คะน้าถูกรับเลี้ยงมาในครอบครัวร่ำรวยที่มีลูกชายคนเดียว ตลอดเวลาโตมาด้วยกันเขาไม่เคยจะญาติดีเเละเห็นเธอเป็นเพียงคนใช้เท่านั้น!
บทนำ
“แม่ผมมาแล้ว...”
“โตเป็นหนุ่มหล่อเลยนะ ไหนมากอดหน่อย”
“ผมคิดถึงแม่ครับ”
“แม่ก็คิดถึงลูกมา ต่อไปนี่เราไม่ต้องคุยกันผ่านกล้องแล้วนะ”
“ครับแม่”
ฉันแอบมองคุณหญิงกอดกับผู้ชายรุ่นราวเดียวกับฉันอยู่ข้างประตู ผู้ชายตัวสูงนั้นคือลูกชายแท้ๆ ของคุณหญิงนั้นเอง คุณหญิงบอกฉันว่าท่านมีลูกชายที่อาศัยอยู่ที่อเมริกาเราอายุเท่ากันแต่เขามีศักดิ์เป็นพี่เพราะเขาเกิดก่อนฉันสองเดือนตอนนี้ฉันตื่นเต้นจนบอกไม่ถูกเขาจะยอมรับฉันไหมนะ...
“อ่อ แม่มีคนหนึ่งจะแนะนำลูกน้องของลูกไง ที่แม่เคยเล่าให้ฟัง”
“...อ่อครับ”
สีหน้าผู้ชายคนนั้นเปลี่ยนไปทันที เขาดูนิ่งและน่ากลัวมาก...เหมือนเขาเองจะสังเกตเห็นฉันเหมือนกัน อยู่ๆ เขาก็เดินเข้ามาหาฉันก่อนจะยื่นมือหนานั้นมาตรงหน้าฉัน
“ยินดีที่ได้รู้จัก ต่อจากนี้เธอจะมีพี่ชายที่แสนดีละนะ^_^”
“...จะ จ้า
” ฉันยื่นมือไปจับมือหนานั้นไว้เบาๆ แต่เขากลับดึงให้ตัวฉันขยับเข้าไปก่อนจะโน้มตัวมากระซิบข้างๆ หูฉันอย่างแผ่วเบา
“เธอ ตาย แน่...^_^”
โอ้ แม่ จาววว
T_T
ณ ตอนนั้นฉันก็รับรู้ได้ถึงหายนะที่กำลังจะมาถึงต่อจากนี้...อยู่ๆ ฉันก็คิดถึงวันแรกที่เจอ ‘ลิบิน’ ขึ้นมา...ฉันยังจำได้วินาทีที่เขากระซิบข้างหูฉันได้แม่นนี่แค่คิดยังขนลุกไปทั้งตัวเลยนะเนี่ย ตั้งแต่เขากลับมาจากอเมริกาเมื่อสองปีที่แล้วเขาค่อนข้างต่อต้านฉันอย่างแรงทั้งแกล้งฉันจนร้องไห้ ออกปากไล่ฉันออกจากบ้านแกล้งฉันสารพัด แต่ก็เอาเถอะไม่ว่าเขาจะเป็นคนยังไงฉันก็ต้องดูแลเขาให้ดีที่สุดตอบแทนที่คุณหญิงให้ชีวิตใหม่กับฉัน ถึงบางเวลาเขาจะเรียกฉันว่าคนใช้ก็เถอะ =-= ซึ่งบางทีฉันก็แอบเคืองเหมือนกันนะคำพูดเเบบนั้นน่ะ
"นี่ยัยคะน้ายื่นทำอะไรอยู่ตั้งนานพรุ่งนี้มีเรียนนะ"
ระหว่างที่ฉันกำลังคิดไป แค้นไปลิบินตัวดีก็เดินออกมาจากตัวบ้านเข้ามายืนข้างๆ ฉันเขาคงจะแอบมองอยู่สักพักได้แล้วล่ะ
โห.. นึกว่าจะได้มองดาวคนเดียวอย่างสงบสะอีก
"ก็เเค่รับลม มองดาวไปเรื่อยๆ "
"คิดว่าตัวเองเป็นนางเอกหรือไง? "
"ก็เปล่าสะหน่อย เเล้วนายมาทำอะไรตรงนี้"
"ก็นี่มันบ้านฉันนิฉันจะอยู่มุมไหนก็ได้"หยักไหล่ด้วย
=_=
"ค่ะ ฉันมันเป็นเเค่ผู้อาศัย เดียวก็ออกไปจากที่นี่เเล้วอดทนหน่อยละกัน"
ลิบินมองหน้าฉันอย่าง งงๆ ทำไมล่ะวันหนึ่งฉันก็ต้องออกไปมีชีวิตของตัวเองใช้ชีวิตคนเดียวอยู่เเล้วนิหรือถ้าวันหนึ่งฉันเจอพ่อเเม่ฉันก็ต้องย้ายไปอยู่กับท่านอยู่แล้ว
"อยากไปก็เรื่องของเธอ-=-"
"นายก็ไม่ได้อยากให้ฉันอยู่นิ"
"เออ รู้ก็ดีเเล้ว เข้านอนได้เเล้ว..."
