เสิ่นเจ๋อตกใจมากจนฉี่รดกางเกง เเล้ววิ่งหนีออกไป
หรือว่าเสิ่นเซียวเหยาจะฟื้นแล้ว?
เย่ชิงซีหันหน้ากลับไปมองทันที แต่ด้านหลังของเธอกลับเงียบสงบไม่มีอะไรเลย
เธอเปิดไฟด้วยความหวาดกลัว แล้วมองไปที่หัวเตียง เสิ่นเซียวเหยายังคงนอนหลับสนิทไร้ความรู้สึกอยู่เหมือนเดิม แม้แต่ลมหายใจของเขาก็ยังเงียบสงบอยู่อย่างนั้น
มีเพียงมือข้างหนึ่งที่โผล่ออกมาจากผ้าห่ม
เย่ชิงซีเอียงหน้ามองมือที่โผล่ออกมานั้นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง บางทีน่าจะถูกเสิ่นเจ๋อเคลื่อนไหวโดนตอนที่กระชากลากถูกัน
“เสิ่นเซียวเหยา?” เย่ชิงซีลองเรียกชื่อเขา
ไม่มีการตอบสนอง
ดังนั้นเธอจึงเพิ่มระดับเสียงเรียกให้ดังมากขึ้น “นี่ เสิ่นเซียวเหยา?”
ยังคงไม่มีการตอบสนอง
เย่ชิงซีกลืนน้ำลาย ค่อย ๆ เดินย่องเข้าไปที่ข้างเตียงเบา ๆ และเอามือของเสิ่นเซียวเหยาวางกลับเข้าไปในผ้าห่มอย่างระมัดระวัง อีกฝ่ายยังคงไม่ตอบสนอง แม้จะตบหน้าเขาทีหนึ่ง คาดว่าเขาก็คงไม่ตื่น
ดังนั้นเมื่อครู่น่าจะเป็นเพราะเสิ่นเจ๋อทำเรื่องไม่ดีแล้วหลอนไปเอง
เย่ชิงซีจับหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ แล้วถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก หางตาเหลือบไปเห็นขวดเหล้าที่เสิ่นเจ๋อทำตกทิ้งไว้ เธอรีบเอาไปโยนทิ้งแล้วล็อกประตูจากด้านใน
ห้องนอนก็เงียบสงบลงอย่างสิ้นเชิง เย่ชิงซียังคงใจเต้นตุบตับ ๆ อยู่ เนื่องจากลัวว่าคนที่นอนเป็นผักคนนี้จู่ ๆ จะลืมตาขึ้นมา เธอคอยนั่งจับตาอยู่ขอบเตียง แต่ไม่สามารถทนความเหนื่อยล้าได้ จากนั้นก็เอนตัวลงพิงหัวเตียงแล้วหลับใหลไปโดยไม่รู้ตัว
วันต่อมา
ขณะที่ตื่นขึ้น เย่ชิงซีเห็นว่าตัวเธอนอนฟุบอยู่ที่ขอบเตียงก็ตกใจ โชคดีที่เสิ่นเซียวเหยาที่อยู่บนเตียงยังคงนอนอยู่ในท่าเดิม แม้แต่เส้นผมก็ไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่นิด ถึงตอนนี้เย่ชิงซีถึงได้โล่งอก
ดูเหมือนว่าการเคลื่อนไหวเมื่อคืนนี้น่าจะเป็นแค่การเข้าใจผิดเท่านั้น
เย่ชิงซีเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ แต่กลับเห็นที่ลำคอของเธอมีรอยแดงผ่านทางกระจก เหมือนกับถูกบีบคอ
คิดว่าน่าจะเป็นตอนที่กระชากลากถูกับเสิ่นเจ๋อเมื่อคืนแล้วทิ้งร่องรอยไว้มั้ง
คลื่นแห่งความขยะแขยงก่อตัวขึ้นในใจของเธอ
เย่ชิงซีวางแปรงสีฟันลงอย่างงัวเงีย จากนั้นก็เดินไปที่ห้องนอน เปลี่ยนเสื้อเชิ้ตคอสูงมาสวมปกปิดลำคอไว้
หลังจากจัดการเรียบร้อย เย่ชิงซีก็ลงไปรับประทานอาหารเช้าที่ชั้นล่าง
ทันทีที่เธอมาถึงทางขึ้นบันไดก็ถูกเสิ่นเจ๋อลากเข้าไปในห้องเล็ก ๆ ที่กั้นเอาไว้
“ไอ้เศษสวะนั่นฟื้นแล้วเหรอ” เสิ่นเจ๋อกลัวว่าจะถูกคนอื่นได้ยินเข้า เขาจึงเข้ามาพูดใกล้ ๆ เธอ
เย่ชิงซีถอยหลังออกไปสองสามก้าวอย่างไม่ชอบใจ แล้วพูดขึ้นด้วยสีหน้านิ่ง ๆ ว่า “ยังไม่ฟื้น”
“งั้นก็ดี เหมือนว่าเมื่อคืนผมจะเมามากไป จู่ ๆ ก็มองเห็นไอ้เศษสวะนั่นลืมตาขึ้นมาจ้องมองผม” เสิ่นเจ๋อถอนหายใจด้วยความโล่งอก และใบหน้าที่เคร่งเครียดก็ผ่อนคลายลง เปลี่ยนมาเป็นใบหน้าอ่อนโยน สดใส เหมือนปกติ
เย่ชิงซีก้มหน้าลง ไม่พูดอะไร กลัวว่าเสิ่นเจ๋อจะสังเกตเห็นความเกลียดชังในดวงตาของเธอ
เสิ่นเจ๋อคิดว่าเย่ชิงซีไม่พอใจ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เขาพูดขอโทษเธอด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนขึ้นว่า “ผมขอโทษ เมื่อคืนผมดื่มมากไปหน่อย ผมเลยทำอะไรบุ่มบ่ามไป”
เย่ชิงซีพยายามระงับอารมณ์ที่ปั่นป่วนในใจ เธอก็ยังพูดขึ้นอย่างอดทนว่า “ไม่เป็นไร”
จากนั้น เธอก็หาข้ออ้างสลัดตัวเธอออกจากเสิ่นเจ๋อ แล้วเดินออกไปจากห้องเล็ก ๆ ที่กั้นเอาไว้
ในห้องอาหาร เสิ่นชางป๋อนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ สีหน้าของเขาจริงจัง เคร่งขรึม เมื่อเห็นเย่ชิงซีก็พยักหน้าเล็กน้อย ท่าทางดูเย็นชามาก
ในทางตรงกันข้าม เจียงเหม่ยเยี่ยนแม่เลี้ยงของเสิ่นเซียวเหยากลับดูใจดี อบอุ่นกับเย่ชิงซีมาก เธอคือแม่แท้ ๆ ของเสิ่นเจ๋อ และน่าจะเป็นคนที่รู้แผนการของเสิ่นเจ๋อด้วย ไม่อย่างนั้น เธอคงไม่เอาอกเอาใจเย่ชิงซีขนาดนี้
อาหารมื้อนี้ เย่ชิงซีทานแล้วรู้สึกอึดอัดมาก เธออยากจะหนีไป
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เย่ชิงซีก็ถูกเสิ่นชางป๋อพาไปผ่าตัดทำกิ๊ฟท์ที่โรงพยาบาลเอกชนของตระกูลเสิ่น และเสิ่นเจ๋อก็ติดตามไปด้วย
ก่อนที่จะเข้าไปในห้องผ่าตัด เสิ่นเจ๋อไม่วางใจ คอยแอบส่งสายตาให้กับเย่ชิงซีตลอดเวลา
เย่ชิงซีรู้ว่า เสิ่นเจ๋อกำลังเตือนให้เธออย่าลืมแผนการของพวกเขา
เธอมีรอยยิ้มอ่อน ๆ ปรากฏขึ้น บอกให้เขาวางใจ จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องผ่าตัดด้วยสีหน้าเย็นชา
แม้ว่าตอนนี้เธอจะกลัวมาก แต่เย่ชิงซีก็ยังกัดฟันเดินเข้าไป เพื่อแก้แค้น เพื่อทวงคืนสิ่งที่เป็นของเธอกลับคืนมา!
