***...ถ้าพ่อของลูกขอโทษคุณด้วยการแต่งงานและดอกกุหลาบวิกเตอร์ฮิวโก้ที่แสนสวยคุณจะใจอ่อนอภัยให้เข้าไหม...นิยายรักโรแมนติกที่ยิ่งอ่านยิ่งซาบซึ้งต่อความรักของพระเอกรูปหล่อชาวอิตาเลียน...*** ************************************ เมื่ออาลอนโซ่นักธุรกิจพันล้านผู้หวงแหนความเป็นส่วนตัวอย่างบิดาของอาร์มานโด้ต้องมาจบชีวิตกะทันหันโดยหาคนรับผิดชอบการตายของเขาไม่ได้ อาร์มานโด้จึงพุ่งเป้าไปที่อีหนูคนล่าสุดที่บิดาเลี้ยงดู เขาโกรธ เขาแค้น เขาชิงชังผู้หญิงทุกคนที่มีเชื้อสายเดียวกับหล่อน เขารอเวลาจะได้แก้แค้นเอาคืนกับพวกหล่อน แล้วหญิงสาวสวยคนหนึ่งก็มาตกหลุมพรางที่เขาวางไว้ เขาทำให้ชีวิตของเธอต้องพลิกผันเพียงไม่กี่วันที่มาเยือนประเทศอิตาลี แต่ความสุขสมที่ไม่เคยได้รับจากหญิงสาวคนใดทำให้ความแค้นของเขากลายเป็นความลุ่มหลง เขาหลงใหลในรสสวาทของสาวบริสุทธิ์อย่างเธอและเขาไม่อาจใช้ชีวิตหนุ่มเจ้าสำราญได้เหมือนเก่า เขาออกตามหาเธอจนเจอแต่ต้องหน้าแตกเมื่อรู้ว่าเธอเป็นแม่ของเด็กชายคนหนึ่ง แต่เขาจะปล่อยเธอไปได้หรือ? *********************************************
บิดาของอาร์มานโด้
เมืองฟลอเรนซ์-อิตาลี
ฟลอเรนซ์ (Florance) หรือ ฟิเรนเซ่ (Firanze) เมืองแห่งศิลปะและสถาปัตยกรรมงดงามของประเทศอิตาลี เป็นเมืองหลวงในแคว้นทอสคาน่า มีแม่น้ำอาร์โน(Arno River)ไหลผ่าน อันเป็นที่ตั้งของคฤหาสน์ตระกูลออสซินี่ของนักธุรกิจผู้หวงความเป็นส่วนตัวชื่อดัง อาลอนโซ่ เดอ ออสซินี่ โดยต้นตระกูลของเขาเป็นเครือญาติกับตระกูลที่มีบทบาทสำคัญในการปกครองเมืองฟลอเรนซ์ คือ ตระกูล เมดิซี(Medici)ในยุคสถาปัตยกรรมเรอเนสซองส์รุ่งเรือง
ต้นตระกูล ออสซินี่ มีธุรกิจเกี่ยวกับการออกแบบสิ่งปลูกสร้าง และธุรกิจจัดสรรก่อสร้างที่อยู่อาศัยที่เรียกว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แบบเรอเนสซองส์(Renaissance)สืบทอดมาถึงลูกหลานในยุคปัจจุบันอาลอนโซ่ก็เป็นคนหนึ่งที่ดำเนินรอยตามบรรพบุรุษและรับช่วงต่อมาจากบิดาทำให้เขาได้รับความนับถือจากนักธุรกิจวงการเดียวกันเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งการอยู่ในสังคมชนชั้นสูงของนักธุกิจมีชื่อระดับเมืองหลวงหรือมณฑลของแคว้นย่อมเป็นที่สนใจของสื่อมวลชนและคนทั่วไป แต่สิ่งที่คนในตระกูลออสซินี่ถือปฏิบัติสืบต่อกันมาอย่างเคร่งครัด คือ ความเป็นส่วนตัว
อาลอนโซ่เป็นคนรักครอบครัวและรักภรรยามากที่สุดเท่าที่ชายคนหนึ่งจะรักผู้หญิงคนหนึ่งได้ เขาพบรักกับฟิลิเป้สาวงามชาติฝรั่งเศสที่เขาหลงรักทันทีในวันเกิดอายุครบยี่สิบเจ็ดปีและแต่งงานกันในปีถัดมา หลังจากคลอดลูกชายได้ปีเศษภรรยาของอาลอนโซ่ก็ตั้งครรภ์อีกครั้ง แต่สามเดือนถัดมาฟิลิเป้ได้แท้งลูกคนที่สองและการแท้งลูกในครั้งนั้นทำให้สุขภาพร่างกายอ่อนแอลงทุกวันและจากไปในปีที่อาร์มานโด้ลูกชายคนเดียวของเขาอายุครบสิบเอ็ดปี
การสูญเสียภรรยาทำให้อาลอนโซ่เสียใจมาก จากที่เคยรักครอบครัวเขากลับทำตัวเหินห่างกับลูกชายคนเดียว ปล่อยหน้าที่การเลี้ยงดูทุกอย่างอยู่กับเบลิน่าคุณแม่บ้านที่รับใช้ใกล้ชิดภรรยา ส่วนเขาก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานและแทบจะไม่ได้กลับบ้าน
อาลอนโซ่แทบไม่ได้เจอหน้าลูกชายคนเดียวจนอาร์มานโด้เรียนจบมหาวิทยาลัยสองพ่อลูกจึงได้พบเจอกันบ่อยครั้งมากขึ้น เพราะอาร์มานโด้ต้องเรียนรู้งานทุกอย่างจากผู้เป็นบิดา แต่ทั้งสองก็ยังรักษาระยะห่างด้วยการไม่เข้าไปก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวของอีกฝ่าย
หลังจากฟิลิเป้ภรรยาตายอาลอนโซ่ก็มีผู้หญิงมากมายเข้ามาในชีวิต แต่เป็นเพียงที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เพราะเขาไม่ได้สนใจพวกหล่อนอย่างจริงจัง ความสัมพันธ์ของเขากับผู้หญิงเหล่านั้นดำเนินไปอย่างไม่มีพันธะใดๆผูกพันนอกจากเงินทองสิ่งของที่พวกหล่อนต้องการ
วันหนึ่งอาลอนโซ่เดินทางจากเกาะซาดิเนียร์มาตรวจดูงานในโรงแรมย่านกลางเมืองฟลอเรนซ์ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอาร์โนที่ตระกูลออสซินี่เป็นเจ้าของผู้เดียวมาตั้งแต่สมัยพ่อของปู่ของเขา และได้พบหญิงสาวชาวเอเชียผิวสีน้ำผึ้งที่เขาถูกตาต้องใจแต่แรกเห็น
หญิงสาวเป็นล่ามกึ่งมัคคุเทศก์นำนักท่องเที่ยวมีฐานะกลุ่มหนึ่งมาประเทศอิตาลี เข้ามาพักในโรงแรมสวยงามที่สร้าง ขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมเรอเนสซองส์อันเก่าแก่หายากของเขาสองวันกับหนึ่งคืนเพื่อเที่ยวเมืองฟลอเรนซ์ก่อนจะเดินทางกลับ เขาหาโอกาสทักทายทำความรู้จักกับหล่อนโดยการแนะนำสถานท่องเที่ยวยอดนิยมหกแห่งในฟลอเรนซ์แก่ลูกทัวร์ของหล่อนและอาสาพาทุกคนท่องเที่ยวด้วยตัวเอง
โดยที่แห่งแรกที่อาลอนโซ่พาคณะทัวร์เที่ยวชม คือ เดอะ อาร์คาเดเมีย แกลอรี่(Arcademia Gallery)ที่ด้านหน้ามีสัญลักษณ์รูปปั้นหินอ่อนเดวิด(Devid)ของไมเคิลแองเจโล(Michelangelo Buonarroti)ตั้งอยู่เด่นชัด ต่อด้วยจัสตุรัสเปียสซาเดล ซินญอเรีย ที่มีผู้คนเดินกันขวักไขว่ และไปที่หอศิลป์อุฟฟิซิ(Galleria degli Uffizi)พิพิธภัณฑ์ที่เก่าที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดในโลกของเมืองฟลอเรนซ์
สะพานเวคคิโอ้ เป็นสถานท่องเที่ยวที่ผู้คนสนใจมากอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งผู้เข้าเที่ยวชมหอศิลป์อุฟฟิซิสามารถเดินทะลุมายังริมฝั่งแม่น้ำอาร์โนอันเป็นที่ตั้งสะพานรูปโค้งสามหยักทอดยาวคร่อมแม่น้ำ สะพานนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1345 จึงมีอายุยาวนานมากกว่าสี่ศตวรรษ ความแปลกคือสองฝั่งในสะพานเป็นบ้านพ่อค้าอัญมณีที่ทุกบ้านทาสีเหลืองสดใสและหน้าต่างทรงจัสตุรัสบานเล็กๆ ติดกระจกหลากสีสวยงามน่ามอง
มหาวิหารซานตามาเรีย เดลฟิโอเร(Basilica di Santa Maria del Fiore ) หรือ มหาวิหารฟิเรนเซ่(Duomo di Firenze)เป็นแห่งที่ห้าของการท่องเที่ยว มหาวิหารสร้างขึ้นในช่วงปลายคริสตศตวรรษที่13 ตกแต่งด้านหน้ามหาวิหารด้วยหินสีขาว เขียว และ ชมพู มีความยาว 153 และ กว้าง 90 เมตร โดยอาลอนโซได้เก็บโบสถ์ซานลอเรนโซ (Basilica di San Lorenzo)ไว้เป็น แห่งสุดท้ายของการท่องเที่ยว เพราะเป็นสถานที่สำคัญอันเป็นที่พำนักชั่วนิรันดร์ของสมาชิกในตระกูลเมดิซีผู้ครองฟลอเรนซ์และเจ้าของแหล่งเงินทุนในการสนับสนุนการสร้างอาคารยุคเรอเนสซองส์ของฟลอเรนซ์หลายแห่ง
การพูดคุยสนุกสนานและการวางตัวเป็นกันเองกับทุกคนของอาลอนโซ่สร้างความประทับใจให้แก่คณะลูกทัวร์ไฮโซไทยและมัลลิกาเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะมัลลิกานั้นปลาบปลื้ม ว่าเจ้าของโรงแรมสนใจในตัวหล่อนมากถึงขนาดยอมลดตัวลงมา พาคณะทัวร์ของหล่อนเที่ยวชมเมือง หลังจากกินอาหารค่ำก่อนคืนจากลาเมื่ออาลอนโซ่บอกความรู้สึกที่มีต่อหล่อนว่าเขาต้องการหล่อนเป็นคู่รัก มัลลิกาจึงไม่ปฏิเสธสิ่งที่เขาเสนอ และได้เข้าพักในอะพาร์ตเม้นต์กลางเมืองฟลอเรนซ์กับเขามาเกือบสามเดือนแล้ว
มัลลี่หรือมัลลิกาเป็นหญิงสาวเอเชียวัยยี่สิบแปดปี หล่อนเป็นหญิงสาวผิวสีน้ำผึ้งออกคล้ำเป็นเสน่ห์ดึงดูดใจจากความช่างเอาอกเอาใจทำให้อาลอนโซ่ชอบหล่อนมากขึ้น เขาชื่นชมในตัวหล่อนมากกว่าหญิงสาวคนใดๆที่เคยพบพานมาเพราะหล่อนทำให้ชีวิตเขามีความสุขทำให้เขารู้สึกเบิกบานใจยามพูดคุยได้ทุกวัน และการอยู่ร่วมกันอย่างคู่รักหล่อนก็เป็นคู่ พิศวาสที่แสนจะน่ารักน่าใคร่จนชายวัยห้าสิบสี่อย่างเขาติดอกติดใจแทบจะคลั่งตาย
การปลอมตัวเป็นญาติผู้พี่ ทำให้เธอต้องตกกระไดพลอยโจน รับงานกับเงื่อนไขพิเศษที่ไม่รู้มาก่อน ความจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากเร่งด่วน เธอจึงไม่ปฏิเสธและขอเพิ่ม จากความสาวบริสุทธิ์ของตัวเอง แต่ความเผอเรอทำให้เธอตั้งครรภ์ ที่มารู้ภายหลังการถูกจ้างออกจากงาน โดยหญิงสาวที่แต่งงานเป็นภรรยาเขา เธอตั้งใจจะเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง แต่เขากลับตามมาจะพาเธอกลับไป เธอไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคนมีภรรยาแล้ว จึงขู่จะฟ้องร้องโดยไม่รู้ว่าเขาเป็นอิสระ จากพันธะการแต่งงานครั้งนั้นแล้ว
เธอเดินทางกลับจากเยี่ยมน้องชายกระทันหันจากการถูกเรียกตัวมาเข้าร่วมสัมมนาที่วิชาการพิเศษจากต่างประเทศมาให้ความรู้ แต่เข้านอนยังไม่ทันหลับดีก็มีวัตถุหนักอืึ้งล้มทับลงกลางตัว และจากที่นอนปิดไฟมืดเธอต้องตกใจสุดขีดเมื่อรู้ว่ามีผู้บุกรุกและคว้าปืนขึ้นมาป้องกันตัว แต่กลายกลับว่า...บุรุษผู้นั้นเป็นแขกพิเศษของโรงแรม...และจากวันนี้ชีวิตเธอเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง **************************************** เขาคือผู้บุกรุก ที่เธอคิดว่าเป็นโจรย่ามใจเข้ามาปล้นสวาท เธอคือสาวงาม ที่เขาคิดว่าเป็นของแถมเข้ามานอนรออยู่ในห้อง เขาคือจอมโอหัง ที่บังอาจกอดจูบเธอโดยไม่ไถ่ถามความสมัครใจ เธอคือสาวสวย ที่สามารถปลุกความรู้สึกด้านชาของหัวใจให้เต้นระทึก เขาวางแผน พาเธอมายังบ้านเมืองเพื่อพิสูจน์รักแท้ในหัวใจ เธอถูกลักพาตัว เพื่อฆ่าทิ้งกลางทะเลทราย มาลุ้นกันว่า...เจ้าชายคริสตินกับมินทราภา จะผ่านพ้นภัยร้ายน่าระทึกใจได้ครองรักกันหรือไม่... **************************
เขาจำยอมจดทะเบียนกับเด็กกะโปโลตามใจบิดาที่กำลังจะสิ้นลม และทิ้งร้างจากเธอไปนานนับปี แต่เมื่อกลับมาเจอเธออีกครั้ง เขาถึงรู้ว่า...เธอสวยและน่าพิศวาสนักหนา...แต่ที่คิดว่าจะได้เธอมาครอบครองเธอตามสิทธิ์สามีถูกต้องตามกฎหมายกลับมีเรื่องเข้าใจผิดคิดว่าเธอทำให้มารดาเขาตายก่อนเวลาอันควร ฯลฯ นิยายรักแนวโรมานซ์(18+)อีกเรื่องหนึ่งที่ขอแนะนำให้เพื่อนมาอ่านด้วยกัน
เขาไม่สนใจว่าที่คู่หมั้นที่หนีตามหนุ่มต่างชาติไปก่อนวันหมั้นหมายเพียงวันเดียว แต่พอมาเจอสาวสวยเชื้อสายไทยที่มีหน้าตาละม้ายเหมือนว่าที่คู่หมั้น เขาพึงพอใจในตัวเธอและสืบประวัติจนรู้ว่า...เธอเป็นน้องสาวคู่แฝดของว่าที่คู่หมั้น...และลักพาตัวมาไว้ในพระตำหนักสวนกุหลาบของพระมารดาที่ไม่เคยมีหญิงสาวคนใดได้เยี่ยมกรายเข้ามาและครอบครองเธอด้วยความรักพิศวาส แต่เกิดปัญหาเมื่อบิดามารดาของเธอมาตามบุตรสาวและพี่สาวคู่แฝดมาอดีตว่าที่คู่หมั้นปรากฏตัวก่อนวันอภิเษกสมรส
นิยายแนวทะเลทรายเรื่องนี้ เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เชิญชวนให้อ่าน เพราะเป็นนิยายที่มีหลากหลายอารมณ์ในเรื่องเดียวกัน นักเขียนได้พาผู้อ่านไปสัมผัสกับชีวิตนางเอกที่ต้องเผชิญภัยจากผู้ปองร้ายโดยมีพระสวามีคอยปกป้องด้วยความรักห่วงใยต่างจากนิยายแนวทะเลทรายอื่นๆที่ให้ความสุขใจกับผู้อ่านอีกรูปแบบหนึ่ง *****...มกุฎราชกุมารีพระธิดาสุลต่านองค์ประมุขแห่งสหราชอาณาจักรต้องเข้าพิธีอภิเษกโดยไม่รู้ตัวและเดินทางสู่พระราชวังของพระสวามีเพื่อลี้ภัยจากผู้ปองร้าย แต่กลับต้องมาเจอศึกรักจากความริษยาของเหล่านางห้ามในพระราชวังและแผนร้ายของพระญาติฝ่ายพระสวามีกับผู้ปองร้ายหมายชิงบัลลังก์ร่วมมือกันวางแผนปลิดชีวิต...ชีวิตรักของพระ-นางคู่นี้จะเป็นอย่างไรไปติดตามด้วยกัน ...**** **********************
นิยายแนว...ทะเลทรายสวีต...ที่ยิ่งอ่านยิ่งสนุกของนักเขียนเล่มนี้ ได้พานางเอกไปผจญภัยร้ายท่ามกลางทะเลทรายร้อนระอุจากโจรทะเลทรายตัวปลอมและโจรทะเลทรายตัวจริงที่กักขฬะด้วยการเอาคืนของพระเอกที่ถูกนางเอกใส่ร้ายให้เสื่อมเสียชื่อเสียงและทำให้รู้ความจริงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำด้วยความเข้าใจผิด แต่การเดินทางที่ใกล้ชิดทำให้ความรู้สึกของทั้งสองเปลี่ยนจากคู่กัดเป็นคู่ที่ถูกตาต้องใจกัน เกล็ดทรายอันร้อนระอุจากแสงแดดแผดเผาจึงกลายเป็นเกล็ดน้ำตาล ...***...“นายก็พูดได้สิ ลองมาเป็นฉันดูบ้าง จะได้รู้ว่าต้องกระตือรือร้นไปทำไม" เธอย้อนอย่างโมโห “เลิกอยากรู้อยากเห็นเสียที แล้วฟังฉัน ระหว่างพักอยู่ที่นี่ทุกคนต้องมีหน้าที่ หล่อนก็ต้องทำงานเหมือนกัน" เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติที่เธอไม่ค่อยจะได้ยินนัก “นี่นายโจร ฉันไม่ใช่ลูกน้องหรือคนรับใช้ของนายนะ นายเป็นคนจับตัวฉันมา ก็ต้องเลี้ยงดูให้ฉันอยู่สุขสบาย จะมาใช้งานกินแรงกันไม่ได้นะ" เธอโวยลั่น “ฉันไม่สน ถ้าไม่ทำก็ไม่ต้องกิน อาหารมีไว้ให้คนที่ต้องออกแรงทำงานเท่านั้น" เขาข่มขวัญ คงคิดว่าเธอกลัวอดตายแล้วจะยอมทำตามทุกอย่างละสิ...ฝันไปเถอะ...เธอเชิดหน้าใส่ “แต่ไม่ใช่ฉัน ดูปากฉันนะ..." เธอชี้ที่ปากตัวเองอย่างที่น้องณัชชาลูกสาวพี่บ๊อบชอบทำ “ฉัน...ไม่...ทำงาน...อะไร...ทั้งนั้น..." เธอเน้นทุกถ้อยคำให้เขาฟังก่อนจะหันหลังเดินจากมาพร้อมไฟโกรธลุกท่วมตัว ...ตาบ๊องเอ๊ย...จิตสำนึกเข่นเขี้ยวเหมือนอยากจะเคี้ยวเขาให้แหลกคาปาก เธอไม่ได้เป็นฝ่ายร้องตามเขามาถึงจะต้องยอมทำทุกอย่างที่เขา...สั่ง...สั่ง...สั่ง... โดยเฉพาะการทำงานแลกข้าวน้ำประทังชีวิต...เขาสิต้องรับผิดชอบหาข้าวหาปลามาเลี้ยงดูให้อิ่มหนำสำราญ หากเขาต้องการใช้ประโยชน์จาก ตัวเธอ... “งานแรก..." เขาพูดต่ออย่างไม่สนใจ “หล่อนต้องซักเสื้อผ้าให้ฉัน งานอย่างที่สอง-ต้องทำความสะอาดกระโจมที่เราพักด้วยกันทุกเช้ากลางวันเย็น เก็บที่นอน ปูที่นอน กวาดพื้น ถูพื้น และปัดฝุ่นทำความสะอาดตากเครื่องนอนทุกชิ้นทุกวัน อย่างที่ สาม-ต้องนำอาหารมาเสิร์ฟให้ฉันทุกมื้อ เสร็จงานแล้วหล่อนจึงจะได้อาหารกิน ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้กิน เข้าใจไหม” มิลินยืนอ้าปากค้าง อยากจะกรี๊ดให้ลั่น เขามันจอมบงการสิ้นดี แล้วถือดีอย่างไรมาใช้งานเธอเยี่ยงนางทาสีประจำตัวแบบนี้ เธอยืนกำหมัดแน่น อยากจะแล่นเข้าข่วนหน้ารกเคราของเขาให้สาสมกับความโกรธที่ถูกโยนตำแหน่งทาสรับใช้ใส่แล้วเดินหนีไปซึ่งๆหน้า ...ตาบ้า...ตาบ๊อง...ตาบื้อ...ตา...ขี้เก๊ก...เธอก่นว่าเป็นชุด สุดจะทนพฤติการณ์แบบเจ้าใหญ่นายโต...สั่ง...สั่ง...สั่ง...โดยไม่ฟังเสียงใคร คิดว่าตัวเองเป็นใหญ่มาจากไหนกัน...ฮึ...***... **************************************************** นิยายเรื่องนี้เป็นความคิดสร้างสรรค์ของนักเขียนอย่างแท้จริง สงวนลิขสิทธิ์โดย : ศิรารัย-ศิรารัยนิยายรัก ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์คอมพิวเตอร์และสิ่งพิมพ์ ห้ามลอกเลียนทุกส่วนของหนังสือเล่มนี้ ห้ามเผยแพร่-จำหน่าย-ดัดแปลง-ทำซ้ำ-จัดพิมพ์ หรือห้ามกระทำการใดๆทุกประการกับนิยายเรื่องนี้ ก่อนได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้เขียน **************************************************
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"