ดาวน์โหลดแอป ฮิต
หน้าแรก / โรแมนติก / รักฉบับคลับโฮสต์
รักฉบับคลับโฮสต์

รักฉบับคลับโฮสต์

5.0
78 บท
42.6K ชม
อ่านเลย

เกี่ยวกับ

สารบัญ

‘เมื่อสาวเฉิ่ม ผู้มีพรสวรรค์เรื่องแฟชั่นชนิดติดลบ ต้องกลายมาเป็นเจ้าของคลับโฮสต์คนใหม่ ส่วนเขาคือโฮสต์ที่ฮอตที่สุดของคลับ เมื่อพรหมลิขิตเริ่มทำงาน คนสองบุคลิกจึงโคจรมาเจอกัน งาน ความรัก และการฆาตกรรม คือสิ่งที่พวกเขาต้องพบเจอ’ ------------------------------------------------------- “เพราะผู้หญิงแบบคุณ แววตาแบบคุณ ไม่ได้บ่งบอกว่ากำลังต้องการผู้ชายเพื่อคลายเหงา” “นายเก่งขนาดอ่านแววตาฉันออกเลยหรือไง” เอ่ยจบแพรทับทิมก็รวบรวมความกล้าสบตากับกายไปตรงๆ แต่ดูเหมือนเธอจะแพ้ เพราะต้องหลบสายตาของกายที่มองเธอกลับมาเสียเอง “หรือไม่จริง” เสียงทุ้มเอ่ยถาม “ไม่จริง” โทนเสียงของแพรทับทิมติดสั่นเล็กน้อย เพราะประหม่านั่นเอง “ถ้าจริง คืนนี้คุณก็ให้ผมดูแล ไม่อย่างนั้นก็แสดงว่าคุณโกหกผม” “ฉันไม่อยากให้นายมาดูแล” “คุณไม่มีสิทธิ์เลือก เพราะว่าคุณได้บุ๊คกิ้งผมไปแล้ว และถ้าต้องการยกเลิกคุณต้องจ่ายค่าเสียเวลาให้ผม” กายยักคิ้วให้ นั่นทำเอาเธอแยกเขี้ยวใส่ “เท่าไหร่” แพรทับทิมคว้ากระเป๋าที่วางอยู่ข้างตัวมาถือไว้ พร้อมจะจ่ายค่าเสียเวลาให้ตามที่ชายหนุ่มร้องขอ ขอเป็นสายเปย์ดูสักตั้ง หวังว่ากระเป๋าเธอมันจะไม่ฉีกเสียก่อนนะ “ผมไม่รับเป็นเงิน” “เอ้า! แล้วนายอยากได้เป็นอะไรก็บอกมา” “ผมชอบรับเป็น…จูบ” “จูบ!” คนฟังตาโต ใจนี่เต้นโครมครามกับรูปแบบการจ่ายค่าเสียเวลาที่ได้ยิน “ใช่…จูบที่ว่ามันต้องดูดดื่มแบบปากประกบปากด้วยนะครับ จูบแบบเด็กอนุบาลไร้ประสบการณ์ผมก็ไม่รับ” “ฉันบุ๊คกิ้งก็ได้” คำตอบของแพรทับทิมทำเอากายยิ้ม พยายามกลั้นเสียงหัวเราะจนเจ็บแก้มไปหมด เธอดูเอาจริงเอาจัง พร้อมจะเปย์ แต่สุดท้ายก็ถอย เมื่อรู้ว่าเขาต้องการค่าเสียเวลาเป็นอะไร ----------------------------------------------------- “แกอย่ามโนไปไกล ฉันกับกายแค่คบกันเฉยๆ สัมผัสร่างกายกันมากสุดก็แค่จูบ ยังไม่ถึงขั้นฟิตเจอริ่งย่ะ” “จูบกันแล้วด้วยเหรอ” “อื้อ” แพรทับทิมพยักหน้ารับเขินๆ “โอ๊ย! อิจฉา แกมีจูบแรกแล้ว ส่วนฉันนี่คงแห้งเหี่ยวบนคานแน่ๆ” แก้มใสห่อเหี่ยวลงไปถนัดตา สำหรับเธอยินดีกับความรักของ แพรทับทิมและกายเสมอ เพราะเพื่อนเธอควรจะมีคนดีๆ เข้ามาดูแล และเท่าที่ได้รู้จัก กายก็คือคนดีคนหนึ่ง “แกก็ไปจูบไอ้ปุณมันดิ” ข้อเสนอของแพรทับทิมมันยากที่แก้มใสจะทำได้ “มันได้ถีบฉันเข้าให้น่ะสิ นี่ก็ยังเคืองๆ มันอยู่ งานที่คลับโฮสต์แกก็ไม่มีอะไรให้ไปช่วยสืบ ยังไม่ยอมลาออกอีก” “หึงมันเหรอ” “อื้อ” แก้มใสพยักหน้ารับ “งั้นเดี๋ยวฉันฉีกสัญญาไอ้ปุณมันให้ เพราะดูท่ามันจะเพลินกับการได้เทคแคร์สาวๆ สวยๆ จนลืมแก” “หึ…ถ้ามันมีฉันในสายตานะ ป่านนี้มันตรัสรู้ไปนานแล้วว่าฉันแอบชอบมันอยู่” คนแอบรักชักจะถอดใจ นั่นเพราะยังไม่รู้ว่าเรื่องนี้มันจะจบยังไงเหมือนกัน สงสัยต้องรักแบบหลบๆ ซ่อนๆ อยู่แบบนี้ไปตลอดมั้ง “ฉันถึงให้แกบอกชอบมันอยู่นี่ไง แกก็รู้ไอ้ปุณมันซื่อบื้อ” แม้ปุณจะเสน่ห์แรง มีสาวๆ ข้างกายไม่ขาด แต่เอาเข้าจริงปุณแทบจะมองผู้หญิงไม่ออก ว่าคนไหนจริงใจหรือแค่สนุก

บทที่ 1 ความแน่นอน

‘ความแน่นอน ตั้งอยู่บนความไม่แน่นอนฉันใด ลมหายใจของมนุษย์เราก็ฉันนั้น วันนี้เราอาจยังมีชีวิติยู่ แต่พรุ่งนี้ใครเลยจะรู้ว่าเราอาจจะจากโลกนี้ไปแล้ว’

นี่คือประโยคที่ถูกทำเป็นป้ายแล้วใช้ตะปูตอกติดไว้กับต้นไม้ใหญ่ ประโยคนี้ทำให้หญิงสาวซึ่งตอนนี้อยู่ในชุดขาวห่มขาว บุคลิกท่าทางสงบนิ่งให้เกียรติกับสถานที่รอบกายที่เป็นลานปฏิบัติธรรม ต้องถอนหายใจออกมามาหนักๆ อย่างปลดปลงกับชีวิต

แม้ปกติแล้ว เธอมักจะหาเวลาเพื่อหมั่นทำบุญหรือเข้าวัดปฏิบัติธรรมตามโอกาสอันเหมาะสม แต่มันก็มีเหตุทำให้เธอเสียศูนย์ทั้งๆ ที่น่าจะรับมือกับความสูญเสียได้ดี เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอต้องเสียคนที่รักไป เธอเคยเสียพ่อและแม่ไปแล้วเมื่อยังเยาว์ แต่ตอนนั้นเธอยังเด็กมาก ก็เลยยังไม่รู้ว่าความเสียใจที่แท้จริงมันเป็นยังไง

กระทั่ง…เมื่อสองอาทิตย์ก่อน เธอต้องสูญเสียพี่สาวคนเดียวไปอย่างไม่มีวันกลับ พี่สาวที่เป็นทั้งพ่อและแม่ เป็นแม้กระทั่งเพื่อน นั่นเพราะเธอไม่มีญาติที่ไหน มีกันแค่สองพี่น้อง การสูญเสียครั้งนี้มันกะทันหันจนเธอไม่มีแม้โอกาสจะได้เอ่ยคำลา พอคิดเรื่องนี้ แพรทับทิม ก็ยกมือเล็กๆ ขึ้นปาดน้ำตาที่มันกำลังเอ่อล้น

“โอเคไหมแก”

“โอเค” คนถูกถามหันไปตอบ แล้วส่งยิ้มน้อยๆ ให้แก้มใส ที่ครั้งนี้ขอตามมาบวชชีพราหมณ์เป็นเพื่อนด้วย วัดนี้เป็นวัดป่าแถบชานเมือง แม้จะได้ชื่อว่าชานเมือง แต่ความร่มรื่นก็สมเป็นวัดป่า เพราะต้นไม้น้อยใหญ่เขียวขจีเต็มไปหมด

“ถ้าแกไม่โอเคนี่รีบบอกฉันเลยนะ ตกลงไหม”

“ตกลง” แพรทับทิมพยักหน้าให้ ตอนนี้เธอกับแก้มใสยังอยู่ในชุดขาวห่มขาว เพราะหลังจากหลวงพ่อลาสึกให้เมื่อสามชั่วโมงก่อน ทั้งคู่ก็ตั้งใจจะใส่ชุดนี้กลับบ้านด้วยเลย

“ฉันห่วงแกนะแพร”

“ขอบใจมากนะแก้ม อย่างน้อยตอนนี้ฉันก็ยังมีแก” น้ำตาของแพรทับทิมก็ชักจะเอ่อ เพราะหลายวันที่ผ่านมา ถ้าเธอไม่ได้แก้มใส อะไรๆ มันคงแย่ไปกว่านี้แน่

“มีฉันคนเดียวที่ไหน มีปุณอีกตั้งคน” ปุณ…คือเพื่อนอีกคนของแพรทับทิมกับแก้มใส ผู้ชายคนเดียวที่สามารถคบหากับสองสาวมาได้ยาวนานที่สุด จนบางครั้งสองสาวก็แอบคิดไม่ได้ว่าปุณนั้นแมนทั้งแท่งหรือไม่กันแน่

“อืม” แพรทับทิมเอ่ยรับสั้นๆ ก่อนจะเดินไปมารอบๆ ลานปฏิบัติธรรม ค่อยๆ ฝึกลมหายใจเข้าออก รอคนที่นัดหมายให้มารับ เพราะป่านนี้ปุณก็ยังมาไม่ถึง

“พูดถึงปุณ ป่านนี้ทำไมมันยังไม่มารับเราอีกเนี่ย” แก้มใสชะเง้อชะแง้มองหา เพราะตอนนี้บรรยากาศรอบๆ ก็มืดลงไปทุกขณะแล้ว

“สงสัยรถจะติดมั้งแก”

“แต่ฉันโทรหา มันก็ไม่รับสายด้วยนะ หรือว่ามันลืมว่าวันนี้ต้องมารับเรา” คำสันนิษฐานของแก้มใสทำเอาแพรทับทิมเริ่มเห็นด้วย เพราะปุณขึ้นชื่อเรื่องความขี้หลงขี้ลืมเป็นที่หนึ่ง ดีไม่ดี ป่านนี้คงหลับเป็นตายอยู่แน่ๆ เพราะไม่งั้นคงโผล่มารอที่วัดแล้ว

“มีความเป็นไปได้”

“ถ้ามันลืมจริงๆ นะ เจอหน้าเมื่อไหร่ แม่จะถีบผ่าหมากให้ไข่ฝ่อเลย”

“ใจเย็นๆ แก สำรวมไว้ ใจเย็นไว้ ยุบหนอ พองหนอ”

“ทีกับเพื่อนมันนี่ขี้ลืมอันดับหนึ่ง แต่ทีกับสาวนี่จำเก่งนัก รู้งี้ไม่น่านัดให้มันมารับเลย” แก้มใสบ่นยาวอีกชุดใหญ่

“เย็นป่านนี้แล้ว ยังไม่กลับกันอีกเหรอพราหมณ์”

“รอเพื่อนมารับน่ะค่ะหลวงพ่อ แต่ไม่รู้ว่าป่านนี้ทำอะไรอยู่ ถึงยังไม่มาสักที” แพรทับทิมเอ่ยบอก เพราะตอนนี้แก้มใสกำลังควันออกหูด้วยความโกรธที่มีต่อปุณ

“แล้วบ้านพราหมณ์ทั้งสองอยู่ที่ไหน ไกลจากนี่มากไหม”

“อยู่แถวๆ บางนาทั้งคู่เลยค่ะหลวงพ่อ” คนที่ตอบประโยคนี้ก็ยังคงเป็นแพรทับทิม ส่วนแก้มใสตอนนี้เหมือนมีอะไรให้สนใจเป็นพิเศษ เพราะโยนความโกรธที่มีต่อปุณทิ้งหายไปแล้ว สายตาจับจ้องไปยังชายหนุ่มคนหนึ่งอย่างไม่อาจละสายตาได้จริงๆ

“บางนาเหรอ ถ้ายังไงติดรถลูกศิษย์ที่วัดไปก็ได้ เพราะบ้านเขาก็อยู่แถวๆ บางนา”

“เอ่อ…” เพราะไม่อยากรบกวน ทำให้แพรทับทิมอึกๆ อักๆ กระตุกชายเสื้อแก้มใสให้พูดอะไรบ้าง แต่เพื่อนกลับเฉย

“กาย...มานี่หน่อย”

“ครับหลวงพ่อ” เจ้าของชื่อเอ่ยรับ ก่อนจะเดินเข้ามาหาอย่างนอบน้อม เพราะเอาแต่มองหลวงพ่อ ทำให้แพรทับทิมไม่ทันสังเกตเห็นเขา ผิดกับแก้มใสที่มองตาไม่กะพริบ

“จะกลับแล้วหรือยัง”

“กำลังจะกลับครับ หลวงพ่อมีอะไรให้ผมรับใช้หรือเปล่าครับ” เสียงทุ้มเอ่ยอาสาอย่างมีน้ำใจ นั่นเพราะเขาสำนึกบุญคุณที่หลวงพ่อเคยช่วยเหลือเมื่อหลายปีก่อน ให้ทั้งที่กิน ที่พักและเงินติดตัว พอว่างกายจึงอาสาเป็นเด็กวัดที่นี่เพื่อตอบแทนมาหลายปี สิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้ก็น้อยกว่าที่ได้รับตอนนั้นมากเสียจนเทียบกันไม่ติด

“หลวงพ่อน่ะไม่มี แต่ไหนๆ เราก็จะกลับแล้ว หลวงพ่อไหว้วานไปส่งพราหมณ์สองคนนี้หน่อยได้ไหม เพราะตะกี้ถามไถ่ ยังไม่มีคนมารับแล้วพราหมณ์บอกว่าบ้านอยู่แถวๆ บางนาเหมือนกัน”

“ได้สิครับ” เสียงทุ้มรับคำอย่างไม่ลังเลสักนิด พร้อมกับชำเลืองมองพราหมณ์สองคนที่หลวงพ่อไหว้วานให้ไปส่ง หนึ่งในนั้นคือคนที่เขารู้จัก แม้เขาจะรู้จักเธอแค่ฝ่ายเดียวก็ตามที เพราะถ้าจำไม่ผิด เธอคือน้องสาวของเจ้านายเขา เจ้านายที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อน

“ไม่เป็นไรค่ะหลวงพ่อ เดี๋ยวพวกเรานั่งรถแท็กซี่กลับกันเองก็ได้ เกรงใจลูกศิษย์หลวงพ่อ” เพราะเกรงใจ แพรทับทิมจึงเอ่ยปฏิเสธ พร้อมกับดึงชายเสื้อให้แก้มใสพูดเห็นด้วย แต่เพื่อนก็ยังคงยืนนิ่ง

“แถวนี้กว่าจะมีแท็กซี่ผ่านมาสักคันก็นานโข ไปกับกายนี่แหละ อย่าลืมไปส่งพราหมณ์ให้ถึงบ้านอย่างปลอดภัยนะกาย” หลวงพ่อเอ่ยรวบรัด เพราะดูท่าไม่ทำแบบนี้ แพรทับทิมก็คงปฏิเสธอีกนาน

“ครับหลวงพ่อ”

“ขอบคุณค่ะหลวงพ่อ”

“เจริญพร” แพรทับทิมยกมือไหว้ขอบคุณหลวงพ่อ ส่วนแก้มใสตอนนี้เหมือนได้สติ จึงยกมือไหว้ด้วยอีกคน

“เชิญครับ รถผมอยู่ทางนู้น” เสียงทุ้มของกายเอ่ยขึ้นและแพรทับทิมก็เอ่ยรับ

อ่านต่อ
img ไปดูความคิดเห็นเพิ่มเติมที่แอป
ดาวน์โหลดแอป
icon APP STORE
icon GOOGLE PLAY