ทะลุมิติมาอยู่ในร่างนางเอก ที่ต้องคู่กับพระเอก แล้วเธอจะยอมงั้นหรอ ไม่มีทาง!! เธอไม่ได้ชอบผู้ชาย!! งานนี้ก็ต้องหนีสิคะรออะไร แต่ไหงเธอดันไปขโมยรูทของคุณพระเอก จนเป็นผลทำให้คุณนางร้ายตามติดเธอเป็นเงา!
ทะลุมิติมาอยู่ในร่างนางเอก ที่ต้องคู่กับพระเอก แล้วเธอจะยอมงั้นหรอ ไม่มีทาง!! เธอไม่ได้ชอบผู้ชาย!! งานนี้ก็ต้องหนีสิคะรออะไร แต่ไหงเธอดันไปขโมยรูทของคุณพระเอก จนเป็นผลทำให้คุณนางร้ายตามติดเธอเป็นเงา!
ไม่รู้โชคร้ายหรือโชคดีที่เธอทะลุมิติมาในนิยายที่มีแต่ผู้หญิงร้ายกาจ คนหนึ่งคือนางร้ายที่สามารถทำให้ใครก็ตามหายไปอย่างลึกลับ ส่วนอีกคนเป็นเพื่อนสนิทในอนาคตก็ดันไปชอบพระเอก แถมยังจะมาตัดความสัมพันธ์กับเธอเพียงเพราะผู้ชายคนเดียว
นางเอกก็ต้องคู่กับพระเอก เสมือนเจ้าชายที่ต้องคู่กับเจ้าหญิง แต่เธอไม่ได้ชอบผู้ชายไง!! แล้วทำไมเธอจะต้องคู่กับพระเอกด้วยล่ะคะ งานนี้ก็ต้องหนีสิคะ
ใครจะเอาเขาไปก็เชิญเธอขอบาย อยู่ใกล้ๆ มีแต่ปัญหาแถมเธอยังไม่อยากตายก่อนวัยอันควรทั้งๆที่ได้โอกาสอีกครั้ง หากแต่จิตใจที่มีคุณธรรมหรือจะเรียกว่าเธอเป็นคนใจอ่อนก็ได้ ในคืนนั้นเธอกลับขโมยรูทของคุณพระเอกโดยไม่ได้ตั้งใจตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาคุณนางร้ายก็เริ่มตามติดเธอราวกับเป็นเงา
.
.
"เธอย้ายไปอยู่กับฉันที่คอนโด"เจนนี่เอ่ยออกมาในที่สุด
"ห๊ะ! ทำไม ทำไมฉันต้องย้ายไปอยู่กับเธอด้วย!!"
นิชาชะงักไปนาน ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความตกใจ นี้คุณนางร้ายคิดจะทำอะไร หล่อนคงไม่ได้คิดที่จะเอาเธอไว้ใกล้ตัวแล้วจึงคิดแผนการร้ายๆ หรอกนะ
' แค่นี้ฉันก็แทบจะอยากจะร้องไห้อยู่แล้ว อย่ามาเกลียดชังอะไรฉันเลย'
"...."เจนนี่ไม่พูดอะไรเธอหยิบมือถือออกมาเพียงกดไม่นานเงินจำนวนมากก็ไหลออกไป
เสียงโทรศัพท์ของนิชาดังขึ้นด้วยสัญชาตญาณนิชารีบหยิบขึ้นมาดูก่อนจะพบว่ามีเงินปริศนาโอนเข้ามาภายในบัญชีเธอ
"นี่เงินอะไร"คงไม่ต้องถามว่าเงินใคร ในเมื่อชื่อผู้โอนก็คนตรงหน้านี้ไง
"ย้ายมาอยู่กับฉันแล้วเงินทั้งหมดนี้จะเป็นของเธอ"
"ฉันไม่ได้เห็นแก่เงินนะ!!"
"..."เจนนี่ไม่พูดอะไรเธอกดเพิ่มเงินแล้วจึงกดโอนอีกครั้ง
" ติ๊ง~" เสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์พร้อมเงินเข้าเป็นจำนวนมากจนร่างบางได้แต่นิ่งอึ้งมองดูตัวเลขหลายหลักจนตาลาย
"หรือถ้ายังไม่พอ..."เมื่อร่างบางตรงหน้าไม่มีสิ่งใดพูดออกมา เจนนี่ก็กดโอนอีกครั้งเพื่อเร่งเอาคำตอบจากนิชา
"พอๆ เธอบอกก่อนว่าทำไมฉันต้องย้ายไปอยู่กับเธอด้วย"
นิชารีบใช้มือทั้งสองข้างหยุดการกระทำของคุณนางร้ายตรงหน้า ตอนนี้ตาเธอลายไปหมดแล้ว แค่แป๊บเดียวหล่อนก็โอนให้เธอหลายล้านแล้วเนี้ยนะ ถึงไม่ได้อยากเป็นคนโลภ แต่พอเห็นเงินขนาดนี้ใครจะไม่หวั่นไหวบ้างล่ะ
"...ถ้าฉันไม่ตอบเธอ เธอจะไม่ตกลงจริงๆ ใช่มั้ย?"
