เพราะคืนนี้ทำให้ด้ายแดงเริ่มทำงานผูกพันธ์หัวใจของทุกคนไว้ด้วยกัน มาดูกันสิะว่าพวกเขาจะแก้เรื่องราวยุ่งเหยิงนี้ได้หรือไม่ นัทธนิษฐ์ นักธุรกิจสาวชาวไทยวัย 30 ปี ที่กำลังสร้างแบรนด์เครื่องสำอางให้ติดตลาดเอเชีย กลับต้องกลายเป็นคู่นอนข้ามคืนของซู่เหลียงฉีนักธุรกิจคู่แข่งคนสำคัญของเธอ กลายเป็นว่าพอรู้ตัวอีกที เธอก็ลืมคืนนั้นไม่ได้ ส่วนเขาล่ะยังจำคืนนั้นได้หรือเปล่า
#####1
หญิงสาวพยุงร่างตัวเองออกจากสถานการณ์วุ่นวายตรงหน้า ตอนนี้เธอปวดหัวจนเหมือนหัวจะระเบิด แถมยังรู้สึกมึนหัวราวกับทุกสิ่งรอบตัวเธอมีล้อเลื่อนเคลื่อนที่ได้หมดทุกสิ่ง กว่าจะพาตัวเองออกมาอยู่ในที่เงียบสงบได้นัทธนิษฐ์ก็ต้องใช้พลังเป็นอย่างมาก ตอนนี้เธอไม่รู้ว่ากำลังเดินไปที่ไหน ขอแค่เป็นที่สงบ ๆ แค่ให้เธอได้พักสายตาก็พอ
เดินมานานจนเธอรู้สึกว่าไกลจากที่วุ่นวายนั่นพอสมควร ก่อนที่เธอจะล้มฟุบอยู่ในสถานที่ที่เธอไม่รู้จักก็มีวงแขนแข็งแกร่งของใครบางคนเข้ามารับร่างแบบบางเอาไว้ได้ทันเวลาพอดี
“คะ คะ คุณพูดภาษาอังกฤษได้ไหม” เธอถามเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ได้ครับ” เขาตอบกลับคนตัวเล็กที่เนื้อตัวนุ่มนิ่ม
เมื่อได้สัมผัสร่างกายนุ่มนิ่มบวกกับกลิ่นน้ำหอมราคาแพงที่เธอฉีด ทำให้อารมณ์บางอย่างที่เขาพยายามอดทนไว้แทบจะกลั้นไม่อยู่ส่วนล่างของเขาปวดหนึบไปหมด ไม่รู้ว่าเพราะอะไร หลังจากดื่มไวน์ราคาแพงในงานเลี้ยงต้อนรับกลุ่มธุรกิจต่างประเทศ ซู่เหลียงฉีก็เกิดอารมณ์บางอย่าง ที่จำเป็นต้องปลดปล่อย
เขาเพียงต้องการจะกลับไปพักที่ห้องพักส่วนตัวในโรงแรมที่เขาเป็นเจ้าของเท่านั้น ซึ่งไม่คาดคิดว่าจะได้เจอหญิงสาวชุดเดรสสีขาวสั้นกุดรัดรูปดูเย้ายวน ท่าทางเหมือนคนเมาหลงทาง
“คุณขึ้นมาบนชั้นนี้ได้ยังไง นี่เป็นพื้นที่ส่วนตัว เฉพาะคนที่มีคีย์การ์ดเท่านั้นถึงจะขึ้นมาที่นี่ได้”
“ฉันไม่รู้ มีคนเปิดลิฟต์ให้ฉัน เขาบอกแค่ว่าห้องพักของฉันอยู่ที่ชั้นบนสุดของตึกนี้ ออกจากลิฟต์เดินไปสุดทาง”
นัทธนิษฐ์ผละออกจากวงแขนแข็งแกร่งพยายามเดินไปสุดทางเดินตามคำบอกเล่าของใครสักคน ร่างอวบอัดที่ดูนุ่มนิ่มไปทุกส่วนของร่างกายค่อย ๆ เกาะของผนังยันตัวเองไปเรื่อย ๆ
ซู่เหลียงฉี มองร่างเย้ายวนที่ตอนนี้เดินโซเซไปมาจนทนไม่ไหว
“เดินช้าแบบนี้เมื่อไหร่จะถึงห้องกันล่ะ” ความอดทนของเขาไม่มากพอที่จะรอให้เธอเดินไปจนถึงห้อง ร่างสูงเข้ามารวบคนตัวเล็กกว่าไว้ในอ้อมแขนอย่างรวดเร็ว
พอได้ใกล้ชิดขนาดนี้ เรื่องที่ต้องทนก็ทนไม่ไหวแล้ว ถ้าเธอมาถึงที่นี่ได้ ตอนนี้เธอก็คงเป็นผู้หญิงที่ใครสักคนส่งมาเพื่อเป็นของเขาในคืนนี้ พวกนั้นคงรู้รสนิยมของเขาดี ถึงได้จัดอาหารเลิศรสมาให้ เขาไม่ชอบของราคาถูก ชุดเดรสราคาแพง กระเป๋าแบรนด์หรู กำไลคาร์เทียร์ บวกกับน้ำหอมชั้นดี ทำให้ผู้หญิงตรงหน้าถูกสเปคเขาไปหมด ทุกอย่างต้องพิถีพิถันไม่เว้นแม้กระทั่งคู่นอน
นัทธนิษฐ์รู้สึกได้ถึงการคุกคามเธอ เขารวบตัวเธอแบบไม่ทันตั้งตัวถึงแม้จะมึนหัวขนาดไหน เธอก็ยังคงมีสติพอจะรับรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ลมหายใจอุ่นของชายแปลกหน้าเรี่ยรดอยู่ข้างหู แม้ว่าจะขัดขืนต่อต้านแค่ไหน เขาก็ไม่ปล่อยให้เธอเป็นอิสระ วงแขนแข็งแกร่งนั่นพันธนาการตัวเธอเอาไว้
“คุณจะพาฉันไปไหน ปล่อยฉันลงเถอะค่ะ” คนตัวเล็กดิ้นโวยวาย
เสียงปุ่มกดรหัสเข้าห้องสูทสุดหรู เขาพาเธอเขาห้อง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพาเหยื่อขึ้นมากินบนนี้
“ก็พาเธอไปทำหน้าที่ยังไงล่ะ คนของฉันน่าจะจ่ายไปเยอะ มันก็ต้องทำทุกอย่างให้คุ้มที่สุด”
พูดจบเขาก็โยนเธอลงโซฟาอย่างไม่ไยดี เสื้อเชิ้ตสีขาวถูกถอดออกเผยให้เห็นลอนกล้ามที่สวยงามเหมือนนักกีฬาอาชีพ
คนตัวเล็กพยายามดิ้นรนหนีให้พ้นจากการกระทำของเขา ร่างแบบบางหล่นลงข้างโซฟา พยายามคลานหนี ชุดกระโปรงสีขาวราคาแพงตัวสั้นกุดของเธอดึงรั้งจนเผยให้เห็นบั้นท้ายอวบอัดที่ซุกซ่อนอยู่ในแพนตี้ตัวจิ๋ว
“เธอนี่ก็ยั่วดีเหมือนกันนะ”
คำพูดหยาบคายหลุดออกจากปากชายร่างสูงที่ตอนนี้อยู่กึ่ง ๆ เปลือยเปล่า
นัทธนิษฐ์รู้ดีว่าเหตุการณ์ต่อไปนี้จะเกิดอะไรขึ้น ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ใช่ผู้หญิงเวอร์จิ้น แต่การมีอะไรโดยที่เธอไม่ยินยอมก็ไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องการ
ซู่เหลียงฉีดึงข้อเท้าเล็ก ๆ ของคนที่กำลังคลานหนีให้กลับเข้ามาอยู่ในพันธนาการ เขารวบสองมือเธอเอาไว้พื้นพรมอุ่น
“ปล่อยฉันไปเถอะ อย่าให้เรื่องมันเลยเถิดไปกว่านี้เลย”
“อะไรคือเลยเถิด ก็ในเมื่อเธอต้องเป็นของฉันอยู่แล้ว”
“ฉันไม่ใช่ผู้หญิงของคุณ คุณเข้าใจผิด” คนตัวเล็กที่อยู่ใต้ร่างต่อรอง
“ฉันว่าไม่ผิดหรอก” พูดจบ ร่างสูงก็เริ่มสูดกลิ่นหอมของคนตัวเล็ก เขาขบเม้มโลมเลียติ่งหูของเธอ จนสัมผัสได้ว่าคนใต้ล่างเริ่มส่งเสียงอื้ออึงในลำคอ
ริมฝีปากอวบอิ่มนั่นพยายามร้องขอให้เขาปล่อยเธอ
“ปล่อย.....”
ไม่ทันที่คนตัวเล็กจะได้ส่งเสียงออกมาเป็นภาษา เขาก็ช่วงชิงอากาศจากริมฝีปากอวบอิ่มยั่วยวนนั่น เธอมีเสน่ห์ที่เขาไม่สามารถอดกลั้นได้ ถ้าเป็นผู้หญิงราคาถูกทั่วไป เขาจะไม่ปล่อยมาถึงขั้นนี้
คนตัวเล็กไม่ค่อยประสากับการกระทำของเขา ปล่อยให้ลิ้นลวกร้อนสอดเข้ามาอย่างคุกคาม เธอเริ่มผ่อนคลาย อาจเป็นเพราะฤทธิ์เหล้าในงานเลี้ยง เธอเคลิบเคลิ้มไปกับอารมณ์ร้อนแรงที่เขามอบให้
มือไม้ของคนตัวใหญ่กว่าก็อยู่ไม่สุข เขาลูบไล้ไปทั่วทุกสัดส่วนอวบอัด อยากจะเห็นแล้วว่าภายใต้ชุดเดรสราคาแพงสินค้าจะมีคุณภาพขนาดไหน
“ขอเช็คสินค้าหน่อยนะ”
เขากระซิบเสียงกระเซ่าข้างหู เล่นเอาเธอขนลุกไปทั้งตัว
“อย่าถอดนะ” เธอพยายามมีสติปัดป้อง แต่ก็ไม่สามารถต้านทานแรงของคนตัวใหญ่กว่าได้
ชุดเดรสสีขาวตัวสั้นถูกฉีกออกจากร่างอย่างไม่ไยดี เขาไม่สนว่ามันจะราคาแพงขนาดไหน แค่อยากรู้ว่าภายใต้ชุดเย้ายวนนั่นจะซ่อนอะไรเอาไว้บ้าง
เมื่อไร้เกราะป้องกันก็เผยให้เห็นอกอวบอิ่มภายใต้บราเซีย เขาก้มลงสูดกลิ่นกายอย่างหื่นกระหาย สองมือก็อ้อมไปด้านหลังปลดปราการชิ้นสุดท้ายออก ปทุมถันคู่งามปรากฏต่อหน้า เขาดูดกลืนกินจนเธอต้องยอมเผยเสียงครางรัญจวน
“อ๊า อย่า ทำแบบนี้” คนตัวเล็กพยายามจะดิ้นหนี แต่ความสุขที่เขามอบให้ก็ทำเอาเธออยากตายตรงนั้น
ความสุขสมที่เธอไม่เคยได้รับกับแฟนเก่าสมัยเรียน ป.โท ก็แค่ทำทุกอย่างให้มันจบ ๆ ไปเธอไม่เคยได้รับการปรนนิบัติขนาดนี้ ความสุขที่คนแปลกหน้ามอบให้ทำเอาสมองเธอพร่ามัวราวกับคนโง่งม
“เธอ สวยขนาดนี้ ทำไมถึงยอมทำงานแบบนี้ล่ะ”
งง เธองงกับคำถามของเขางานอะไร นี่เขาคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงขายตัวหรือไง
เพราะความแค้นและจมไม่ลงของณิชา ทำให้เธอต้องลงสนามเข้าสู่วังวนของความสัมพันธ์ต้องห้ามของเธอกับพ่อของอดีตแฟน ครั้งแรกของเธอถูกมอบให้กับชยนต์เพื่อแลกกับการได้ไปเรียนต่อต่างประเทศ "มาเถอะฉันจะสอนเธอเอง" เธอต้องการทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ ทำให้ณิชาตัดสินใจยอมเดินเข้าไปหาพ่อของผู้ชายที่ทิ้งเธอไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น เขาถามซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าจะยอมทำข้อตกลงกับเขาใช่ไหม และเธอก็ตอบตกลงรับข้อเสนอของเขาอย่างไม่ลังเล
พราะเข้าไปช่วยชีวิตผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่งเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน ทำให้ชีวิตดั่งเจ้าหญิงของเฮเซลเปลี่ยนไปตลอดกาล
คุณหนูเสิ่นใช้ชีวิตเป็นคุณหนูผู้ร่ำรวยแสนร้ายกาจอยู่ดี ๆ ก็หลุดเข้ามาในการ์ตูนที่เปิดอ่านผ่าน ๆ ซะอย่างนั้น (อ่านฟรีวันละ 1 ตอนจนกว่าจะจบ)
หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง
ในคืนวันเกิดอายุยี่สิบสองปี ลี่เฉี่ยนโลว่ถูกแฟนหนุ่มวางยา และไปมีอะไรกันกับซือจิ้นเหิง ผู้ชายลึกลับคนหนึ่งตลอดทั้งคืน วันรุ่งขึ้นเธอพบว่าครอบครัวเธอถูกทำลายจนไม่มีอะไรเหลือ เธอแต่งงานกับจิ้นเหิง ได้รับการคุ้มครองจากเขา และใช้เขาเพื่อแก้แค้น "ฉันเป็นภรรยาที่ถูกกฎหมายของเขา" แม้ว่าแม่สามีของเธอจะไม่ยอมรับ แม้ว่าแฟนสาวที่เป็นซุปเปอร์สตาร์ของเขาจะตามมาอยู่ด้วยกัน เธอก็ยังคงยืนยันอยู่อย่างนั้น เธอแท้งโดยบังเอิญ แต่เขากลับเข้าใจผิดว่าเธอไม่อยากมีลูกกับเขา และด้วยความเข้าใจผิดต่าง ๆ อีกหลายหย่าง เธอเลือกที่จะกระโดดลงทะเลเพื่อฆ่าตัวตาย หลายปีต่อมา เมื่อเธอกลับเข้ามาในชีวิตของเขาอีกครั้ง เขาถึงกับตกตะลึง ชายคนนี้ได้สิ่งที่ต้องการจากเธอแล้ว แต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงยังรังควานและทรมานเธอต่อไป
องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
เพลิงกัลป์ / Ryuu ริว ซาโต้อิชิบะ หัวหน้าแก๊งมาเฟียใหญ่ในคราบคุณหมอ หล่อ เลว เถื่อน ร้ายกับทุกคนไม่เว้นแม้กระทั่งกับ เธอ "กฎของการเป็นของเล่นคือห้ามรักเขา" ลูกพีช รินรดา สวย เซ็กซี่ สดใส ร่าเริง ปากร้าย กล้าได้กล้าเสีย สายอ่อยตัวแม่ "ของเล่นที่มีหัวใจของผู้ชายที่ไร้หัวใจ"