เธอมันก็แค่พี่เลี้ยงของลูก คนรับใช้ในบ้าน และนางบำเรอส่วนตัวของเขาไม่ว่าทำดีแค่ไหน สิ่งที่ตอบแทนคือความเย็นชา หมางเมินเขาจะเห็นค่าของเธอก็แค่ตอนอยู่บนเตียง แต่พอเมียเก่าเขาหวนมาเขาและลูกก็พร้อมที่จะเฉดหัวเธอออกจากบ้าน .... “แล้วเธออยากแต่งงานเหมือนเพื่อนเธอไหมล่ะ” เป็นคำถามแทงใจดำไอรีณเหลือเกิน คนถูกถามนิ่งงัน หัวใจเจ็บระบมขึ้นมาทันใด “ว่าไง อยากแต่งหรือเปล่า” เลอันโดรดันกายสาวให้ห่างตัวเล็กน้อย จับดวงหน้าหวานแต่ดูเศร้าให้หันมาเผชิญหน้ากับตน ไอรีณหลุบสายตาต่ำ ไม่กล้าปริปากตอบคำถามเขา ทั้งที่เธอมีคำตอบอยู่แล้วในใจ คงไม่มีสตรีคนใดในโลกที่ไม่อยากเข้าพิธีวิวาห์กับชายที่ตนรัก เธอเองก็ปรารถนาเช่นกัน แต่ชาตินี้คงไม่มีวันนั้น เพราะรู้แก่ใจดีว่าคนที่เธอรักไม่มีวันแต่งงานกับเธอแน่ “ฉันถามทำไมไม่ตอบ” “อยากแต่งค่ะ” ไอรีณตอบเสียงเบา ไม่สบตาเขา “แต่งกับใคร ฉันถามไม่ได้ยินหรือไง” เขาเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ ปลายจมูกโด่งคลอเคลียผิวแก้มสาว ก่อนจะกดจมูกสูดดมความหอมเข้าไปเต็มปอด ลากปากไปเรื่อยจนถึงกลีบปากสีชมพูอ่อน “ตอบฉันมาสิ...ถ้าไม่ตอบจะจูบให้ขาดใจเลยนะ” เป็นคำขู่ชวนวาบหวามเหลือเกิน ไอรีณตัวสั่นในอ้อมกอดอบอุ่น สมองเธอเริ่มปั่นป่วน หัวใจเต้นแรงทุกครั้งที่อยู่ในวงแขนนี้ นิ่งถูกเขาเล้าโลมเพียงแผ่วเบา หัวใจและอารมณ์ก็เตลิดไปไกล “แต่งกับ…” เธอหยุดพูด ไม่กล้าเปล่งเสียงตอบ “กับใคร” เลอันโดรไม่หยุดอยากรู้ “ตอบมาเร็วสิ” “กับคุณค่ะ” ไอรีณตอบไปที่สุด หน้าเธอเห่อร้อน ความอายเกลื่อนดวงหน้า อยากจะเขกหัวตัวเองที่กล้าหาญตอบคำถามออกไป เพราะสิ่งที่เธออาจได้รับกลับมาคือ เสียงหัวเราะเย้ยหยันตามด้วยคำพูดเหน็บแนม
เด็กหญิงวัยสิบสามปีมองดูบ้านหลังใหญ่ที่มันใหญ่มากสำหรับเธอด้วยสายตาตื่นตะลึง มันใหญ่ยิ่งกว่าบ้านในละครไทยที่เธอเคยดูเสียอีก ใหญ่อย่างกับวังตามที่โบร่ำโบราณเปรียบเทียบ ไม่เพียงแค่ตัวบ้านเท่านั้นที่ใหญ่ บริเวณบ้านยังกว้างขวาง มีสนามหญ้าที่เธอคิดว่า เลี้ยงวัวเลี้ยงควายได้เป็นร้อยตัว มีต้นไม้น้อยใหญ่ปลูกรอบบ้าน ดอกไม้ที่เธอไม่รู้จักก็บานสะพรั่งตรงทางเดิน ไอรีณมองภาพที่ไม่เคยเห็นด้วยความตื่นตาตื่นใจ
ยังมีอีกเรื่องที่ไอรีณตื่นเต้นไม่แพ้กันคือ นั่งเครื่องบินครั้งแรกในชีวิต เธอยังจำวินาทีที่มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิได้ดี เด็กสาวมองอาคารใหญ่โตด้วยความตื่นตาตื่นใจ ยิ่งได้ขึ้นนกเหล็กลำใหญ่ ความตื่นเต้นเพิ่มขึ้นหลายเท่ากับยานพาหนะที่ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้ขึ้น และโชคดีว่า ไอรีณไม่มีอาการแพ้เครื่องบินคือ คลื่นเหียนอาเจียนและเวียนศีรษะ เธอนั่งอยู่ริมหน้าต่างมองดูก้อนเมฆที่จับตัวเป็นก้อน เกาะกลุ่มกันเป็นแพผืนกว้างมันอยู่ใกล้สายตาด้วยความตื่นเต้น เยี่ยมหน้ามองลงไปเบื้องล่างที่แทบจะมองไม่เห็นอะไร นอกจากจุดเล็กๆ หรือไม่ก็ทะเลกว้างใหญ่ ภูเขาที่เรียงรายกันเป็นผืน เป็นประสบการณ์ที่ไอรีณไม่มีวันลืม
“ใหญ่โตกว่าบ้านเราใช่ไหมไอรีณ” มาลีผู้มีศักดิ์เป็นป้าเอ่ยถามหลานสาว เดิมทีมาลีไม่ได้เรียกชื่อไอรีณเต็มๆ นางจะเรียกว่า ขวัญ ซึ่งเป็นชื่อเล่นของไอรีณ ทว่าชื่อเล่นนี้เวลามาอยู่ต่างแดนเรียกค่อนข้างยาก นางจึงเรียกไอรีณแทน และเรียกให้ติดเป็นนิสัย
“จ้ะป้า ใหญ่ว่าเป็นพันเป็นหมื่นเท่า บ้านไอรีณเล็กเท่ามดไปเลยจ้ะ แถมสนามหญ้าก็ใหญ่มากด้วย ไอ้ทุยวิ่งลุยได้สบาย”
ไอรีณคิดไม่ออกว่า บ้านหลังนี้ใหญ่กว่าบ้านของตนกี่เท่า เพราะมันเทียบกันไม่ติดเลย บ้านของเธอเป็นบ้านไม้ชั้นเดียว บนเนื้อที่ไม่กี่ตารางเมตร ทั้งเก่าทั้งเล็ก หากจะเปรียบเทียบ เปรียบกับห้องคนรับใช้บ้านหลังนี้จะเหมาะกว่า
“เขาเรียกว่าคฤหาสน์จ้ะ คฤหาสน์คาร์เรร่า” มาลีบอกหลานสาว “จำที่ป้าบอกได้ไหม”
“จำได้จ้ะ” ก่อนเดินทางมาประเทศอิตาลี มาลีส่งเงินให้ไอรีณเป็นค่าใช้จ่ายในการเรียนภาษาอิตาลีจนพูดได้พอสมควร ให้เธอได้เตรียมตัวก่อนมาอาศัยอยู่ในประเทศนี้ ประเทศที่จะต้องพำนักไปตลอดชีวิต และยังได้พร่ำสอนเรื่องการวางตัว และอ่อนน้อมถ่อมตน รวมทั้งความกตัญญูให้หลานสาวตระหนักถึงหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติกับทุกคนภายในคฤหาสน์หลังนี้
“ดีมากที่จำได้ เข้าไปข้างในกันได้แล้ว คุณท่านรอเราอยู่” มาลีถือกระเป๋าเดินทางของตนพาหลานสาวกำพร้าพ่อแม่เข้าไปในตัวคฤหาสน์ที่พอเข้าไปแล้ว ไอรีณถึงกับตาค้าง มองเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงที่ดูแปลกตา ไม่เคยพบเห็นมาก่อน แต่ละอย่างสวยงามจนเธอไม่กล้าแตะต้อง เพราะเกรงว่ามันจะแตกหักและกลัวว่าจะชดใช้ไม่ไหว
“มาแล้วค่ะคุณท่าน” มาลีนั่งลงบนพื้นข้างสตรีวัยหกสิบปี ไอรีณนั่งลงข้างคนเป็นป้า “ไหว้คุณท่านสิไอรีณ ต่อไปนี้คุณอันนาคือเจ้านายของหลาน” ไอรีณทำตามที่มาลีสั่ง
“หน้าตาดีนะเนี่ย โตเต็มวัยคงสวยน่าดู” อันนารู้สึกเอ็นดูหลานสาวของมาลี คนรับใช้เก่าแก่ที่อยู่กับนางมากว่ายี่สิบปีตั้งแต่แรกเห็น ก่อนหน้านี้อันนาเกิดความสงสารในชะตากรรมของไอรีณที่ขาดทั้งพ่อและแม่ในระยะเวลาใกล้กัน แถมยังถูกญาติทางฝ่ายพ่อโขกสับยิ่งกว่าทาสในเรือนเบี้ย พอข่าวรู้ถึงหูมาลี คนเป็นป้าจึงขออนุญาตอันนาพาไอรีณมาอยู่ด้วย มาลีคิดว่า ไอรีณเป็นคนรับใช้ตระกูลคาร์เรร่ายังมีอนาคตกว่าอยู่กับญาติทางฝ่ายพ่อ อย่างน้อยก็ได้ที่พักอาศัยที่ดี เจ้านายก็ไม่เอารัดเอาเปรียบ แถมยังมีเมตตา จะส่งเสียไอรีณให้เรียนหนังสือ
“สวยเหมือนแม่ค่ะ” มาลีบอกผู้เป็นนาย
“มาลีบอกว่า เธอไม่ได้เรียนหนังสือใช่ไหม” อันนาถามลูกจ้างคนใหม่
“ใช่จ้ะ เอ๊ย! ใช่ค่ะ” ไอรีณลืมตัว
“ฉันจะส่งให้เธอเรียนต่อนะ จะได้มีความรู้ติดตัว พอเรียนจบมีงานทำ เธออยู่ที่นี่ต่อไปได้ ช่วยงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ เท่าที่พอจะทำไหว หรือไม่ก็ไปทำงานในบริษัทของฉัน พอถึงตอนนั้นฉันจะหาตำแหน่งที่เหมาะสมให้เธอทำ” อันนาผู้มีจิตใจเมตตา ไม่คิดปิดกั้นอนาคตใคร หากคนในอาณัติมีเส้นทางที่ดีกว่า นางพร้อมสนับสนุนเต็มที่ ไม่หวังผลกับสิ่งที่หยิบยื่นให้ด้วย
“ขอบพระคุณคุณท่านมากค่ะที่เมตตาไอรีณ” มาลียกมือไหว้เจ้านาย ไอรีณจึงทำตามบ้าง
“พาหลานไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกที”
“ค่ะคุณท่าน” มาลีกำลังลุกขึ้นยืน ทว่าเสียงของใครคนหนึ่งที่ดังมาพร้อมตัว ทำให้มาลีต้องนั่งตามเดิม
“คุณแม่ครับ ผมกลับมาแล้วครับ” เลอันโดร ฟลาวิโอ คาร์เรร่าบุตรชายของอันนาทรุดกายนั่งข้างมารดา กอดคนเป็นแม่และหอมแก้ม “คิดถึงคุณแม่ที่สุดเลยครับ”
“มาถึงก็ปากหวานเลยนะ แต่แม่ได้ข่าวว่า ทริปนี้มีสาวไปเที่ยวด้วยหลายคน จะคิดถึงแม่จริงหรือ”
“สาวๆ ก็ส่วนสาวๆ สิครับ คุณแม่เป็นที่หนึ่งในใจผมเสมอครับ”
“เลอันมาก็ดีแล้ว แม่จะแนะนำให้ลูกรู้จักกับไอรีณ หลานสาวมาลีที่แม่เคยบอกเลอัน จำได้ไหมลูก”
“จำได้ครับ” เขาตอบขณะหันไปมองเด็กหญิงชาวไทยหน้าตาน่ารักสมวัย ดวงตากลมโต จมูกรั้นเชิดรับกับริมฝีปากสีชมพูเป็นกระจับ ก่อนจะหันมามองมารดา “หน้าตาไม่เหมือนน้ามาลีเลยนะครับ”
“มาลีบอกว่า ไอรีณเหมือนแม่” อันนาเป็นเจ้าของประโยค
“ชื่อไอรีณหรือครับ เพราะดีนะครับ เรียกง่ายด้วย”
“ไอรีณไหว้คุณเลอันสิลูก คุณเลอันเป็นลูกชายคุณท่าน” เสียงของคนเป็นป้า เรียกสติของเด็กสาวที่มองหน้าชายหนุ่มลูกชายเจ้าของบ้าน ที่หน้าตาหล่อเหลา ดวงตาของเขามีเสน่ห์ ดึงดูดหัวใจดวงน้อยให้เต้นถี่แรงยามได้สบตามองให้กลับคืนมา เธอรีบพนมมือไหว้เลอันโดรตามคำสั่ง เลอันโดรยิ้มให้ไอรีณ และรอยยิ้มนั้นทำให้ไอรีณถึงกับใจสั่นมากขึ้น เป็นรอยยิ้มที่กระชากหัวใจเด็กสาวก็ว่าได้
“ฉันขอตัวพาไอรีณไปห้องก่อนนะคะคุณท่าน” มาลีลุกขึ้นยืน โดยมีร่างเด็กสาวลุกขึ้นแล้วเดินตามป้าไปด้านหลังของคฤหาสน์ ระหว่างทางที่ไอรีณเดินไป เธอหันมามองเจ้านายหนุ่มรูปงามที่มีจังหวะหนึ่ง มองมายังเธอพอดิบพอดี ทำให้สายตาของทั้งคู่ประสานกัน แก้มไอรีณร้อนผ่าว เปื้อนสีชมพูระเรื่อขึ้นมาไม่รู้ตัว และเป็นฝ่ายหลบสายตาเลอันโดร รีบเดินตามมาลีโดยไม่หันกลับมามองเขาอีกเลย
เพียงแค่ได้เห็นใบหน้าสวย สรีระหน้าฟัดของ พลอยพัตรา ทำให้ เฟอเดอริค มอโร อยากจะคว้าตัวเธอมาเป็นดอกไม้บนเตียงของเขาทันที คนเจ้าเล่ห์และเจ้าบุญทุ่มอย่างเขาจึงทำทุกอย่างที่จะได้ดอกไม้ดอกนี้มาเชยชม
"ฮือๆ .. ทำไมทำอย่างนี้กับรุ้ง ทำไมต้องเป็นเดียร์ ทำไม?" ความรู้สึกเสียงใจของหทัยชนกจะน้อยกว่านี้ หากคนที่เป็นภรรยาน้อยของสามีไม่ใช่เกวลิน...เพื่อนรักของเธอ
"คนอย่างเธอความเจ็บปวดแค่นี้มันยังน้อยเกินไป เธอต้องเจ็บเหมือนกับที่มินามิเจ็บ และต้องเจ็บยิ่งกว่าหลายร้อยเท่า ฉันจะทำให้เธอตายอย่างช้าๆ แต่ทุกข์ทรมานแสนสาหัส เธอจะไม่ได้ยินหรือสัมผัสกับความอ่อนโยนเมตตาจากฉัน สิ่งที่ฉันจะมอบให้เธอมีเพียงความเกลียดชังเท่านั้น จำใส่กะโหลกไว้" เรียวเหวี่ยงร่างงามไปที่เตียงนอนอย่างแรง มือหนาจับที่ข้อเท้าของเธอไว้แน่นเมื่อรู้ว่าเธอกำลังกระเถิบตัวหนี "หนีสิ หนีเลย ถ้าเธอหนี คนที่ตายเป็นคนแรกคือแม่ของเธอ ฉันจะให้แม่เธอตายเหมือนหมูเหมือนหมาข้างถนน เหมือนกับที่เธอฆ่าแม่ของฉัน" ดวงตาเขาเปล่งแสงแรงกล้าของความอาฆาต เมื่อนึกถึงข้อนี้อยากจะฆ่าหญิงสาวตรงหน้าให้ตายตามมารดาและคนที่เขารัก แต่ความตายอาจจะไม่ทำให้เขาสะใจ นอกจากกระกระทำต่อไปนี้ที่สะใจเขามากที่สุด ทรรศิกาหยุดดิ้นรนขัดขืน เขาจึงปล่อยข้อเท้าของเธอให้เป็นอิสระ จัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าต่อหน้าเธอ ความกลัวเริ่มเกาะกินจิตใจของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ อยากจะวิ่งหนีออกไปจากที่นี่ แต่เมื่อนึกถึงมารดา ทำให้เธอก้มหน้ารับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น เรื่องที่คุณน่าจะสน
ความอิจฉาน้องสาวต่างมารดาคือจุดเริ่มต้นของแผนการ “ชิงไอศูรย์” มาเป็นของตน เธอจึงใช้เล่ห์เหลี่ยมง่ายๆ คือวางยานอนหลับเขา พอตื่นขึ้นมาก็จะติ๋งต่างว่า เขากับเธอมีอะไรกัน ทว่าแผนเกิดผิดพลาด ยาที่ผสมในไวน์กลับเป็นยาปลุกเซ็กซ์ ผลที่ออกมาคือ ไอศูรย์มีความสัมพันธ์ทางกายกับเธอจริงๆ ในที่สุด ชเนตตีได้แต่งงานกับเขาตามตั้งใจ ทว่าผลที่ออกมา ไม่ได้เป็นไปตามที่คิดไว้ “เนยใส่อะไรในแก้วไวน์ของพี่ใช่ไหม ไม่อย่างนั้นพี่จะไม่มีวันอยู่ในสภาพแบบนี้” เขาถามอีกครั้งเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบ เสียงที่ถามเข้มห้วน ใบหน้ายังคงเรียบตึง สายตาถมึงทึงใส่ร่างอวบที่ย่นคอหนีน้ำเสียงแผดกร้าว “ตอบพี่มา” “ใส่อะไร เนยไม่รู้เรื่อง…ฮือ…พี่เจย์ทำผิดแล้วอย่ามาโทษว่าเนยวางยาพี่นะ…ฮือ” เธอยังคงปากแข็งต่อไป หลบสายตาแข็งกร้าวพัลวัน
“ว้าย!!..” เธอร้องได้เพียงเท่านั้น ก่อนที่ปากของหยาดน้ำค้างจะถูกมือใหญ่ของใครบางคนปิดเอาไว้ ลำแขนอีกข้างรัดร่างน้อยไว้แน่น ก่อนจะลากไปที่พุ่มไม้รกข้างทาง “อย่าดิ้น อย่าร้อง ไม่งั้นจะจับปล้ำมันตรงนี้แหละ” เสียงที่พูดชิดเรียวหูสะอาด ทำให้เธอรู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นคือใคร..เหมันต์ วิเศษเดโช เขาดันร่างเล็กให้แผ่นหลังแนบชิดกับต้นไม้ใหญ่ขนาดสี่คนโอบ ใช้ลำแขนกักร่างบางเอาไว้ “ปล่อยนะ” หญิงสาวพูดเสียงเบาทว่าหนักแน่น เธอไม่กล้าพูดเสียงดังมาก เพราะกลัวว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาจะได้ยิน “ไปกล่อมพ่อหรือกล่อมลูกมาล่ะ ถึงได้อ้อยอิ่งเป็นชั่วโมงแบบนี้” น้ำเสียงของเหมันต์เขียวเหมือนกับใบหน้าที่เขียวคล้ำด้วยความโกรธ “มันเรื่องของฉัน..คุณไม่เกี่ยว..เราไม่มีอะไรต่อกันแล้ว คุณก็ได้ในสิ่งที่คุณต้องการแล้วนี่ จะมาเอาอะไรกับฉันอีก ปล่อยนะ ฉันจะกลับที่พัก” หยาดน้ำค้างพยายามดิ้นรนหนีพันธนาการที่รัดร่างอยู่ แต่ทว่าลำแขนของเขานั้นหาได้คลายออกไม่ ยิ่งรัดแน่นมากกว่าเก่า เมื่อได้ยินวลีของเธอ “ทำไมผมจะไม่เกี่ยว ในเมื่อน้ำค้างเป็นเมียของผม..เป็นเมีย หรือว่าจำไม่ได้ว่าเราสองคนมีความสุขกันมากแค่ไหน” เขาเท้าความหนหลังให้เธอได้ฟัง ฝ่ายหญิงนิ่งเงียบกับคำพูดของเขา เธอไม่เถียงว่ามีความสุขมากแค่ไหนเวลาได้อยู่ใกล้ชิดกับเรือนกายที่แสนแข็งแรงและอบอุ่น หากแต่ความทุกข์และความเสียใจที่เธอได้รับนั้นมันก็มากมายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือว่าความทุกข์ เธอก็ไม่มีวันลืมเช่นกัน และไม่มีทางจะกลับไปจมกับความทุกข์อีกแล้ว “ฉันไม่ใช่เมียคุณ..ถ้าคุณคิดว่าการที่เรามีอะไรกันแล้วฉันจะเป็นเมียคุณ พี่ว่านก็ต้องเป็นสามีของฉันเหมือนกัน” หยาดน้ำค้างคิดว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด วิธีที่เขาไม่มีทางมายุ่งเกี่ยวกับเธออีก อ้อมแขนที่รัดร่างนิ่มคลายออกโดยอัตโนมัติ หัวใจของคนที่ฟังเต้นเร็ว ดวงตาคมเข้มสีดำเรืองแสงในความมืดที่โรยตัวไปทั่วบริเวณ บ่งบอกอะไรหลายอย่างในแววตา เสียใจ ไม่คาดฝัน ไม่แน่ใจ
จะกี่หมัดก็ไม่หวั่น กี่ยกก็ไม่กลัว เธอจะ Knock Out ด้วยหัวใจติดปลายนวม ภัทรียายินดีสานต่อค่ายมวยและรับผิดชอบหนี้สินรุงรังต่อจากพ่อซึ่งเสียชีวิต แต่ ณ วันนี้หนี้สินสามปีที่ผัดผ่อนมาตลอดทำให้เธอมืดแปดด้าน ไม่ว่าความหวังแสนริบหรี่แค่ไหน เธอก็คว้าไว้อย่างไม่รอช้า ไม่เว้นแม้แต่การเป็นภรรยาหลอกๆ ต่อให้ต้องโดนแม่สามีดูถูกทุกขณะ น้องสาวสามีจ้องเหยียดชาติกำเนิดทุกครั้งที่เจอหน้า ภัทรียาก็ไม่หวั่นเกรงแม้แต่น้อย เพราะเธอคือ... ‘มะปราง ลูกจ่าดาบ ศิษย์จอมทอง’ นักมวยสาวหุ่นกระชากใจหนุ่มๆ หากไม่เพราะกำลังจะถูกแม่จับคลุมถุงชน ธัชธรรมจึงต้องเลือกใช้วิธีสิ้นคิด จ้างนักมวยสาวหมัดหนักที่กำลังร้อนเงินมาเป็นภรรยากำมะลอ จดทะเบียนจริง อยู่ด้วยกันจริง...และทำท่าว่าจะต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน รออีกอย่างเดียวเท่านั้น... รอให้สะใภ้กำมะลอยอมเป็นภรรยาตัวจริงของเศรษฐีหนุ่มหล่อ
"เราหย่ากันเถอะ"หนึ่งประโยคนี้ ทำให้ชีวิตการแต่งงานสี่ปีของฉินซูเหนียนกลายเป็นเรื่องตลก ในขณะนี้ ฉินซูเหนียนถึงตระหนักว่าสามีของเธอไม่เคยมีใจให้เธอ น้ำเสียงของเขาเย็นชา: "ตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันมีเพียงหว่านหว่านอยู่ในใจ และคุณเป็นเพียงแผนชั่วคราวในการจัดการกับการแต่งงานในครอบครัวที่กำหนด" ด้วยความสิ้นหวัง ฉินซูเหนียนลงนามในใบหย่าอย่างไม่ลังเล ถอดผ้ากันเปื้อนของภรรยาที่ดีออก สวมมงกุฎของราชินีขึ้นมา และกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ กลับมาอีกครั้ง เธอไม่ใช่คุณนายลี่ที่สวยแต่เปลือกอีกต่อไป แต่เป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งที่น่าทึ่งใจ เธอแสดงความสามารถต่อหน้าคนอื่นๆ และอดีตสามีที่หยิ่งก็ถามเธอว่า: "ฉินซูเหนียน นี่เป็นเคล็ดลับใหม่ของเธอในการดึงดูดฉันงั้นเหรอ" ก่อนที่เธอจะพูดอะไร ประธานลึกลับก็ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาและประกาศไปว่า "ดูให้ชัดเจน นี่คือคุณนายฟู่ คนอื่นห้ามเข้าใกล้เธอ" ฉินซูเหนียนถึงกับพูดไม่ออก อดีตสามีก็ตกตะลึงไปด้วย
เกิดใหม่ในชาตินี้ นางแค่ต้องการอยู่อย่างสงบสุขปกป้องครอบครัวจากเรื่องร้ายที่จะเกิดขึ้น นางไม่อยากตกอยู่ในบ่วงรักอันทำให้ครอบครัวต้องพบกับวิบัติอีกต่อไปแล้ว... คำเตือน นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักโรแมนติก ดราม่า มีฉากความรุนแรง ฉาก NC และมีฉากเศร้าสะเทือนใจ โปรดพิจารณาก่อนดาวโหลดนะคะ กราบขอบพระคุณค่ะ
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
อารียา ถูกโชคชะตาชักนำไปสู่บทพิศวาสที่แสนเร่าร้อนบนความเข้าใจผิด ก่อเกิดเป็น ‘รักต้องห้าม’ ที่ไม่อาจต้านทานได้ แล้ว ชีควาคิล จะทำเช่นไร ที่จะทำให้ยอดหญิงที่เป็นดั่งดวงหฤทัย กลายเป็น ‘รักเดียว ตลอดกาล’ มันคงไม่ยากนัก หาก ‘เขา’ ซึ่งเป็นถึงองค์รัชทายาทจะทรงต้องการ ‘นางสนมในฮาเร็ม’ เพิ่มอีกสักคน ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ ‘เธอ’ ครูสอนภาษาที่เป็นดังกุหลาบงามที่ซ่อนหนามแหลมเอาไว้ภายใน แม้จะทรงมีอำนาจเหนือใคร ก็อย่าหมายมารังแกเธอได้ง่ายๆ แต่ทว่าเขากำลังถือ ‘ไพ่’ เหนือเธอ จึงทรงบังคับขืนใจด้วยไฟแค้น พันธนาการเธอเอาไว้ด้วยเพลิงพิศวาสที่แสนหวาน แล้วครูสาวไร้เดียงสาอย่างอารียา จะสามารถต้านทานบทสวาทขั้นเทพของชีคหนุ่มผู้กระหายในรสรักได้อย่างไร “อ๊ะ...ท่านชีค” เสียงหวานๆ ครางแผ่วออกมาอย่างลืมอายเมื่อท่านชีคผู้แสนจัดเจนในสนามรัก งัดกลยุทธพิชิตกายสาวออกมาใช้กับหญิงสาวอย่างไม่หมกเม็ด เจ้าของเรือนร่างงดงามดุจรูปปั้นเปลือยเปล่าของนักรบเทพเจ้ากรีก ได้จุดประกายไฟพิศวาสให้ลามเลียไปทั่วร่างร้อนผ่าวที่พร้อมจะติดไฟรักได้ทุกเมื่อ แล้วเมื่อใบหน้าหล่อเหลาดุจเทพบุตรแห่งสวรรค์ ฝังจมูกลงมาบนช่อดอกรักอวบอูมกลางกายสาว คนใต้ร่างก็ไม่อาจกลั้นใจ “ท่านชีค อย่าค่ะ ไม่...โอว” ร่างบอบบางบิดเร่าๆสะท้านไหว กลีบดอกไม้ลู่ไปตามทิศทางลมที่พัดโหมจนกลายเป็นพายุสวาทลูกใหญ่ซัดกระหน่ำแทรกลึกซอกซอนเข้าไปยังกลีบดอกรักแสนสวยจนเกสรสีหวานสั่นระรัวและบวมเป่งเพราะอารมณ์เสน่หา
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"