เจนนี่ชายตามองคนตรงหน้าแวบหนึ่งก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อเห็นสายตามุ่งมั่นเหมือนจะไม่ยอมจริงๆ ก็เอ่ยบอก
"ฉันแค่..แค่อยากดูแลเธอ เธอคล้ายแมวของฉันเมื่อก่อน"
"ห๊ะ!!..ฉันเป็นคนไม่ใช่แมว!!!"
.
.
"มันเป็นใคร!"
น้ำเสียงที่ติดจะดุดันมาพร้อมกับใบหน้าที่บึ้งตึง จนทำให้นิชารู้สึกกลัว เผลอลืมไปเลยว่าตอนนี้เธอไม่ได้อยู่คนเดียวแถมคนที่น่ากลัวกว่าคุณพระเอกก็ยังอยู่ข้างๆเธอ หล่อนยืนกอดอกอย่างรอคอยคำตอบใบหน้าที่ดูเหมือนจะโกรธจัดยิ่งทำให้จิตใจของนิชารู้สึกไม่ดี
"ปะ..เปล่า"
ปฏิเสธเสียงอ่อย แค่เธอคุยกับคุณพระเอกนิดเดียวต้องทำหน้าน่ากลัวแบบนี้ด้วยหรอ อีกอย่างเธอไม่ผิดนะ เขาเป็นคนอยากจะทำความรู้จักกับเธอเอง ถึงเธอจะเหม่อจนไปชนเขาก็เถอะ แต่เธอไม่ได้อยากคุยกับเขานานๆสักเท่าไหร่ จะพูดว่าเธอไม่อยากรู้จักกับเขาก็ได้
"อย่าไว้ใจคนอื่นนอกจากฉัน!"
"ทำไมล่ะ?"
นิชาเดินตามแรงของคนตัวสูงที่ดึงแขนเธอให้เดินตาม ทั้งสีหน้าอารมณ์โกรธที่ยังคงคุกรุ่นของคนตัวสูงก็ยังไม่จางลงเลย แต่เธอก็ยังอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามด้วยความสงสัยหรือว่าหล่อนจะหึง เพราะหล่อนชอบพี่ดาวเหนือ!
"ผู้ชายคนนั้นไม่น่าไว้ใจ"
"ฉันว่าเขาก็เป็นคนดีนะ หรือเธอชอบเขาเลยไม่อยากให้ฉันเขาใกล้เขา"
สุดท้ายความสงสัยที่เต็มหัวไปหมด ส่งผลทำให้นิชาเผลอถามออกมาอย่างไม่ทันได้คิด เธอเองก็ไม่เข้าใจตัวเอง ทำไมถึงได้ร้อนใจแปลกๆ รู้สึกราวกับว่าเธอกลัวว่าหล่อนจะชอบคุณพระเอกจริงๆอย่างไงอย่างนั้น แต่คงไม่ใช่หรอกเธอก็คงแค่สงสัยเพราะจะได้รับมือถูก
"พูดบ้าอะไร!! เธอนั่นแหละที่ตกหลุมรักมัน!!"
.
.
"น่ารักจัง"
น้ำฟ้าอดไม่ได้ที่จะอุ้มลูกหมาขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม เธอนั้นจะเรียกว่าเป็นคนรักสัตว์ก็ได้ พอเห็นสิ่งมีชีวิตน่ารักๆแบบนี้แล้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเอ็นดู
"แล้วเธอไม่รักฉันหรอ"
"คะ?"
เดี๋ยวนะ หล่อนพูดอะไร หล่อนกับหมาจะเทียบกันได้อย่างไง อย่าบอกนะว่าแค่ลูกหมาหล่อนก็คิดจะหึง ไม่หรอกมั้ง คงไม่ทำตัวเป็นเด็กแบบนั้น!
"เปล่า~"
.
.
"คือ...คืนนี้ฉันขอไปเที่ยวนะ"พูดเสียงอ้อนๆแต่ก็ยังสั่นเครือเพราะกลัวว่าหล่อนจะไม่อนุญาต
"อื้อ ได้สิ"หันมาแล้วระบายยิ้มให้
"จริงหรอ"
เธอแทบจะกระโดดด้วยความดีใจ ก่อนที่ใบหน้าจะกลับกลายเป็นซีดเผือดเมื่อประโยคต่อมา
"แต่ฉันต้องไปด้วยนะ!"
.
.
"โอ๊ยยยย!!! ใครก็ได้ช่วยลดความหึงหวงของหล่อนลงได้มั้ย ได้โปรดอย่ารักฉันมากไปกว่านี้เลยคุณนางร้าย แค่นี้ฉันก็รับรักเธอไม่ไหวแล้ว"
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
"พี่เจี๋ยข้าอยากได้อีกจุมพิตเพิ่มพลังของท่าน" ฉีเย่ว์กล่าวงึมงำบนริมฝีปากของเขา นางเป็นฝ่ายดูดกลีบปากของหยางเจี๋ยเบา ๆ ซุกไซร้ซอกซอนแหย่ลิ้นเข้าไปในปากของเขา สัมผัสอ่อนนุ่มในคราแรกเริ่มโหมกระหน่ำร้อนแรงมากขึ้น ฉีเย่ว์ปลดสายรัดเอวของเขาออกสอดมือล้วงเข้าไปในกางเกงของหยางเจี๋ยพบเนื้อร้อนของเขาแข็งแกร่งขึ้นเต็มลำ นางขยำแรง ๆ พร้อมกับรูดมือเบา ๆ "อ๊า คนดีของพี่" หยางเจี๋ยมือหนึ่งประคองศีรษะของนางให้แนบชิดกับปากของเขาอีกมือล้วงเข้าไปในสาบเสื้อของนาง ฉีเย่ว์ไร้อาภรณ์กางกั้นด้านในนางใส่เพียงเสื้อคลุมนอนสีขาวเท่านั้น เขาลูบแผ่นหลังเปลือยเปล่าของนางไล้นิ้วลงไปจนถึงแก้มก้มแล้วขยำเบา หนัก สลับกัน "พี่เจี๋ยให้ข้ารักท่านเถิด" ฉีเย่ว์กัดปากข่มเสียงครางเอาไว้ นางดึงกางเกงของเขาออกโดยมีหยางเจี๋ยคอยช่วยเหลือ นางขึ้นคร่อมเขาอย่างกระหายไม่บัดนี้ตื่นอย่างเต็มตาในขณะที่ควงเอวควบขี่เขาเป็นจังหวะ หยางเจี๋ยขยับรับจังหวะที่องค์ราชินีของตนเองควบขี่ เขาเด้งสะโพกขึ้นรับนางมือดึงผ้ารัดเอวของนางออกแล้วทิ้งไว้ด้านข้าง แหวกสาบเสื้อของนางแล้วผวาศีรษะขึ้นมาอ้าปากดูดรับเนื้ออวบของนางที่กระเด้งเป็นจังหวะ ฉีเย่ว์ดันร่างของตนเองเข้าหาปากเขามือช่วยประคองศีรษะของหยางเจี๋ยให้แนบชิด หยางเจี๋ยดูดปทุมถันคู่งามอย่างกระหาย เสียงหอบหายใจของฉีเย่ว์สั่นสะท้านหัวใจแทบจะหลุดออกมาจากอก เขาคือหัวหน้าหน่วยจู่โจมที่ตายในสงคราม และได้ย้อนเวลากลับมาหลายร้อยปีกระทั่งฟื้นขึ้นมาในร่างเด็กน้อยนาม หยางเจี๋ย เด็กผู้อาภัยจากตระกูลใหญ่ ที่บิดาและมารดาถูกใส่ความว่าทุจริตจนต้องจบชีวิตลง หยางเจี๋ยเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกเลี้ยงดูให้เติบโตในจวนราชครู สหายของบิดา และที่นี่เขาได้พบกับเด็กน้อยผู้หนึ่งนาม ฉีเย่ว์ ธิดาของท่านราชครูฉีผู้สูงส่ง พวกเขาเติบโตมาด้วยกัน ความใกล้ชิดทำให้เขาหวั่นไหว หยางเจี๋ยจะทำเช่นไรเมื่อได้พบว่า ตัวเอง ตกหลุมรักคุณหนูผู้สูงส่งจนหมดหัวใจไปเสียแล้ว เขารักนาง ต้องการทำให้นางตกเป็นของเขา และทำลายขวากหนามทุกอย่างที่ขัดขวางให้หมดสิ้นไป เพื่อนางเพียงคนเดียว
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
ในระยะเวลาสองปีที่แต่งงานกัน เนี่ยเหยียนเซินจู่ๆ ก็เสนอขอหย่า เขาพูดว่า "เธอกลับมาแล้ว เราหย่ากันเถอะ คุณอยากได้อะไรบอกมาได้เลย" ชีวิตการแต่งงานสองปีสู้อีกคนที่หันหลังกลับมาไม่ได้ ตามอย่างที่คนเขาว่ากัน "คนรักเก่าแค่ร้องไห้สักหน่อย คนรักปัจจุบันก็ย่อมแพ้แน่นอน" เหยียนซีไม่ได้โวยวายอะไร เลือกที่จะตอบตกลงและเสนอเงื่อนไขว่า "ฉันต้องการรถซูเปอร์คาร์ที่แพงที่สุดของคุณ" "ได้" "วิลล่าสุดหรูชานเมือง" "ตกลง" "กำไรหลายพันล้านที่หามาในช่วงสองปีนี้ แบ่งคนละครึ่ง" "อะไรนะ"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY