว ไปช่วยบริการเครื่องดื่มต่อเถอะ”
เสียงของอัจฉรานรีบอกขัดขึ้นคล้ายไม่พอใจในบางสิ่ง เจ้าหล่อนรับรู้ได้ถึงความสนใจของชายหนุ่มที่เกาะแขนเขาไว้แน่น วิษุวัตกำลังสนใจแพรไหม
“ค่ะพี่เอพริล”
รับคำแล้วรีบพาตัวเองออกมาจากบริเวณทันที
หลังจากที่ช่วยบริการได้ครู่ใหญ่แล้ว หญิงสาวเลือกที่นั่ง นั่งรอแถวใต้ต้นลีลาวดีที่มีโต๊ะยาวคลุมด้วยผ้าสีขาว หวังว่ามันจะช่วยบดบังเรียวขานวลเนียนของตนเองให้พ้นจากสายตาผู้ชายในงานได้บ้าง
“น้ำไหมน้อง”
คนถามเป็นหญิงที่ตัดผมและแต่งตัวแบบผู้ชายทุกกระเบียดนิ้ว แพรไหมแหงะมองก่อนยิ้มตอบรับ
“ขอบคุณมากค่ะ”
อีกฝ่ายลากเก้าอี้พลาสติกใกล้ๆนั่นนั่งลงคุยด้วย “ชื่ออะไรน่ะเรา”
ยกน้ำดื่มอักๆจนหมดแก้วแล้วถึงตอบออกไป “แพรไหมค่ะ เรียกแพรเฉยๆก็ได้ค่ะ”
“พี่ชื่อรัตน์นะ แล้วนี่กินอะไรหรือยัง ตัวยิ่งจ่อยๆอยู่” อีกฝ่ายถามอย่างมีมิตรไมตรี ท่าทีเป็นคนอารมณ์ดูอยู่ไม่น้อย แพรไหมยิ้มส่งให้แล้วว่า
“ยังเลยค่ะ”
“เอาอะไรไหม พี่ไปตักให้ มียำรวมมิตรด้วยนะ คุณเขารับแต่เจ้าที่ทำอาหารอร่อยๆมาทั้งนั้นเลยล่ะงานนี้”
แพรไหมตอบรับไม่ตรีทันที “ก็ได้ค่ะ ขอบคุณพี่รัตน์มากนะคะ”
รัตน์ลุกออกไปเพื่อตักอาหารมาให้ เมื่อได้มาแล้วเลยชวนกันคุยต่อได้สักระยะ ครู่ใหญ่ๆทีเดียวที่แพรไหมรู้สึกว่าร่างกายของตนออกร้อนวูบๆวาบๆไปจนทั่ว
“เป็นอะไร ทำไมหน้าแดงๆ” รัตน์ทักขึ้นแล้วเพ่งมองเธอไปด้วย แพรไหมเริ่มนั่งไม่ติด ขยับชุดที่สวมไปตอบไปพลาง
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ สงสัยจะไม่สบาย”
ภาวรีแหงนหน้าขึ้นแล้วยิ้มกวนโมโหใส่หน้าเขา "มาขวางทำไม เชยไม่สนพี่เขื่อนแล้วนะรู้ไหม ให้หย่าก็ได้เลย ไปเลย เพราะไรรู้มะ เพราะพี่เขื่อนสู้หนุ่ม ๆ ในร้านไม่ได้เลยสักคน ในนั้นถึงใจกว่าพี่เขื่อนตั้งเยอะ" ลัพธวิทย์หรี่ตามอง ถามเสียงเรียบ "ถึงใจแบบไหน" "ใหญ่กว่า อึด แล้วก็เอาเก่งกว่าพี่เขื่อน" ได้ยินเสียงตัวเองพูดจาก๋ากั่นออกไปแบบนั้นแล้วก็ให้ตกใจไม่น้อย พอได้ยินคำตอบของเธอที่หลับตาฟังก็รู้ว่าจงใจพูดจายั่วยุเขา ลัพธวิทย์ก็ค่อยหัวเราะออกมาลั่น พร้อมค่อนแคะกลับไป "น้ำหน้าอย่างเราเนี่ยหรือ กล้านอนกับผู้ชายตามบาร์" ภาวรีหน้าชาเมื่อถูกจับไต๋ได้ว่าโกหก เธอลอยหน้าลอยตาแล้วตอบเขากลับ "ทำไมจะไม่กล้า แม่เปิดห้องให้เชยลองแล้วด้วย หนุ่ม ๆ ในบาร์โฮสต์ทำให้เชยรู้แล้วล่ะว่าของพี่เขื่อนนี่เทียบชั้นกันไม่ติด แบบนั้นน่ะ..." ภาวรีพูดแล้วกวาดตาลงมองอย่างหยามเหยียด บอกต่อจนจบประโยค "น่าจะเอาไว้แค่ฉี่มากกว่านะ"
"ถอดชุดบนตัวเธอออกมาเดี๋ยวนี้!" "หนูทำไม่ได้..." ขวัญลดายังพูดไม่จบดีเลยว่าเธอถอดชุดที่ใส่บนตัวออกไม่ได้เพราะมันรัดมาก ๆ นี่ก็นัดกับออยลี่ ลูกของป้าเนืองไว้แล้วให้มาช่วยถอดชุด ไม่รู้น้องคนที่วานให้ช่วยเหลือจะหลับไปแล้วหรือยัง ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องฉีกมันออกแทนการถอด แต่เจ้าของห้องลับที่ใคร ๆ พูดปากต่อปากกันว่า ห้องนี้ใครเข้ามาแล้วต้องเสว ก็ปราดเข้ามาปล้ำถอดชุดของเธอออกจนหมด แต่เพราะชุดมันรัดมาก ๆ ดลวรัชญ์ลงมือถอดไปก็สบถไปพลางด้วยอาการหัวเสีย "แต่งตัวเชี่ยอะไรวะ รู้ไหมว่ามันรัดหน้าอก รัดโหนกจนเห็นเป็นเนินนูน นึกว่าลานจอดฮอ" พอชุดถูกถอดออกจนหมด ขวัญลดาค่อยหายใจได้ลึกขึ้นจากเดิม นึกขอบคุณที่เขาช่วยเหลือเธอในครั้งนี้ แม้จะดูเป็นการช่วยที่ไม่ปกตินักก็ตามที "หนูรู้ค่ะ" "รู้แต่ก็ยังใส่" "คุณป้าบอกว่ามันมีชุดเดียว ชุดนี้เมื่อก่อนท่านตัดไว้ให้พี่โรส แต่คุณเล่นพาพี่โรสมานอน หนูก็เลย..." "หึง?" เสียงเข้มถามขัดคำตอบของเธอ ขวัญลดามองเขาแล้วได้แต่ส่ายหน้า เธอยังไม่รู้จักเลยว่า หึง อาการเป็นอย่างไร "ไม่ใช่ค่ะ หนูกำลังอธิบายเรื่องที่ว่าทำไมต้องใส่ชุดนี้" "เธอหึง" คนชอบให้ทุกอย่างหมุนรอบตัวเองอย่างดลวรัชญ์สรุปในสิ่งที่ตัวเองคิดได้ พร้อมด้วยมุมปากที่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ก่อนจะเกร็งมันไว้ให้เหยียดตรงดังเดิม "และเธอเบี่ยงประเด็นนะลดา" "แล้วแต่คุณเลยค่ะ" ขวัญลดาบอกอย่างยอมแพ้ ++++++ เนื้อหานิยายเน้นอ่านเพลิน ๆ ย่อยง่าย ๆ และจบดี แฮปปี้ค่ะ
ปัญญารัตน์กำแท่งตรวจการตั้งครรภ์ในกระเป๋าไว้จนเหงื่อชุ่มเต็มมือ วันนี้เธอมาเพื่อบอกเขาว่า ท้อง แต่นายแพทย์อนลกลับเอ่ยปาก บอกเลิกความสัมพันธ์ที่มีต่อกัน เพื่อกลับไปคบกับแฟนเก่าของเขาที่กำลังย้อนกลับมาคบกันอีกครั้ง
คำโปรย ปริญญ์เคยบอกว่ารักเธอ แต่เมื่อมีเหตการณ์บางอย่างทำให้ต้องเลิกรากันไป เขาย้อนกลับมาทำดีด้วย และขอเธอแต่งงาน หลังแต่งงานกับจินดาพรรณมาสี่ปี ปริญญ์เที่ยวคบหาผู้หญิงคนใหม่ไปเรื่อย ๆ เพื่อให้เธออับอาย ... นี่น่ะหรือความรักของเขา ตัวอย่างเนื้อหา "เดี๋ยวดา เรื่องที่เราคุยกันไว้ ดาต้องทบทวนดี ๆ ก่อน..." "พรุ่งนี้เลยปิน พรุ่งนี้ไปเจอกันตามที่ตกลงไว้ได้เลย" ปริญญ์มองเธอนิ่งอยู่เป็นนานสองนาน กว่าจะพูดอะไรได้สักคำหนึ่ง ก็ยากเย็นเต็มที "หรือไม่ ปินว่าเราลอง..." "อย่าเอาแต่พูดหลอกล่อกันแบบนี้อยู่อีกเลยปิน เราสองคนจบกันเท่านี้เถอะ ทิ้งทุกอย่างเอาไว้แค่นี้ ขอให้เลิกแล้วต่อกัน เราจะได้ไม่เกลียดกันมากไปกว่านี้ หรือปินอยากให้ดาเกลียด จนไม่ไปเผาผีกันเลย ก็ได้นะปิน" ได้ยินและได้รู้ถึงความคิดของจินดาพรรณแล้ว ในใจของปริญญ์ปวดแปลบ เสียดและเสียวไปทั้งทรวงอก เขาอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก คิดได้ในตอนนั้นเองว่านี่เขาทำอะไรต่อมิอะไรลงไปนั้น มันแย่มาก จินดาพรรณถึงได้บอกว่าเกลียดเขาถึงขนาดนี้ ปริญญ์รู้สึกได้ถึงก้อนขม ๆ ในคอ เขาฝืนที่จะกล้ำกลืนมันลงไป แล้วขยับเท้าเพื่อถอยหลังออกมา มาได้เพียงครึ่งก้าวแล้วก็ทำอะไรไม่ถูก สายตาเจ็บปวดของเขายังคงมองไปยังจินดาพรรณ เปิดปากเพื่อจะพูดบางประโยคออกไป "แต่ดา...ปินระ...ปินรั" จินดาพรรณหมุนตัว เพื่อกลับเข้าห้อง เธอไม่อยากฟังสิ่งที่เขากำลังจะพูด แต่กลับโดนดึงตัวเข้าไปกอดเอาไว้แนบแน่น เธอไม่ได้ออกแรงดิ้น ทำเพียงปิดตาลง ซ่อนความรู้สึกเจ็บปวดเอาไว้ข้างในลึก ๆ บอกตัวเองว่าอย่าได้ถลำตัวและหัวใจไปกับภาพลวงตาของปริญญ์ อย่าได้หลงคารมของเขาอีกเป็นอันขาด บทจะหวาน ปริญญ์ก็ทำให้เชื่อได้ทั้งนั้น และเขาก็ทำเพียงเพราะต้องการให้เธอหลงเชื่อ เขาหลอกเธอซ้ำ ๆ แล้วทิ่มแทงเธอให้ผิดหวัง เจ็บปวดและเสียใจ ครั้งนี้ก็คงเหมือนกัน ปริญญ์สูดดมกลิ่นของภรรยาเข้าจมูกจนลึกสุดปอด ถูไถใบหน้าไปมาอย่างที่โหยหามาโดยตลอด พร้อมกับพึมพำที่ข้างหูของเธอ "ปินให้เวลาดาคิดอีกสามวัน ระหว่างนี้ถ้าดาเปลี่ยนใจ ก็ไม่ต้องไป แต่ถ้าดายังคิดแบบเดิม วันนั้นเราค่อยไปเจอที่บริษัทตามที่คุยไว้ แต่ระหว่างนี้ ดาต้องคิดดูดี ๆ ก่อนนะ อย่าใช้อารมณ์ตัดสินใจเด็ดขาด" จินดาพรรณถอนลมหายใจของตัวเองออกยาว ๆ เธอนี่หรือใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง ตลอดมามีแต่ปริญญ์ที่ทำแบบนั้น และเธอไม่ต้องการเป็นที่รองรับอารมณ์ของเขาอีกแล้ว คิดได้แบบนั้นค่อยเปิดตาขึ้น แล้วออกแรงดันตัวเองจากอ้อมกอดของเขา หันมามองที่เขาด้วยสายตาว่างเปล่า บอกออกไปตามอย่างที่ตัดสินใจเอาไว้แล้วก่อนหน้านี้ "ดาไม่ต้องคิด ไม่ต้องตัดสินใจอะไรอีกแล้วล่ะปิน ถ้าปินว่างพอ พรุ่งนี้เราก็ไปจัดการเรื่องหย่าให้เรียบร้อยได้เลย" ****************************** แนวพระเอกโบ้ ไม่ได้นอกใจ จบดีและไม่มีใครตุยค่ะ
พ่อหายตัวไปอย่างลึกลับ พี่สาวของฉันถูกข่มขืนและจุดไฟเผา พี่ชายถูกทำร้ายจนตายและโยนศพลงแม่น้ำ ใครจะช่วยฉันได้ในสถานการณ์แบบนี้ . "เป็นคนของผม แล้วผมจะช่วยคุณลากคนผิดมาแก้แค้น" เจ้าของคำพูดนั้นคือ รฐนนท์ นิยายไม่เน้นสืบสวน เน้นความสัมพันธ์ของตัวเอก จบดี แฮปปีค่ะ
วันดีคืนดีก็มีมาเฟียมาจอดหน้าบ้าน บอกว่าอยากได้ที่ของผืนสุดท้ายของเธอ มาเฟีย เจ้าของรีสอร์ท ฟาร์มควาย ม้า วัวที่อยู่ตรงรอยต่อของไทยมาเจรจาด้วยตัวเอง ทันทีที่เจอกัน ศศิร์ธาไม่ได้แค่อยากได้ที่ของเธอ ตัวเธอเองเขาก็อยากได้ด้วย เสียแต่ว่าเป็นม่ายลูกติด ไอ้ระยำนั่นมันเอาอะไรคิดถึงได้ถึงผู้หญิงแบบนั้นไป
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
เรื่องราวของใบหม่อนที่ทะลุมิติไปยังโลกสุดแปลกและสุดแสนจะแฟนตาซี ที่สำคัญดันไปเกิดใหม่ในตอนที่กำลังจะคลอดลูก ในชีวิตที่แล้วแม้แต่แฟนยังไม่มีแต่ทำไมพอได้เกิดใหม่ทั้งที ถึงให้เกิดมาในตอนที่กำลังจะคลอดลูกพอดี แล้วสาวโสดอย่างเธอจะทำยังไงดี คลอดลูกออกมาเป๋นแฝดสามว่าลำบากแล้ว แต่ครอบครัวนี้กลับยากจนข้นแค้น นี่ไม่ใช่ว่าพระเจ้ากลั่นแกล้งเธอเหรอ เธอไปทำอะไรให้พระเจ้าโกรธเคืองกัน
จากอลิส เจนี่ ร็อกส์ กลายมาเป็นหลิวตานผู้สู้ชีวิตกับระบบทำฟาร์มแสนห่วย ครอบครัวปู่ย่าไม่เหลียวแล กดขี่ข่มเหงทั้งยังทำเหมือนว่าบ้านรองเป็นแค่คนรับใช้เท่านั้น ในฐานะคนที่ไม่เคยได้รับความรักจากบิดามาก่อน ชาตินี้หลิวตานจึงหาหนทางเพื่อพาบ้านรองไปจุดสูงสุด หลิวตานใช้ความสามารถที่เธอมีพลังธาตุเร่งการเจริญเติบโตของผัก ทำฟาร์มผัก และยังมีตัวช่วยอย่างระบบทำฟาร์มแสนห่วยอยู่ในมือ เธอจะต้องพาครอบครัวมั่งคั่งร่ำรวยให้ได้! แต่ระบบที่มีทำให้เธอชักไม่แน่ใจแล้วว่ามันช่วยเหลือเธอได้จริง ๆ - -
หลังจากแต่งงานมาสามปี เสิ่นเนียนอันคิดว่าตนเองสามารถเอาชนะใจโฮ่วอวินโจวได้ แต่กลับพบว่าเขามีเพียงคนรักแรกอยู่ในใจ "ฉันจะปล่อยเธอไปหลังจากที่เธอคลอดลูก" ในวันที่เสิ่นเนียนอันมีปัญหาในการคลอดบุตร โฮ่วอวินโจวได้พาผู้หญิงอีกคนออกจากประเทศด้วยเครื่องบินส่วนตัว "ไม่ว่าคุณจะชอบใครก็แล้วไป สิ่งที่ฉันเป็นหนี้คุณ ฉันคืนให้หมดแล้ว" หลังจากที่เสิ่นเนียนอันจากไป โฮ่วอวินโจวก็เสียใจ "กลับมาหาฉันอีกครั้งได้ไหม"
วิญญาณแพทย์นิติเวชที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 21 ได้เข้ามาอยู่ในร่างคุณหนูของจวนเสนาบดีอย่างบังเอิญ ผู้คนกล่าวหาว่านางไม่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และทำให้บุตรชายของแม่ทัพตาย ด้วยเหตุนี้ฮ่องเต้ต้องการฆ่านางเพื่อให้คำอธิบายกับแม่ทัพ! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนหยิ่งยโสและเจ้ากี้เจ้าการ ทุกคนเกลียดนาง และครอบครัวของนางต้องการไล่นางออก! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนเลวทรามและไร้ความปรานี วางยาน้องสาว และพ่อของนางต้องการโบยนางจนตาย! ในความเป็นจริงหากอยากจะกล่าวหาผู้ใดสักคน มันก็หาข้ออ้างได้ทั่ว แต่นางเป็นคนไม่ยอมใคร นางผอมบางนางหนึ่งปลุกปั่นโลกด้วยความสามารถอันทรงพลังตนเอง ท่านอ๋องกล่าวว่า หากได้เจ้ามาครอบครอง ข้ายอมทรยศทุกคนในโลก นางกล่าวว่า เพื่อท่าน ต่อให้ทุกคนในโลกเกลียดข้า ข้าก็ยอม