ในยามเช้าตรู่หนาวเหน็บยิ่งนัก สตรีร่างบางนอนสั่นเทิ้มอยู่ในเรือนเย็นหลังตำหนักโดยมีทหารเฝ้าเวรอยู่ด้านนอก สองนาย เสี่ยวเหลียนบ่าวคนสนิทรีบตื่นแต่เช้าเพื่อมาปรนนิบัติ ผู้เป็นเจ้านาย เมื่อไม่พบคุณหนูจึงสอบถามทหารยามและได้รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น นางตกใจเป็นอย่างยิ่ง
ด้วยความที่เพิ่งมาอยู่ใหม่เรือนท้ายจวนนั้นอยู่ที่ใด เสี่ยวเหลียนมิอาจทราบได้ จำต้องอาศัยวานบ่าวในจวนด้วยเงินหนึ่งก้อนขาวเพื่อนำทางมาหาคุณหนูที่หลังจวน
ทหารยามที่อยู่หน้าเรือนเย็นเพียงแต่ถูกสั่งให้เฝ้า พระชายาให้ดี ทว่าไม่ได้ห้ามผู้ใดเข้าไปพบ เมื่อสาวใช้มาที่หน้าเรือนเย็นพวกเขาจึงปล่อยเสี่ยวเหลียนเข้าไปแต่โดยดี
ภายในเรือนยังคงมืดสนิทไร้แสงที่ส่องสว่างเข้ามา เสี่ยวเหลียนสอดส่ายสายตาจนกระทั่งพบเงาร่างหนึ่งขดอยู่บนเตียงที่ตั้งอยู่ด้านในชิดกำแพง
นางเพ่งสายตาอีกคราจึงเห็นร่างบอบบางของ เมิ่งลี่เฟยนอนสั่นสะท้านอยู่ในผ้าห่มเสี่ยวเหลียนพลันน้ำตาคลอหน่วยด้วยความรู้สึกสะเทือนใจ
"คุณหนูเกิดเรื่องอันใดขึ้นเจ้าคะ เหตุใดท่านไม่อยู่ใน เรือนหอเล่า ในเรือนนี้เย็นยิ่งนัก เตียงอุ่นไม่มีเตาอุ่นยังไม่มีอีก"
เสี่ยวเหลียนผวาไปที่เตียงทันใด เพียงมือสัมผัสเตียงแห่งนี้ เสี่ยวเหลียนก็รับรู้ได้ถึงความเย็นที่อาจทำให้คนหนาวตายได้
เสี่ยวเหลียนรีบปลดเสื้อคลุมสีฟ้าอันเป็นเสื้อคลุมของสาวใช้ประจำสกุลเมิ่งคลุมทับผ้าห่มนั่นอีกชั้นเพื่อคลายหนาวให้คุณหนู
ผ้าห่มนี้หากใช้กับเตียงอุ่นก็นับว่าช่วยให้ความอบอุ่นได้มาก ทว่าเตียงนี้กลับเย็นเยียบแล้วคุณหนูของนางอยู่บนเตียงนี้นานเท่าใดแล้ว
"เสี่ยวเหลียน..."
เสียงของคุณหนูแผ่วเบา มือของคุณหนูสัมผัสมือเย็นของเสี่ยวเหลียน อากาศหนาวยิ่งนักทว่ามือเล็กของคุณหนูกลับร้อนผ่าว
"คุณหนูจับไข้หรือเจ้าคะ คุณหนูแย่แล้วไยตัวร้อนเช่นนี้"
ร่างของเสี่ยวเหลียนสั่นเทาขึ้นมา นางจับใบหน้างามของเมิ่งลี่เฟยที่บัดนี้ซีดเซียวยิ่งกว่ากระดาษขาวกระทั่งในความมืดเช่นนี้ยังมองเห็นได้ชัดเจน เสียงของเมิ่งลี่เฟยแหบจนแทบฟังไม่เป็นเสียง ทว่าแม้ว่าเสียงนั้นจะเบายิ่งแต่สติของเมิ่งลี่เฟยยังมีอยู่มาก
"เขารู้ว่าข้าวางยา เขาจึงขังข้า เสี่ยวเหลียนข้าทั้งร้อนทั้งหนาวปวดร้าวไปทั้งตัวแล้ว เจ้ารีบไปตามท่านหมอมาให้ข้าเร็วเข้า"
เสี่ยวเหลียนน้ำตาไหลพราก เมื่อคืนนี้หลังจากคุณหนูถูกส่งเข้าหอท่านอ๋องก็ไล่คนออกไปจนหมดมิให้เข้าใกล้เรือนหอ นางเองก็ไม่ได้คิดมากวันส่งตัวเจ้าสาวเจ้าบ่าวคงไม่ต้องการให้ผู้ใดรบกวนจึงกลับเรือนบ่าวของตนเองไม่คิดว่ายามเช้าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น
"บ่าวจะไปตามหมอ คุณหนูรอบ่าวสักครู่นะเจ้าคะ"
เมิ่งลี่เฟยจับมือของเสี่ยวเหลียนเอาไว้นางจดจำแววตาชิงชังของคนผู้นั้นได้ดี จึงเอ่ยคำเตือนเสี่ยวเหลียนคำหนึ่ง
"หากมีผู้ใดขวางเจ้า อย่าได้กลัว เจ้าเข้าใจหรือไม่ อย่างไรก็ต้องหาทางพาท่านหมอมา ข้าไม่ยอมตายอยู่ในเรือนเย็นนี้เป็นแน่"
"เจ้าค่ะ บ่าวไม่กลัว คุณหนูอดทนไว้นะเจ้าคะบ่าวจะรีบกลับมา"
เสี่ยวเหลียนรับคำวิ่งลนลานออกไปนอกประตูในขณะที่เมิ่งลี่เฟยกลับขดกายเข้าไปในผ้าห่มอีกครั้ง ตัวสั่นระริกฟันกระทบกันดังกึก ๆ
ด้วยไม่รู้ว่าท่านหมออยู่ที่ใดกันแน่ เสี่ยวเหลียนจึงสอบถามทหารที่เฝ้าอยู่หน้าเรือน
"ท่านหมออยู่ที่ใด เร็วเข้าพระชายาล้มป่วยรีบไปตามท่านหมอมาที่นี่"
ทหารผู้นั้นกลับอึกอัก ผู้มีอำนาจสั่งท่านหมอได้ในจวนแห่งนี้นอกจากท่านอ๋องก็คือพระชายารอง หากต้องการให้มารักษาพระชายาต้องได้รับอนุญาตเสียก่อน แต่ว่าหากให้บ่าว นางนี้ไปพบพระชายารองเพื่อขอร้องคงไม่เหมาะเป็นแน่ เช่นนั้นเขาคิดว่าต้องไปหาคนที่เป็นใหญ่ที่สุดในจวน
"หากต้องตามท่านหมอของจวน ต้องได้รับอนุญาตจากท่านอ๋องเสียก่อน เจ้าไปขออนุญาตจากท่านอ๋องแล้วกัน"
เสี่ยวเหลียนแทบจะโดดขย้ำคอของทหารผู้นั้น นางกระชากคอเสื้อของทหารอย่างแรง พลังมหาศาลนี้ทำให้เขาตกตะลึง
"เจ้าว่าอย่างไรนะ แค่ตามหมอต้องไปขออนุญาตจากท่านอ๋องก่อนหรือ"
ทหารผู้นั้นพลันเห็นไอสังหารจากร่างของเสี่ยวเหลียน เขาจึงรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย
"ใช่ เจ้าต้องไปขออนุญาตท่านอ๋องเสียก่อน กฎของที่นี่เข้มงวดยิ่งหากทำผิดกฎไม่ว่าผู้ใดก็ต้องถูกลงโทษ"
เขาปรายตามองพระชายาที่อยู่ในเรือนเย็นพร้อมกับถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกสงสาร เขาจึงเอ่ยขึ้นมาว่า
“รีบไปเถิด พระชายาอาการไม่สู้ดีแล้ว”
เสี่ยวเหลียนได้สติ จึงปล่อยทหารผู้นั้นวิ่งตรงไปที่เรือนใหญ่ที่ใช้เป็นเรือนหอในคืนที่ผ่าน เสี่ยวเหลียนรู้ว่าท่านอ๋อง ไม่ต้องการแต่งกับคุณหนูและท่าทางรังเกียจนั้นทำให้คุณหนูต้องวางยาคนผู้นั้นเพื่อร่วมหอกับเขาไม่ให้ไทเฮาตำหนิได้
อย่างไรก็ต้องมีเลือดที่บริสุทธิ์แปดเปื้อนผ้าขาวส่งเข้า วังหลวง หากท่านอ๋องไม่ร่วมหอแล้วคนที่ถูกประณามย่อมกลายเป็นคุณหนู ไม่มีทางที่คุณหนูจะยินยอมตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากเช่นนั้น ด้วยคนที่จับจ้องเล่นงานนอกจากท่านอ๋องแล้วยังมีไทเฮาอีกหนึ่งคน
เป็นพระชายาจวนอ๋องเจ็ดลำบากยิ่งกว่าฝ่าด่านบำเพ็ญตบะพันปีเพื่อขึ้นเป็นเซียนเสียอีกกระมัง
เสี่ยวเหลียนมาถึงเรือนหอที่ยังประดับตกแต่งด้วยผ้าแดงสวยงาม ทว่าเรือนแห่งนี้กลับไร้เงาของอ๋องเจ็ดเต๋อลู่หาน
"ท่านอ๋องอยู่ที่ใด"
เสี่ยวเหลียนถามเอาความกับองครักษ์ที่เฝ้าประตูเสียงสั่น ได้คำตอบที่ทำให้นางรู้สึกเจ็บช้ำใจยิ่งนัก
"ท่านอ๋องเช้านี้อยู่ที่เรือนพระชายารอง มีสิ่งใดหรือ"
องครักษ์ผู้นั้นยังคงให้เกียรติเสี่ยวเหลียนอยู่บ้าง อย่างไรสตรีผู้นี้ก็เป็นคนสนิทของพระชายาที่มาจากสกุลเมิ่งอันมีอำนาจล้นฟ้า
เสี่ยวเหลียนรู้สึกเจ็บแทนผู้เป็นนาย คืนเข้าหอแท้ ๆ ผ่านมาเพียงวันเดียวอ๋องเจ็ดโยนพระชายาไปที่ตำหนักเย็นในขณะที่ตนเองโผไปกกกอดพระชายารอง ช่างร้ายกาจยิ่งนัก
"นำทางข้า นำทางข้า ข้าต้องพบท่านอ๋อง เกิดเรื่องกับพระชายาแล้ว"
เห็นท่าทางร้อนรนของเสี่ยวเหลียน ทหารผู้นั้นจึงนำทางแต่โดยดี ทว่ากว่าจะเจอท่านอ๋องได้ ด้วยความใหญ่โตของจวนนี้เสี่ยวเหลียนใช้เวลาราวหนึ่งถ้วยน้ำชาจึงมาถึงเรือนของพระชายารอง
บ่าวรับใช้ของพระชายารองที่อยู่ด้านนอก เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่งจองหอง ยังมองเสี่ยวเหลียนอย่างดูแคลน
"เจ้ายังเข้าพบไม่ได้ ยามเช้าเช่นนี้ท่านอ๋องไม่ชอบให้ผู้ใดมาก่อกวน ยิ่งอยู่กับพระชายารองด้วยแล้วพวกเจ้ายิ่งไม่อาจส่งเสียงให้ระคายเคืองได้ มิเช่นนั้นคงได้โดนสั่งโบยเป็นแน่"
เสี่ยวเหลียนวิ่งมาจึงเหนื่อยหอบ นางหายใจฮึดฮัดด้วยไม่พอใจ คนที่ทอดทิ้งภรรยาเอกตั้งแต่วันแรกเช่นนี้ยังนับเป็นบุรุษอยู่หรือ เสี่ยวเหลียนเชิดหน้าขึ้นแล้วเอ่ยเสียงเย็น
"ก็ได้ หากพวกเจ้าต้องการเช่นนั้น ข้าเองนับว่าได้บอกกล่าวท่านอ๋องแล้ว เช่นนั้นข้าจะไปตามหมอสกุลเมิ่งมารักษาพระชายา หากเรื่องราวล่วงรู้ไปถึงคนภายนอกเช่นนี้แล้วจะหาว่าข้าข้ามหน้าข้ามตาจวนอ๋องมิได้"
เพียงเอ่ยคำนี้เสียงหนึ่งพลันสอดแทรกออกมาจากในเรือน เป็นเสียงของสตรีผู้หนึ่งน้ำเสียงหวานใสและดูอ่อนโยนยิ่งนัก มิต้องบอกว่าสตรีนางนั้นจะมีรูปโฉมงดงามเพียงใด
"ช้าก่อน"
ประตูเปิดออก เสี่ยวเหลียนหันไปมอง พลันสายตาปะทะกับสตรีร่างบอบบางนางหนึ่ง ใบหน้างามล้ำแลดูอ่อนหวานยิ่งนัก ทว่าในสายตาของเสี่ยวเหลียนสตรีที่งดงามที่สุดในใต้หล้าคือคุณหนูของนางเอง สตรีนางนี้จะมองว่างามก็งามแต่อย่างไรก็ดูจืดชืดอ่อนแอไปมาก
ข้างกายของนางผู้อ่อนหวานคือท่านอ๋องเจ็ดเต๋อลู่หาน ที่กำลังประคองร่างบอบบางอ่อนแอของคนงามอย่างทะนุถนอม เรียกว่าแทบจะวางไว้ในฝ่ามือมิให้สิ่งใดมากระทบร่างกายอันของสตรีนางนั้นได้
เสี่ยวเหลียนรู้โดยทันใดว่าคนผู้นี้คือเฉียนมี่พระชายารองของอ๋องเจ็ดเป็นแน่
เฉียนมี่ที่เลื่องลือไปทั่วแคว้นว่าท่านอ๋องรักใคร่หวงแหนหนักหนา
"เสี่ยวเหลียนบ่าวของพระชายาคารวะท่านอ๋อง คารวะพระชายารองเพคะ พระชายาล้มป่วยขอท่านอ๋องอนุญาตให้ท่านหมอไปรักษาพระนางเพคะ"
เสี่ยวเหลียนรีบทำความเคารพและเอ่ยเร่งร้อน
เอาเถิดบัดนี้เรื่องสำคัญที่สุดคือตามท่านหมอให้เร็วที่สุด ไม่อาจรอช้าได้แล้ว
สตรีนางนั้นมองเสี่ยวเหลียนด้วยใบหน้าราบเรียบ พลางเอ่ยเสียงหวานใสดุจระฆังอันแก้วเสนาะหู
"ท่านอ๋องเพคะ พระชายาล้มป่วยเรื่องที่นางทำเอาไว้ก็ผ่อนปรนให้นางจะดีหรือไม่ อย่างไรฐานะของพระชายาก็สูงส่ง ท่านอย่าทรงใจดำนักเลย มี่เอ๋อร์เห็นแล้วไม่สบายใจนักรีบส่งท่านหมอไปดูนางเสียเถิดเพคะ"
น้ำเสียงนั้นติดอ่อนหวานและออดอ้อนคล้ายน้ำเสียงของลูกแมวตัวหนึ่ง ใบหน้าหล่อเหลาของอ๋องเจ็ดในยามที่จับจ้องมองร่างของเสี่ยวเหลียนดูเย็นชายิ่งนัก ทว่าเมื่อหันไปมองพระชายารองของเขานัยน์ตาเย็นเยียบนั้นพลันอ่อนแสงลงไปจนกลายเป็นอ่อนโยน
"นางร้ายกาจเพียงนั้น กล้าวางยาข้า มี่เอ๋อร์ของข้ายังมีน้ำใจให้คนเช่นนั้นหรือ ปล่อยให้นางได้รับบทเรียนไปเถิด ข้าไม่เชื่อว่านางจะป่วยจริง คงเป็นมารยาของนางมากกว่า ชื่อเสียงของนางเหม็นโฉ่ปานนั้นเจ้าอย่าได้หลงกลนางไป มี่เอ๋อร์ของข้าจะแสนดีเกินไปแล้ว"
"แต่ว่าคนล้มป่วยท่านอ๋องไม่ส่งท่านหมอไปดูหน่อยหรือเพคะ"
"มี่เอ๋อร์คนดีของเปิ่นหวาง อย่าสงสารคนเลวได้หรือไม่ นางร้ายกาจตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาในจวนข้า มี่เอ๋อร์เป็นคนดีเช่นนี้ทำให้เปิ่นหวางห่วงยิ่งนัก ต่อไปคงไม่พ้นถูกนางรังแกเป็นแน่"
เฉียนมี่ยิ้มอ่อนหวานทั้งส่ายหน้า
"ท่านอ๋องทรงคิดมากแล้ว พระชายาคงไม่ใช่คนเช่นนั้นกระมังเพคะ"
“พอเถิด เรื่องของนางข้าไม่สนใจแล้ว” เขาลูบมือของเฉียนมี่ก่อนจะหันมาเอ่ยกับเสี่ยวเหลียน
“บ่าวของพระชายาผู้นี้เจ้ากลับไปเถิด อย่ามารบกวนเปิ่นหวางอีกต่อไป”
เสี่ยวเหลียนร้อนรน ท่านอ๋องทั้งกล่าวหาคุณหนู ทั้งไม่ยอมส่งหมอ เสี่ยวเหลียนจึงคุกเข่าลงเพื่อขอร้องอ้อนวอนให้เต๋อลู่หานเปลี่ยนใจ
"ทูลท่านอ๋องพระชายาล้มป่วย เดิมทีร่างกายอ่อนแอบอบบางบ่าวไม่รู้ว่าเมื่อคืนเกิดเรื่องอันใดขึ้น ทว่ายามนี้อยู่ในเรือนเย็นเช่นนั้นไม่อาจทนได้เพคะ ขอท่านอ๋องทรงโปรดส่งท่านหมอไปช่วยรักษา พระชายาป่วยจริงหากเรื่องนี้ท่านเสนาบดีรู้เข้า บ่าวคงถูกลงโทษที่ไม่อาจดูแลคุณหนูให้ดี ท่านอ๋องเพคะได้โปรดเถิดเพคะ"
เสี่ยวเหลียนโขกศีรษะลงบนพื้นอีกหลายครั้ง ยามนี้นางจำเป็นต้องยอมก้มหัว คุณหนูยอมหักไม่ยอมงอหากรู้ว่าเสี่ยวเหลียนคุกเข่าขอร้องคนเพียงนี้คงตำหนินางไม่น้อย
ทว่าเวลานี้จำต้องเก็บความเจ็บช้ำเอาไว้รักษาชีวิตของคุณหนูเอาไว้ หากไปตามท่านหมอจากข้างนอก ชื่อเสียงของคุณหนูย่อมป่นปี้ด้วยไม่ได้รับความโปรดปรานเป็นแน่ อีกทั้งจวนสกุลเมิ่งก็อยู่ไกลเพียงนั้นกว่าจะเดินทางไปกลับคุณหนูคงย่ำแย่เป็นแน่
เต๋อลู่หานกลับมีโทสะ บ่าวนางนี้ช่างบังอาจนักกล้าเอาเสนาบดีเมิ่งมีข่มขู่เขาหรือ ทว่าก่อนที่เขาจะสั่งลงโทษเสี่ยวเหลียน จู่ ๆ พระชายารองพลันน้ำตาคลอหน่วย เอ่ยวาจาอ่อนหวานออกหน้าให้คนรู้ว่านางเป็นสตรีที่มีน้ำใจต่อพระชายาเพียงใด
"ท่านอ๋องเพคะ มี่เอ๋อร์ขอร้องท่านแล้วส่งท่านหมอไปเถิดช่วยรักษาพระชายาด้วย จะแกล้งป่วยจริงเท็จให้ท่านหมอดูก็ทราบความจริงแล้ว หากเรื่องไปถึงจวนเสนาบดีเมิ่งก็อาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่นะเพคะ"
เพราะน้ำตาของพระชายารองที่ใกล้จะไหลหยดลงมาทำให้อ๋องเจ็ดสูดลมหายใจลึก เขาลูบศีรษะของพระชายารองอย่างรักใคร่ ทั้งส่ายหน้าอย่างพ่ายแพ้
"เพื่อให้มี่เอ๋อร์ของข้าสบายใจ เช่นนี้ผู้ใดก็ได้ไปตามหมอดูนางเสียหน่อย แต่ห้ามปล่อยออกจากเรือนเย็นอย่างไรก็ต้องรับโทษ"
"ท่านอ๋องทรงมีน้ำพระทัยยิ่งนักเพคะ"
เฉียนมี่ยอบกายขอบคุณเต๋อลู่หานทว่าใบหน้ากลับแสดงอำนาจอันยิ่งใหญ่ออกมาให้บ่าวไพร่ประจักษ์ ว่าวาจาของนางมีผลต่อเต๋อลู่หานเสมอ เฉียนมี่จึงสั่งการบ่าวอีกคนหนึ่งว่า
"เจ้ารีบไปตามท่านหมอไปที่เรือนเย็น รักษาพระชายาให้ดีนี่เป็นคำสั่งของข้า"
เสี่ยวเหลียนกระจ่างแจ้งแก่ใจแล้วว่า ที่ผู้คนเล่าลือกันว่าท่านอ๋องผู้นี้หลงใหลพระชายารองเพียงใดนั้นไม่ผิด เห็นทีว่าคุณหนูยังต้องสู้รบตบมือกับสตรีนางนี้อีกมากนัก
เต๋อลู่หานพลันโอบมือรอบร่างเล็กของพระชายารอง ไม่สนใจเสี่ยวเหลียนและเรื่องของพระชายาอีกต่อไป
"กลับเข้าเรือนเถิด ข้างนอกลมเย็นนักหากมี่เอ๋อร์ต้องล้มป่วยเพราะนางผู้นั้นเห็นจะไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย"
ร่างสูงใหญ่ประคองพระชายารองเข้าเรือน ปิดประตูแน่นหนามิให้ผู้ใดรบกวนอีก
ด้านเสี่ยวเหลียน เมื่อได้รับอนุญาตจากท่านอ๋องและยังมีคนไปตามท่านหมอให้แล้ว เสี่ยวเหลียนจึงลุกขึ้นรีบวิ่งไปที่เรือนหอกวาดเอาอาภรณ์หนาแน่นทั้งเสื้อคลุมขนแกะและผ้าห่มผืนโตไปที่เรือนเย็น
ทว่าเมื่อออกมาจากเรือนหอของพระชายา กลับโดนสาวใช้กลุ่มหนึ่งดักหน้าขัดขวางมิให้เสี่ยวเหลียนนำข้าวของไปให้คุณหนูของนาง
"ผ้าห่มเอาไปไม่ได้ ที่เรือนเย็นมีกฎจนกว่าท่านอ๋องจะอนุญาต"
เสียงสตรีร่างบึกบึนดังขึ้น
“ถอยไป อย่ามาขวางทางข้าหากไม่อยากตาย”
เสี่ยวเหลียนมีหรือจะสนใจคุณหนูของนางหนาวสั่นปานนั้นหาก ที่นั่นไม่มีกระทั่งเตาอุ่นหากไม่ได้ผ้าห่มจะผ่านคืนหนาวเหน็บไปได้อย่างไร แต่บ่าวผู้นั้นยังไม่ยอมหลบ
เสี่ยวเหลียนสองมืออุ้มผ้าห่มแน่น ในขณะที่ยกเท้าถีบเข้าที่กลางอกของบ่าวผู้นั้นอย่างแรง
"นายของข้าคือพระชายาของจวนนี้ หากเจ้ากล้าลองดีก็เชิญ"
เสี่ยวเหลียนถุยน้ำลายใส่บ่าวที่นอนกองอยู่ที่พื้นนางนั้น เห็นได้ชัดว่าคงเป็นบ่าวที่มีใครสักคนส่งมาเป็นแน่
เอาสิหากต้องการเปิดศึกเสี่ยวเหลียนก็พร้อมสู้ตาย ผู้ใดหน้าไหนกล้าเข้ามาทำร้ายคุณหนูย่อมได้เห็นดีเป็นแน่!