อ๋องเจ็ดเต๋อลู่หานนั่งจิบชาที่พระชายารองเฉียนมี่ตั้งใจชงถวายด้วยตัวของนางเอง อารมณ์โกรธเคืองลดลงไปมาก เพียงมี่เอ๋อร์ของเขาส่งเสียงหวานออกมาบรรยากาศรอบกายก็ดีขึ้นโดยพลัน
เขานั่งดูนางสนเข็มร้อยด้ายอย่างชำนาญ ก่อนจะเย็บถุงหอมด้วยความคล่องแคล่ว ด้วยสายตาชื่นชม
เย็บไม่นานถุงหอมนี้ก็เป็นรูปร่างขึ้นมาแล้ว ข้อมือขาวขยับไปมาชวนน่าดูเป็นอย่างยิ่ง เดิมทีอ๋องเจ็ดเต๋อลู่หานยังมีเรื่องที่ต้องจัดการหลายประการหลังคืนสมรส ทว่าเมื่อเห็นว่าพระชายารองของเขามีสีหน้าไม่สู้ดีนักจึงเป็นห่วงยิ่งนักอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อยนางเอาไว้เพียงลำพัง
"ยังไม่สบายอยู่เหตุใดจึงต้องมานั่งเย็บถุงหอมอยู่อีก พอเถิดพักผ่อนเถิด"
เฉียนมี่ยิ้มงดงามแล้วเอ่ยเสียงหวาน
"ถุงหอมนี้คือสิ่งที่หม่อมฉันคิดมอบให้พระชายาเพคะ วันนี้เห็นนางถูกท่านอ๋องลงโทษเช่นนั้นยิ่งรู้สึกไม่ดีนัก ท่านอ๋องสิ่งใดที่นางพลาดพลั้งไปท่านอ๋องก็โปรดมีใจเมตตาให้อภัยนางสักครั้งเถิดเพคะ"
ใบหน้าของเต๋อลู่หานเคร่งขรึมโดยพลัน
"พอแล้ว มี่เอ๋อร์ของข้าไม่จำเป็นต้องก้มหัวให้นางผู้นั้น ของที่เจ้าทำข้าไม่ให้ผู้ใด มีเพียงข้าเท่านั้นที่ได้ครอบครอง"
ว่าแล้วเขาก็กระชากถุงหอมออกจากมือของเฉียนมี่อย่างแรง
เฉียนมี่ร้องโอ๊ยออกมาคำหนึ่งเต๋อลู่หานตกใจเป็นอย่างยิ่ง
"เป็นอะไร ข้าทำเจ้าเจ็บหรือ"
เฉียนมี่รีบซ่อนนิ้วมือไว้ข้างหลังไม่ยอมให้เขาเห็น ด้วยกลัวเขาจะเป็นห่วง
"ไม่มีอะไรเพคะ"
"ให้ข้าดูเถิด มานี่มาให้ข้าดูเสียหน่อย"
เมื่อไม่อาจปิดบังนางจึงทำใบหน้าซีดเซียวพร้อมกับยื่นนิ้วของนางให้เขาดู
เต๋อลู่หานเมื่อเห็นเลือดที่อยู่ปลายนิ้ว ใบหน้าพลันเปลี่ยนเป็นขาวซีดลงด้วยความห่วงใย
“เจ้าเจ็บหรือ ข้าทำเจ้าเจ็บแล้ว”
"เล็กน้อยเพคะ แค่เข็มตำนิ้วเท่านั้น ท่านอ๋องไม่ต้องกังวลกับเรื่องเล็กเพียงนี้เลยเพคะ"
เต๋อลู่หานกลับเอ่ยเสียงเย็นโยนความผิดให้เมิ่งลี่เฟยทันใด
"เพราะนาง เพราะสตรีไร้ยางอายผู้นั้นทำให้สติของข้าหลุดจนทำเจ้าเจ็บแล้ว แต่เดิมมาข้าถนอมเจ้ายิ่งกว่าสิ่งใดแต่เพียงนางก้าวขาเข้าจวนเพียงวันเดียว ข้าก็ทำให้เจ้าได้เลือดแล้ว เจ้าต้องให้ท่านหมอดูเสียหน่อยนะคนดี"
"ท่านอ๋องแค่เข็มเล่มเล็ก มี่เอ๋อร์ไม่เป็นอันใดเลยเพคะ ท่านหมอยามนี้คงกำลังรักษาพระชายาอยู่ เรื่องเล็กน้อยอย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลยเพคะ"
เฉียนมี่เสียงสั่นดูน่าสงสาร ยังมีความเห็นอกเห็นใจสตรีนางนั้นจนไม่คิดถึงตนเองสักนิด
เต๋อลู่หานยิ่งเห็นว่าพระชายารองของตนช่างน้ำใจงามเพียงนี้ หัวใจของเขายิ่งเต้นกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง บังเกิดความสงสารนางเป็นทวีคูณ
"ไปตามท่านหมอมา เรื่องของพระชายาให้รอไว้ก่อน เรื่องของมี่เอ๋อร์ของข้าสำคัญที่สุด"
เฉียนมี่แนบใบหน้าซบกับอกของเขา เสียงสั่นห้ามปราม
"ท่านอ๋อง มี่เอ๋อร์ไม่เป็นอันใดจริง ๆ เพคะ เชื่อหม่อมฉันเถิด ไม่ต้องรบกวนท่านหมอแล้ว"
ทว่าแม้น้ำเสียงจะอ่อนหวานเช่นนั้น แต่ใบหน้าที่ซุกอยู่บนอกนั้นช่างเย้ยหยันยิ่งนัก นางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ทั้งลอบมองใบหน้าคมของเต๋อลู่หาน ที่ความหล่อเหลาของเขาทำให้สตรีทั้งเมืองหลงใหลจนเพ้อฝันด้วยความรู้สึกหวงแหนอย่างรุนแรง
ก็แค่พระชายาที่ท่านอ๋องไม่ไยดีผู้หนึ่ง คิดจะมาเทียบชั้นกับนางหรือ ต่อให้รอถึงชาติหน้าก็อย่าได้คิดจะมาแย่งชิงท่านอ๋องไปจากนางเป็นอันขาด
กว่าเสี่ยวเหลียนจะฝ่าด่านบ่าวเลวทรามของพระชายารองพวกนั้นมาถึงตำหนักเย็นได้ก็แทบจะเอาตัวไม่รอด ปากของนางบวมเจ่อ ศีรษะถูกใครสักคนจิกจนเจ็บไปหมด ไม่รู้ว่าผมของนางร่วงหายไปกี่กำมือ แต่เพราะคิดสู้ตายเพื่อคุณหนูในที่สุดนางก็สามารถจัดการคนพวกนั้นแล้ววิ่งมาถึงที่ตำหนักเย็นจนได้
เดิมทีคิดว่าเมื่อมาถึงท่านหมอคงตามมาในไม่ช้า เสี่ยวเหลียนจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เมิ่งลี่เฟย ในขณะที่ผู้เป็นนายได้แต่นิ่งเงียบไร้เรี่ยวแรงกระทั่งเสี่ยวเหลียนจัดการเปลี่ยนอาภรณ์ให้เมิ่งลี่เฟยอย่างเรียบร้อย เมิ่งลี่เฟยก็ยังไม่พูดออกมาสักคำ
แม้สภาพของเสี่ยวเหลียนจะบาดเจ็บจนแทบก้าวขาไม่ไหว แต่ในยามนี้เมิ่งลี่เฟยกลับย่ำแย่กว่า ตัวของเมิ่งลี่เฟยร้อนดั่งไฟ เสี่ยวเหลียนที่ยังพอขยับไหวจึงกัดฟันข่มความเจ็บปวดเช็ดไปตามใบหน้าและต้นแขนให้คุณหนูโดยไม่หยุดมือ
"คุณหนูอดทนเสียหน่อยนะเจ้าคะ ครู่เดียวท่านหมอคงมาถึงแล้วเพคะ"
จู่ ๆ เมิ่งลี่เฟยที่ตาลอยก็เอ่ยคำหนึ่งออกมา
"เสี่ยวเหลียน นั่นใช่ท่านแม่ใช่หรือไม่ ท่านแม่อยู่ตรงนี้"
เสี่ยวเหลียนตกใจยิ่งนัก ด้วยฮูหยินใหญ่ได้เสียชีวิตไปหลายปีแล้ว หากคุณหนูเห็นฮูหยินใหญ่นั่นเท่ากับว่าเห็นวิญญาณคนตายแล้ว
"ไม่ใช่นะเจ้าคะ คุณหนูเสี่ยวเหลียนอยู่ที่นี่ คุณหนูมองหน้าเสี่ยวเหลียนตรงนี้เจ้าค่ะ ไม่มีผู้ใดทั้งนั้นมีเพียงเสี่ยวเหลียน ฮูหยินใหญ่ไม่ได้อยู่ตรงนี้เจ้าค่ะ"
เสี่ยวเหลียนร้อนรน โอบกอดผู้เป็นนาย น้ำตาหยดเป็นสายไม่ว่าจะอยู่ที่จวนท่านเสนาหรือกระทั่งมีวาสนาเป็นถึงพระชายาในยามนี้ คุณหนูยังต้องต่อสู้เพื่อตนเองไปถึงเมื่อใด
สวรรค์เหตุใดถึงได้โหดร้ายกับคุณหนูเช่นนี้
เสี่ยวเหลียนไม่รู้เลยว่า เป็นเพราะพระชายารองถูกเข็มตำ ท่านอ๋องจึงมีคำสั่งให้ท่านหมอไปดูอาการของพระชายารองเสียก่อนแล้ว
เสี่ยวเหลียนชะเง้อคอรออยู่นับชั่วยาม นางไม่กล้าทิ้งคุณหนูไปตามท่านหมออีกด้วยกลัวว่าคุณหนูจะโดนคนพวกนั้นลอบทำร้ายในยามที่ตนเองไม่อยู่
กว่าท่านหมอจะมาถึงเรือนเย็น เมิ่งลี่เฟยก็เกือบจะไร้สติแล้ว เสี่ยวเหลียนกำมือแน่นความคับแค้นนี้หวังว่าเมื่อคุณหนูหายดีแล้วจะทวงคืนความยุติธรรมกลับมาได้
"ท่านหมอเหตุใดมาช้านักเจ้าคะ พระชายาของข้า...แทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว"
สายน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าที่ไหลลงมา และความอึดอัดคับแน่นในใจที่ล้นเอ่อด้วยความสงสารผู้เป็นนาย ทำให้เสี่ยวเหลียนไม่อาจพูดออกมาได้ ท่านหมอเห็นสภาพพระชายาแล้วให้รู้สึกเวทนานัก
ชื่อเสียงของพระชายานั้นมิใคร่ดี เป็นสตรีวายร้ายที่ไล่ตีเฆี่ยนคนในจวนและมักชอบลงโทษด้วยวิธีการโหดเหี้ยม อีกทั้งนางยังถือดีหยิ่งยโสกดข่มผู้คนไปทั่วแคว้นจนไม่มีผู้ใดกล้าให้ แม่สื่อไปเคาะประตูจวนสู่ขอให้บุตรชายตนเองกระทั่งเกือบจะพ้นวัยออกเรือนแล้ว
ด้วยความที่เป็นหมอผู้มีใจอันประเสริฐ ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นผู้ใดเขาย่อมรักษาอย่างเต็มที่
อาการป่วยไข้นี้ล้วนเกิดจากการที่ร่างกายรับความเจ็บช้ำจากการเข้าหอไม่ไหว เมื่อตรวจดูโดยละเอียดแล้วจึงไม่นับว่าร้ายแรงนัก
"บ่าวพระชายาเจ้าฟังข้าให้ดี อาหารของพระชายาต้องเป็นของอ่อนและอุ่น ห้ามเย็นเป็นอันขาด ส่วนยาต้มเจ้าไปที่เรือนยาของข้าเพื่อรับให้ตรงเวลาทุกวัน สองสามวันอาการก็จะดีขึ้นแล้ว เมื่อไข้ลดก็หายเป็นปกติแล้ว"
เสี่ยวเหลียนปาดน้ำตา ได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจยิ่งนัก
"ขอบคุณท่านหมอเจ้าค่ะ ข้าจะไปรับยาให้ตรงเวลาทุกวันเจ้าค่ะ"
เมื่อท่านหมอเห็นสภาพร่างกายอันบอบช้ำของเสี่ยวเหลียนแล้ว ท่านหมอที่ปกติรักษาเพียงแค่ท่านอ๋องและพระชายารองเท่านั้นรู้สึกเวทนานักจึงอดที่จะกระซิบหยิบยื่นน้ำใจของตนเองให้นางไม่ได้
"ที่เรือนยา ข้าจะสั่งให้คนจัดยาให้เจ้า ตอนไปรับยาต้มของพระชายาเจ้าก็รับยาของเจ้ามาด้วยก็แล้วกัน"
ท่านหมอเก็บล่วมยาของตนเองแล้วทำความเคารพพระชายาก่อนจาก
เสี่ยวเหลียนซาบซึ้งในน้ำใจของท่านหมอผู้นี้นัก จึงได้แต่คุกเข่าโขกศีรษะให้พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณไม่หยุด
หลังจากดื่มยาต้มหม้อแรกไปแล้วเมิ่งลี่เฟยก็หลับสนิท ร่างกายของนางอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย เสี่ยวเหลียนห่อร่างของเมิ่งลี่เฟยด้วยผ้าห่มผืนหนา กระทั่งผ้าห่มในเรือนของเสี่ยวเหลียนก็ถูกนำมาที่ตำหนักเย็นจนหมด
สองนายบ่าวคล้ายคนไร้ตัวตนในจวนแห่งนี้ ไม่มีผู้ใดกล้ายื่นมือมาสอดเพราะกลัวความผิด
ยังดีที่เสี่ยวเหลียนยังมีก้อนเงินอยู่มาก ด้วยนิสัยเดิมของเมิ่งลี่เฟยคือสตรีผู้ใช้เงินมือเติบ ไปที่ไหนเงินทองมิเคยขาด เงินเหล่านี้ล้วนเป็นเสี่ยวเหลียนที่ดูแล แม้ว่าคนในจวนอ๋องเจ็ดจะไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับพระชายาผู้นี้ ทว่าอำนาจเงินยังพอทำให้เสี่ยวเหลียนได้รับอาหารและยาที่ตรงเวลา จึงทำให้ร่างกายของเมิ่งลี่เฟยค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ
ในวันที่สามเมิ่งลี่เฟยก็ฟื้นแล้ว ใบหน้างามมีสีเลือดขึ้นมาเล็กน้อย ริมฝีปากยังแห้งแตกจนเป็นรอย
เมิ่งลี่เฟยนั่งอยู่บนเตียงปล่อยให้เสี่ยวเหลียนป้อนยาอย่างระมัดระวัง ความจริงวันนี้เมิ่งลี่เฟยต้องกลับบ้านเดิมเพื่อเยี่ยมครอบครัวตามธรรมเนียม ทว่าพระสามีมิเคยโผล่หน้ามาดูดำดูดีเลยแม้แต่น้อย เมิ่งลี่เฟยเองก็คร้านจะใส่ใจ ไม่กลับก็ไม่กลับนางเองก็ไม่สบาย เต๋ออ๋องคงส่งข่าวเพื่อหลีกเลี่ยงไปที่สกุลเมิ่งแล้วเป็นแน่
สตรีที่ออกเรือนแล้วประดุจน้ำที่ถูกสาดออกมา ถึงท่านพ่อของนางจะมีอำนาจมากเพียงใด ทว่าเรื่องในจวนนี้ท่านพ่อก็ไม่อาจยุ่งเกี่ยวได้
อีกทั้งเมิ่งลี่เฟยยังมีความผิดเรื่องวางยาสามี
หากอ๋องเจ็ดทูลฝ่าบาทเรื่องถูกนางวางยาปลุกกำหนัด ในยามนั้นชื่อเสียงสตรีสกุลเมิ่งก็คงไม่ต้องเอ่ยถึงแล้ว
จะมีมีภรรยาบ้านใดวางยาปลุกกำหนัดสามีกันเล่า สตรีใดที่ทำเช่นนี้ย่อมถูกประณามโดยมิอาจหลีกเลี่ยง
เพราะนางรู้ความผิดตนเองที่ก่อ ในยามนี้จึงได้แต่หาวิธีแก้ไข
อ๋องผู้นั้นไม่ยุ่งกับนางก็ช่างเถิด จะกกกอดพระชายารองของเขาจนไม่ก้าวมาเรือนของนางเมิ่งลี่เฟยก็หาได้สนใจแล้ว เพราะในยามนี้ตัวนางเองคิดเพียงแต่ว่าต้องหายดีเสียก่อนเพื่อตั้งรับต่อสู้กับคนพวกนั้น
ขอเพียงในจวนนี้อำนาจปกครองอยู่ในมือนาง สิ่งที่เมิ่งลี่เฟยไม่ยินยอมที่สุดคือการตกเป็นเบี้ยบ่อนรองผู้ใด
"เสี่ยวเหลียน อาการของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง"
เมิ่งลี่เฟยลูบข้อมือของเสี่ยวเหลียนเบา ๆ ยังเห็นรอยช้ำเป็นริ้วชัดเจน
รอยนี้คล้ายมีผู้ใดจับแขนของเสี่ยวเหลียนบิดจนได้รับบาดเจ็บ เมิ่งลี่เฟยจดจำทุกรอยบนตัวของบ่าวคนสนิทเอาไว้ด้วยใบหน้าราบเรียบทว่าหัวใจเจ็บปวดนัก
"คุณหนูบ่าวสบายดีเจ้าค่ะ คุณหนูรักษาตนเองให้ดีก็พอนะเจ้าคะ บ่าวไม่เป็นไรบ่าวทนไหวเจ้าค่ะ"
หัวใจของเมิ่งลี่เฟยบัดนี้เต็มไปด้วยความรู้สึกคับแค้นโหมกระหน่ำรุนแรง บัญชีแค้นนี้ต้องได้รับการสะสาง