ภาวรีแหงนหน้าขึ้นแล้วยิ้มกวนโมโหใส่หน้าเขา "มาขวางทำไม เชยไม่สนพี่เขื่อนแล้วนะรู้ไหม ให้หย่าก็ได้เลย ไปเลย เพราะไรรู้มะ เพราะพี่เขื่อนสู้หนุ่ม ๆ ในร้านไม่ได้เลยสักคน ในนั้นถึงใจกว่าพี่เขื่อนตั้งเยอะ" ลัพธวิทย์หรี่ตามอง ถามเสียงเรียบ "ถึงใจแบบไหน" "ใหญ่กว่า อึด แล้วก็เอาเก่งกว่าพี่เขื่อน" ได้ยินเสียงตัวเองพูดจาก๋ากั่นออกไปแบบนั้นแล้วก็ให้ตกใจไม่น้อย พอได้ยินคำตอบของเธอที่หลับตาฟังก็รู้ว่าจงใจพูดจายั่วยุเขา ลัพธวิทย์ก็ค่อยหัวเราะออกมาลั่น พร้อมค่อนแคะกลับไป "น้ำหน้าอย่างเราเนี่ยหรือ กล้านอนกับผู้ชายตามบาร์" ภาวรีหน้าชาเมื่อถูกจับไต๋ได้ว่าโกหก เธอลอยหน้าลอยตาแล้วตอบเขากลับ "ทำไมจะไม่กล้า แม่เปิดห้องให้เชยลองแล้วด้วย หนุ่ม ๆ ในบาร์โฮสต์ทำให้เชยรู้แล้วล่ะว่าของพี่เขื่อนนี่เทียบชั้นกันไม่ติด แบบนั้นน่ะ..." ภาวรีพูดแล้วกวาดตาลงมองอย่างหยามเหยียด บอกต่อจนจบประโยค "น่าจะเอาไว้แค่ฉี่มากกว่านะ"
“พอแล้วครับทุกคน เดี๋ยวพี่ผมได้เมาก่อนพอดี ฉลองแต่พอหอมปากหอมคอก็พอนะครับ”
ฟ้าครามบอกทุกคนในห้องอาหารส่วนตัวที่เอาแต่รินเหล้าให้ลัพธวิทย์ ก่อนจะก้มลงถามชายหนุ่มอีกทีเพื่อเช็กสภาพ “ไหวไหมพี่”
“กลับ” เสียงแหบแห้งบอกกลับมาคำเดียว ฟ้าครามถึงได้เข้ามาช้อนร่างสูงของคนสั่งให้ลุกออกจากโต๊ะโดยไว ท่าทางจะไม่ปกติแล้วแบบนี้
“โหย คออ่อนอย่างงี้ไม่ไหวนา เดี๋ยวพอเป็นท่านรองก็ต้องดื่มบ่อยกว่านี้อีก มา ๆ นั่งลงก่อน” ประเสริฐศิลป์บอกอย่างต้องการเย้าแหย่ชายหนุ่มรุ่นลูก พร้อมส่งสายตาให้ลูกสาวเข้ามาดูแลชายหนุ่มอนาคตไกลอย่างลัพธวิทย์ และเผด็จศึกคืนนี้ให้ได้ ไหน ๆ อีกฝ่ายก็กำลังจะหย่าอยู่แล้ว เลิกจากเมียเก่าเรียบร้อย ก็จะได้จัดงานให้ลัพธวิทย์และลูกสาวของตนแบบทันทีทันใดไปเลย
“มาค่ะฟ้า พี่พาพี่เขื่อนกลับเองดีกว่า”
ฟ้าครามมองไปยังลัพธวิทย์ อ่านสายตากันออกก็รีบบอกหญิงสาวคนนั้นไปว่า “ไม่เป็นไรครับ ผมพาพี่แกกลับเองดีกว่า”
พรหมภัสสรไม่อาจปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยจากมือไปได้ หญิงสาวพยายามยื้อแย่ง ด้วยการเข้าไปช่วยประคองชายที่หมายตา แต่แล้วฟ้าครามกลับดึงไปประคองแทน แล้วแสร้งทำท่าหัวเราะแบบคนสติไม่ดี ก่อนจะรีบพากันออกจากห้องไป พรหมภัสสรยังคงตามติด และพฤติกรรมแบบนี้ของหญิงสาวก็ทำให้ฟ้าครามไม่อาจวางใจได้
“มันจะน่าเกลียดนะครับพี่ปูน ผมพาพี่เขื่อนกลับเองดีกว่าครับ”
“น่าเกลียดอะไรกันน้องฟ้า พี่กับพี่เขื่อนไปแฮงเอาท์ ไปดื่มด้วยกันอยู่เรื่อย มาค่ะ เดี๋ยวพี่พาพี่เขื่อนขึ้นรถแล้วพากลับเอง แล้วฟ้าครามเข้าไปนั่งดื่มต่อนะ”
“ไม่เป็นไรปูน พี่กลับกับเจ้าฟ้าดีกว่า” เสียงแหบห้าวพูดยับยั้งหญิงสาวเอาไว้แค่นั้น แล้วหันไปสบตากับฟ้าครามให้ช่วยพากลับบ้าน เขารู้สึกไม่ดีเอามาก ๆ ในวินาทีนี้
ฟ้าครามพาเดินหลุดออกมาจากตรงนั้นได้แล้วก็ถามคำถามเดิมอีกครั้ง “ไหวไหมเนี่ยพี่”
“ไม่รู้ว่ะ แม่งรู้สึกแปลก ๆ ยังไงก็ไม่รู้”
“พี่ปูนแกก็เกาะพี่ไม่ยอมปล่อยเหมือนกันนะครับ ไม่รู้ว่าทำไมจะต้องอยากพาพี่กลับบ้านด้วย” ฟ้าครามตั้งข้อสังเกต “ไม่ใช่ว่าอยากได้พี่จนถึงกับวางยาหรอกนะครับรอบนี้”
คนฟังอย่างลัพธวิทย์ไม่ได้พูดอะไรมาก เพราะอาการที่เขาเป็นอยู่ในตอนนี้ มันแปลกอยู่เหมือนกัน และถ้ามันเป็นอย่างที่ฟ้าครามพูดจริง ๆ เขาก็คงจะลำบากแล้วล่ะในค่ำคืนแบบนี้ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกไปให้น้องมันตกใจ รอจนฟ้าครามหามขึ้นรถ พามาส่งถึงหน้าบ้านแล้ว ฟ้าครามค่อยหันมาถามเขาอย่างลังเล
“เข้าบ้านยังไงครับพี่”
“ลงไปกดออดเลย”
“แต่มันดึกแล้วนะครับพี่ ข้างในจะไม่นอนแล้วหรือ”
“ช่างแม่ง!” ลัพธวิทย์สบถอย่างที่ฟ้าครามเองก็ไม่เคยได้ยินเสียงพูดเชิงฉุนเฉียวเช่นนี้มาก่อน เพราะปกติลัพธวิทย์มักเป็นคนสุภาพ พูดไม่เยอะ แต่อาจเป็นเพราะฤทธิ์ของเหล้า ถึงได้ทำให้มีท่าทีไม่สบอารมณ์แบบนี้
ฟ้าครามค่อยลงไปกดออดเรียก ที่ด้านในของบ้านที่สว่างเป็นบางจุด พลันสว่างโร่ทั้งบ้านในทันที หลังเสียงออดดังไม่นาน แล้วถึงค่อยเห็นร่างเล็ก ๆ เดินออกมาจากประตูบ้าน ก่อนจะตรงมาที่ประตูรั้ว
“ผมพาคนมาส่งให้แล้วครับ” ฟ้าครามบอกด้วยท่าทีเป็นมิตร เขารู้จักภาวรีอยู่บ้าง หญิงสาวเป็นภรรยาของลัพธวิทย์
“ขอบคุณมากนะฟ้า” เสียงหวานบอกไปทางฟ้าคราม ฟ้าครามมีท่าทางเก้อเขินเล็กน้อย แต่พอเห็นสายตาสั่งการของลัพธวิทย์ก็นึกได้ บอกด้วยอาการเก้ ๆ กัง ๆ จากนั้น
“รบกวนอบเชยเปิดประตูให้หน่อยครับ เดี๋ยวผมพาพี่แกเข้าไปข้างในเอง”
“ไม่ต้อง” ลัพธวิทย์เสียงดังใส่ แล้วยื่นมือหาหญิงสาวที่จะถือครองสถานะภรรยาของเขาต่อไปอีกแค่ไม่กี่เดือนนี้แล้ว ก็จะจบสิ้นลงเสียที ตามสัญญาผูกขาดระหว่างครอบครัวของเขาและเธอ
ภาวรีเห็นท่าทางแบบนั้นของสามีก็รีบตรงเข้าไปช่วยเขา ลัพธวิทย์ส่งเสียงขัดใจในลำคอ แล้วบอกฟ้าครามให้ไปเสีย
“นายกลับได้เลยฟ้า ขอบใจมาก”
“พากันไปได้แน่นะครับ” ฟ้าครามถามอย่างไม่วางใจ เพราะอัตราส่วนของร่างกายระหว่างสามีกับภรรยาต่างกันมาก ลัพธวิทย์ก็เมาและเหมือนจะทรงตัวแทบไม่อยู่อีกต่างหาก
ลัพธวิทย์ส่งเสียงตอบอือในลำคออย่างที่ฟังออกว่าเขาเริ่มรำคาญแล้ว แต่ฟ้าครามก็ยังไม่กล้ากลับอยู่ดี ชายหนุ่มรอจนคนทั้งสองพากันเข้าบ้านแล้ว ถึงได้ช่วยปิดประตูให้
“ทำไมยังไม่นอนอีก นี่มันไม่ใช่จะตีสองแล้วหรือ” ลัพธวิทย์ถามเธอเมื่อเข้ามาในห้องแล้ว ภาวรีบอกเสียงนุ่มนวลตอบเขาออกไป
“เชยรอพี่เขื่อนไง”
บอกจบก็ค่อยประคองเขาลงบนเตียง แม้จะแต่งงานกันมาสองปีกับอีกสิบเดือนแล้ว แต่เธอกับเขาไม่เคยนอนร่วมห้อง มีเพียงร่วมบ้าน อยู่ภายใต้หลังคาเดียวกันเท่านั้น
“ช่วยพี่หน่อย”
เขาผงกศีรษะขึ้น ส่งเสียงเข้ม ๆ บอกเธอ ภาวรีขยับตัวเข้าไปหาเขา เพราะไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มช่วยเขาที่ตรงไหน หมายถึงให้ถอดเสื้อผ้า แล้วเช็ดตัวเหมือนที่เคยเมาแบบรอบก่อน ๆ หรือเปล่า
“ให้เชยช่วยอะไรอะ”
จบคำถามของเธอแล้ว มือใหญ่ของลัพธวิทย์ก็ยื่นสาวมาหาเธอ จนถูกตัวเธอแล้ว เขาคว้าข้อมือของเธอไว้ กระตุกไม่แรงมากนัก ก็ดึงเอาเธอล้มลงไปที่บนเตียงด้วยกัน ก่อนที่ร่างหนาของเขาจะพลิกขึ้นมาคร่อมที่บนตัวเธอ
“ช่วยทำหน้าที่ของเมียหน่อย”
จบคำพูดของเขาแล้ว ปากของเธอถูกปิดด้วยริมฝีปากอุ่นจัดของลัพธวิทย์ที่กรุ่นไปด้วยกลิ่นเหล้า ลิ้นของเขาสอดเข้ามาในโพรงปากของเธออย่างเร่งรีบ มือของเขาปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตัวเขาออกอย่างเร็วไว แล้วปลดชุดนอนของเธอออกอย่างเร่งรีบ เขาดันขาของเธอให้เปิดอ้าออก แล้วค่อย ๆ สอดตัวตนแข็งแกร่งของเขาเข้ามาอย่างที่เรียกได้ว่าไม่ได้อ่อนโยนเลยสักนิด
ภาวรีสะดุ้งเฮือก ความรู้สึกครั้งแรกควรต้องอ่อนหวาน อ่อนโยนกว่านี้หน่อยไหม แต่นี่เปล่าเลย เขาเร่งร้อน เร่งรีบ และตักตวงเอาแต่ใจ จนปลดปล่อยเสร็จสิ้น แล้วก็ทิ้งเธอไว้แบบนั้น เมื่อเขาสุขสมไปเพียงคนเดียว
"ถอดชุดบนตัวเธอออกมาเดี๋ยวนี้!" "หนูทำไม่ได้..." ขวัญลดายังพูดไม่จบดีเลยว่าเธอถอดชุดที่ใส่บนตัวออกไม่ได้เพราะมันรัดมาก ๆ นี่ก็นัดกับออยลี่ ลูกของป้าเนืองไว้แล้วให้มาช่วยถอดชุด ไม่รู้น้องคนที่วานให้ช่วยเหลือจะหลับไปแล้วหรือยัง ไม่อย่างนั้นเธอคงต้องฉีกมันออกแทนการถอด แต่เจ้าของห้องลับที่ใคร ๆ พูดปากต่อปากกันว่า ห้องนี้ใครเข้ามาแล้วต้องเสว ก็ปราดเข้ามาปล้ำถอดชุดของเธอออกจนหมด แต่เพราะชุดมันรัดมาก ๆ ดลวรัชญ์ลงมือถอดไปก็สบถไปพลางด้วยอาการหัวเสีย "แต่งตัวเชี่ยอะไรวะ รู้ไหมว่ามันรัดหน้าอก รัดโหนกจนเห็นเป็นเนินนูน นึกว่าลานจอดฮอ" พอชุดถูกถอดออกจนหมด ขวัญลดาค่อยหายใจได้ลึกขึ้นจากเดิม นึกขอบคุณที่เขาช่วยเหลือเธอในครั้งนี้ แม้จะดูเป็นการช่วยที่ไม่ปกตินักก็ตามที "หนูรู้ค่ะ" "รู้แต่ก็ยังใส่" "คุณป้าบอกว่ามันมีชุดเดียว ชุดนี้เมื่อก่อนท่านตัดไว้ให้พี่โรส แต่คุณเล่นพาพี่โรสมานอน หนูก็เลย..." "หึง?" เสียงเข้มถามขัดคำตอบของเธอ ขวัญลดามองเขาแล้วได้แต่ส่ายหน้า เธอยังไม่รู้จักเลยว่า หึง อาการเป็นอย่างไร "ไม่ใช่ค่ะ หนูกำลังอธิบายเรื่องที่ว่าทำไมต้องใส่ชุดนี้" "เธอหึง" คนชอบให้ทุกอย่างหมุนรอบตัวเองอย่างดลวรัชญ์สรุปในสิ่งที่ตัวเองคิดได้ พร้อมด้วยมุมปากที่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ก่อนจะเกร็งมันไว้ให้เหยียดตรงดังเดิม "และเธอเบี่ยงประเด็นนะลดา" "แล้วแต่คุณเลยค่ะ" ขวัญลดาบอกอย่างยอมแพ้ ++++++ เนื้อหานิยายเน้นอ่านเพลิน ๆ ย่อยง่าย ๆ และจบดี แฮปปี้ค่ะ
ปัญญารัตน์กำแท่งตรวจการตั้งครรภ์ในกระเป๋าไว้จนเหงื่อชุ่มเต็มมือ วันนี้เธอมาเพื่อบอกเขาว่า ท้อง แต่นายแพทย์อนลกลับเอ่ยปาก บอกเลิกความสัมพันธ์ที่มีต่อกัน เพื่อกลับไปคบกับแฟนเก่าของเขาที่กำลังย้อนกลับมาคบกันอีกครั้ง
คำโปรย ปริญญ์เคยบอกว่ารักเธอ แต่เมื่อมีเหตการณ์บางอย่างทำให้ต้องเลิกรากันไป เขาย้อนกลับมาทำดีด้วย และขอเธอแต่งงาน หลังแต่งงานกับจินดาพรรณมาสี่ปี ปริญญ์เที่ยวคบหาผู้หญิงคนใหม่ไปเรื่อย ๆ เพื่อให้เธออับอาย ... นี่น่ะหรือความรักของเขา ตัวอย่างเนื้อหา "เดี๋ยวดา เรื่องที่เราคุยกันไว้ ดาต้องทบทวนดี ๆ ก่อน..." "พรุ่งนี้เลยปิน พรุ่งนี้ไปเจอกันตามที่ตกลงไว้ได้เลย" ปริญญ์มองเธอนิ่งอยู่เป็นนานสองนาน กว่าจะพูดอะไรได้สักคำหนึ่ง ก็ยากเย็นเต็มที "หรือไม่ ปินว่าเราลอง..." "อย่าเอาแต่พูดหลอกล่อกันแบบนี้อยู่อีกเลยปิน เราสองคนจบกันเท่านี้เถอะ ทิ้งทุกอย่างเอาไว้แค่นี้ ขอให้เลิกแล้วต่อกัน เราจะได้ไม่เกลียดกันมากไปกว่านี้ หรือปินอยากให้ดาเกลียด จนไม่ไปเผาผีกันเลย ก็ได้นะปิน" ได้ยินและได้รู้ถึงความคิดของจินดาพรรณแล้ว ในใจของปริญญ์ปวดแปลบ เสียดและเสียวไปทั้งทรวงอก เขาอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก คิดได้ในตอนนั้นเองว่านี่เขาทำอะไรต่อมิอะไรลงไปนั้น มันแย่มาก จินดาพรรณถึงได้บอกว่าเกลียดเขาถึงขนาดนี้ ปริญญ์รู้สึกได้ถึงก้อนขม ๆ ในคอ เขาฝืนที่จะกล้ำกลืนมันลงไป แล้วขยับเท้าเพื่อถอยหลังออกมา มาได้เพียงครึ่งก้าวแล้วก็ทำอะไรไม่ถูก สายตาเจ็บปวดของเขายังคงมองไปยังจินดาพรรณ เปิดปากเพื่อจะพูดบางประโยคออกไป "แต่ดา...ปินระ...ปินรั" จินดาพรรณหมุนตัว เพื่อกลับเข้าห้อง เธอไม่อยากฟังสิ่งที่เขากำลังจะพูด แต่กลับโดนดึงตัวเข้าไปกอดเอาไว้แนบแน่น เธอไม่ได้ออกแรงดิ้น ทำเพียงปิดตาลง ซ่อนความรู้สึกเจ็บปวดเอาไว้ข้างในลึก ๆ บอกตัวเองว่าอย่าได้ถลำตัวและหัวใจไปกับภาพลวงตาของปริญญ์ อย่าได้หลงคารมของเขาอีกเป็นอันขาด บทจะหวาน ปริญญ์ก็ทำให้เชื่อได้ทั้งนั้น และเขาก็ทำเพียงเพราะต้องการให้เธอหลงเชื่อ เขาหลอกเธอซ้ำ ๆ แล้วทิ่มแทงเธอให้ผิดหวัง เจ็บปวดและเสียใจ ครั้งนี้ก็คงเหมือนกัน ปริญญ์สูดดมกลิ่นของภรรยาเข้าจมูกจนลึกสุดปอด ถูไถใบหน้าไปมาอย่างที่โหยหามาโดยตลอด พร้อมกับพึมพำที่ข้างหูของเธอ "ปินให้เวลาดาคิดอีกสามวัน ระหว่างนี้ถ้าดาเปลี่ยนใจ ก็ไม่ต้องไป แต่ถ้าดายังคิดแบบเดิม วันนั้นเราค่อยไปเจอที่บริษัทตามที่คุยไว้ แต่ระหว่างนี้ ดาต้องคิดดูดี ๆ ก่อนนะ อย่าใช้อารมณ์ตัดสินใจเด็ดขาด" จินดาพรรณถอนลมหายใจของตัวเองออกยาว ๆ เธอนี่หรือใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง ตลอดมามีแต่ปริญญ์ที่ทำแบบนั้น และเธอไม่ต้องการเป็นที่รองรับอารมณ์ของเขาอีกแล้ว คิดได้แบบนั้นค่อยเปิดตาขึ้น แล้วออกแรงดันตัวเองจากอ้อมกอดของเขา หันมามองที่เขาด้วยสายตาว่างเปล่า บอกออกไปตามอย่างที่ตัดสินใจเอาไว้แล้วก่อนหน้านี้ "ดาไม่ต้องคิด ไม่ต้องตัดสินใจอะไรอีกแล้วล่ะปิน ถ้าปินว่างพอ พรุ่งนี้เราก็ไปจัดการเรื่องหย่าให้เรียบร้อยได้เลย" ****************************** แนวพระเอกโบ้ ไม่ได้นอกใจ จบดีและไม่มีใครตุยค่ะ
พ่อหายตัวไปอย่างลึกลับ พี่สาวของฉันถูกข่มขืนและจุดไฟเผา พี่ชายถูกทำร้ายจนตายและโยนศพลงแม่น้ำ ใครจะช่วยฉันได้ในสถานการณ์แบบนี้ . "เป็นคนของผม แล้วผมจะช่วยคุณลากคนผิดมาแก้แค้น" เจ้าของคำพูดนั้นคือ รฐนนท์ นิยายไม่เน้นสืบสวน เน้นความสัมพันธ์ของตัวเอก จบดี แฮปปีค่ะ
วันดีคืนดีก็มีมาเฟียมาจอดหน้าบ้าน บอกว่าอยากได้ที่ของผืนสุดท้ายของเธอ มาเฟีย เจ้าของรีสอร์ท ฟาร์มควาย ม้า วัวที่อยู่ตรงรอยต่อของไทยมาเจรจาด้วยตัวเอง ทันทีที่เจอกัน ศศิร์ธาไม่ได้แค่อยากได้ที่ของเธอ ตัวเธอเองเขาก็อยากได้ด้วย เสียแต่ว่าเป็นม่ายลูกติด ไอ้ระยำนั่นมันเอาอะไรคิดถึงได้ถึงผู้หญิงแบบนั้นไป
กันต์กมลต้องการหย่าจากสามี เมื่อระแคะระคายว่าเขามีคนอื่น แต่เขากลับไม่ยอมหย่าแบบง่าย ๆ เธอจะต้องทำอย่างไรดี
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี
ในคืนวันเกิดอายุยี่สิบสองปี ลี่เฉี่ยนโลว่ถูกแฟนหนุ่มวางยา และไปมีอะไรกันกับซือจิ้นเหิง ผู้ชายลึกลับคนหนึ่งตลอดทั้งคืน วันรุ่งขึ้นเธอพบว่าครอบครัวเธอถูกทำลายจนไม่มีอะไรเหลือ เธอแต่งงานกับจิ้นเหิง ได้รับการคุ้มครองจากเขา และใช้เขาเพื่อแก้แค้น "ฉันเป็นภรรยาที่ถูกกฎหมายของเขา" แม้ว่าแม่สามีของเธอจะไม่ยอมรับ แม้ว่าแฟนสาวที่เป็นซุปเปอร์สตาร์ของเขาจะตามมาอยู่ด้วยกัน เธอก็ยังคงยืนยันอยู่อย่างนั้น เธอแท้งโดยบังเอิญ แต่เขากลับเข้าใจผิดว่าเธอไม่อยากมีลูกกับเขา และด้วยความเข้าใจผิดต่าง ๆ อีกหลายหย่าง เธอเลือกที่จะกระโดดลงทะเลเพื่อฆ่าตัวตาย หลายปีต่อมา เมื่อเธอกลับเข้ามาในชีวิตของเขาอีกครั้ง เขาถึงกับตกตะลึง ชายคนนี้ได้สิ่งที่ต้องการจากเธอแล้ว แต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงยังรังควานและทรมานเธอต่อไป
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"
คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"