เกริ่น.... ....ยะ..อย่านะ..พี่กำลังเข้าใจผิดอยู่..อึก..~ ผมไม่สนใจที่เธอพูด ผู้หญิงคนนี้แสดงละครเก่งจริงๆ ผมเกือบจะเชื่อเธอแล้วว่าเธอไม่ได้ขายตัว ผม: เลิกเล่นได้แล้ว เรามามีความสุขกันดีกว่า ...ยะ..อย่า..หนูไม่ได้ขายตัวจริงๆ หนูไม่ได้แสดงละครอะไรทั้งนั้น หนูพูดเรื่องจริง ปล่อยหนูไปเถอะ !! ผมกดท่อนเอ็นเข้าไปที่ช่องเสียวสีชมพูชวนหลงไหลนั้น กึด~ “อ๊า~ เข้าอยากจังวะ” ผมก็มมองดูรอยเชื่อมระหว่างผมกับเธอ “เชี้ย...เลือด !!” ผมมองหน้าผู้หญิงคนนั้น เธอนอนน้ำตาคลอ ตัวสั่นไปหมด "อยากได้เท่าไหร่...แลกกับเซ็กส์ครั้งนี้" เธอเงียบไม่ตอบผม เอาแต่นอนสะอื้น "กูถามว่ามึงจะเอาเท่าไหร่ แลกกับความบริสุทธิ์ของมึง"
Talk แพร
@คลับ
เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มท่ามกลางแสงไฟหลากสี ผู้หญิงผู้ชายที่มาในที่แห่งนี้ต่างสนุกและเมามาย ต่างกับฉันที่กำลังนั่งอมทุกข์อยู่
“ชวนฉันมานั่งดูแกอมทุกข์แบบนี้หรือไง” เสียงมินนี่เพื่อนของฉันเอ่ยถามแข่งกับเสียงเพลงที่ดังกระหึ่มจนแสบแก้วหู
“…ฉันก็อยากจะมีความสุขอยู่เหรอกนะ” ตอบแค่นั้นฉันก็ยกเหล้าขึ้นมากระดกจนหมดแก้ว
ที่ฉันต้องมาเศร้าอยู่แบบนี้ก็เพราะความรักที่ไม่รักดี ฉันดันไปเผลอใจรักผู้ชายคนหนึ่งมากๆ แต่เขากลับบอกเลิกด้วยเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น เพียงเพราะฉันยังไม่พร้อมจะมีอะไรด้วยแค่นั้น
ฉันไม่คิดว่าการที่ตัวเองยังไม่พร้อมในเรื่องแบบนั้นจะใช้มาเป็นเหตุผลบอกเลิกกันได้ จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่เข้าใจว่าเซ็กซ์มันสำคัญมากกว่าความรู้สึกดีๆ ที่ฉันให้เขาอย่างนั้นเหรอ ถึงได้เลือกจบความสัมพันธ์แบบนั้น
สายตาของฉันสำรวจมองไปรอบๆ คลับอย่างเหม่อลอย จนกระทั่งไปหยุดโฟกัสที่ชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังนั่งดื่มด้วยกันอย่างสนิทสนม
ริมฝีปากของฉันค่อยๆ ขยับเอ่ยชื่อผู้ชายคนนั้นออกมาด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวด “…พี่เพิร์ท”
เขาคือผู้ชายที่ทำให้ผู้หญิงอย่างฉันยอมเปิดใจ ทั้งๆ ที่ฉันไม่สนใจเรื่องความรัก เขาทำลายกำแพงในใจของฉันได้แต่สุดท้ายเขาก็ทิ้งฉันให้เจ็บปวด
ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดส่งข้อความไปหาพี่เพิร์ท ใช่! ตอนนี้ฉันยังตัดใจไม่ได้ ยิ่งได้เห็นว่าเขาอยู่กับผู้หญิงคนอื่นฉันยิ่งเจ็บ
