“มุก...เป็นไปไม่ได้... เธอๆ”
มิลินขมวดคิ้ว ลดแก้วกาแฟในมือวางลงบนโต๊ะ เงยหน้ามองผู้หญิงหน้าตาตื่นตรงหน้างงๆ
“เอะ!! ไม่ใช่นี่นา...ขอโทษนะคะคุณ คุณคล้ายเพื่อนสนิทของฉันคนหนึ่งมากเลยค่ะ” ก่อนที่มิลินจะเอ่ยปากถาม หล่อนผู้นั้นก็เฉลยสิ่งที่มิลินอยากรู้ออกมาเสียก่อน เธอค้อมศีรษะลงต่ำ เหมือนเป็นการขอโทษซ้ำ แล้วจึงเดินพึมพำจากไป
“อีกแล้วเหรอแก...”
กิ่งเกศถามพร้อมกับยิ้มจนตาหยี
มิลินไหวไหล่...นับตั้งแต่มาเริ่มงานในเชียงใหม่ มีคนแปลกหน้าเข้ามาทักทายเธอเกือบห้าครั้ง โดยที่เขาเหล่านั้นกับเธอไม่ได้รู้จักกันสักนิดเลย
“ฉันชักอยากเห็น ‘ผู้หญิงคนนั้น’ เสียแล้วซิเกศ เหมือนฉันขนาดไหนเชียว คนรู้จักเธอถึงกับทักผิดเลยเหรอ?”
หญิงสาวยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ ละเลียดชิมฟองนมอย่างเอร็ดอร่อย
“ที่สำคัญ หล่อนต้องสวยด้วยล่ะ เพราะเพื่อนคนนี้ของฉันสวยหยาดฟ้าไม่แพ้นางงามบนเวทีขาอ่อนเลยสักนิด”
กิ่งเกศพูดยิ้มๆ หากเป็นเพศตรงข้ามเข้ามาทักมิลินแบบนี้ สิ่งแรกที่กิ่งเกศเดา เขาเหล่านั้นอาจจะอยากทำความรู้จักกับเพื่อนของเธอก็ได้ แต่ที่ผ่านมา... ผู้คนที่เขามาทักมิลินแบบเข้าใจผิด ไม่สามารถทำให้เธอคิดเช่นนั้นได้ เมื่อแต่ละคนนั้นหลากหลาย มีทั้งหญิงและชายแต่ไม่ได้เข้ามาเพราะอยากรู้จักเพื่อนของเธอสักคน คนเหล่านั้นคิดว่ามิลินเป็น ‘ใครอีกคน’ ที่อาจจะละม้าย คล้ายเสียจนจำคนผิด
“ถ้าฉันไม่ได้รู้จักแกมาตั้งแต่สมัยเรียนประถมนะ...ฉันคงจะเข้าใจว่า ‘นายแม่’ ของแกมีลูกสาวสองคนที่บังเอิญพลัดพรากกันตั้งแต่แรกเกิด...เหมือนในละครหลังข่าวที่ฉันดูบ่อยๆ”
กิ่งเกศจีบปากพูด มิลินกับตนเองเติบโตมาพร้อมๆ กัน บ้านที่อาศัยก็ไม่ไกลกันเท่าไหร่ ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่มิลินจะมีพี่น้อง...
“บ้าซิ...อย่าได้พูดแบบนี้ให้นายแม่ฉันได้ยินนะ แกโดนบิดเนื้อเขียวแน่ๆ” มิลินเบ้ปาก ขึงตาใส่เพื่อนรัก แต่ก็อดขำไม่ได้
เธอเป็นบุตรสาวคนเดียวของเศรษฐินีเมืองเชียงราย เจ้าของสวนลำไยขนาดใหญ่ แต่สถานะเป็นหม้าย เมื่อสามีของคุณนายคำฟองเสียชีวิตตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มๆ มิลินเองก็แทบจะจำเค้าหน้าบิดาไม่ได้ ตอนที่ท่านจากไป... เธอเด็กมากและยังไม่รู้ความ มีเพียงภาพถ่ายสีขาวดำแขวนอยู่ในห้องโถงกลางบ้าน แทนตัวท่านผู้วายชนม์
“แต่แปลกนะว่าไหม ต้องเหมือนขนาดไหนคนใกล้ชิดยังทักผิด?”
กิ่งเกศเปรยพร้อมกับยิ้ม คนที่ไม่ใช่ญาติ ไม่ใช่พี่น้องคลานตามกันมา ไม่รู้จักหน้าตา แต่เหมือนจนคนสนิทยังแยกไม่ออก
“ฉันก็อยากเห็น ‘หล่อน’ เหมือนกัน” มิลินเปรย
“เดือนหน้าแกว่างมั้ยลิน?” กิ่งเกศถามต่อ หลังจากก้มดูโบชัวร์ในมือจนปวดต้นคอ ภาพวิวตอนเช้าตรู่ กับบรรยากาศที่สดชื่นจนอยากจะไปเยือนรีสอร์ตแห่งนั้นสักครั้ง
“ทำไมเหรอ?” มิลินย้อนถาม
กิ่งเกศเลยส่งโบชัวร์ที่ตนเองสนใจให้เพื่อน “ถ้าแกว่าง เราไปเที่ยวกันมั้ย แกควรพักผ่อนได้แล้ว โหมทำงานเหมือนคนบ้า แกไม่ใช่โรบอร์ทนะยะ”
มิลินไม่ใช่คนยากไร้ เพื่อนของเธอไม่จำเป็นต้องขวนขวายทำงานหนักหนักเพื่อให้มีสตางค์มากพอสำหรับค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน ครอบครัวมิลินค่อนไปทางมีฐานะร่ำรวย แต่เพราะเป็นคนไฟแรง มิลินเลยไม่อยากเก็บความรู้ที่อุตส่าห์เล่าเรียนมาไว้กับตัว เธอส่งใบปริญญาให้คำฟองแขวนโชว์ที่ฝาบ้าน แล้วตัวเองก็ออกมาหาประสบการณ์ข้างนอก มารดาที่รักลูก แต่ไม่เคยปลูกฝังให้มิลินเป็นคนไร้ค่า เลยปล่อยให้มิลินออกมาหาประสบการณ์ข้างนอก คำฟองสอนลูกไม่เสียเปล่าหรอก อย่างไรเสีย วันหนึ่งมิลินก็ต้องกลับมารับช่วงต่อจากเธอ
“คิดถึงนายแม่เหมือนกันนะ”
สามเดือนที่โหมทำงานเพราะต้องการลบคำสบประมาทจากเพื่อนร่วมงานรอบตัว วันนี้ทุกอย่างอยู่ตัวแล้ว ฝีมือและผลงานของตนเองเป็นที่ประจักษ์ ดังนั้นเธอควรให้รางวัลตัวเอง
“สนมั้ยล่ะ” กิ่งเกศถามย้ำ
“อืมน่าสนใจดี ขากลับจะได้แวะหานายแม่ด้วย”
มิลินตกลงใจ เธอควรใช้วันหยุดให้เกิดประโยชน์กับตัวเอง แทนการหมกมุ่นอยู่กับงานประจำ มารดาเองก็คงคิดถึงเธอไม่น้อยเหมือนกัน
“ฉันจองรีสอร์ตเลยนะ แกเปลี่ยนใจไม่ได้แล้วนะลิน”