“มาแล้ว!” เจเนตที่เงียบไปนานก็ตื่นตัว เมื่อได้ยินสัญญาณจาก อาร์เชอร์
เจเนต ซบใบหน้าแนบอกของอาร์เชอร์ เพื่อที่เธอจะได้ลอบมองคนที่พวกเธอมานั่งเฝ้ารออยู่สองชั่วโมงกว่า ‘สวย’ คำนิยามแรกที่เจเนตให้กับ ผู้หญิงในชุดเดรสเข้ารูปสีดำ และถ้ามองให้ดีเธอคนนั้นสวมบอดี้สูทแนบเรือนกายอีกชั้นอยู่ด้านใน แม้ในที่สว่างน้อยมากต้องสังเกตอย่างมากถึงจะเห็นได้และแน่นอนว่าคนธรรมดาไม่อาจรู้ได้ แต่สำหรับเจเนตที่ช่ำชองเรื่องแบบนี้มองออกว่าเธอคนนี้ไม่ธรรมดาดวงตาแน่วแน่ เด็ดเดี่ยวมาก แม้เธอจะพยายามปิดและคอยยิ้มหว่านเสน่ห์ตลอดเวลาก็ตาม
“เป็นผู้หญิงไทยที่สวยมากคนหนึ่ง แต่แฝงความไม่ธรรมดาไว้อย่างน่ากลัวเลย” ความคิดเห็นของเจเนตสร้างรอยยิ้มให้กับอาร์เชอร์และเขากระซิบเบาๆที่ข้างหูเจเนตว่า...
“ผู้หญิงธรรมดาทั่วไปทำไม่ได้หรอก ที่จะครอบครองหัวใจทั้งดวงของเจ้านายได้”
! “เธอเป็น เป็นคนรักของคุณเอ็ดเวิร์ด อย่างนั้นเหรอ?”
“ตอนนี้เหรอ...ความรู้สึกที่เจ้านายมีให้เธอยังมีอยู่แน่ๆ แต่สถานะยังใช่หรือไม่ก็ต้องดูกันต่อไป...”
“ข่าวที่ได้ยินมาก็แน่ชัดแล้วสินะ! ว่าเธอคนนี้ทิ้งเจ้านายของพวกเรา และเธอก็ต้องรับโทษทัณฑ์ใช่มั้ย?”
อาร์เชอร์ไม่ตอบแต่ยิ้มเล็กๆตามสไตล์ “เอาเป็นว่าเรามีหน้าที่ทำตามคำสั่งก็พออย่ามากกว่าที่สั่งเท่านั้นก็พอ...เจเนตเธอควรเรียนรู้เรื่องนี้ไว้เจ้านายแต่ละคนมีลักษณะและคุณสมบัติที่ไม่เหมือนกัน เอาเป็นว่าตอนนี้เจ้านายใหม่ของเธอเน้นเผยด้านมืดของมนุษย์ออกมาใช้เสียส่วนใหญ่ในช่วงนี้”
เจเนตรับฟังเงียบๆ อย่างไรแล้วเธอก็ต้องรับฟังสิ่งที่คู่หูที่ทำงานกับเจ้านายคนใหม่มาก่อน แบบนั้นเรียกว่าฉลาดอยู่...“แล้วคราวนี้เอาไงต่อ
ตอนนี้เธอไปนั่งที่โซฟาตัวเดี่ยว เหมือนเธอกำลังรอใครบางคนอยู่...”
“ดูต่อไปและคอยรายงาน” อาร์เชอร์สั่งการ ตามที่ได้รับคำสั่งมาอีกทอดจากใครคนหนึ่งที่นั่งอยู่อีกฟากที่ไม่อาจมองเห็นคนที่เจเนตกำลังรายงานสดในตอนนี้ได้ รวมถึงอาร์เชอร์ที่จะไม่หันไปมองเลย เพราะแบบนั้นเขาจะโดนจับพิรุธได้ เจ้านายเตือนย้ำมากเพราะคุณน้ำใสไม่ธรรมดา เธอไวต่อความรู้สึกของสายตาถ้าหากถูกจับจ้องและมองอยู่
ซึ่งตอนนี้เอ็ดเวิร์ด เจ้านายของคู่หูที่แสร้งทำเป็นคู่รักกำลังข่มอารมณ์ของตัวเองไว้ ไม่ให้ลุกจากที่นั่งอยู่ไปกระชากน้ำใสและลากกลับไปตอนนี้ เขาได้ยินทุกคำของเจเนต เพราะอาร์เชอร์ติดลำโพงเล็กๆที่สัญญาณส่งตรงมาที่หูฟังในหูเขา ซึ่งอาร์เชอร์เองก็มีหนึ่งอันในหูเช่นกัน เพื่อฟังและรับคำสั่งจากเขาอีกทอดโดยที่เจเนตไม่รู้เรื่องนี้เลยซึ่งเธอก็ไม่จำเป็นต้องรู้ คำสนทนาของสองคนนั้นเขาได้ยินทุกคำ ‘คนรักของคุณเอ็ดเวิร์ด’ ‘ความรู้สึกยังมีแน่’ ‘รับโทษทัณฑ์’ คำเหล่านี้เอ็ดเวิร์ดคิดซ้ำไปซ้ำมา แต่...
“มีผู้ชายหน้าตาดีดูไม่ธรรมดา เข้ามานั่งข้างๆเธอแล้ว” ...
“คุณผู้หญิง คุณมาจริงๆด้วยสินะ” น้ำใสยิ้มในแบบที่ไม่ใช่ตัวตนของเธอให้กับไซม่อน
“โรส เรียกฉันว่าโรสเถอะคะ” น้ำใสบอกชื่อที่เคยเป็นสัญลักษณ์แทนตัวเธอมาก่อนองค์กรลับจะตั้งชื่อดอกไม้ให้กับเด็กๆในการดูแล ชื่อจะถูกเปลี่ยนไปใช้กับเด็กใหม่ก็ต่อเมื่อเจ้าของชื่อคนปัจจุบันไม่มีลมหายใจแล้ว ซึ่ง น้ำใสก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นคนที่เท่าไหร่ของชื่อดอกไม้ชนิดนี้ โรส [Rose]
น้ำใสเจอไซม่อนแบบสร้างสถานการณ์ว่าบังเอิญ แต่บางอย่างบอกว่าเขาคนนี้ไม่ธรรมดา ดวงตาเขาแย้มยิ้มตลอดเวลา แต่กลับทำให้เธอรู้สึกได้ว่าคนคนนี้เจ้าเล่ห์มาก ขนาดลูกน้องก็ยังไม่ธรรมดาแล้วเจ้านายจะขนาดไหน
พั่บ! มือถึงเสียด้วย ไอ้คนเจ้าเล่ห์คนนี้
! น้ำใสเก็บอาการเล็กน้อย เมื่อขาท่อนบนของเธอถูกทาบทับด้วยฝ่ามือของไซม่อนอย่างลองเชิงและฉวยโอกาสในเวลาเดียวกัน แต่เธอก็ยังนิ่งสงบโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าเธอกำลังค่อยๆสุมไฟทีละนิดในความรู้สึกของผู้ชายอีกคนหนึ่งที่นั่งอยู่ในมุมมืดทั้งที่เขาเองก็ไม่ได้เห็นภาพนั้น แต่เจเนตที่ถูกสั่งไว้ให้รายงานการเคลื่อนไหวทุกอย่างอย่างละเอียดแม้แต่เธอกระพริบตากี่ครั้งเจเนตก็ต้องรายกงานสดตามที่เห็นออกไปอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง
เอ็ดเวิร์ดยังนิ่งอยู่ที่เดิม แม้เขาจะไม่ใช่คนไทยและไม่ได้เติบโตมาในประเทศไทย แต่คนที่เลี้ยงเขาที่เขารักเหมือนแม่ท่านเป็นคนไทยเขาจึงซึมซับประเพณีไทยไว้อย่างท่วมท้น ไม่เว้นแต่ความรักนวลสงวนตัวของผู้หญิงไทยที่ดี น้ำใสเธอเป็นคนไทยและเธอเป็นผู้หญิงของเขา แม้เธอจะจากไปแบบไม่บอกกล่าว แค่ทิ้งข้อความสั้นๆว่า ‘เราไม่ใช่คู่กัน’ และเขาไม่ยอมรับการกระทำนั้นของเธอ นั่นก็หมายความว่าเธอก็ยังเป็นผู้หญิงของเขาอยู่ และตระกูลที่เลี้ยงเขามาถือคติประจำใจของตระกูลว่า ‘ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ’
น้ำใสไม่อาจรู้ตัวว่าขณะนี้ระเบิดเวลาได้เริ่มทำงานแล้ว ความอดทนที่มีขีดจำกัดของเอ็ดเวิร์ดกำลังจะหมดลงไปทุกๆวินาทีที่ผ่านไปตามคำรายงานของเจเนตที่มีมาเข้าหูของเขาอยู่เรื่อยๆ
“เครื่องดื่มของคุณผู้หญิงครับ” น้ำใสได้จังหวะขยับตัวอย่างธรรมชาติ หยิบแก้วเครื่องดื่มที่พนักงานเอามาเสิร์ฟ
“ฉันยกให้คุณค่ะ” น้ำใสยื่นแก้วที่ใส่วอดก้าส่งให้ไซม่อนซึ่งเขาก็รับไปพร้อมรอยยิ้ม แม้มือข้างนั้นจะถือแก้วไว้ เขาก็ยังเหลือมือว่างอีกข้าง แต่เขาก็ไม่อาจที่จะเอาไปวางบนท่อนขาของน้ำใสได้ใหม่ เพราะแบบนั้นมันดูจงใจเกิน
งามกว่าที่จะทำได้ เขาจึงขยับตัวหันหน้าเข้าใกล้น้ำใสอีกครั้ง