แพน เด็กสาวที่ถูกแม่เลี้ยงขายให้กับเศรษฐี เพื่อแลกกับการปลดหนี้ในครอบครัว ในวันที่หลีกหนีความชิบหายไม่พ้นก็ยังมาซวยเจอเขา เขาที่ทำร้ายน้ำใจเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ -เอากับเธอให้กูดูหน่อย- เนื้อเรื่องบางส่วน "เธอจะเรียกร้องสิทธิอะไร เธอลืมไปแล้วหรอ ว่าเราจ่ายค่าตัวเธอไปเท่าไหร่ แล้วเราซื้อตัวเธอมาเพื่ออะไร" น้ำเสียงถามกลับอย่างเย้ยหยัน ทำให้คนใต้ร่างน้ำตาคลอ -ชีวิตที่น่าสมเพช-
พรหมลิขิตนรก
ตอนที่1
หนังสด
"วันนี้ทำโอเพิ่มอีกแล้วหรอ"
"อือ"
"พักบ้างนะ แกหักโหมทำงานหนักมาหลายเดือนแล้ว"
"ทำไงได้ล่ะ" แพนเด็กสาววัยสิบเจ็ดย่างสิบแปด ได้ยืนทำหน้าสลดคุยกับเพื่อนร่วมงานที่ตักเตือนเธอที่โหมงานหนักจนแทบไม่ได้พักมาหลายเดือนติด เธอเองไม่ใช่ไม่เหนื่อย แต่ในตอนนี้เธอยังพักไม่ได้
แพนทำงานอยู่ร้านสะดวกซื้อชื่อดังเนื่องจากเธออายุไม่ถึงเกณ เธอจึงทำงานได้ไม่เต็มเวลาเท่าที่เธอต้องการ จึงต้องรับจ๊อบอื่นเพิ่ม เพื่อจะได้หารายได้ให้เพียงพอ ถึงจะเหนื่อย แต่ต้องสู้
ช่วงค่ำประมาณทุ่มนึง
"กลับมาแล้วหรอพี่แพน"น้ำพิงน้องสาวต่างแม่ได้เอ่ยทักทายพี่สาว เมื่อเห็นพี่สาวมีท่าทางเร่งรีบ
"อือ" ถึงจะแปลกใจที่วันนี้น้องสาวต่างแม่ทักทายเธออย่างดี แตกต่างจากทุกทีที่แทบจะไม่คุยกับเธอเลย แต่ก็ต้องตอบส่งๆไป เพื่อไม่ให้แม่เลี้ยงเจ้าปัญหามาหาเรื่องเธอได้อีก
"รีบไปไหนพี่แพน"
"พี่ต้องไปทำงานต่อ"
"แหมๆๆ ไม่ต้องขยันทำงานหนักไปหรอก เดี๋ยวก็สบายละ"เรียวปากเล็กกระตุกยิ้มเมื่อพูดจบประโยค แต่แพนเองไม่ทันได้สังเกต เธอต้องรีบไปให้ทันรถเมล์ ถ้าไม่งั้นต้องพึ่งพี่วินที่คิดราคาโหดเกินจริงอีกแน่ๆ
ณ คลับไฮโซดังใจกลางเมือง
แพนมองตัวเองในกระจกบานเล็ก ตอนนี้เธอแทบไม่เหลือคาบเด็กสาววัยมัธยม เธอทำงานเป็นเด็กเสร์ฟในผับจึงต้องแต่งหน้าแต่งตาเฉี่ยวเพื่อให้เข้ากับงานที่ทำ เรียวปากถูกทาด้วยลิปสติกสีน้ำตาลอมส้ม ผมถูกรวบตึงจนเห็นโคลงหน้าได้ชัดเจนขึ้น พร้อมกับใส่ยูนิฟร์อมที่เผยให้เห็นเนินหน้าอกเล็กน้อย ถึงพี่ๆในร้านจะชอบชมเธอเวลาเธอแต่งตัวแบบนี้แต่เธอไม่ชอบตัวเองในแบบนี้เลย เนื่องจากเธอเองไม่มีทางเลือกอะไรมาก เพราะงานร้านสะดวกซื้อมันให้เงินน้อยไปถ้าเทียบกับที่นี่ แพนสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ เพื่อกระตุ้นกำลังใจในตัวเองให้ตื่นขึ้น
"สู้สิวะแพน พ่อรอแกอยู่" คำพูดที่มีแค่ตัวเองเท่านั้นที่พูดให้กำลังใจตัวเอง ก่อนที่มือเรียวจะดันจะเปิดประตูเข้าไปยังที่ทำงานกลางคืนอีกงานนึงของเธอ
เสียงเพลงดังสลับกับไฟสลัว ผู้คนมากมายผลัดกันลุกขึ้นเต้น บางคนก็นั่งเศร้าดื่มน้ำสีอันพันไม่หยุด นี่เป็นสิ่งที่แพนเห็นทุกวันจนชินตาไปแล้ว
แพนถือถาดที่มีไวน์ในมือ พร้อมกับเดินไปยังห้องวีไอพีชั้นบนสุดของคลับ วันนี้เธอได้รับหน้าที่ให้มาดูแลลูกค้าห้องนี้
"อุ๊ย ขอโทษค่ะ" หญิงสาวมัวแต่เทลาะกับส้นสูงเธอพึ่งจะซื้อมาถูกๆ มันกัดเท้าเธอแดงจนมีเลือดไหล ไม่ทันสังเกตุเห็นแขกในห้องเดินออกมาพอดี ชายหนุ่มร่างสูงเหร่ตามองหญิงสาวที่ก้มหน้าก้มตาขอโทษเขาอยู่
"มีอะไรรึป่าวคะ"สาวหุ่นบางรีบถามเมื่อชายหนุ่มที่เธอควงอยู่หยุดเดินเอาดื้อๆ
"ป่าว" น้ำเสียงนิ่งเฉยแต่แฝงไปด้วยความไม่พอใจ ทำเอาแพนที่ไม่กล้าเงยหน้ามองรู้สึกใจหายตกไปอยู่ตาตุ่ม ผับนี้เป็นผับระดับไฮโซ ยิ่งคนที่จองห้องวีไอพี ส่วนใหญ่จะไม่ใช่แค่ไฮโซทั่วไป แต่เป็นมาเฟียในคาบไฮโซต่างหาก
"งั้นไปต่อกันเถอะ ข้าวไม่ไหวแล้ว"สาวสุดเอ๊กกระซิบข้างหูชายหนุ่มพร้อมกับขบที่หูไปเบาๆ เพื่อให้ชายหนุ่มลูกค้ากระเป๋าหนักเจ้าประจำของเธอ หยุดสนใจพนักสาวเสริฟ์ตรงหน้าเขาสักที
แพนยกน้ำสีอันพันเสริฟให้แขกที่นั่งสังสรรอยู่อย่างมืออาชีพ ทุกการกระทำของเธออยู่ในสายตาคู่นึงที่มองเธออย่างพึงพอใจ
-ขวับ-
"ปล่อยนะคะคุณลูกค้า"แพนพยายามดึงมือตัวเองกลับ เมื่ออยู่ๆก็โดนลูกค้าที่นั่งอยู่ดึงมือเธอมาดม
"สวยขนาดนี้ มานั่งดื่มข้างเสี่ยดีกว่า เดี่ยวเสี่ยจ่ายติ๊บให้หนักๆ" คนเมาไม่รอช้าดึงแพนเข้ามานั่งข้างเขา พร้อมกับไล่สายตามองไปยังเนินหน้าอกสวย
"หนูเป็นเด็กเสริฟ์ค่ะ ไม่ใช่...."
"เสิร์ฟมันจะได้ติ๊ปเท่าไหร่กันเชียว มานั่งดูแลเสี่ยดีกว่า"คนเมาไม่ยอมปล่อย แถมยังพยายามยกเหล้าให้เธอดื่มอีก
"เสี่ยหรือเหี้ย"น้ำเสียงดุดันดังอยู่ข้างหน้าเธอ แสงไฟระยิบระยับทำให้เเพนมองเห็นชายที่มาดึงแก้วเหล้าออกจากมือคนเมาที่ลวนลามเธออยู่ไม่ค่อยชัด แต่ก็พอเดาออกมาน่าจะเป็นคนใหญ่คนโต เพราะคนเมาถึงกับหยุดนิ่งและปล่อยตัวเธอแทบจะทันที
"คุณนาวิน ผมนึกว่าคุณออกไปกับคู่ขาคุณแล้ว "คนเมาที่แสดงความใหญ่โตเมื่อกี๊นี้รีบลุกขึ้นโค้งคำนับคนตรงหน้า ทำให้แพนได้โอกาศรีบลุกหนี แต่กลับถูกมือของคนที่เหมือนจะช่วยเธอดึงแขนเธอไว้
"นายนี่ใจถึงดี ฉันชอบ"
"อะไรนะครับ คุณมาวิน"
"สนุกต่อสิ ฉันก็อยากดูหนังสดอยู่เหมือนกัน"เสียงทุ้มแผ่วเบาพูดเชิงออกคำสั่ง ทำเอาคนที่ถูกดึงมือถึงกับหน้าถอดสี
" อะไร หมายความว่าไง" "หรือจะเป็น พวกไฮโซโรคจิต" เธอได้แค่นึกคิดในใจ แต่ยังไม่ทันไรร่างบางก็ถูกเหวี่ยงลงโซฟาที่เธอพึ่งจะลุกหนีมา
"คุณนาวินหมายความว่าไงครับ"
"เอา..ให้ดูหน่อย ตรงนี้เลย" ร่างสูงชี้ไปยังหญิงสาวที่นั่งตัวแข็ง ในแววตาก็สั่นเทราไปด้วยความกลัว คุณนาวินเดินไปล้มตัวนั่งข้างโซฟาที่อยู่ตรงกันข้ามโดยมีโต๊ะคั่นกลาง ด้วยสีหน้านิ่งเฉยประดุจดั่งเป็นเรื่องปรกติสำหรับเขา
คนเมาที่ถูกออกคำสั่งก็มีท่าทีไม่กล้า ถึงเขาจะดูเป็นคนหื่นกาม แต่จะให้มามีอะไรกับผู้หญิงต่อหน้าคนอื่น ใครมันจะบ้าได้ขนาดนั้นวะ
"เร็วหน่อยสิ อย่าเสียเวลา"
"คือผม......"คนเมามองมาที่หญิงสาวที่นอนตัวสั่นด้วยความกลัว ไม่ใช่แค่เธอ เขาเองก็สั่นไม่แพ้กัน
"อย่าทำหนูเลยนะคะ"หญิงสาวพนมมืออ้อนวอน
"เสียเวลาว่ะ ไวน์"เสียงทุ้มถอนหายใจอย่างเอือมละอาก่อนตะโกนเรียกรุ่นน้องคนสนิท ที่ยืนร้องคาราโอเกะอยู่กับพีอาสาวสวย
"มีอะไรหรอเฮีย"
"กูอยากดูหนังสด"
"ตอนนี้หรอ อารมณ์ยังไม่มาเลย"
"เออ เอากับผู้หญิงคนนี้ ตอนนี้ เดี๋ยวนี้"คุณมาวินชี้มาที่แพน เขาชี้นิ้วสั่งทุกอย่างเหมือนกับสั่งของกินเล่นตามร้านสะดวกซื้อ ไม่รู้หรอกว่ารวยมาจากไหน แต่ทำแบบนี้มันเกินไปหน่อย
"มันจะมากไปแล้วนะ ทำแบบนี้ ขาดความอบอุ่นหรือไง"แพนได้รวบรวมความกล้าต่อว่ามาวินไปชุดใหญ่ ทำให้พีอาคู่ขาไวน์รีบใช้มืออุดปากเธอไว้
"น้องเป็นแค่เด็กเสร์ฟค่ะคุณมาวิน และที่สำคัญน้องยังอายุไม่ถึงสิบแปดเลย อย่าโกทธน้องเลยนะคะ"
"งั้นหรอ อายุไม่ถึง แสดงว่ายังเด็กอยู่ของชอบมึงเลยดิไอ่ไวน์"
"ไม่เอาอะเฮีย ให้คนอื่นเหอะ"ไวน์ส่ายหัวตอบปฏิเสธ สำหรับคืนนี้เขาได้สาวที่ถูกใจแล้ว ก่อนจะไล่สายตามองหาคนที่จะมาทำแทนเขา
"ปล่อยนะพี่"เสียงอู่อี้ขัดขืนที่ถูกมือเรียวของรุ่นพี่คนสนิทปิดปากไว้ แพนพยายามแกะมันออก แต่เมื่อเห็นรุ่นพี่ส่งสายตาเตือนเธอ เธอก็พอจะรับรู้ได้ว่านี่ไม่ใช่สถาณการณ์ปรกติ
"แต่ผมอยากดูหนังสดตอนนี้ ทำไงดีล่ะ เหมือนว่าผู้หญิงคนนี้จะมีปัญหา หรือเราควรหาร้านประจำร้านใหม่ดีวะ"มาวินแสร้งส่งเสียงถามเพื่อนๆที่มาด้วยกัน ทำให้ทุกคนที่อยู่ในอาการมึนเมาหันมามองที่มาวินอย่างสงสัย
"เฮีย ไม่เอาน่าาา"ไวน์รีบตอบปฏิเสธพร้อมกับหันไปมองคนอื่นๆที่ฟุบหลับไปหมดเหลือแค่ไวน์กับเฮียที่เป็นผู้ชาย
ชายหนุ่มลูบคางทำท่าครุ่นคิด
"งั้นเรามาหาอะไรสนุกๆทำกันดีไหม"
"อะไรคะ"รุ่นพี่สาวสวยถามกลับด้วยสีหน้าที่ดูกงวลใจ
"เธอก็ทำแทนยัยนี่สิ ถึงฉันจะดูเธอกับไอ่ไวน์มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว แต่วันนี้ถ้าฉันมีเพื่อนมาดูเพิ่มอีกสักคน ก็น่าตื่นเต้นดีนะ "
รุ่นพี่สาวสวยตั้งใจฟังอยู่สักพัก ก่อนจะกระตุกยิ้มบนมุมปาก
"แค่นี้เองหรอคะ"
"อือ"
"แล้วหนูล่ะคะคุณมาวิน"ข้าวคู่ขาประจำของเธอทำสายตาออดอ้อนที่ถูกเขาเมิน
"งั้นสามคนละกัน ดีไหมไอ่ไวน์"มาวินมองไปยังไวน์รุ่นน้องคนสนิทที่ยืนยิ้มอยู่อย่างพอใจกับข้อเสนอ
........................................................
ถ้าชีวิตจริงมันง่าย คงไม่มีใครเจ็บปวดเพราะอดีตหรอก "เรารักกันมาตั้งนาน แล้วมันไม่รักกันตอนไหนวะ" เธอพร่ำพรรณาคร่ำครวญถึงวันวานที่แสนสุขตอนนี้กลับกลายเป็นความขมขื่น อดีต ปัจจุบัน และอนาคตของหญิงสาวดับมอด เธอกลายเป็นคนชั่วทั้งที่เธอทำมันไปเพราะความรัก แล้วทำไมถึงไม่ได้รักตอบกลับมา
มะลิ หญิงสาวที่ต้องทำงานเป็นคนรับใช้อยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่เพื่อชดใช้หนี้ แต่ความโชคร้ายคือเธอดันตกเป็นทาสกามารมณ์ของ คุณตาม ลูกชายคนเล็ก ของคุณหญิงวงแหวน ที่คอยหาเรื่องแกล้งเธอ เพราะคุณหญิงเกลียดเธอยิ่งกว่าอะไรดี แต่อยู่ๆ คุณหญิงก็ปล่อยให้เธอเป็นอิสละ มะลิจึงรีบคว้าโอกาสนี้ไว้ หนีไปอยู่กับเพื่อนสาวและเพื่อนชายคนสนิท แต่เธอกลับมารู้ตัวว่าตั้งท้อง ถึงเธอจะเลือกเก็บลูกไว้ และเลือกจะใช้ชีวิตอย่างสงบ แต่ทุกอย่างมันกลับไม่เป็นไปตามที่เธอคิด คุณตามปล่อยนะคะ เดี๋ยวคุณหญิงจับได้ คุณก็รู้ว่าคุณหญิงเกลียดฉัน ก็อย่าให้ใครรู้สิ ถ้าเธอไม่พูด ฉันไม่พูด เรื่องของเรา มันก็จะเป็นแค่ความลับ แต่ว่า อย่ามัวแต่หาข้ออ้างยื้อเวลาฉันเลย เธอแค่อ้าขาก็พอ..
เธอเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวย แต่ต้องประสบเคราะห์กรรมสูญเสียแม่ไปตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่วันนั้นเธอก็ไม่มีวันอยู่เป็นสุขเลย พ่อแท้ ๆ และแม่เลี้ยงของเธอบังคับให้เธอแต่งงานกับชายที่เธอไม่รักแทนน้องสาวต่างมารดาของเธอ เธอไม่ยอมแพ้ต่อชะตากรรมของตน ในวันแต่งงาน เธอหนีออกจากบ้านไปและได้มีอะไรกับชายแปลกหน้าคนหนึ่งในคืนนั้น หลังจากนั้นเธอก็พยายามจะหนีไปแต่สุดท้ายก็ถูกพ่อเธอหาจนพบ และหนีไม่รอดชะตากรรมที่จะต้องแต่งงานแทนน้องสาว เธอจะพบว่าชายที่เคยมีอะไรกับเธอในคืนนั้นก็คือสามีของเธอหรือไม่ และเขานั้นจะรู้ว่าเธอเป็นแค่เจ้าสาวปลอมหรือไม่ ตลอดจนความลับเบื้องหลังของสามีคนจนจะเป็นเช่นไร ติดตามไปด้วยกันเลย
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
เรื่องราวการผจญภัยของอดีตสายลับนักฆ่า ที่ทะลุมิติมาเป็นแม่ผู้ชั่วร้าย ทั้งยังต้องร่วมเดินทางกับเด็กน้อยผู้แสนใสซื่อในโลกที่ผู้คนใช้พลังลมปราณ อันตรายมีทั่วทุกหนแห่ง แล้วพวกเขาจะเอาชีวิตรอดได้หรือไม่?!
เมื่อเซิ่งหนิงเตรียมจะบอกฮั่วหลิ่นเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอ ทว่ากลับพบเขาช่วยพยุงผู้หญิงอีกคนลงจากรถอย่างเอาใจใส่... เคยคิดว่าตนเองอยู่เคียงข้างฮั่วหลิ่นคอยดูแลเขามาสามปี สักวันหนึ่งเขาจะมาสามารถสร้างความประทับใจให้กับเขา แต่สุดท้ายเป็นตนเองที่คิดเองเออเองไปฝ่ายเดียว เซิ่งหนิงตายใจแล้วจากไป สามปีต่อมา ข้างกายของเธมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง และฮั่วหลิ่นเสียใจมาก เจาพูดด้วยความโศกเศร้า "เซิ่งหนิง เรามาแต่งงานกันเถอะ" เซิ่งหนิงยิ้มอย่างเฉยเมย "ขออภัยนะคุณฮั่ว ฉันมีคู่หมั้นแล้ว"
เขาแอบชอบเธอตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแต่เธอกลับกลัวและพยายามอยู่ให้ห่างจากเขาแล้วเขาจะทำอย่างไรที่จะตามจีบเธอดีในเมื่อเธอเป็นน้องรหัสของเขา
หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง