เย็นวันนั้นเต๋อลู่หานคิดไปหาเมิ่งลี่เฟยที่เรือนเล็ก เขาไม่พอใจนักเมื่อบ่าวมารายงานว่าเมิ่งลี่เฟยหาข้ออ้างไม่ยอมย้ายไปพำนักที่เรือนใหญ่ของเขา
เต๋อลู่หานรู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก จำต้องมาจัดการนางด้วยตนเอง
เมื่อไปถึงที่เรือนหลังนั้นพบว่าเมิ่งลี่เฟยกำลังกินข้าวเย็นอย่างอร่อย บ่าวไพร่ที่เขาส่งมาบัดนี้หายไปหมดแล้ว เต๋อลู่หานถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปโดยไม่บอกกล่าว เมิ่งลี่เฟยถึงกับวางตะเกียบเมื่อเห็นใบหน้าตึงของคนผู้นี้
เมิ่งลี่เฟยไม่ได้ลุกขึ้นทำความเคารพเขา ด้วยยังมีอาการเจ็บแสบที่ฝ่าเท้าอันเกิดจากการถูกหิมะกัดตั้งแต่วิ่งหนีเขา
"หม่อมฉันเสียมารยาทแล้ว ไม่อาจยืนได้สะดวกเพคะ"
เต๋อลู่หานมองเท้าของนางที่ถูกพันไว้ ไม่เอ่ยถามแม้แต่คำเดียวว่าอาการของนางเป็นเช่นไรบ้าง เมื่อเขาเงียบเมิ่งลี่เฟยก็จำต้องถาม
"ท่านอ๋องมาหาข้าด้วยเรื่องอันใดเพคะ"
เต๋อลู่หานเดินไปนั่งข้างกายนาง มือของเขาข้างหนึ่งพันผ้าพันแผลเอาไว้ เมิ่งลี่เฟยมองทั้งขมวดคิ้ว ชักสงสัยถึงที่มาที่ไปของแผลนี้ ที่เขาโกรธเช่นนั้นมิใช่ว่านี่คือฝีมือของนางหรอกนะ
"ท่านอ๋อง มือของท่าน"
เต๋อลู่หานขมวดคิ้ว คิดถึงฟันแหลมคมจนแทบจะฉีกเนื้อของเขาแล้วถึงกับแค่นเสียงออกมา
"สุนัขบ้ามันกัด ไม่ต้องใส่ใจ"
เขามองที่เท้าของนางที่ถูกพันแผล ในขณะที่มือของเขาก็มีผ้าพันแผลเช่นกัน ศึกนี้นับว่าเสมอกันแล้ว
เมิ่งลี่เฟยเห็นสายตาของเขาแล้ว ความทรงจำคล้ายจะเลือนรางขึ้นมา ใช่ต้องเป็นนางอย่างแน่นอน มิน่าเล่าเขาถึงได้โกรธปานนั้น แต่ในเมื่อเต๋อลู่หานไม่คิดจะเอาความ นางก็ได้แต่ต้องแสร้งลืมเพื่อหนีความผิด