ฉัน: ตอนนี้แพรอยู่ที่คลับเห็นพี่เพิร์ทมากับผู้หญิง ใครเเหรอคะ ทั้งที่เพิ่งเลิกกับแพรไปไม่กี่วันเอง มีคนใหม่เร็วจังเลยนะคะ
ฉันก้มหน้าลงพิมพ์ข้อความส่งไปยาวเหยียดในเชิงตัดพ้อ
“แพรแกจะนั่งซึมแบบนี้จริงๆ หรือไง” มินนี่ที่ทนไม่ไหวกับอารมณ์ของฉันเริ่มแสดงสีหน้าหงุดหงิด เพราะปกติฉันจะร่าเริงสนุกเวลามาดื่ม
“แกอกหักเหรอ ?” มินนี่ถามอีกครั้ง ในบรรดาเพื่อนๆ ฉันยังไม่ได้บอกใครเรื่องที่มีแฟนนอกจากอลิช คิดว่าจะพาไปเปิดตัวทีเดียวเลยแต่ตอนนี้คงทำแบบนั้นไม่ได้แล้ว
“…..” ฉันเม้มปากแน่นแล้วพยักหน้าตอบเพื่อน ทำเอามินนี่ถึงกับอ้าปากค้าง
“จริงดิ ? นี่แกมีแฟนเมื่อไหร่ฉันไม่รู้เลย ขวัญล่ะมันรู้ไหม” มินนี่ถามถึงเพื่อนสนิทอีกคนว่ารู้เรื่องนี้หรือเปล่า
“ฉันยังไม่ได้บอกใคร อยากจะเปิดตัวตอนที่พร้อมแต่ตอนนี้เขาทิ้งฉันไปแล้ว” ฉันก้มหน้าลงเพราะน้ำตามันจะไหลออกมาให้ได้
“แล้วทำไมไม่บอกแต่แรก ยัยแพรนะยัยแพรแกชอบมีความลับกับเพื่อนตลอดเลย”
ติ้ง~ มีแชตเด้งเข้ามาในโทรศัพท์ฉันจึงรีบเปิดดูทันที
เพิร์ท: มากับใครแล้วอยู่โต๊ะไหน
เขาถามฉันเหมือนเป็นปกติ
ฉัน: แพรจะออกไปรอหน้าคลับนะ ออกมาเจอกันหน่อยได้ไหม
จะว่าฉันเป็นผู้หญิงที่โง่มากๆ ก็ได้ แต่ฉันยังอยากมีพี่เพิร์ทอยู่ในชีวิต ไม่อยากให้มันจบลงแบบนี้
“มินเดี๋ยวฉันมานะไปเข้าห้องน้ำก่อน”
“อื้อๆ รีบไปรีบมานะ” มินนี่พยักหน้า ฉันจึงลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วเดินออกมาหน้าคลับ
ด้านหน้าคลับจะมีโต๊ะไว้สำหรับนั่ง บางคนก็มาสูบบุหรี่ตรงนั้น ฉันเห็นว่าตอนนี้ไม่มีใครจึงเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวหนึ่งเพื่อรอพี่เพิร์ท ซึ่งก็ไม่รู้เลยว่าเขาจะออกมาเจอหรือเปล่า
ผ่านไปประมาณห้านาทีเสียงทุ้มที่คุ้นเคยก็ทักขึ้น
“มากับใคร ?”
ฉันค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองพี่เพิร์ท ทั้งที่เป็นคนนัดเขาออกมาเองแท้ๆ แต่ทำไมพอยิ่งได้เจอหน้าใกล้ๆ มันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวดแบบนี้กัน
“แพรมากับเพื่อนค่ะ”
พี่เพิร์ทนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับฉันแล้วถามต่อ “นัดพี่ออกมาเจอมีอะไรหรือเปล่า ?”
“ไม่รู้สึกอะไรเลยจริงๆ เหรอคะ ที่คบกับแพรมารักแพรบ้างหรือเปล่า แค่ไม่กี่วันทำไมถึงมีคนใหม่เร็วขนาดนั้น”
“พี่ยังไม่มีใคร”
“แล้วผู้หญิงที่มาด้วยล่ะคะ ไม่ใช่แฟนใหม่พี่เพิร์ทเหรอ”
“….แค่สนุกพี่ไม่ได้จริงจัง”
คำตอบของพี่เพิร์ททำเอาฉันที่ได้ฟังถึงกับอึ้งจนแทบจะพูดอะไรไม่ออก
“ชอบความสัมพันธ์แบบนั้นเหรอคะ” ฉันจิกเล็บลงมือตัวเองจนเกิดรอย
“ก็ดีนะ เพราะแพรปฏิเสธพี่มาตลอดไม่ใช่หรือไง ตอนนี้พี่ก็แค่ต้องการหาความสุข”
“แพรบอกว่ายังไม่พร้อม”
“ช่างเถอะพี่ไม่ดีเองที่รอไม่ได้ ยังไงก็อย่าเมามากแล้วกันพี่ไปข้างในก่อน” พูดจบพี่เพิร์ทก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ และก็เป็นฉันที่พยายามจะรั้ง “….ถ้าแพรยอมขึ้นเตียงกับพี่เพิร์ท พี่เพิร์ทจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมไหมคะ”
“คิดดีแล้ว ?” เขาเลิกคิ้วถามด้วยแววตาที่ไร้ความรู้สึก
“……” ฉันไม่ได้อยากเอาตัวเข้าแลก แต่ถ้ามันรั้งเขาไว้ได้ฉันก็จะทำ เพราะไม่อยากเสียผู้ชายคนนี้ไปจริงๆ
“ไปรอพี่ที่ห้องสิรหัสผ่านห้องพี่ใช้รหัสเดิม เดี๋ยวพี่เคลียร์ทางนี้แล้วจะตามไป” พี่เพิร์ทยกมือขึ้นมาลูบศีรษะของฉันเบาๆ แล้วพูดต่อ “หวังว่าพี่จะเจอแพรนอนรออยู่บนเตียงนะครับ”
ร่างหนาของพี่เพิร์ทเดินจากไป หยดน้ำตาที่กลั้นเอาไว้มันค่อยๆ ไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองข้าง เขาต้องการแค่ร่วมเตียงแค่นั้นน่ะเหรอ
“ขอนั่งด้วยคนนะ” เสียงที่ไม่คุ้นเคยเอ่ยขึ้นมา ฉันไม่ได้มองว่าเป็นใครแต่ก็พยักหน้าแทนคำตอบ จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาออกจากแก้ม
“สูบบุหรี่ไหม ?” ไม่ใช่แค่คำถามแต่มวลบุหรี่ที่จุดแล้วถูกยื่นมาตรงหน้าของฉัน กลิ่นควันคลุ้งลอยมาแตะจมูกจนฉันต้องเอนตัวหนี “ไม่ค่ะ”
“ผัวทิ้งเหรอ ?”
“ยุ่งอะไรด้วย” ฉันเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายที่พูดก้าวก่ายตัวเองอย่างไร้มารยาท แต่เมื่อได้เห็นใบหน้าคมคายของผู้ชายตรงหน้ามันก็ทำให้ชะงัก แล้วพูดชื่อเขา “อลัน”
อลันคือน้องชายของอลิชเพื่อนสนิทของฉัน จริงๆ ฉันไม่ได้เจอเขาบ่อยและแทบไม่เคยคุยกันเลยด้วยซ้ำ มันน่าแปลกใจเหมือนกันที่เห็นว่าเป็นเขาอยู่ตรงหน้า
“จำชื่อได้ด้วย ?”
“นายเป็นน้องชายของเพื่อนฉัน ทำไมจะจำไม่ได้”
“แล้วเมื่อกี้ใคร ผัว ?” อลันถามพร้อมกับสูบบุหรี่แล้วพ่นควันสีขุ่นคลุ้งออกมาลอยในอากาศ
อลิชจะรู้บ้างไหมว่าน้องชายตัวเองทำตัวแบบนี้ เป็นพี่น้องกันแท้ๆ แต่นิสัยกลับต่างกันราวฟ้ากับเหว
“ไม่ใช่” ฉันปฏิเสธแล้วลุกขึ้นยืน
“แล้วจะร้องไห้เพราะมันทำไม ?”
“จะถามมากทำไม อยากรู้ไปทำไม”
“พอดีชอบเสือก” อลันตอบด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก ใบหน้าหวานๆ มันช่างขัดกับแววตาที่ดุดันของเขาจริงๆ
“ยุ่ง!!” ฉันบอกไปอย่างรำคาญ ก่อนทำท่าจะเดินหนีกลับเข้ามาในคลับ
“จะไปนอนกับมันเหรอ ?” ยังเดินไปได้ไม่กี่ก้าวเสียงทุ้มของอลันก็เอ่ยขึ้น ทำให้ฉันหยุดชะงัก
“นายแอบฟังงั้นเหรอ”
“นี่มันที่สาธารณะ คิดว่าตอนที่พูดนั่งอยู่กับมันสองคนหรือไง”
ฉันเม้มปากแน่นให้กับน้องชายของเพื่อนสนิท ไม่คิดว่าเด็กคนนี้จะพูดมากและวุ่นวายถามไม่เลิกแบบนี้
“เปลี่ยนใจจากมันไปนอนห้องผมก็ได้นะ เตียงว่าง” อลันบอกเสียงเย็นแบบไม่สะทกสะท้านอะไรทั้งที่เอ่ยชวนเพื่อนของพี่สาวตัวเองไปนอนด้วย
“นายชวนผู้หญิงไปนอนด้วยแบบนี้ปกติเหรอ ?”
“ก็ไม่ เพราะปกติมีคนมาเสนอตัวให้ไม่ต้องเอ่ยปาก”
“ฉันไม่ชอบเด็ก” ฉันจ้องอลันเขม็ง ส่วนอลันก็รีบตอบกลับทันควัน “แล้วบอกเมื่อไหร่ว่าจะจีบ ?”
“ผู้ชายทำไมต้องหวังแต่เรื่องบนเตียงด้วย” มันเป็นคำถามที่ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมผู้ชายถึงหวังแค่เรื่องบนเตียง
อลันเงยหน้าขึ้นมามองฉัน เขาพ่นควันบุหรี่ออกจากปากแล้วถาม “ไม่เคย ?”
“มันเรื่องของฉัน เป็นเด็กเป็นเล็กหัดตั้งใจเรียนหนังสือไม่ใช่ทำตัวแบบนี้ ถ้าอลิชรู้คงจะผิดหวังในตัวน้องชายแบบนายแน่ๆ”
พูดจบฉันก็รีบเดินหนีไม่อยากจะคุยอะไรต่อให้มันรู้สึกหงุดหงิดใจ เขาเด็กกว่าฉันหลายปีแต่ดูเหมือนจะช่ำชองเรื่องแบบนั้น ไม่งั้นคงไม่กล้าพูดเรื่องบนเตียงกับฉันเหรอก
ฉันเดินกลับมานั่งที่โต๊ะมินนี่ก็เอ่ยถามทันที “แกหายไปนานมาก กำลังจะโทรตามพอดี”
“มีคนกวนประสาทนิดหน่อยน่ะ” ฉันบอกพร้อมกับยกเหล้าดื่ม สายตามองไปที่โต๊ะของพี่เพิร์ท เขากับผู้หญิงคนนั้นกำลังนัวเนียกันอยู่
ฉันเบือนหน้าหนีไปทางอื่นเพราะไม่อยากให้ตัวเองเจ็บปวดไปมากกว่านี้แล้ว และฉันก็คิดได้แล้วว่าไม่ควรจะไปนอนรอที่ห้องของเขา เพราะถ้าทำแบบนั้นฉันคงเป็นผู้หญิงที่ไร้ค่ามากๆ
พี่เพิร์ทก็แค่ผู้ชายเห็นแก่ตัวคนหนึ่ง ผิดแค่ตอนนี้ฉันดันไปรักผู้ชายแบบเขา หวังว่าฉันจะกลับมาเป็นแพรคนเดิมเร็วๆ ไม่ใช่ผู้หญิงที่อ่อนแอแบบนี้…..
“ชื่ออะไร ?” “วารินค่ะ” เธอตอบแต่กลับไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม “อยากมีเงินใช้มั้ย ?” ถ้าผมถูกใจใคร ผมก็จะไม่ลังเลที่จะชักจูงผู้หญิงพวกนั้นด้วยเงิน อย่างที่ผมกำลังยื่นข้อเสนอให้กับผู้หญิงตรงหน้า “…คะ ?” ท่าทางซื้อบื้อของเธอดูจะไม่เข้าใจที่ผมพูดสักเท่าไหร่ ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเดินเข้าไปใกล้ๆ กับผู้หญิงตรงหน้า ก่อนจะใช้มือโอบเอวเธอเอาไว้แบบหลวมๆ “คะ คุณทิสเหนือคะ” เธอดูจะตกใจมากพอสมควร รีบผลักผมให้ออกห่าง แต่ผมยังคงโอบเอวเธอไว้อยู่ “เรียกฉันว่า คุณเหนือ” “ฉันสามารถให้เงินเธอใช้ได้ไม่ขาดมือ สนใจมั้ยหื้ม…” ผมก้มหน้าลงสูดกลิ่นความหอมตรงซอกคอของเธอ โตขนาดนี้แล้วยังใช้แป้งเด็ก น่าตลกสิ้นดี! “ระ ริน แค่มาฝึกงานค่ะ ไม่ได้ต้องการแบบที่คุณเหนือว่า” เธอปฏิเสธอย่างไม่ใยดีข้อเสนอของผม “เธอไม่สนใจ ?” “มะ ไม่ค่ะ รินขอตัวก่อนนะคะ” เธอดันมือผมที่โอบเอวเธออยู่ออก จากนั้นก็รีบเดินออกไปจากห้องทันที ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นผู้หญิงคนแรกที่ปฏิเสธผมซะด้วยสิ มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกอยากได้เธอมาอยู่ในกำมือ อวดเก่งดีนัก!
เกริ่น.... ....ยะ..อย่านะ..พี่กำลังเข้าใจผิดอยู่..อึก..~ ผมไม่สนใจที่เธอพูด ผู้หญิงคนนี้แสดงละครเก่งจริงๆ ผมเกือบจะเชื่อเธอแล้วว่าเธอไม่ได้ขายตัว ผม: เลิกเล่นได้แล้ว เรามามีความสุขกันดีกว่า ...ยะ..อย่า..หนูไม่ได้ขายตัวจริงๆ หนูไม่ได้แสดงละครอะไรทั้งนั้น หนูพูดเรื่องจริง ปล่อยหนูไปเถอะ !! ผมกดท่อนเอ็นเข้าไปที่ช่องเสียวสีชมพูชวนหลงไหลนั้น กึด~ “อ๊า~ เข้าอยากจังวะ” ผมก็มมองดูรอยเชื่อมระหว่างผมกับเธอ “เชี้ย...เลือด !!” ผมมองหน้าผู้หญิงคนนั้น เธอนอนน้ำตาคลอ ตัวสั่นไปหมด "อยากได้เท่าไหร่...แลกกับเซ็กส์ครั้งนี้" เธอเงียบไม่ตอบผม เอาแต่นอนสะอื้น "กูถามว่ามึงจะเอาเท่าไหร่ แลกกับความบริสุทธิ์ของมึง"
“นึกดูดีๆ เจ้าเอยเรามีอะไรเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดไหม ตัดคำว่าอาหลานออกไปก่อน ตอนนี้เราก็คือผู้หญิงกับผู้ชายที่มีความต้องการเหมือนกัน ถ้าอาปล่อยให้เจ้าเอยกลับห้องตอนนี้เจ้าเอยก็นอนไม่หลับและอาก็คงเป็นผู้ชายที่โง่มาก”
นรีรัตน์ตอบตกลงทำตามสัญญาที่ว่าเธอจะแต่งงานกับชยุดและต้องมีลูกกับเขาภายในเวลาหนึ่งปี มิเช่นนั้น เธอจะต้องสูญเสียทุกอย่างในชีวิตของเธอไป แต่การกระทำมักทำยากกว่าคำพูดเสมอ การที่เธอต้องเผชิญกับการถูกกลั่นแกล้งให้ขายหน้าวันแล้ววันเล่า จนที่สุดเธอหมดความอดทนและไม่อยากจะยอมก้มหัวอย่างคนพ่ายแพ้อีกต่อไป ในวันที่เขาประสบอุบัติเหตุ เธอได้อุทิศเสียสละโดยไม่ได้นึกถึงความปลอดภัยของตนเองเพื่อช่วยชีวิตของเขาไว้ ถึงแม้ว่าในตอนนี้เธอยังคงมีชีวิตอยู่ แต่ในอีกไม่ช้าเธอจะหายตัวไปจากชีวิตของเขา ตราบจนถึงเวลาที่ลูกของพวกเขาเติบโตขึ้นมา และเมื่อถึงเวลานั้นโชคชะตาจะพัดพาให้พวกเขากลับพันผูกกันอีกครั้ง เดิมทีเธอจะกลับไปหาเขาก็ได้ แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะอุทิศทุกสิ่งอย่างเพื่อความรักในตัวเขาอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เธอพร้อมแล้วที่จะต่อสู้เพื่อลูกชายของตัวเอง
เส้าหยวนหยวนแต่งงานกับแม่ทัพเทพทรงพลังที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนส่งผลกระทบต่อทางจิตใจหลังจาดที่เธอย้อนเวลา เธอไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับการสมรู้ร่วมคิด และต้องการร่วมมือกับเขาเพื่อแสวงหาอิสรภาพ เธอก่อตั้งธุรกิจ รักษาโรคของคนไข้ และช่วยชีวิตผู้คน เป็นคนที่ยอดเยี่ยม กลายเป็นผู้ช่วยที่ดีของแม่ทัพ แต่ต่อมาแม่ทัพกลับคืนคำ ไหนตกลงไว้ว่าจะหย่าล่ะ?
หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง
สหรัฐ ชายหนุ่มหน้าตาดี ฐานะมั่นคง วัยพร้อมมีครอบครัวที่ชีวิตนี้ไม่เคยมีความคิดจะแต่งงาน แต่ต้องมาแพ้ทางให้กับจินตนา เพื่อนสนิทของหลานสาวตัวเองที่อายุน้อยกว่าเกินรอบ ความน่ารักใสซื่อและไร้เดียงสาของหล่อน ทำให้เขาต้องเปลี่ยนตัวเองจากเทพบุตรมาเป็นตาแก่บ้ากามอย่างไม่มีทางเลือก! “เป้าเริ่มแฉะแล้วนี่” เขาบอก และมองด้วยสายตาที่ทำให้เธอต้องรู้สึกหน้าเห่อร้อนแดงก่ำจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนีหายไปเลย “มันไม่ได้แฉะเพราะอาตั้มหรอกค่ะ” เลือกที่จะโกหกคำโตออกไป เพื่อให้ตัวเองรู้สึกอายน้อยลง สหรัฐที่รู้ก็แค่นยิ้มหยัน “เด็กปากดี” สายตาของเขาบอกชัดว่าไม่เชื่อที่หล่อนโกหกเลยซักนิด แล้วคนตัวเล็กก็ต้องนอนตัวบิดตัวงอเมื่อฝ่ามือของเขาลูบล้วงใส่เนินสาวไปมา ปากอิ่มเผยอจะบอกให้เขาหยุดแต่ก็ไม่ทันปากหยักสวยได้รูปของเขาที่ประกบลงมาบดขยี้กลีบปากอิ่มร้อนแรง
หลังจากถูกแฟนหนุ่มและเพื่อนสนิทของเธอจัดฉาก เฉี่ยนซีก็จบลงด้วยการใช้เวลาทั้งคืนกับชายแปลกหน้าลึกลับคนนั้น เธอมีความสุขมาก แต่พอเธอตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น เธอก็รู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกผิดทั้งหมดของเธอถูกชะล้างออกไป เมื่อเธอเห็นใบหน้าของชายที่นอนอยู่ข้างเธอ เธอจึงเอ่ยด้วยเสียงเบา ๆ ที่ว่า “ผู้ชายอะไร ทำไมหล่อจัง” และเธอก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น ความผิดของเธอกลายเป็นความละอายใจโดยทันที และมันทำให้เธอตัดสินใจทิ้งเงินจำนวนหนึ่งไว้ให้ชายผู้นั้นก่อนที่เธอจะจากไป "เจ๋อข่าย" รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเงินดังกล่าว พร้อมกับคิดว่า ‘ผู้หญิงคนนั้นพยายามจะจ่ายเงินให้ฉัน ราวกับว่า ฉันเป็นผู้ชายขายบริการอย่างนั้นหรอ? ’ เขารู้สึกโกรธ จึงต้องการดูภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงแรม เขาสั่งผู้ช่วยของเขาด้วยใบหน้าที่จริงจังพร้อมขมวดคิ้ว “ผมอยากรู้ว่า ใครอยู่ในห้องของผมเมื่อคืนนี้” ‘อย่าให้เจอนะ ถ้าเจอเมื่อไหร่จะสั่งสอนให้เข็ดเลย! ’ เรื่องราวของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไปนะ