เขาเต็มใจแต่งงานกับเธอตามเงื่อนไขของพี่เขย แต่พอถึงวันส่งตัวเจ้าสาวของเขากลับเปลี่ยนไปทุกอย่าง ...ทั้งน้ำหนัก...รูปร่าง...รสจูบ...และเขาได้รู้ความจริงว่า...เจ้าสาวตัวจริงของเขาถูกวางยาสลบและปล่อยให้ตายอยู่ในห้องเก็บของ ...เขาจึงรู้ความจริงว่า...คนที่หน้าเหมือนเจ้าสาวของเขาเป็นใคร?...และมาเปลี่ยนตัวกับเจ้าสาวของเขาทำไม?...
อดีต...1...
“เราต้องเลิกยุ่งเกี่ยวกันเสียที”
“ม...หมายความว่ายังไงคะ”
“ตามที่ฉันบอกนั่นละ ต่อไปนี้ห้ามเธอเข้ามาในห้องนอนฉันก่อนได้รับการอนุญาต”
“ทำไม...บุหรงทำอะไรให้คุณภาคย์ไม่พอใจหรือคะ”
“ไม่ใช่เรื่องพอใจหรือไม่พอใจหรอกนะ แต่เป็นเรื่องของความควรไม่ควรมากกว่า บุหรงเป็นคนรับใช้ในบ้านที่ฉันไม่ควรยุ่งเกี่ยวด้วย ฉันรับปากคุณแม่แล้วก็ต้องทำตาม ต่อไปนี้เราสองคนจะเลิกเกี่ยวข้องกัน เธออยู่ส่วนเธอ ฉันอยู่ส่วนฉัน แต่ไม่ต้องกลัวหรอกนะ ฉันจะให้เงินเธอก้อนหนึ่งเป็นค่าตอบแทนน้ำใจที่เธอมีต่อฉัน”
“ไม่ บุหรงไม่ยอม คุณภาคย์ คุณจะทำอย่างนี้ไม่ได้นะ บุหรงรักคุณ รักคุณคนเดียว...”
ชายหนุ่มเดินหนีจากมาด้วยความเอือมระอาระคนเวทนา ความสงบเสงี่ยมเจียมตัวของหล่อนปลาสนาการไปสิ้นหลังจากได้มีสัมพันธ์รักกับเขาและคอยรบเร้าให้เขารับหล่อนเป็นเมียอย่างเปิดเผย ซึ่งก็หมายถึงบิดามารดาของเขาต้องรับรู้ถึงการลักลอบมีสัมพันธ์รักของเขากับหล่อนที่เนิ่นนานมาเกือบปี และทั้งสองต้องไม่ยินยอมให้เขาแต่งงานยกย่องสาวรับใช้ในบ้านเป็นเมียหรือเป็นสะใภ้เข้าร่วมสกุลพฤกษวัฒก์(พรึก-สะ-วัด)ของคหบดีมีชื่อเสียงในจังหวัดอย่างแน่นอน
ภาคย์ พฤกษวัฒก์ เป็นบุตรชายคนเดียวของนายพรต กับคุณนายมุกดาเจ้าของบ้านพฤกษวัฒก์ คฤหาสน์หลังใหญ่สวยงามตระการตาเป็นที่ชื่นชมของคนในจังหวัด เจ้าของคฤหาสน์มีธุรกิจการค้าหลายอย่างสร้างฐานะร่ำรวยสืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคนแล้ว โดยรุ่นของนายพรตบิดาของภาคย์ ได้เป็นผู้ริเริ่มธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์จำพวกโรงแรมรีสอร์ตและห้างสรรพสินค้าที่ขยับขายออกไปในจังหวัดท่องเที่ยวทางภาคใต้ และภาคย์บุตรชายก็เป็นความหวังเดียวของสกุลพฤกษวัฒก์ ที่จะสืบทอดธุรกิจการค้าต่อยอดให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป
เมื่อครั้งที่ภาคย์เข้าเรียนมหาวิทยาลัยในกรุงเทพมหานครก็มักจะกลับมาอยู่บ้านช่วงปิดเทอมใหญ่ ก่อนเริ่มเรียนปีสองเขาได้เจอกับบุหรงสาวรับใช้วัยใกล้เคียงกันที่มักจะหาโอกาสเข้ามาเอาอกเอาใจ ในวันหนึ่งที่ท่านพรตกับคุณนายมุกดาบิดามารดาของเขาเดินทางไปต่างจังหวัด หนึ่งสัปดาห์ บุหรงก็พาตัวมาเสนอให้เขาถึงในห้องนอน แล้วทั้งสองก็ลักลอบมีสัมพันธ์รักกันเรื่อยมา โดยบุหรงเป็นฝ่ายมาหา เขาในห้องนอนทุกค่ำคืน
ก่อนภาคย์จะกลับไปเรียนปีสามท่านพรตกับคุณนายมุกดาได้เรียกบุตรชายเข้าพบด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและห้ามบุตรชายไม่ให้กลับมาบ้านจนกว่าจะเรียนจบมหาวิทยาลัย เมื่อบุตรชายเรียนจบปริญญาตรีกลับมาก็บอกให้เตรียมตัวไปเรียนต่อปริญญาโทต่อต่างประเทศ ซึ่งคืนนั้นบุหรงได้แอบเข้ามาพบภาคย์เร่งรัดให้เขาบอกบิดามารดาว่าจะแต่งงานกับหล่อนเพื่อหล่อนจะได้ตามเขาไปด้วย แต่เขาบ่ายเบี่ยงเลยเกิดปากเสียงทะเลาะกัน ภาคย์ที่ไม่เคยรักใคร่ในตัวบุหรงจึงบอกตัดสัมพันธ์ รักโดยอ้างเหตุผลว่าต้องไปเรียนต่อหลายปี
บุหรงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟในทีแรก เมื่อเห็นว่าภาคย์ยังนิ่งเฉยก็ฟูมฟายร้องไห้ต่อว่าต่อขาน พรรณนาถึงความรักที่หล่อนมีต่อเขา แต่ภาคย์กลับไม่คิดว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองเกิดจากความรัก เพราะเขากับหล่อนยังอยู่ในวัยลุ่มหลงต่อสิ่งยั่วยวนใจและบุหรงเองนั่นแหละที่เป็นฝ่ายเสนอตัวมาก่อน ซึ่งเขายังจดจำค่ำคืนวันนั้นได้
“คุณภาคย์ขา นอนหรือยังคะ เปิดประตูหน่อยค่ะ” เสียงเคาะประตูและเสียงเรียกดึงความสนใจเจ้าของห้องให้ลุกขึ้นมาเปิดประตู
“อ้าว บุหรง มีอะไรหรือ” ภาคย์เอ่ยถาม มองใบหน้ายิ้มแย้มแกมประจบของหล่อนอย่างงงๆ
“บุหรงกลัวคุณภาคย์จะหิวเลยเอาของว่างมาให้ค่ะ ท้องอิ่มจะได้นอนหลับสบาย” หญิงสาวใช้สะโพกผายกลมกลึงดันประตูเปิดกว้างออกแล้วถือวิสาสะเบียดตัวแทรกเข้ามาในห้องโดยไม่รอเจ้าของห้องอนุญาต หล่อนนำถาดใส่เหยือกนมที่อุ่นจนควันกรุ่นกับของว่างสองจานเล็กเข้ามาวางบนโต๊ะหน้าเก้าอี้ปลายเตียง
“ขอบใจนะ วางไว้ที่นั่นแหละ เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
เจ้าของห้องยังยืนจับบานประตูเปิดรอให้คนรับใช้สาวออกไป แต่เจ้าหล่อนกลับลงนั่งพับเพียบเรียบร้อยส่งยิ้มหวาน ดวงตาแฝงเลศนัยของหล่อนชม้ายแพรวพราว
“บุหรงรอให้คุณภาคย์ดื่มกินให้หมดก่อนก็ได้ค่ะ จะได้เก็บถาดออกไปเสียเลย”
ภาคย์มองผู้กล่าวอย่างงงๆ ปกติช่วงเวลาอย่างนี้จะไม่มีคนรับใช้หรือสาวใช้คนใดขึ้นมาบนชั้นสองของบ้านหรือห้องนอนเจ้าของบ้านโดยไม่มีการเรียกหา บุหรงคงเห็นว่าบิดามารดาของเขาไม่อยู่จึงกล้าขึ้นมาหาเขาถึงในห้องนอน และดูท่าหล่อนจะมีเป้าหมายอะไรสักอย่าง
“ไม่ต้องรอหรอก เดี๋ยวฉันกินอิ่มจะเอาถาดวางไว้หน้าห้อง เธอค่อยมาเก็บไปในตอนเช้าก็ได้” เขาเดินเข้ามานั่งเก้าอี้ปลายเตียงหน้าโต๊ะที่บุหรงนำถาดของว่างเข้ามาวาง จึงเห็นขนมปังแซนวิสตัดเป็นรูปสามเหลี่ยมขนาดพอคำดูน่ากินอยู่ในจาน
เล็กสองใบ
“อุ๊ย ไม่ได้หรอกค่ะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าบุหรงก็โดนดุสิคะ คุณภาคย์ดื่มกินตามสบายเลยค่ะ บุหรงรอได้”
“อึม ก็ตามใจ ของว่างของเธอก็ดูน่ากินดีนะ”
“เป็นแซนวิสทูน่ากับแซนวิสสลัดรวมผักอย่างที่คุณภาคย์เคยชอบ บุหรงทำเองกับมือเชียวนะคะ” เธอตอบด้วยอาการยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ปลื้มใจที่เจ้านายหนุ่มชมอาหารที่เธอทำดูน่ากิน
“เธอทำอาหารพวกนี้เป็นด้วยหรือ” เขารู้ว่ามารดาของบุหรงเป็นแม่ครัว แต่ไม่คิดว่าบุหรงจะสนใจเรื่องการทำอาหาร
“แหม...ต้องเป็นสิคะ แม่ของบุหรงเป็นแม่ครัวนี่คะ”
“ฉันรู้ แต่ไม่คิดว่าเธอจะสนใจ เห็นทำแต่งานบ้าน”
“บุหรงก็เคยช่วยแม่ทำงานครัวบ้าง มาค่ะ บุหรงป้อนให้”
ภาคย์อยากปฏิเสธว่าเขาหยิบกินเองได้ แต่เดาออกว่าบุหรงคงไม่ยอมและต้องคะยั้นคะยอให้เขากินจากมือหล่อน เขาจึงอ้าปากรับแซนวิสชิ้นพอคำที่บุหรงใช้ซ้อมอันเล็กจิ้มส่งเคี้ยวกินลิ้มรสชาติอร่อย
“อึม...ฝีมือดีนี่ มีตั้งสองจานเธอกินเป็นเพื่อนฉันก็ได้นะ”
ในไม่ช้าแซนวิสในจานใบเล็กกับนมสดอุ่นจัดหมดไป พร้อมอาการหิวกระหายอย่างอื่นเข้าแทน ภาคย์นึกแปลกใจที่แต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยสนใจในตัวของบุหรงเลย แต่ตอนนี้เขากลับมีความรู้สึกปรารถนาในตัวหล่อนแทบจะทนไม่ไหว และแทนที่หล่อนจะปฏิเสธหรือขัดขืนกลับเสนอตัวยั่วยวนจนเขาไม่อาจยับยั้งใจ แล้วต่างฝ่ายก็ได้รับความสุขสมในรสพิศวาสอันเร่าร้อน โดยหล่อนเป็นฝ่ายเสนอและสนองรับอย่างเต็มอกเต็มใจ
การปลอมตัวเป็นญาติผู้พี่ ทำให้เธอต้องตกกระไดพลอยโจน รับงานกับเงื่อนไขพิเศษที่ไม่รู้มาก่อน ความจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากเร่งด่วน เธอจึงไม่ปฏิเสธและขอเพิ่ม จากความสาวบริสุทธิ์ของตัวเอง แต่ความเผอเรอทำให้เธอตั้งครรภ์ ที่มารู้ภายหลังการถูกจ้างออกจากงาน โดยหญิงสาวที่แต่งงานเป็นภรรยาเขา เธอตั้งใจจะเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง แต่เขากลับตามมาจะพาเธอกลับไป เธอไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคนมีภรรยาแล้ว จึงขู่จะฟ้องร้องโดยไม่รู้ว่าเขาเป็นอิสระ จากพันธะการแต่งงานครั้งนั้นแล้ว
เธอเดินทางกลับจากเยี่ยมน้องชายกระทันหันจากการถูกเรียกตัวมาเข้าร่วมสัมมนาที่วิชาการพิเศษจากต่างประเทศมาให้ความรู้ แต่เข้านอนยังไม่ทันหลับดีก็มีวัตถุหนักอืึ้งล้มทับลงกลางตัว และจากที่นอนปิดไฟมืดเธอต้องตกใจสุดขีดเมื่อรู้ว่ามีผู้บุกรุกและคว้าปืนขึ้นมาป้องกันตัว แต่กลายกลับว่า...บุรุษผู้นั้นเป็นแขกพิเศษของโรงแรม...และจากวันนี้ชีวิตเธอเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง **************************************** เขาคือผู้บุกรุก ที่เธอคิดว่าเป็นโจรย่ามใจเข้ามาปล้นสวาท เธอคือสาวงาม ที่เขาคิดว่าเป็นของแถมเข้ามานอนรออยู่ในห้อง เขาคือจอมโอหัง ที่บังอาจกอดจูบเธอโดยไม่ไถ่ถามความสมัครใจ เธอคือสาวสวย ที่สามารถปลุกความรู้สึกด้านชาของหัวใจให้เต้นระทึก เขาวางแผน พาเธอมายังบ้านเมืองเพื่อพิสูจน์รักแท้ในหัวใจ เธอถูกลักพาตัว เพื่อฆ่าทิ้งกลางทะเลทราย มาลุ้นกันว่า...เจ้าชายคริสตินกับมินทราภา จะผ่านพ้นภัยร้ายน่าระทึกใจได้ครองรักกันหรือไม่... **************************
เขาจำยอมจดทะเบียนกับเด็กกะโปโลตามใจบิดาที่กำลังจะสิ้นลม และทิ้งร้างจากเธอไปนานนับปี แต่เมื่อกลับมาเจอเธออีกครั้ง เขาถึงรู้ว่า...เธอสวยและน่าพิศวาสนักหนา...แต่ที่คิดว่าจะได้เธอมาครอบครองเธอตามสิทธิ์สามีถูกต้องตามกฎหมายกลับมีเรื่องเข้าใจผิดคิดว่าเธอทำให้มารดาเขาตายก่อนเวลาอันควร ฯลฯ นิยายรักแนวโรมานซ์(18+)อีกเรื่องหนึ่งที่ขอแนะนำให้เพื่อนมาอ่านด้วยกัน
เขาไม่สนใจว่าที่คู่หมั้นที่หนีตามหนุ่มต่างชาติไปก่อนวันหมั้นหมายเพียงวันเดียว แต่พอมาเจอสาวสวยเชื้อสายไทยที่มีหน้าตาละม้ายเหมือนว่าที่คู่หมั้น เขาพึงพอใจในตัวเธอและสืบประวัติจนรู้ว่า...เธอเป็นน้องสาวคู่แฝดของว่าที่คู่หมั้น...และลักพาตัวมาไว้ในพระตำหนักสวนกุหลาบของพระมารดาที่ไม่เคยมีหญิงสาวคนใดได้เยี่ยมกรายเข้ามาและครอบครองเธอด้วยความรักพิศวาส แต่เกิดปัญหาเมื่อบิดามารดาของเธอมาตามบุตรสาวและพี่สาวคู่แฝดมาอดีตว่าที่คู่หมั้นปรากฏตัวก่อนวันอภิเษกสมรส
นิยายแนวทะเลทรายเรื่องนี้ เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เชิญชวนให้อ่าน เพราะเป็นนิยายที่มีหลากหลายอารมณ์ในเรื่องเดียวกัน นักเขียนได้พาผู้อ่านไปสัมผัสกับชีวิตนางเอกที่ต้องเผชิญภัยจากผู้ปองร้ายโดยมีพระสวามีคอยปกป้องด้วยความรักห่วงใยต่างจากนิยายแนวทะเลทรายอื่นๆที่ให้ความสุขใจกับผู้อ่านอีกรูปแบบหนึ่ง *****...มกุฎราชกุมารีพระธิดาสุลต่านองค์ประมุขแห่งสหราชอาณาจักรต้องเข้าพิธีอภิเษกโดยไม่รู้ตัวและเดินทางสู่พระราชวังของพระสวามีเพื่อลี้ภัยจากผู้ปองร้าย แต่กลับต้องมาเจอศึกรักจากความริษยาของเหล่านางห้ามในพระราชวังและแผนร้ายของพระญาติฝ่ายพระสวามีกับผู้ปองร้ายหมายชิงบัลลังก์ร่วมมือกันวางแผนปลิดชีวิต...ชีวิตรักของพระ-นางคู่นี้จะเป็นอย่างไรไปติดตามด้วยกัน ...**** **********************
นิยายแนว...ทะเลทรายสวีต...ที่ยิ่งอ่านยิ่งสนุกของนักเขียนเล่มนี้ ได้พานางเอกไปผจญภัยร้ายท่ามกลางทะเลทรายร้อนระอุจากโจรทะเลทรายตัวปลอมและโจรทะเลทรายตัวจริงที่กักขฬะด้วยการเอาคืนของพระเอกที่ถูกนางเอกใส่ร้ายให้เสื่อมเสียชื่อเสียงและทำให้รู้ความจริงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำด้วยความเข้าใจผิด แต่การเดินทางที่ใกล้ชิดทำให้ความรู้สึกของทั้งสองเปลี่ยนจากคู่กัดเป็นคู่ที่ถูกตาต้องใจกัน เกล็ดทรายอันร้อนระอุจากแสงแดดแผดเผาจึงกลายเป็นเกล็ดน้ำตาล ...***...“นายก็พูดได้สิ ลองมาเป็นฉันดูบ้าง จะได้รู้ว่าต้องกระตือรือร้นไปทำไม" เธอย้อนอย่างโมโห “เลิกอยากรู้อยากเห็นเสียที แล้วฟังฉัน ระหว่างพักอยู่ที่นี่ทุกคนต้องมีหน้าที่ หล่อนก็ต้องทำงานเหมือนกัน" เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติที่เธอไม่ค่อยจะได้ยินนัก “นี่นายโจร ฉันไม่ใช่ลูกน้องหรือคนรับใช้ของนายนะ นายเป็นคนจับตัวฉันมา ก็ต้องเลี้ยงดูให้ฉันอยู่สุขสบาย จะมาใช้งานกินแรงกันไม่ได้นะ" เธอโวยลั่น “ฉันไม่สน ถ้าไม่ทำก็ไม่ต้องกิน อาหารมีไว้ให้คนที่ต้องออกแรงทำงานเท่านั้น" เขาข่มขวัญ คงคิดว่าเธอกลัวอดตายแล้วจะยอมทำตามทุกอย่างละสิ...ฝันไปเถอะ...เธอเชิดหน้าใส่ “แต่ไม่ใช่ฉัน ดูปากฉันนะ..." เธอชี้ที่ปากตัวเองอย่างที่น้องณัชชาลูกสาวพี่บ๊อบชอบทำ “ฉัน...ไม่...ทำงาน...อะไร...ทั้งนั้น..." เธอเน้นทุกถ้อยคำให้เขาฟังก่อนจะหันหลังเดินจากมาพร้อมไฟโกรธลุกท่วมตัว ...ตาบ๊องเอ๊ย...จิตสำนึกเข่นเขี้ยวเหมือนอยากจะเคี้ยวเขาให้แหลกคาปาก เธอไม่ได้เป็นฝ่ายร้องตามเขามาถึงจะต้องยอมทำทุกอย่างที่เขา...สั่ง...สั่ง...สั่ง... โดยเฉพาะการทำงานแลกข้าวน้ำประทังชีวิต...เขาสิต้องรับผิดชอบหาข้าวหาปลามาเลี้ยงดูให้อิ่มหนำสำราญ หากเขาต้องการใช้ประโยชน์จาก ตัวเธอ... “งานแรก..." เขาพูดต่ออย่างไม่สนใจ “หล่อนต้องซักเสื้อผ้าให้ฉัน งานอย่างที่สอง-ต้องทำความสะอาดกระโจมที่เราพักด้วยกันทุกเช้ากลางวันเย็น เก็บที่นอน ปูที่นอน กวาดพื้น ถูพื้น และปัดฝุ่นทำความสะอาดตากเครื่องนอนทุกชิ้นทุกวัน อย่างที่ สาม-ต้องนำอาหารมาเสิร์ฟให้ฉันทุกมื้อ เสร็จงานแล้วหล่อนจึงจะได้อาหารกิน ถ้าไม่ทำก็ไม่ได้กิน เข้าใจไหม” มิลินยืนอ้าปากค้าง อยากจะกรี๊ดให้ลั่น เขามันจอมบงการสิ้นดี แล้วถือดีอย่างไรมาใช้งานเธอเยี่ยงนางทาสีประจำตัวแบบนี้ เธอยืนกำหมัดแน่น อยากจะแล่นเข้าข่วนหน้ารกเคราของเขาให้สาสมกับความโกรธที่ถูกโยนตำแหน่งทาสรับใช้ใส่แล้วเดินหนีไปซึ่งๆหน้า ...ตาบ้า...ตาบ๊อง...ตาบื้อ...ตา...ขี้เก๊ก...เธอก่นว่าเป็นชุด สุดจะทนพฤติการณ์แบบเจ้าใหญ่นายโต...สั่ง...สั่ง...สั่ง...โดยไม่ฟังเสียงใคร คิดว่าตัวเองเป็นใหญ่มาจากไหนกัน...ฮึ...***... **************************************************** นิยายเรื่องนี้เป็นความคิดสร้างสรรค์ของนักเขียนอย่างแท้จริง สงวนลิขสิทธิ์โดย : ศิรารัย-ศิรารัยนิยายรัก ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์คอมพิวเตอร์และสิ่งพิมพ์ ห้ามลอกเลียนทุกส่วนของหนังสือเล่มนี้ ห้ามเผยแพร่-จำหน่าย-ดัดแปลง-ทำซ้ำ-จัดพิมพ์ หรือห้ามกระทำการใดๆทุกประการกับนิยายเรื่องนี้ ก่อนได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้เขียน **************************************************
เพราะคิดว่าเป็นความฝัน ฉินหร่านจึงร่วมมือบรรเลงเพลงรักอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไฉนตื่นขึ้นมาถึงมีสามีเป็นของตัวเอง อีกทั้งสามีนางยังตาบอดอีกด้วย! แต่นั่นไม่น่าตกใจ เท่ากับที่นางมาอยู่ในร่างเด็กสาวในยุคจีนโบราณ ที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ อีกทั้งร่างนี้ถูกขายให้มาเป็นภรรยาของชายตาบอด แต่ไหนๆ ก็มาแล้วจึงจะใช้ชีวิตให้ดี ส่วนสามีนะหรือ หล่อขนาดนั้น แซ่บขนาดนี้ เดินหน้าเกี้ยวสามีสิ จะรออะไร!
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
เฉียวลู่ นักแสดงแถวหน้าของจีนมีข่าวฉาวออกมาทำให้ทางต้นสังกัดของเธอสั่งให้เธองดออกสื่อชั่วคราว จึงเป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับคนงานยุ่งตลอดทั้งปีของเธอที่จะได้พักผ่อน เฉียวลู่เดินทางกลับบ้านเกิดของเธอและการกลับไปครั้งนี้ทำให้ชีวิตของเฉียวลู่เปลี่ยนไปตลอดการ ฉีหมิงเยี่ยน อนุชาองค์เล็กของฮ่องเต้แห่งแคว้นฉี ถูกลอบปลงพระชนม์ระหว่างที่เดินทางมาทำหน้าที่เจรจาสงบศึกกับเเเคว้นเซียว เพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสทำให้ชินอ๋องความจำเสื่อมและได้รับการช่วยเหลือจากพ่อลูกตระกูลเฉียว เซียวยิ่น ฮ่องเต้แคว้นเซียวมีพระสนมมากมายเเต่กลับไม่สามารถให้กำเนิดพระโอรสได้โหรหลวงได้ทำนายเอาไว้ว่า ในอนาคตองค์รัชทายาทที่แท้จริงจะกลับมาเซียวยิ่นจึงมีรับสั่งให้ทหารออกตามหาพระโอรสและอดีตฮองเฮาของตนอย่างลับๆ ฉินอี้เหยา ได้รับบาดเจ็บสาหัสร่างลอยตามแม่น้ำมาพร้อมกับเด็กทารกในอ้อมแขนเมื่อฟื้นขึ้นมานางจึงแสร้งจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ เพื่อให้นางและบุตรชายมีชีวิตรอดต่อไป