"อีกสักพัก..."
"เดี๋ยวนี้! "
"ตะโกนทำไม? เเล้วเรื่องอะไรทำไมนายต้องมาบังคับฉันด้วย! "
"ฟังชัดๆ นะ..."
ลิบิน ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ ฉันเเล้ว เอามือชี้ปากตัวเองเหมือนให้ฉันตั้งใจดูที่ปากเขา
"ฉันเป็นเจ้าของบ้านเเละตอนนี้สั่งให้เธอไปนอนพร้อมฉันสะ"
"นี่มันชีวิตฉันนะ ถึงฉันนอนดึกก็ไม่ตื่นสายเท่านายหรอก"
"ขี้เกียจฟัง มานี่ไปพร้อมกันนี่ละ"
"เฮ! ทำไมต้องลากฉันด้วย"ลิบินจับเข้าที่เเขนขวาของฉันเเล้วดึงให้เดินตามเขากลับเข้ามาในบ้าน พอฉันพยายามจะเเกะมือของเขาออกเจ้าตัวก็หันมาจิกตาใส่สะงั้น =-= เขาเป็นอย่างนี้อยู่เรื่อยชอบบังคับฉันตลอดเวลาเลย พอถึงหน้าห้องฉันเเทนที่เขาจะปล่อยฉันเเล้วเดินเข้าห้องตัวเองไปเเต่กลับยืนนิ่งกอดอกมองเหมือนต้องการให้ฉันเข้าห้องไปก่อน
"อะไร ทำไปไม่เข้าห้องไปละ"
"เธอก็เข้าไปก่อนสิ ฉันจะยืนมองอยู่ตรงนี้"
"เเต่ตอนนี้ก็ถึงห้องฉันเเล้วนะ..."
"ถ้าฉันเดินเข้าห้องไปเธออาจจะเดินออกไปอีกก็ได้"
“อะไรของนายเนี่ย?”
“นับหนึ่ง...”
"โอเคเรื่องของนายจะคิด ถ้าเข้าห้องเเล้วนายสบายใจงั้นฝันดี= ="
"อ่าฮะ"
ฉันไม่สนใจเขาเเล้ว เดินเข้าห้องไปโดยดี ฉันไม่อยากเถียงกับเขาให้เสียอารมณ์หรอกนะเดี๋ยวฝันร้ายกันพอดี พอรุ่งเช้าฉันก็ตื่นตามปกติรีบอาบน้ำเเต่งตัวเพื่อลงมาทำอาหารเช้ากินเองแบบทุกวัน ที่จริงฉันทำเเบบนี้มาตั้งเเต่จำความได้รู้สึกว่าการทำอาหารเป็นเรื่องสนุกในเเต่ละวัน ถึงเเม่นมจะขอให้ฉันนั่งรอกินอาหารเช้าฝีมือท่านเท่าไหร่ก็ตาม...มันเป็นความสนุกน่ะ เเต่มันก็ไม่สนุกตรงที่มักจะมีคนตื่นสายมาสั่งฉันทำเผื่อน่ะสิ ว่าเเต่นี่ก็เริ่มสายเเล้วทำไมลิบินช้าจังนะ?
“ยัยคนใช้ยืนทำอะไรอยู่ตั้งนาน ช่วยทำอาหารให้มันเร็วๆ หน่อยได้ไหมฉันรอนานมากแล้วนะหิวมากด้วย”
ยังไม่ทันขาดคำเจ้าตัวก็ลงมายืนกอดอกมองฉันแล้วออกคำสั่งเลยมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย -=-
“ฉันไม่ได้ทำให้นาย ทำไมนายไม่ขอให้แม่นมทำให้กินละ”
ฉันวางจานข้าวผัดลงข้างตัวเเล้วหันไปมองลิบินที่ยืนพิงประตูอยู่ เห็นไหมล่ะเขาเห็นฉันเป็นคนใช้
จริงๆ ทั้งที่คุณหญิงบอกให้คิดว่าเราอยู่กันแบบเพื่อนก็เถอะ เเต่เขาไม่เคยคิดเเบบนั้นเลยที่เป็นเเบบนี้คงเพราะที่คุณหญิงชอบฉันมากกว่า ชิ!
“แม่นมไม่ว่างทำความสะอาดอยู่...”
“งั้นก็ทำกินเองโตจนหมาเลียก้นไม่ถึงแล้ว”
“นี่เธอ! ฉันเป็นลูกเจ้าของบ้านนี้นะ เท่าที่รู้เธอต้องดูแลฉันไม่ใช่หรือไงคิดว่าแม่เก็บเธอมาเลี้ยงแล้วจะไม่ต้องทำอะไรงั้นเหรอ”
ลิบิน
ยืนยิ้มมองฉันเหมือนตัวเขาเองได้รับชัยชนะอย่างใหญ่หลวง เขาก็เป็นอย่างนี้เสมอชอบพูดเหมือนว่าฉันเป็นส่วนเกินจะชินดีไหมล่ะ?
เหอะ?
“หัดตื่นให้มันเช้าๆ สิ”
“เรื่องของฉัน”
“เรื่องของนายแต่เดือดร้อนฉันเสมอเลยงั้นเหรอ”
“ก็มันหน้าที่เธอ” ฉันถือจานข้าวผัดมาวางบนโต๊ะให้เขาแล้วเดินเลี่ยงออกมาจากห้องครัว ที่จริงฉันกินข้าวเช้าเรียบร้อยไปตั้งนานเเล้ว ละที่ทำจานนี้ก็เพราะรู้อยู่แล้วว่าเขาต้องมาสั่งฉันให้ทำเผื่อ ลิบินมองฉันนิ่งๆ แบบที่ชอบทำก่อนจะเดินไปนั่งกินเงียบๆ เขาก็เป็นสะอย่างนี้ตื่นสายแล้วก็มาโวยวายให้คนอื่นทำอาหารเช้าให้กินนี่ถ้าเขาไปอยู่คนเดียวแล้วจะเป็นยังไงนะ ปีนี้เราอยู่ปีสุดท้ายแล้วด้วย เฮ้อ...
“คุณหนูคะ คุณชายละคะแม่นมขึ้นไปปลูกก็ไม่เจอเจ้าตัวเลยนี่ก็สายแล้วแม่นมเองก็ยังทำอะไรไม่เสร็จแล้วคุณชายจะทานอะไรก่อนไปเรียนก็ไม่รู้ คุณหนูเห็นคุณชายไหมคะ”
“ไม่ต้องห่วงค่ะแม่นม ลิบินตื่นแล้วค่ะ แต่งตัวแล้วเรียบร้อยกำลังทานข้าวอยู่ในห้องครัวค่ะ^_^”
ฉันเดินออกมาเจอแม่นมที่กำลังยื่นขมวดคิ้วแน่นอยู่ที่หน้าห้องครัวฉันละอดหัวเราะกับท่าทีลุกลี้ลุกลนของแม่นมไม่ได้ท่าทางท่านจะร้อนใจมาก
“ขอบคุณคุณหนูมากนะคะ แม่นมมีงานเยอะจริงๆ ขอโทษที่ชอบทำให้วุ่นวายนะคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะแม่นม คนที่วุ่นวายน่ะลิบินต่างหากละค่ะ”
“ถึงจะอย่างนั้นมันก็เป็นหน้าที่ของแม่นมเอง”
“ไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะ^_^”
“แม่นมไปทำงานของแม่นมเถอะค่ะ ไม่ต้องห่วงลิบิน เดี๋ยวคะน้าจัดการเขาเองค่ะ”
“ขอบคุณมากๆ นะคะ”
“ค่ะ^_^”
ฉันพูดยิ้มๆ ถึงบ้านนี้จะมีแม่บ้านอยู่หลายคนแต่แม่นมนี่ละเหนื่อยที่สุดเพราะนอกจากจะดูแลทุกคนในบ้านยังต้องคอยทำอาหารคุมการทำงานของแม่บ้านคนอื่นอีก แต่แกก็ดูมีความสุขดีนะ
“โล่งอกไปที แล้วคุณหนูจะไปส่งคุณแม่ไหมคะหรือจะไปเรียนเลยตอนนี้คุณแม่ยังไม่ไปนะคะ”
“งั้นเดี๋ยวคะน้าไปลาคุณหญิงตอนนี้เลยก็ได้ค่ะเดี๋ยวลิบินจะโวยวายเอาแม่นมก็รู้นิค่ะเขาไม่ชอบไปสาย”
“งั้นเดี๋ยวแม่นมขอไปดูคุณชายก่อนนะคะ คุณชายนี่หน้าตีจริงๆ” แม่นมพูดอย่างมันเขี้ยว
“ตีแรงๆ เลยนะคะ^_^”
“แม่นมทำไม่ลงหรอกค่ะ คุณหนูก็”
"ฮ่าๆ ไปก่อนนะคะ” ฉันถอนหายใจกับการจัดเวลาของลิบิน เขาตื่นสายได้แต่กลับไม่ยอมให้คนอื่นสายเอาแต่ใจจริงๆ
นี่ขนาดแม่เขาจะต้องไปทำงานต่างประเทศตั้งหลายเดือนเขายังตื่นสายอย่างนี้แล้วไหนยังต้องรีบไปเรียนอีก เขาไม่คิดจะกอดลาแม่หน่อยหรือไงฉันลืมบอกไปว่าลิบินกับแม่เขาเองก็ค่อนข้างจะห่างเหินเพราะเรื่องงานที่แม่เขาทำจึงมีเวลาให้ครอบครัวน้อยมากพอสมควรอีกอย่างลิบินเองก็พึ่งมาอยู่ได้ไม่กี่ปีด้วย
เเต่หลายครั้งที่แม่นมเล่าให้ฟังว่าลิบินก็ทำตัวน่ารักเเอบไปอ้อนเเม่เพื่อเต็มความอบอุ่นอยู่ตลอด แต่เขาไม่อยากให้ฉันเห็นสงสัยกลัวฉันจะล้อ ฮ่าๆ
“...ว่าไงลูกสาวแม่ยังไม่ไปเรียนอีกเหรอสายแล้วนะลูก”
“ลิบินยังทานข้าวไปเสร็จเลยค่ะ”
“คงตื่นสายอีกแล้วสิ สู้ลูกสาวแม่ไม่ได้...”
คุณหญิงลูบผมฉันเบาๆ อย่างเอ็นดู ท่านจะแทนตัวเองด้วยแม่เสมอฉันเองก็อยากเรียกท่านว่าแม่นะแต่ติดที่ฉันยังรอ...รอเพื่อที่จะเจอพ่อแม่ที่แท้จริงของฉันที่คุณหญิงพยายามตามหามาตั้งแต่ฉันจำความได้แต่มันก็ไร้วี่แวว จนบางครั้งฉันก็รู้สึกว่าต้องทำใจเหมือนกันฉันยังแอบอิจฉาลิบินนะ ที่อย่างน้อยเขาก็ยังรู้ว่าพ่อแม่เขาเป็นใครบางครั้งฉันก็คิดไปว่าถ้าคุณหญิงเป็นแม่จริงของฉันก็คงดี
“คุณหนูคะ คุณชายให้มาตามค่ะ”
“ค่ะแม่นมคุณหญิงคะเดินทางปลอดภัยนะคะพักผ่อนด้วยนะคะ คะน้าต้องไปเรียนก่อน”
“มากอดทีสักวันแม่จะตามหาพ่อแม่ที่แท้จริงให้หนูจนได้แม่สัญญา”
“ค่ะ หนูจะรอ
” คุณหญิงกอดฉันแล้วยื่นอะไรบางอย่างมาให้ฉันมันเป็นบัตรเครดิตสองใบ ฉันรับมาอย่างแปลกใจเพราะปกติฉันจะได้รับเงินรายเดือนเข้าบัญชีฉันอยู่แล้ว แต่อยู่ๆ ทำไมถึงให้มาอีกตั้งสองใบนะ
“คะน้าใช้ได้ตามสบายนะ อีกอันของลิบินเขา เพราะรอบนี้แม่ไปนานกว่าปกติแม่กลัวไม่มีเวลาส่งให้คิดจะไว้ใจคนอื่นให้โอนแทนมันก็ไม่ได้ หนูเก็บเอาไว้นะ"
“ค่ะ คะน้าจะใช้อย่างประหยัด แต่ลิบินนี่คะน้าไม่รับปากค่ะ”
“ฮ่าๆ ไปเรียนเถอะลูกป่านนี้ลิบินหงุดหงิดแย่แล้ว"
"เเต่ลิบินเขายัง..."
"เขามาลาเเม่ตั้งเเต่เมื่อคืนเเล้วละ อย่างนี้เเหละคงไม่อยากให้ใครรู้ว่ามีมุมน่ารักฮ่าๆ "
“เขาก็เป็นเเบบนี้สินะคะ..."
"เอาละ รีบไปเถอะเดี๋ยวเจ้าเด็กนั้นจะโมโหหนักเอา"
"ค่ะคุณหญิง"
ฉันไหว้คุณแม่แล้วรีบวิ่งมาที่รถพอเปิดประตูรถเข้าไปก็รับรู้ได้เลยว่าเขาหงุดหงิดเอามาก ดูจากการนั่งกอดอกมองนอกหน้าต่างเเบบนั้นคงกำลังหงุดหงิดที่ฉันมาช้า นี่ถ้าฉันไปสะกิดต่อมเขามีหวังระเบิดแน่เลย เอาเป็นว่าฉันจะพยายามเเล้วกันหรือบางทีฉันควรไปนั่งข้างหน้าจะดีกว่า
“ขอโทษนะคะพี่ชนที่ให้รอ...”
“ผมไม่เป็นไรหรอกครับคุณหนูแต่คุณชาย...”
“จะไปได้หรือยังยัยคนใช้ขี้ประจบนี่ก็มาแล้วนิ ช้าอย่างนี้ถ้าฉันเข้าสายฉันจะโทษเธอยัยคนใช้!”
ฉันหันไปจิกตาใส่ลิบิน ถ้าเขาไม่ตื่นสายฉันก็คงไม่ต้องรีบอย่างนี้หรอก
“เหอะ!”
“อย่ามาทำเสียงอย่างนั้นใส่ฉันนะ”
“นายมาโทษฉันทำไมละ”
“อยากจะโทษมีอะไรไหม”
หน็อย! น่าหมั่นไส้จริงๆ นี่เขาโทษฉันแค่เพราะฉันตั้งใจจะไปลาแม่เขาเนี่ยนะปัญญาอ่อนสุดๆ ไปเลยอย่างนี้มันต้องสั่งสอนเจอกระเป๋าฉันหน่อยเป็นไรตาลิบินขี้โวยวาย
“โอ๊ย! ยัยบ้าฉันทำอะไรให้เธอเนี่ยถึงมาโยนกระเป๋าหนักๆ ของเธอใส่ฉัน ห๊า!”
“แล้วไงละ”
“เธอ! ...ฝากไว้ก่อนเถอะ”
“รีบมาเอาละกัน เเบร่”
ฉันแลบลิ้นใส่ลิบินทันทีที่เขาโยนกระเป๋าคืนมาแต่ดันโดนเบาะ ฮ่าๆ ตลกชะมัดเวลาเขาโมโหนี่น่าดูจริงๆ
มีแต่ฉันคนเดียวนะเนี่ยที่เห็นเขาเป็นแบบนี้ ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงวางท่าเป็นคนเงียบขรึมเย็นชากดดันใส่ไปละแต่ฉันชอบให้เขาโวยวายมากกว่านะ
ฮ่าๆ
"ฉันเอาคืนเเน่ยัยบ้า"
"เหรอๆ อย่าช้านะ"
"เงียบไปเถอะน่า"
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว