หญิงชั่วก็มีหัวใจ หากเลือกได้ ข้าคงไม่ทำ... หญิงชั่วก็มีหัวใจ หากเลือกได้ ข้าคงไม่ทำ...
หญิงชั่วก็มีหัวใจ หากเลือกได้ ข้าคงไม่ทำ... หญิงชั่วก็มีหัวใจ หากเลือกได้ ข้าคงไม่ทำ...
เที่ยงคืน ณ เวลาปัจจุบัน
ในห้องชุดสุดหรูของท่านเฉิน มาเฟียวัยห้าสิบผู้ร่ำรวยและทรงอิทธิพลจากธุรกิจมืด
สามร่างบนเตียงหนานุ่มนัวเนียจนยากจะหารู้ได้ว่าใครเป็นใคร
หนึ่งเป็นร่างอวบอัดอรชรของหญิงสาววัยยี่สิบ หยางลี่จือ คือชื่อของเธอ
หนึ่งคือท่านเฉิน ซึ่งแม้ว่าจะมีวัยล่วงห้าสิบ แต่ก็ยังดูแลสุขภาพเป็นอย่างดี รูปร่างท่านสันทัดและมีกล้ามเนื้อ และอีกหนึ่งคือร่างลำสันสูงใหญ่ของอาเฟย บอดี้การ์ดหนุ่มคนสนิท ทั้งคู่เปลือยเปล่าและกำลังเพลิดเพลินกับการสวิงกิ้ง
ท่านเฉินนอนถ่างขาอยู่บนเตียงที่มีลี่จือคลานสี่ขาที่ปลายเตียงแล้วก้มหน้าอยู่ตรงกลางหว่างขาของท่าน ปากสวย ๆ ของเธออ้าอมดุ้นลำอวบอ้วนของท่านเอาไว้ ศีรษะผงกรูดเข้ารูดออก พวงแก้มขยับตอบตามจังหวะดูดเร้า ผสานเคล้าเข้ากับเสียงครางราววัวถูกเชือดของท่านเฉินที่ถูกความซ่านเสียวโจมตี
“ โอว ซี้ด เธอนี่ดูดเก่งจริง ๆ ลี่จือ จะทำฉันแตกในปากอยู่แล้วนะ ”
เธอไม่ตอบเพราะมีดุ้นคาปาก แต่ครางอืออาเพราะตนเองที่คลานสี่ขาอยู่นั้นก็กำลังถูกโจมตีด้วยลิ้นและปาก ของบอดี้การ์ดหนุ่ม
เขาทั้งดูดทั้งเลียกลีบพูขาวอวบที่แลเห็นปลิ้นลอดจากทางเบื้องหลังดังจ๊วบจ๊าบ เธอกระตุกสะโพกยึก ๆ ตามแรงซ่านเสียว ก่อนจะต้องสะดุ้งเฮือกเพราะเขายัดลำเอ็นใหญ่ยาวกระทุ้งเข้ามาในร่องหอยอย่างไม่ทันตั้งตัว
ตั้บ !
ทีเดียวมิดลำ !
แล้วกระซวกแทงเข้าออกราวกับเขาและเธอมีเรื่องเคืองแค้นกันแต่ชาติภพก่อนเก่าอย่างไม่ปรานี ลี่จือต้องคายดุ้นของท่านเฉินออกไปแล้วใช้มือสาวให้แทน เพราะเธอหายใจไม่ทันและต้องการจะครวญครางระบายความซ่านเสียว
“ อ๊ายยย ใหญ่จังเลยค่ะ เสียวหอยหมดแล้ว ”
เธอว่า ใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเกอย่างแสนทรมานแต่เป็นความทรมานที่ช่างอภิรมย์เป็นยิ่งนัก
บอดี้การ์ดหนุ่มยิ่งได้ใจ สองมือใหญ่ยึดสะโพกของเธอไว้แล้วกระเด้ารัวแรง เรือนกายของหญิงสาวสั่นคลอนนมสองเต้าอันอวบใหญ่สั่นไหว ท่านเฉินรีบขยับไปขยำ ฟอนเฟ้นมันอย่างรุนแรงแล้วดูดเลียกินมันดังจ๊วบ ๆ
“ อู๊ยย ซี้ดดด ” หญิงสาวคร่ำครวญเมื่อโดนความซ่านเสียวโจมตีทวีคูณ
“ เสียวเหรอ ” ท่านเฉินถามอู้อี้เพราะเต้านมยัดปาก
“ เสียวสิคะ สุด ๆ ”
“ ฉันจะทำให้เธอเสียวมากขึ้น ” มาเฟียว่า พลางละปากจากเต้านมแล้วไปหยิบบางอย่างออกจากกระเป๋าบนโต๊ะ มันคือเข็มฉีดยานั่นเอง แล้วเขาก็หยิบขวดเล็ก ๆ ที่ภายในบรรจุของเหลวสีใสราวกับน้ำบริสุทธิ์แต่แท้จริงแล้วคือยาเสพติดชนิดใหม่ที่ทีมของท่านได้ผลิตขึ้นมา มันจะมีฤทธิ์ปลุกกำหนัดให้ยิ่งซาบซ่านและคึกคักอยู่ได้เป็นวัน ๆ โดยมิเหนื่อยอ่อน
ท่านเฉินใช้เข็มดูดมันเข้าไปในไซลิงก์ ก่อนจะเดินไปฉีดเข้าสิ่งนั้นให้หญิงสาวที่ข้อพับ เธอเองก็ยอมแต่โดยดี เพราะชีวิตของเธอพัวพันอยู่กับสิ่งนี้ตลอดมา
ยาเสพติด เซ็กส์ สิ่งมึนเมาและอบายมุขทุกชนิด...
“ อาาา ” เธอครางอย่างหฤหรรษ์ หลับตาพริ้มกำซาบซ่านกับตัวยาที่เดินเข้าไปในเส้นเลือด
“ อูว ดีจัง ”
ท่านเฉินยืนมองใบหน้าเปี่ยมสุขของหญิงสาวคู่ขาอย่างพึงพอใจ ก่อนจะออกคำสั่งลูกน้อง
“ อาเฟย จับเธอลุกขึ้นยืน เดี๋ยวแกเข้าข้างหลัง ฉันจะเข้าข้างหน้า ”
“ ครับท่าน ” อาเฟยกระชากดุ้นลำออกจากร่องหอยแล้วจับเธอลุกขึ้นยืนตามคำสั่งของผู้เป็นนาย หญิงสาวยังหลับตาพึมพำอะไรบางอย่าง ใบหน้าของเธอเปื้อนยิ้มราวคนมีความสุขเหลือเกิน
“ ชอบใช่ไหม ”
“ ค่ะ ดีจัง ดีสุด เสียวมาก ดีมาก เหมือนขึ้นสวรรค์ ” เธอคร่ำครวญทั้งที่ยังหลับตาในท่ายืน ท่านเฉินประกบด้านหน้า อาเฟยประกบด้านหลังก่อนใช้ท่อนแขนช้อนยกเรียวขาของเธอขึ้นข้างหนึ่งเพื่อให้รูเปิดอ้าสะดวกต่อการทิ่มแทง
แล้วลำเอ็นอันหนึ่งก็แทงเข้าไปในหอย อีกอันแทงเข้าไปในรูทวาร ก่อนทั้งคู่จะกระเด้าเข้าใส่ทั้งรูหน้าและรูหลังของหญิงสาวพร้อมกันอย่างไม่บันยะบันยัง
“ อา เสียวฉิบหาย ”
“ ซี้ดดดด ”
“ อู๊ยยย ”
ตั้บ ๆๆๆๆ
เสียงครวญครางด้วยแรงกระสันของคนทั้งหมดและเสียงเนื้อกระแทกเนื้อดังสนั่นหวั่นไหว
แต่ฉับพลันหญิงสาวก็รู้สึกหายใจหายคอไม่ทันเส้นเลือดในกายเต้นตุบรุนแรง หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
“ ดะ... เดี๋ยวแป๊บนึงนะคะ ลี่จือหายใจไม่ทัน ” เธอบอก แต่ชายทั้งคู่ไม่สนสี่สนแปดใด ๆ เพราะกำลังเมามันกับการรุมกระเด้ารูแน่น ๆ อย่างไม่ลืมหูลืมตา
“ ยะ... หยุดก่อน หยุดก่อนค่ะ ” ลี่จือเอ่ยปากวอนขอแต่เสียงนั้นมันเริ่มแผ่วเบาตามลมหายใจ เธอรู้สึกหัวสมองหมุนติ้ว แขนขาอ่อนแรง หัวใจที่เต้นเร็วเมื่อครู่มันค่อย ๆ ผ่อนแรงลงด้วย เธอเห็นจุดสีขาวเล็ก ๆ อยู่ไกล ๆ
“ เฮ้ย ๆ อาการแบบนี้เหมือนท่านหญิงหงหลันฮวาตอนที่โดนวางยาเลย ไม่นะ ๆ ฉันยังไม่อยากตาย ”
ลี่จือพึมพำ เมื่อนึกถึงนิยายย้อนยุคเรื่องล่าสุดที่ตนอ่านค้างไว้
เสียงสังวาสที่ดังก้องอยู่ในหูเริ่มจางหาย เธอได้ยินเพียงเสียงวี้ ๆ แว่วมาแต่ไกลก่อนจะค่อยขยายดังขึ้น จุดสีขาวนั้นก็เช่นกัน จากจุดเล็ก ๆ มันเริ่มขยับเข้ามาใกล้และขยายวงกว้างขึ้น ก่อนจะพุ่งวาบเข้าหาตัวเธออย่างรวดเร็ว
“ ฉันยังไม่อยากตาย ฉันยังไม่อยากตาย ! ” ลี่จือร้องออกมาก่อนที่ทุกสิ่งอย่างเบื้องหน้าจะดำมืดคล้ายท้องฟ้ายามรัตติกาลในคืนเดือนมืดที่ไม่มีแม้แสงดาว
ดับ... สนิท...
สองวันถัดมา ณ คอนโดมิเนียมของลี่จือ
“ โธ่ นังลี่จือ นังร่าน แกไม่น่าชิงหนีพวกฉันไปตายก่อนเลย ทำไมวะ แล้วใครจะพาฉันร่านวะอีบ้า ”
เสี่ยวอี้ หนึ่งในกลุ่มเพื่อนนักศึกษาที่สนิทของลี่จือพูดพลางสะอื้นไห้ ขณะที่กำลังเก็บข้าวของของลี่จือลงกล่อง
สองวันที่แล้วเธอได้รับแจ้งข่าวจากทางโรงพยาบาลที่โทรมาแจ้งว่าเพื่อนสนิทของเธอเสียชีวิตแล้วจากอาการหัวใจวายเฉียบพลัน
“ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าอาจือจะหัวใจวายตาย มันแข็งแรงจะตายนะโว้ย ฟิตเนสมันก็เข้าตลอด อาหารเสริมวิตามินเสริมอะไรมันก็กิน ” สวี่เชียง อีกหนึ่งสาวว่า
“ แต่พวกแกอย่าลืมสิว่าลี่จือมันเล่นยาหนัก \ไม่ต่างจากพวกเรา ยิ่งเวลารับแขกมันก็ยิ่งชอบ จะแข็งแรงแค่ไหน ถ้าเสพยาเกินขนาดมันก็อาจเป็นได้ แล้วแกอย่าลืมนะว่ามันตายคาอกใคร นั่นท่านเฉิน มาเฟียตัวเป้งนะเว้ย ใครจะกล้าพูดว่ามันกำลังเอากับท่านเฉินแล้วขาดใจตาย ” เฟิงซิ่นสาวในกลุ่มคนสุดท้ายว่า
“ จะทำยังไงได้วะ เวลารับแขก ถ้าไม่เล่นยาแล้วจะมีอารมณ์ร่วมได้ยังไง บางคนอ้วนอย่างกับหมู บางคนแก่กว่าพ่อของพวกเราอีก ” เสี่ยวอี้ว่า ทั้งหมดนั่งนิ่ง ไม่พูดไม่จา เพราะสิ่งที่เสี่ยวอี้ว่านั้นมันถูกต้องทั้งหมด
โปรย : " ขออีกครั้งได้ไหม " " หมายถึงโอกาสเหรอคะ " " ก็ โอกาสด้วย อย่างอื่นด้วย " เธอยิ้ม ขยับเข้าไปหาแล้วกระซิบข้างหูเขาเบา ๆ " อย่างอื่นนี่คืออะไรเหรอคะ " ลมหายใจอุ่น ๆ เป่าลงที่ซอกคอ และเธอตั้งใจแตะริมฝีปากให้ถากบนใบหูของเขา เพียงเท่านั้นเลือดหนุ่มก็เดือดพล่านเหลือเกินแล้ว " พูดได้เหรอ " " ถ้าไม่อยากพูด ทำเลยก็ได้ " ++++++++++++ มาเซ้ นางเอกเราสู้คนค่ะคุณขา หมายเหตุ : แมธธิว พระเอกของเรื่องนี้ เป็นตัวละครหนึ่งในกลุ่มเพื่อนสนิทจากเรื่อง คุณแสนร้าย , น้องนุ่ง , เล่ห์ร้อน ทุกเรื่องจะมีตัวละครทั้งสี่ปรากฏในเรื่อง แต่เนื้อเรื่องไม่เกี่ยวข้อง สามารถอ่านแยกกันได้ แต่ถ้าจะให้ม่วนจอยครบสูตรก็ฝากทั้งสี่ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ ++++++++++++++++++++++++ 4 เรื่อง 4 รส 4 หนุ่ม ดังนี้ 1. คุณแสนร้าย (แสนสราญ + หนึ่งฤทัย) 2. ขออีกครั้ง (แมธธิว + พราวด์ ) 3. น้องนุ่ง (เอกบุรุษ + เขมิรา) 4. เล่ห์ร้อน (เขมมะ + ขนม)
เธอไม่ได้ชอบเบา ๆ หรอก ฉันรู้ดี... โปรย : จากเด็กในบ้านที่มีสัมพันธ์กันลับ ๆ วันหนึ่งเธอตัดสินใจโบยบินไปจากอ้อมอก ตอนนั้นเขาพึ่งรู้หัวใจตัวเอง เขาหวง เขาหึง เขาคิดถึง เขาคลั่งแทบบ้า และจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เธอคืนมา ! ตัวอย่าง : " คุณแสนมีธุระอะไรคะ " ใบหน้าหล่อเหลาที่เรียบเฉยยกยิ้มมุมปากทันทีที่ได้ยินคำถามนั้น " พูดจาดูห่างเหินจังนะ " " คุณทราบได้ยังไงคะว่าหนึ่งอยู่ที่นี่ " " ก็แค่บังเอิญผ่านมา " " บังเอิญแน่เหรอคะ " " แน่สิ ทำไมล่ะ ที่นี่มันร้านกาแฟที่ลูกค้าที่ไหนจะมาซื้อก็ได้ทั้งนั้น รวมถึงฉันด้วย " " หนึ่งจะปิดร้านแล้วค่ะ " " ใจดำจังนะ ออกมาไม่บอกไม่กล่าว รีบอะไรขนาดนั้น " คราวนี้เธอเงียบ เขาจึงยิงคำถามต่อ " เห็นน้าละมุนบอกว่าวันที่ขนของมีหนุ่มไปรับ " คำพูดนั้นทำให้เธอเชิดหน้าขึ้น " ค่ะ แฟนหนึ่งเอง หนึ่งย้ายมาอยู่กับเขาที่นี่ " เธอเน้นย้ำคำว่า ที่นี่ ให้เขาได้ยินชัด ๆ เขานิ่งไปชั่วขณะก่อนจะยิ้มออกมา " แต่ตอนนี้ร้านดูเงียบ ๆ แฟนไม่อยู่เหรอ " " คุณแสนจะสั่งอะไรไหมคะ ถ้าไม่สั่งหนึ่งขออนุญาตเชิญกลับ เพราะหนึ่งต้องปิดร้าน " " นี่เป็นแม่ค้ายังไงจะไล่ลูกค้าออกจากร้าน ใจร้ายจังนะ " เธอยืนจ้องเขาเขม็ง คิ้วได้รูปขมวดนิด ๆ อย่างหงุดหงิด แสนสราญนึกสนุกที่ได้เห็นท่าทีแข็งกร้าวต่อต้าน และคนสันดานเสียอย่างเขาก็ชอบที่จะเอาชนะเสียด้วยสิ " อยากได้เครื่องดื่ม " " รับอะไรดีคะ " " นมสด " " นมสดไม่มีค่ะ เมนูตามนี้เลย " เธอผายมือไปยังป้ายเมนูไม้แบบมินิมอลน่ารักที่มีรายชื่อเครื่องดื่มอยู่บนนั้น แต่เขาไม่ได้มองตามไปที่นั่น สายตากรุ้มกริ่มจ้องอยู่ที่อกอวบ แม้มีเสื้อยืดสีขาวสกรีนชื่อร้านห่อหุ้มอีกทั้งผ้ากันเปื้อนทับอีกชั้น แต่เธอก็ยังรู้สึกถึงความร้อนผ่าวที่เกิดขึ้นภายในทรวงเพียงถูกเขาจ้อง " มีสิ เต็มปากเต็มคำดีเสียด้วย " หมายเหตุ : คุณแสน พระเอกของเรื่องนี้ เป็นตัวละครหนึ่งในกลุ่มเพื่อนสนิทจากเรื่อง ขออีกครั้ง , น้องนุ่ง , เล่ห์ร้อน ทุกเรื่องจะมีตัวละครทั้งสี่ปรากฏในเรื่อง แต่เนื้อเรื่องไม่เกี่ยวข้อง สามารถอ่านแยกกันได้ แต่ถ้าจะให้ม่วนจอยครบสูตรก็ฝากทั้งสี่ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ ++++++++++++++++++++++++ 4 เรื่อง 4 รส 4 หนุ่ม ดังนี้ 1. คุณแสนร้าย (แสนสราญ + หนึ่งฤทัย) 2. ขออีกครั้ง (แมธธิว + พราวด์ ) 3. น้องนุ่ง (เอกบุรุษ + เขมิรา) 4. เล่ห์ร้อน (เขมมะ + ขนม)
" ผมใหญ่ครับ " " ใหญ่นี่ ชื่อหรือสรรพคุณคะ " " ก็... ทั้งสองอย่างครับ " +++++++++++++++++++++++++++ " ผมอยากเอาคุณเป็นบ้าเลย " ดวงตาของมิถุนาเบิกกว้างเมื่อได้ยินประโยคนั้น ไม่คิดไม่ฝันว่าเขาจะพูดมันออกมาตรง ๆ อย่างไม่ให้เกียรติเธอแม้แต่นิด " ไอ้โรคจิต หยาบคาย ! " เธอผรุสวาทออกมาทั้งยังพยายามดิ้นรนผลักไสให้ตัวเองหลุดพ้นพันธนาการอันเป็นอ้อมแขนเหนียวแน่นนั้น และแน่นอนว่านอกจากไม่หลุดแล้วเขายังรัดเธอแน่นเข้าไปอีก " ปล่อยฉันนะ ! " " ก็คุณบอกให้ผมพูดเอง " " ใครจะไปรู้ว่าความคิดคุณจะทุเรศลามกขนาดนั้น " " มันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ ธรรมชาติสร้างให้สัตว์เพศผู้เพศเมียสมสู่กันเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ ความต้องการทางเพศมันเป็นเรื่องปกติ หรือว่าคุณไม่เคยมีมัน " " ฉันมีคู่หมั้นแล้วและไม่ได้อยากดำรงเผ่าพันธุ์อะไรกับคนแบบคุณ ! " เขาหัวเราะเบา ๆ ต่างกับเธอที่ตาเขียวปั้ด อยากจะยกมือขึ้นตะกายหน้าหล่อ ๆ นั่นแทบบ้า ไอ้คนไร้มารยาท ! " เราไม่ต้องดำรงเผ่าพันธุ์อะไรทั้งนั้น " เขาเริ่มบทสนทนาต่อก่อนโน้มตัวไปกระซิบที่ข้างหูเธอเบา ๆ " แค่เอากันก็พอ " ++++++++++++++++++++++++++++++++++++ " ...แค่อยากจะมาทักทายคนคุ้นเคยเป็นการส่วนตัว " " ฉันไม่ใช่คนคุ้นเคยของนาย " " งั้นคุณเป็นคนคุ้นเคยของผมฝ่ายเดียวก็ได้ " " อย่ามากวนนะ ระวังจะโดนเอาคืน " " ก็เอาสิ จะเอาคืน เอาวัน หรือเอาทั้งวันทั้งคืนเลยก็ได้นะ ผมไม่ติด "
จะผิดไหม ถ้าอยากมีอะไรกับเพื่อนรัก เขาอยากสอดเสยลำใหญ่เข้าไปในกายเธอเหลือเกิน..เช่นเดียวกับเธอที่อยากให้เขาเข้ามาลึกๆ แรงๆ
พี่สาวครับ ตอนนี้ผมเป็นหนุ่มแล้วครับ ผมอยากกอด อยากหอม อยากจับ อยากเหลือเกินครับ อยากจะจับพี่ทำเมีย...
หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
เดิมทีฟางจินซิ่วมีอวกาศติดตัวได้เปิดคลินิกการแพทย์แผนจีนในยุคปัจจุบันและเจริญรุ่งเรือง ไม่มีการแข่งขันหนัก และทำงานมีวันหยุด เธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่แล้วมีวันหนึ่งที่เธอตื่นขึ้นมากลับข้ามมิติกลายเป็นชาวนาที่ฟมู่บ้านยากจน อีกทั้งได้เจอภัยแล้ง จากนั้นก็โดนขาย โชคดีที่ครอบครัวที่ซื้อเธอแตกต่างจากที่เธอจินตนาการไว้ เธอไม่ได้ถูกทารุณกรรม แต่ได้รับการดูแลอย่างดี ในยุคแห่งความขาดแคลนอาหาร และมีภัยแล้ง ฟางจินซิ่วตัดสินใจตอบแทนความเมตตาของครอบครัวนี้ แม่สามีป่วยหนัก? สำหรับปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอเก็บสมุนไพรและแช่ในสระศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งรักษาเธอให้หายดีภายในไม่กี่นาที ที่บ้านไม่มีอาหาร? ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอไปล่าสัตว์กับครอบครัวและโชคก็เข้าข้างเธอ ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน เหยื่อก็จะตกหลุมพรางเสมอ กินแต่เนื้อสัตว์โดยไม่มีผักหรือ? มันเป็นปัญหาเล็กๆ เทน้ำในสระศักดิ์สิทธิ์เพียงหยดเดียว ก็สามารถปลูกพืชได้ทุกชนิดและกินผักและผลไม้อะไรก็ได้ที่พวกเธอต้องการ ญาติที่อิจฉากำลังมาก่อเรื่องเมื่อเห็นว่าพวกเธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย สำหรับปัญหาเล็กน้อยนี้ เธอเรียกผู้ชายที่มีความแข็งแกร่งของเธอมาจัดการพวกเขา อะไร คุณถามว่าสามีของฉันทำไมเชื่อฟังได้ขนาดนี้? จงหวี่เดินเข้ามาด้วยสายตาเร่าร้อน "คุณภรรยา ตราบใดเจ้ายอมอยู่เคียงข้างข้าตลอดชีวิต ถึงเอาชีวิตข้าไปข้าก็ยอม"
เจียนเยว่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากจนกระทั่งพบอาของเธอ แต่เธอก็ตกหลุมรักอาของเธออย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ น่าเสียดายที่อาคนนั้นกำลังจะแต่งงาน เลยจัดให้เธอไปต่างประเทศ เพื่อแก้แค้น เธอจึงเรียนวิชาบุรุษวิทยาและหลังจากกลับมาอีกครั้ง เธอก็กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านบุรุษวิทยาที่มีชื่อเสียงที่สุด เชี่ยวชาญการรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ การหลั่งเร็ว ภาวะมีบุตรยาก... คราวนี้คุณอาดันเธอไว้ในห้องนอน "ถ้าอยากดูร่างกายของผู้ชายมาก ก็ช่วยตรวจให้ผมหน่อยสิ" เธอยิ้มอย่างชั่วร้าย และใช้มือปลดเข็มขัดของเขา "มิน่าเล่าขนาดอามีคู่หมั้นแล้ว แต่กลับไม่แต่งงานสักที ที่แท้มันใช้งานไม่ได้สินะ" "จะได้หรือไม่ได้ คุณก็ลองดูเองสิ" "ไม่เลย อาไปหาคนอื่นช่วยดูให้เถอะ"
หลีซินแพทย์ศัลยกรรมในยุคปัจจุบันได้ทะลุมิติเข้าร่างสตรีลูกขุนนาง ที่มีความเอาแต่ใจ อารมณ์ร้ายเป็นใหญ่ แต่ทว่าสตรีนางนี้ ต้องแต่งงานกับหยางอ๋องผู้มีลูกติดฝาแฝดชายหญิง
© 2018-now MeghaBook
บนสุด