เสือดำอย่าง 'เฮยอวิ้น' จู่ๆ ก็มีเจ้าสาววิ่งเข้ามาหาถึงถิ่น นานมาแล้ว หลังจากทำสัญญาระหว่างมนุษย์และสัตว์ป่าจะไม่ก้าวก่ายกัน แต่หญิงสาวผู้นั้นทำให้เขาเลียริมฝีปาก คิดว่า.. งานนี้ได้มีอาหารอันโอชะตกถึงท้องแล้ว!
เสือดำอย่าง 'เฮยอวิ้น' จู่ๆ ก็มีเจ้าสาววิ่งเข้ามาหาถึงถิ่น นานมาแล้ว หลังจากทำสัญญาระหว่างมนุษย์และสัตว์ป่าจะไม่ก้าวก่ายกัน แต่หญิงสาวผู้นั้นทำให้เขาเลียริมฝีปาก คิดว่า.. งานนี้ได้มีอาหารอันโอชะตกถึงท้องแล้ว!
ร้านผ้าสกุลจือ ทางเหนือของเมืองหลวงแคว้นซั่นกวง...
หญิงสาวในชุดแต่งงานสีแดงสดตัวใหม่ถูกแม่สื่อจูงมือพาเดินออกจากประตูร้าน นี่คือชุดใหม่ที่นางมี ชุดใหม่ที่นางไม่ต้องเสียเงินซื้อมา แต่ใครเล่าจะยินดี หากต้องถูกบังคับให้แต่งเป็นอนุภรรยาคนที่สี่ของอันธพาลอวดดีประจำเมือง
สีหน้าใต้ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงเต็มไปด้วยความกังวลและหวาดกลัว นางไม่ยินดีกับงานแต่งที่ถูกบังคับเช่นนี้ ต่อให้ยากไร้ยิ่งกว่านี้นางก็ไม่ยินดี!
ใช่แล้ว นางไม่ควรถูกบังคับให้ออกเรือนตั้งแต่แรก เพราะนางไม่มีบิดามารดาให้ห่วงใย ไม่มีญาติพี่น้อง ในแคว้นซั่นกวงแห่งนี้ นางเป็นเพียงหญิงกำพร้าธรรมดาคนหนึ่ง
หญิงสาวครุ่นคิดขณะก้าวเท้าข้ามธรณีประตู เดินไปทางเกี้ยวสี่คนหาม แต่แล้วจู่ๆ นางก็หยุดชะงัก ไม่ยอมขึ้นเกี้ยว
แม่สื่อที่จูงมือนางอยู่ด้านข้างก้มหน้ากระซิบถาม “มีอะไรรึ”
นางสูดหายใจ ยืนนิ่งเงียบ
งานแต่งนี้นางไม่ต้องการด้วยซ้ำ ทั้งที่บิดามารดาหรือก็มิได้จัดขึ้นเพื่อนาง นั่นเพราะนางสูญเสียทั้งสองท่านไปตั้งแต่เล็ก แล้วเหตุใดคนพวกนี้ต้องบังคับนางเพียงเพราะเป็นลูกจ้างของเถ้าแก่เนี้ยจือเหนียงด้วย!
สวรรค์ นางไม่ต้องการแต่งงานกับคนผู้นั้น แต่ควรทำอย่างไรดีเล่า!
หากนางร้องขอความช่วยเหลือ ชาวบ้านแม้เห็นใจ แต่คงไม่มีใครยอมยื่นมือเข้าช่วยเหลือแน่ เพราะหนึ่ง คนที่นางแต่งด้วยเป็นอันธพาลเมือง สอง นางมีดาวแห่งความโชคร้ายในตัว เป็นหญิงที่โชคร้ายที่สุดในเมืองแห่งนี้ หากช่วยเหลือนาง พวกเขาก็จะพลอยโชคร้ายไปด้วย
“แม่นาง เจ้าหยุดเท้าทำไมรึ” แม่สื่อถามอีกครั้ง แต่นางยังยืนนิ่ง สีหน้าซีดเผือด
ทำอย่างไรดี! หากขึ้นเกี้ยวนี้ไปแล้ว นางจะไม่ได้เป็นแค่หญิงโชคร้ายอาภัพ แต่จะกลายเป็นผู้หญิงที่ต่ำตมที่สุด ถึงเหลิ่งซานเหวินจะแต่งนางเข้าบ้านอย่างถูกต้อง แต่นางเคยได้ยินมาว่าผู้ชายคนนั้นชอบทรมานภรรยาของตนเป็นที่สุด
ถึงนางยากจนก็ใช่ว่าจะยอมถูกรังแกถึงเพียงนั้น!
“แม่นาง?” แม่สื่อกระตุ้นถาม ก่อนปล่อยมือนาง แล้วหันเดินไปทางจือเหนียง เดาว่าคนละแวกนี้ก็คงสงสัยในการกระทำของว่าที่เจ้าสาวไม่ได้ และแม่สื่อคงจะไปหาจือเหนียงเพื่อให้จือเหนียงบีบบังคับนางขึ้นเกี้ยว ดังที่บีบบังคับนางให้แต่งกับเหลิ่งซานเหวิน
ถึงตอนนี้ นางคิดว่าเรื่องเงินไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว ถึงชีวิตจะยากลำบาก แต่ก็ไม่ควรอยู่ภายใต้การกดขี่ข่มเหง การเป็นภรรยาของเหลิ่งซานเหวินคงทรมานยิ่งกว่าการขาดเงิน ต่อให้จือเหนียงบีบบังคับนางแล้วอย่างไรล่ะ บนโลกนี้ไม่มีคนที่นางต้องห่วงใยสักนิด แล้วจะสนใจไปไย!
ชั่วอึดใจสั้นๆ นั้นเอง นางฉวยโอกาสที่ทุกคนหันไปสนใจจือเหนียง รวบชายกระโปรงขึ้น แล้วออกวิ่งเต็มเหยียด ทั้งยังดึงผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงทิ้งข้างทาง
นางวิ่งอย่างไม่ลืมหูลืมตา ก้าวขาวิ่งด้วยความเร็วทั้งหมดที่มี ลัดเลาะเข้าตรอกนั้นออกซอยนี้
คนหามเกี้ยว แม่สื่อ และจือเหนียงต่างออกวิ่งตาม ปากตะโกนบอกให้นางหยุด อีกทั้งข่มขู่สารพัดวิธี แต่เหตุใดนางต้องกลัวคำขู่เหล่านั้นด้วยเล่า ให้แต่งกับเหลิ่งซานเหวินน่ะหรือ สู้ปล่อยให้นางตายข้างถนนไม่ดีกว่าหรือไง
นางวิ่งสุดขา ถลกกระโปรงยาววิ่งบ้างกระโดนบ้าง กระทั่งคนด้านหลังที่วิ่งตามนางไม่มีแล้ว นางถึงเพิ่งรู้ว่าตนวิ่งเข้ามาในป่า เท้าซึ่งไร้รองเท้าตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้เหยียบเข้ากับกิ่งไม้แห้งดัง ‘เป๊าะ!’ เสียงกิ่งไม้หักใต้เท้าดังก้องป่าชวนขนหัวลุก นางเดินอย่างเชื่องช้า ไม่รู้ว่าตนอยู่ตรงส่วนไหนของป่า และไม่รู้ว่าควรออกจากป่าทันทีหรือเข้าไปให้ลึกขึ้นอีก อย่างไหนถึงจะเป็นหนทางรอด
แต่ว่า...ออกไปก็ตาย เข้าไปก็ตาย ไม่ว่าทางไหนนางล้วนตายอยู่แล้ว!
ตอนนั้นเองที่กิ่งไม้เกี่ยวชายกระโปรงทำให้นางก้าวต่อไปไม่ได้ นางตระหนกเล็กน้อย แต่ก็หันหลังกลับไปดึงกระโปรงออกจากกิ่งไม้ ทว่าดึงอย่างไรก็ดึงไม่ออก นางจึงกระชากอย่างสุดแรงจนชายกระโปรงเจ้าสาวสีแดงฉีกขาดติดกับกิ่งไม้นั่น หัวใจนางหล่นวูบ นี่คือลางร้าย
ช่างปะไร ตอนตัดสินใจวิ่งหนีออกจากขบวนเจ้าสาว นางก็รู้แก่ใจดีแล้วว่าไม่มีทางให้ถอยกลับอีกแล้ว หากถูกเหลิ่งซานเหวินจับได้ นั่นหมายถึงนางต้องได้รับโทษทรมานจากเขา แล้วยังจะห่วงอะไรกับแค่ชายกระโปรงฉีกขาด!
เมื่อตัดสินใจยอมตายดีกว่าแต่งงานกับชายอันธพาล หญิงสาวเดินเข้าป่าไปเรื่อยๆ พลางคิดว่า ‘ตายก็ตายสิ’ ในตอนนั้นเอง เสียงที่ไม่ควรได้ยินก็ดังขึ้นเหนือศีรษะนาง
กรร...
เป็นเสียงคำรามของสัตว์ป่า!
สองขาของหญิงสาวหยุดชะงัก
กรร... กรร...
มันคำรามอีกสองที ราวกับยืนยันให้นางรู้ว่านั่นคือเสียงของสัตว์ร้ายจริงๆ
นานทีเดียวกว่าจะกล้าหันหลังกลับไปมองอย่างเชื่องช้า เมื่อเงยหน้าขึ้น สิ่งที่เห็นคือเสือดำขนมันเงาตัวใหญ่ยืนบนกิ่งไม้หนาเหนือศีรษะนาง ปากของมันมีน้ำลายเหนียวหยดย้อนย้อยลงมา ดวงตาแดงฉานจ้องมองนางราวกับนางคือก้อนเนื้ออันโอชะ
นางกลืนน้ำลายด้วยความกลัว คราวนี้นางตายจริงๆ แน่แล้ว
สวรรค์! สวรรค์! นางร่ำร้องในอก แต่เมื่อคิดได้ว่านี่คือความปรารถนาของนางมิใช่หรอกหรือ นางก็หยุดสั่น จ้องมองเสือดำตัวนั้นนิ่ง
เสือดำเฮยอวิ้น ราชาสัตว์ผู้ปกครองป่าเฮยหู่แห่งนี้ การตายด้วยคมเขี้ยวของมันอาจเป็นเกียรติของนางแล้วก็ได้!
เพิ่งคิดว่านางต้องตายในคราเดียว และการตายด้วยคมเขี้ยวของเสือดำอาจดีกว่าต้องแต่งงานกับเหลิ่งซานเหวิน เสือดำตัวนั้นก็กระโจนใส่นางตอนที่นางกางแขนทั้งสองข้างออก และเบือนหน้าหลับตาปี๋
เท้าทั้งสองของมันตระปบตะปบบนหัวไหล่นาง แรงกระแทกนั้นทำให้นางล้มหงายหลัง คมเล็บแหลมคมกดลงบนหัวไหล่เนื้อนางจนเลือดไหล กลิ่นเลือดเข้มข้นในจมูก นางขบริมฝีปากรอให้เสือดำกัดกิน และวินาทีหลังจากนี้นางต้องตายแน่แล้ว อาจจะเจ็บเพราะถูกฉีกกระชากในคราแรก แต่หลังจากนั้นนางอาจจะไม่เจ็บอีกเพราะนางตายแล้ว... นางคิดอย่างสงบและเป็นขั้นเป็นตอน
ทว่าช่วงที่นางกำลังลุ้นว่าเสือดำจะตะกรุ่นกินนางจากส่วนไหนก่อน จู่ๆ ริมฝีปากของนางก็รับรู้ถึงอะไรบางอย่างที่อุ่นร้อนและเปียกชื้นทาบทับลงมา
เสือดำคงแทะเล็มนางจากปากก่อนสินะ!
ริมฝีปากนางถูกขบเล็มอย่างละเมียดละไม ขณะที่นางยังหลับตารอคอยความตายอย่างเงียบๆ
การถูกเสือดำกินไม่ทำให้นางเจ็บสักนิด ทว่าเหตุใดเสือดำถึงแทะเล็มเฉพาะปากของนางนานเช่นนี้ นานจนกระทั่งทำให้นางหมดสติเพราะความหวาดกลัว!
ท่ามกลางสงครามระหว่างแคว้น “กงอวิ๋นเทียน” รองแม่ทัพแคว้นเป่ยซีที่บาดเจ็บสาหัสถูกช่วยเหลือโดยหญิงเก็บสมุนไพร เขาสูญเสียความทรงจำ และตกหลุมรักนาง... เพราะรักมาก จึงหมายเอาเปรียบ เพราะรักเกินไป จึงเผลอทำร้ายอย่างแสนสาหัส เป็นเพราะความรักที่บดบังตาจนกระทำเรื่องเห็นแก่ตัว และไม่ตระหนักสักนิดเลยว่า เหตุใดตัวตนของนางจึงเป็นปริศนา คำตอบแน่ชัดอยู่แล้ว เพราะนางหาใช่มนุษย์ แต่เป็น...ปีศาจ!
นาง...ศิษย์สำนักเต๋า เรียบร้อยดุจผ้าขาวที่พับไว้ เขา...เจ้าสำนักดินแดนตะวันตก ดิบเถื่อนและไม่ไว้หน้าใคร เมื่อนางต้องมาพบกับเขา ความอดทนและความเป็นกุลสตรีของนางต้องแตกออกเป็นเสี่ยงไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ! “อยู่กับข้าไม่ดีตรงไหน ข้าเป็นถึงเจ้าสำนักเสือขาว เป็นลูกบุญธรรมของข่านเผ่าทูเจวี๋ย หน้าตาหล่อเหลา มีวรยุทธ์สูงส่ง เจ้าคิดว่าข้ายังไม่ดีพอสำหรับเจ้าอีกหรือ” ชายหนุ่มกล่าว “ข้าไม่สน” นางตอบกลับโดยไม่หยุดคิด คราวนี้เขาไม่พูดอะไรอีก ยอมปล่อยมือจากนางแต่โดยดี หนำซ้ำยังลุกขึ้นยืน มือเกี่ยวบนขอบกางเกงซึ่งเป็นอาภรณ์ชิ้นเดียวบนตัวของเขา ดวงตาก็มองจดจ่อบนใบหน้าของนาง ระหว่างที่นางมองเขาอย่างไม่เข้าใจ เขาก็ถอดกางเกงของตนต่อหน้าต่อตานางโดยไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้า หญิงสาวลืมตัวเบิกตามองส่วนสงวนของเขาเต็มๆ คนเปลือยเปล่าล่อนจ้อยต่อหน้านางกลับไม่สะทกสะท้าน ยังหันกลับมากำชับนาง “ข้าจะอาบน้ำ อย่าแอบดูข้าล่ะ” หญิงสาวหน้าแดงแจ๋ เปล่งเสียงคำรามใส่ด้วยความเดือดดาล ก่อนจะวิ่งออกจากห้องไปทันที “สายตาของข้าแปดเปื้อนแล้ว คนสารเลว!”
'เรนกิ ซูซูกิ' ทำงานเป็นบรรณาธิการให้กับสำนักพิมพ์ชื่อดังแห่งหนึ่ง 10 ปีที่ทุ่มเทให้กับงาน ผลตอบแทนคือถูกเนรเทศให้ไปอยู่หมวด BL นอกจากต้องหงุดหงิดกับความมืดมนของนักเขียนนามว่า 'ยูโกะ' ยังต้องทนกับความตีสต์ขั้นเทพ แต่ในที่สุด ความทรมานใจเหล่านั้นก็จบลง เมื่อเรนกิประสบอุบัติเหตุระหว่างทางไปอพาร์ตเม้นต์ของยูโกะ ทว่า.... "ขอต้อนรับสู่โลกใบใหม่" เจ้านักเขียนตีสต์แตกพูดกับเขา ในขณะที่เรนกิแตกตื่น วิญญาณของเขาก็ได้เข้ามาอยู่ในร่างของจอมมาร ในมังงะ Yaoi 18+ และยังเป็นฝ่ายรับ ถูกผู้กล้าข่มเหงตั้งแต่ต้นเรื่องยันจบเรื่อง ไม่ว่าจะพยายามหลีกเลี่ยงเนื้อเรื่องเรท 18+ อย่างไร แต่คนที่เข้ามาพัวพันกับเขาก่อนมักจะเป็นผู้กล้าทุกครั้ง และอีกอย่าง เขาได้พบความลับของโลกใบนี้ ซึ่งที่จริงแล้ว....