หลังจากผ่าตัดเรียบร้อยเเล้ว เย่ชิงซีก็เดินออกมาด้วยสีหน้าซีดเซียว หมอถอดหน้ากากออก และรายงานผลการผ่าตัดกับเสิ่นชางป๋อว่า “การผ่าตัดเรียบร้อยดีครับ แต่ต้องรอให้ครบหนึ่งเดือนแล้วค่อยกลับมาตรวจอีกครั้งว่าตั้งครรภ์หรือไม่”
เมื่อได้ยินแบบนี้ สีหน้าของเสิ่นเจ๋อที่อยู่ข้าง ๆ ก็มืดมนลงทันที
ในทางกลับกัน เสิ่นชางป๋อที่มีสีหน้าเคร่งขรึมกลับมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขาพอใจมาก สายตาที่เขามองเย่ชิงซีในที่สุดก็มีความอ่อนโยนไม่น้อย จากนั้นก็ให้คนขับรถไปส่งเย่ชิงซีกับเสิ่นเจ๋อกลับไปที่บ้านตระกูลเสิ่น
ตลอดทาง เสิ่นเจ๋อมีสีหน้าบูดบึ้ง ไม่พูดอะไรสักคำ
เย่ชิงซีขี้เกียจจะสนใจเขา เหม่อลอยมองวิวนอกหน้าต่างรถอยู่อย่างนั้น
เมื่อลงมาจากรถ เสิ่นเจ๋อก็ระเบิดอารมณ์ขึ้นทันที เขาลากเย่ชิงซีไปถามในสวนทันที
“ตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าคุณจะทำลายการผ่าตัดนั่น ทำไมคุณถึงไม่ทำตาม” เสิ่นเจ๋อตะคอกขึ้นด้วยความโกรธ
การผ่าตัดสำเร็จแล้ว เย่ชิงซีขี้เกียจจะแสร้งเล่นละครกับเสิ่นเจ๋อต่อ เธอสะบัดมือของเขาออกอย่างไม่เกรงใจ แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เคารพกันหน่อย ตอนนี้ฉันเป็นพี่สะใภ้ของคุณนะ”
เสิ่นเจ๋อหัวเราะขึ้นด้วยความโกรธ และเตะไปที่ต้นไม้เหมือนกับระบายความโกรธ “พี่สะใภ้งั้นเหรอ เเม่งเอ๊ย หลอกกูเหรอ”
เย่ชิงซีตกใจมาก หันหลังกลับอยากจะเดินออกไป แต่กลับถูกเสิ่นเจ๋อจับข้อมือไว้อีกครั้ง
“ฉันให้เธอไปได้เเล้วเหรอ ยังพูดกันไม่เคลียร์เลย เธอคิดจะไปไหน” สีหน้าของเสิ่นเจ๋อถมึงทึงน่าหวาดกลัว หางตาแดงเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ากำลังโกรธ
เย่ชิงซีไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับเขา เธอกัดฟันแล้วจ้องหน้าเขา “ปล่อย”
เสิ่นเจ๋อทำเสียงฮึดฮัดด้วยความโกรธ แล้วค่อย ๆ โน้มตัวเข้ามาใกล้ ๆ เย่ชิงซี พลางข่มขู่ออกมาว่า “นังสารเลว เธอคงคิดว่าเกาะเสิ่นเซียวเหยาได้ แล้วคิดจะสลัดฉันงั้นสิ ฉันจะบอกเธอให้นะ ไม่มีทาง เด็กจะติดไหมก็ไม่แน่ ต่อให้ติด เสิ่นเซียวเหยาก็อยู่ได้อีกไม่นาน ปกป้องเธอกับลูกไม่ได้หรอก”
“แล้วยังไง ตอนนี้เสิ่นเซียวเหยาก็ยังไม่ตายไม่ใช่เหรอ?” เย่ชิงซีพูดขึ้นอย่างไม่พอใจว่า “ต่อให้เขาตาย ฉันก็ยังเป็นพี่สะใภ้ของคุณ เป็นนายหญิงใหญ่ของตระกูลเสิ่นอย่างชอบธรรม!”
เสิ่นเจ๋อถูกคำพูดของเธอยั่วจนโมโห เขาคิดจะลงมือกับเธอ
โชคดีที่ในตอนนี้ มีคนรับใช้วิ่งออกมาจากบ้านพอดี และเมื่อเห็นเย่ชิงซีจากไกล ๆ ก็แสดงความดีใจออกมา ตะโกนเรียกเสียงดังขึ้นว่า “นายหญิงใหญ่คะ! คุณชายใหญ่ฟื้นแล้วค่ะ ต้องการพบคุณค่ะ!”