ซูหลีพยายามทำทุกอย่างเพื่อเอาใจตระกูลซูมาตลอดห้าปี แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ต่อคำใส่ร้ายของน้องสาวเพียงคำเดียว เรื่องที่ซูหลีเป็นคุณหนูปลอมก็ถูกเปิดเผย ทำให้คู่หมั้นทิ้งเธอ เพื่อนๆ ก็ห่างเหิน และพี่ชายขับไล่เธอออกจากบ้าน บอกให้เธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนาของเธอ ในที่สุดซูหลีก็สิ้นหวังและตัดสินใจตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลซู ยึดความช่วยเหลือทุกอย่างคืนและไม่อดทนอีกต่อไป แต่เธอไม่คาดคิดเลยว่าชาวนาที่พี่ชายพูดถึงนั้นกลับกลายเป็นตระกูลลั่วผู้มั่งคั่งที่สุดในประเทศ ในคืนเดียวเธอเปลี่ยนจากคุณหนูตัวปลอมที่ถูกทุกคนรังเกียจเป็นลูกสาวของมหาเศรษฐีที่มีพี่ชายสามคนที่รักเธอ พี่ชายคนโตที่เป็นผู้บริหารใหญ่“เลิกประชุม จองตั๋วเครื่องบินกลับประเทศ ฉันอยากดูสิว่าใครกล้าแกล้งน้องสาวฉัน” พี่ชายคนที่สองที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ยอดเยี่ยมระดับโลก“หยุดการวิจัย ฉันจะไปรับน้องสาวกลับบ้านเดี๋ยวนี้ ” พี่ชายคนที่สามที่เป็นนักดนตรีระดับโลก “เลื่อนคอนเสิร์ต ไม่มีอะไรสำคัญเท่าน้องสาวของฉัน” จู่ๆ คนทั้งเมืองจิงก็ต้องตกใจช็อก ตระกูลซูเสียใจจนสุดขีด คู่หมั้นก็กลับมาขอคืนดี ผู้คนที่มาขอจีบเธอก็แห่กันมาถึงหน้าบ้าน ไม่ทันที่ซูหลีจะตอบสนอง ตระกูลชือซึ่งเป็นตระกูลสูงสุดในเมืองจิงและมีตำแหน่งสูงสุดในกองทัพเรือ ก็เสนอใบสมรสให้เธอ ทำให้เธอกลายเป็นคนดังในสังคมชั้นสูง!
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
เวินอี่ถงได้เห็นความรักอันลึกซึ้งของเจียงยวี่เหิง แต่ก็ได้สัมผัสกับการทรยศของเขาเช่นกัน เธอเผารูปแต่งงานของพวกเขาต่อหน้าเขา แต่เขากลับมัวแต่ง้อชู้ของเขา ทั้งๆ ที่เขาแค่มองดูแวบหนึ่งก็จะเห็น แต่เขากลับไม่สนใจเวินอี่ถงสุดจะทน ตบหน้าเขาอย่างแรง พร้อมอวยพรให้เขากับชู้ของรักกันยืนยาว แล้วเธอก็หันหลังสมัครเข้ากลุ่มวิจัยลับเฉพาะ ลบข้อมูลประจำตัวทั้งหมด รวมถึงความสัมพันธ์การแต่งงานกับเขาด้วย! ก่อนจากไป เธอยังมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาอีกด้วยเมื่อถึงเวลาที่จะเข้ากลุ่ม เวินอี่ถงก็หายตัวไป บริษัทของเจียงยวี่เหิงประสบปัญหาล้มละลาย เขาจึงออกตามหาเธอด้วยทุกวิถีทาง แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นใบมรณบัตรที่ต้องสงสัยเขาสติแตก “ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่ยอมรับ!”เมื่อพบกันอีกครั้ง เจียงยวี่เหิงต้องตกใจที่พบว่าเวินอี่ถงเปลี่ยนตัวตนใหม่แล้ว โดยข้างกายมีผู้มีอำนาจที่เขาต้องยอมก้มหัวให้เขาอ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง “ถงถง ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาเถอะ!”เวินอี่ถงเพียงยิ้มยักคิ้ว จับแขนของผู้มีอำนาจข้างๆ “น่าเสียดาย ตอนนี้ฉันอยู่ในระดับที่นายไม่อาจเอื้อมถึงแล้ว”
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
“ก่อนทำเรื่องนี้พี่ขอถามน้องภาสักข้อได้ไหม” ธาวิศพูดแล้วก้าวเท้าเข้าไปหาคนบนเตียง “ได้ค่ะ” นิภาก้มหน้ายามตอบ ธาวิศทิ้งสะโพกลงนั่งด้านข้าง พร้อมกับดันปลายคางของหญิงสาวให้ขึ้นมองหน้าเขา “น้องภาเต็มใจใช่ไหม” แววตาของคนถูกถามสั่นระริกไปมา ปากจิ้มลิ้มก็ขยับขึ้นลงเหมือนคนคิดไม่ออกว่าควรตอบอย่างไร “น้องภาพี่ถามว่าเต็มใจใช่ไหม หรือว่าถูกคุณยายบังคับ” คราวนี้ธาวิศเน้นน้ำหนักเสียงมากขึ้นกว่าเดิม “ภาเต็มใจค่ะ” หญิงสาวตอบเขาแล้ว แต่เป็นคำตอบที่เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจในตัวเอง “ไม่ได้ถูกบังคับแน่นะ” “ค่ะ ภาไม่ได้ถูกบังคับ ภาเต็มใจค่ะพี่ภูมิ” ธาวิศกัดฟันกรอดในคำตอบที่เขาไม่ปรารถนาจะได้ยิน ออกแรงผลักหน้าอกนิภาจนล้มลงไปนอนอยู่บนเตียง ปลดกระดุมเสื้อนอนของตนเองออกทีละเม็ด โดยที่สายตาก็ยังจดจ้องอยู่กับคนตรงหน้า “ระหว่างเรามันจะไม่มีความผูกพันอะไรกันทั้งนั้น เราทำเรื่องนี้ก็เพื่อคุณยาย เสร็จจากนี้ไปพี่ก็จะกลับกรุงเทพฯ ไปใช้ชีวิตกับคนรักของพี่ตามเดิม ภายังรับได้อยู่ใช่ไหม” ชายหนุ่มพูดจบก็ทิ้งเสื้อนอนลงบนพื้น คนบนเตียงก็ยังเม้มริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่น คำตอบไม่มาสักทีเขาเลยต้องเลิกคิ้วขึงตาใส่ “ค่ะภารับได้” คำพูดที่เปล่งออกมาช่างเบาหวิว คงไม่ต่างไปจากอารมณ์ของคนพูด “รับได้ก็ดี อย่ามาเรียกร้องอะไรทีหลังก็แล้วกัน ไม่งั้นพี่เอาตายแน่” ธาวิศทาบร่างตัวเองลงบนลำตัวของนิภา มองจุดหมายแรกที่จะเริ่มต้นทำรัก ประทับจูบลงบนริมฝีปากนุ่มนิ่มของหญิงสาว สัมผัสแรกของทั้งคู่ช่างตราตรึงในความรู้สึก จากที่จะจูบเพียงแผ่วเบากลายเป็นแทรกลึกดูดดื่มขึ้นตามอารมณ์ (รักซ้ำรอย)
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY