เพราะความแค้นและจมไม่ลงของณิชา ทำให้เธอต้องลงสนามเข้าสู่วังวนของความสัมพันธ์ต้องห้ามของเธอกับพ่อของอดีตแฟน ครั้งแรกของเธอถูกมอบให้กับชยนต์เพื่อแลกกับการได้ไปเรียนต่อต่างประเทศ "มาเถอะฉันจะสอนเธอเอง" เธอต้องการทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ ทำให้ณิชาตัดสินใจยอมเดินเข้าไปหาพ่อของผู้ชายที่ทิ้งเธอไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น เขาถามซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าจะยอมทำข้อตกลงกับเขาใช่ไหม และเธอก็ตอบตกลงรับข้อเสนอของเขาอย่างไม่ลังเล
ทันทีที่แฟนหนุ่มที่คบหากันมายาวนานกว่าสี่ปี บอกกับว่าเธอว่าเขากำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงที่ครอบครัวเขาเลือกให้ ณิชาก็รู้สึกกับโลกทั้งใบกำลังแตกสลาย หญิงสาวพยายามอ้อนวอนขอร้องให้แฟนหนุ่มเห็นใจในความรักของเธอที่มีต่อเขา
พยายามอย่างเต็มที่ในการเรียกร้องให้ผู้ชายคนนั้นหันหลังกลับมาหาเธอ
“หนีไปด้วยกัน เราหนีไปด้วยกันได้ไหมคะพี่วี” หญิงสาวพยายามร้องขอและยื่นข้อเสนอให้กับปรวีร์
“พี่ทำแบบนั้นไม่ได้” ชายหนุ่มปฏิเสธ
แฟนหนุ่มตัดสายเธอทิ้งทุกครั้งที่ณิชาพยายามโทรหา เพราะมัวแต่วุ่นวายวนเวียนกับเรื่องของแฟนหนุ่มทำให้เจ้าหล่อนไม่มีเวลาในการทำวิจัยเพื่อสอบขอชิงทุนในการไปเรียนต่อต่างประเทศ
“ณิชา ทำอะไรอยู่” ปณิตาเดินเข้าไปตบบ่าเพื่อนสาวที่กำลังนั่งหัวฟูอยู่ในอาคารห้องสมุด
“...” คนตัวเล็กไม่ได้ตอบเพื่อนที่เพิ่งเดินเข้ามาใหม่ ได้แต่ยิ้มแบบเศร้า ๆ ให้กับเพื่อนสนิท
“โธ่ ชาพอเถอะเลิกคิดเรื่องพี่วีได้แล้ว ในเมื่อเขาไม่สนใจเธอก็ช่างหัวเขาเหอะ สนใจเรื่องทำวิจัยดีกว่าไหม อีกแป๊บเดียวก็จะถึงกำหนดส่งแล้วนะ” ปณิตาพยายามเตือนสติเพื่อนสาว เพราะทั้งเธอและณิชากว่าจะมาถึงจุดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย
“ฉันยังไม่มีอารมณ์ทำเลยอ่ะแพรว” ณิชาพูดพลางถอนหายใจ
“แกเปิดคอมพิวเตอร์เดี๋ยวนี้เลย” ปณิตาพยายามกระตุ้นเตือนให้เพื่อนมีสติสักที กะอีกแค่ความรักมันจะสักเท่าไหร่กัน
“.....”
เมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทยังไม่กะจิตกะใจที่จะทำอะไร ปณิตาเลยอาสาเปิดคอมพิวเตอร์ของยัยคนที่นั่งซึมให้ด้วยตัวเอง หญิงสาวเปิดคอมพิวเตอร์ของเพื่อนและของตัวเองไปพร้อม ๆ กัน และเริ่มตรวจเช็กงานวิจัยของเพื่อนว่าทำไปถึงไหนแล้ว
เพราะปณิตารู้ดีว่าทุนเรียนต่อครั้งนี้สำคัญมาก จะให้พลาดไปสักนิดก็ไม่ได้ ในความเป็นจริงแล้วเธอกับณิชานับว่าเป็นคู่แข่งกัน เพราะทุนเรียนต่างประเทศทุนนี้จะมีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นที่ได้การรับเลือก การที่ ณิชาเอื่อยเฉื่อยแบบนี้นับว่าเป็นประโยชน์กับเธอ
แต่เพราะเห็นว่ามันไม่แฟร์ เธออยากได้คู่ต่อสู้ที่สมศักดิ์ศรีกว่านี้ ไม่ใช่ชนะตั้งแต่อยู่ในมุ้ง
เพราะเห็นความตั้งใจของเพื่อนสาวณิชาจึงตบหน้าตัวเองเบา ๆ เพื่อให้ตัวเองมีสติกับงานตรงหน้า หญิงสาวที่อยู่ในชุดนักศึกษา กระชับเสื้อคาดิแกนของตัวเองให้แน่นกว่าเดิมนิดหน่อย และขยับเข้าไปซบอิงกับเพื่อนสาวตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กัน
“ขอบคุณมากนะแก” ณิชาบอกกับเพื่อน
“อย่ามาทำซึ้งจ่ะ ฉันขนลุก” ปณิตาบอกในขณะที่สายตาก็นั่งจดจ่อกับงานของเพื่อนและเปรียบเทียบวิธีวิจัยของตัวเอง “เฮ้ย ชา ของแกก็เหลืออีกนิดเดียวแล้วนี่หว่า ขยับนิ้วมาเคาะแป้นพิมพ์เดี๋ยวนี้ย่ะ” หลังจากเลื่อนผ่านหน้างานวิจัยของเพื่อนมาพักใหญ่ ก็พบว่ามันเสร็จไปมากกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว ซึ่งอีกแค่เพียงนิดเดียวก็จะถึงเส้นชัย ปณิตาไม่อยากให้เพื่อนยอมแพ้
“โอเคค่ะ คุณแม่” ณิชาหยอกเย้า ก่อนจะยกโน้ตบุ๊กของตัวเองขยับมาอยู่ตรงหน้า
เพราะเป็นช่วงที่ใกล้ไฟนอล อาคารห้องสมุดของมหาวิทยาลัยจึงเปิดจนถึงดึก หญิงสาวทั้งสองคนพร้อม ๆ กับนักศึกษาคนอื่น ๆ กำลังนั่งทำงานในส่วนของตัวเองอย่างบ้าคลั่ง
จนกระทั่งปณิตาดันโน้ตบุ๊กของตัวเองออกไปและฟุบหน้าลงกับพื้นโต๊ะ
“แกเป็นอะไร” ณิชาถามไถ่
“นี่กี่โมงแล้ว” คนที่ตัวเล็กที่ก้มหน้าอยู่เอ่ยถาม
“สี่ทุ่ม” ณิชาผินหน้าไปดูนาฬิกาในคอมพิวเตอร์อยู่แวบหนึ่งก่อนจะส่งเสียงบอกกับเพื่อน
“สี่ทุ่มเหรอ ถ้าเป็นแบบนี้ฉันไม่มีสมาธิแน่ ๆ” ปณิตาบ่นอิดออด ก่อนจะใช้สองแขนยันตัวเองให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้
“จะไปไหน?”
“ซื้อกาแฟน่ะ เดี๋ยวมานะต้องรีบไปซื้อก่อนร้านใต้อาคารจะปิด” พูดจบเจ้าหล่อนก็หอบกระเป๋าเป้เปล่า ๆ ลงไปพร้อมกับตัวเอง เพราะจะได้แอบเอาขนมใส่ติดกระเป๋ากลับมาเป็นเสบียงด้วย
จนตอนนี้ณิชาเพิ่งค้นพบว่าที่นั่งรอบ ๆ ตัวไม่มีใครอยู่เลย อาจจะเป็นเพราะตอนนี้ค่อนข้างดึกมากแล้ว จะมีก็นั่งถัดไปอีกสี่ห้าโต๊ะ
หญิงสาวเปิดหนังสือและอ้างอิงข้อมูลต่าง ๆ ของตัวเอง กับงานวิจัยที่กำลังลงมือทำ พลางแอบชะโงกหน้าไปอ่านงานวิจัยของปณิตาที่หน้าจอ
เธอพบว่างานวิจัยของเจ้าหล่อนสำเร็จไปแล้วเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เหลือแค่เพียงการจัดรูปเล่มและใส่ข้อมูลอีกนิดหน่อยเท่านั้น เมื่อหันกลับมามองของตัวเองและเทียบกับระยะเวลาอีกสองสัปดาห์ก็เห็น อยู่ว่างานของเธอมันจะออกมาเสร็จไม่ทันตามกำหนดแน่ ๆ
คนตัวเล็กกลืนน้ำลายอึกใหญ่ความคิดชั่วร้ายบางอย่างก็เข้ามาในหัวสมอง ณิชาอาศัยเวลาที่เพื่อนลงไปซื้อกาแฟและขนมรีบฟอร์เวิร์ดไฟล์งานทั้งหมดของเพื่อนส่งให้กับตัวเองและลบร่องรอยประวัติการส่งทั้งหมด
มือเล็กของณิชาสั่นเทาเพราะความตื่นเต้น ทันทีที่เธอลบร่องรอยสุดท้ายเสร็จ ปณิตาก็กลับมาถึงที่โต๊ะพอดี
“นี่มอคค่าเพิ่มช็อกโกแลตของแก” ปณิตายิ้มและส่งกาแฟเย็นแก้วหนึ่งให้กับเพื่อนสนิท ส่วนตัวเองก็นั่งดูดลาเต้หวาน 200% อย่างสบายใจ
ก่อนที่ทั้งคู่จะนั่งทำงานต่อไปจนกระทั่งถึงเวลาที่อาคารห้องสมุดจะปิด จึงได้เก็บของและพากันกลับที่พักของตัวเอง
หลังจากที่แยกย้ายกับเพื่อนแล้ว ณิชาก็จัดการเปิดคอมพิวเตอร์เพื่อดูอีเมลที่ฟอร์เวิร์ดหาตัวเองอีกครั้ง
ทันทีที่ไฟล์งานทั้งหมดถูกเปิดขึ้นมือเรียวก็ค่อย ๆ จัดการปรับแต่งเพิ่มเติมข้อมูลต่าง ๆ ให้วิจัยเล่มนั้นกลายเป็นของตัวเอง อย่างแนบเนียนที่สุด
“แพรว ฉันขอโทษนะ แต่ว่า...ฉันต้องได้ทุนครั้งนี้จริง ๆ”
หญิงสาวพึมพำขอโทษเพื่อนกับตัวเองเบา ๆ
เพราะคืนนี้ทำให้ด้ายแดงเริ่มทำงานผูกพันธ์หัวใจของทุกคนไว้ด้วยกัน มาดูกันสิะว่าพวกเขาจะแก้เรื่องราวยุ่งเหยิงนี้ได้หรือไม่ นัทธนิษฐ์ นักธุรกิจสาวชาวไทยวัย 30 ปี ที่กำลังสร้างแบรนด์เครื่องสำอางให้ติดตลาดเอเชีย กลับต้องกลายเป็นคู่นอนข้ามคืนของซู่เหลียงฉีนักธุรกิจคู่แข่งคนสำคัญของเธอ กลายเป็นว่าพอรู้ตัวอีกที เธอก็ลืมคืนนั้นไม่ได้ ส่วนเขาล่ะยังจำคืนนั้นได้หรือเปล่า
พราะเข้าไปช่วยชีวิตผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่งเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน ทำให้ชีวิตดั่งเจ้าหญิงของเฮเซลเปลี่ยนไปตลอดกาล
คุณหนูเสิ่นใช้ชีวิตเป็นคุณหนูผู้ร่ำรวยแสนร้ายกาจอยู่ดี ๆ ก็หลุดเข้ามาในการ์ตูนที่เปิดอ่านผ่าน ๆ ซะอย่างนั้น (อ่านฟรีวันละ 1 ตอนจนกว่าจะจบ)
นรีรัตน์ตอบตกลงทำตามสัญญาที่ว่าเธอจะแต่งงานกับชยุดและต้องมีลูกกับเขาภายในเวลาหนึ่งปี มิเช่นนั้น เธอจะต้องสูญเสียทุกอย่างในชีวิตของเธอไป แต่การกระทำมักทำยากกว่าคำพูดเสมอ การที่เธอต้องเผชิญกับการถูกกลั่นแกล้งให้ขายหน้าวันแล้ววันเล่า จนที่สุดเธอหมดความอดทนและไม่อยากจะยอมก้มหัวอย่างคนพ่ายแพ้อีกต่อไป ในวันที่เขาประสบอุบัติเหตุ เธอได้อุทิศเสียสละโดยไม่ได้นึกถึงความปลอดภัยของตนเองเพื่อช่วยชีวิตของเขาไว้ ถึงแม้ว่าในตอนนี้เธอยังคงมีชีวิตอยู่ แต่ในอีกไม่ช้าเธอจะหายตัวไปจากชีวิตของเขา ตราบจนถึงเวลาที่ลูกของพวกเขาเติบโตขึ้นมา และเมื่อถึงเวลานั้นโชคชะตาจะพัดพาให้พวกเขากลับพันผูกกันอีกครั้ง เดิมทีเธอจะกลับไปหาเขาก็ได้ แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะอุทิศทุกสิ่งอย่างเพื่อความรักในตัวเขาอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เธอพร้อมแล้วที่จะต่อสู้เพื่อลูกชายของตัวเอง
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!
แรกเริ่มเขา 'ซื้อ' เธอมาเพื่อบำบัดความใคร่ เมียชั่วคราวที่มีไว้แก้เหงา แต่สุดท้ายแล้ว...เมียชั่วคราวนั่นแหละ ที่อยากได้เป็นเมียจริงๆ ผู้หญิงสู้ชีวิตอย่างนับดาว...ไม่ยอมแพ้โชคชะตาที่นำพาตนเองไปรับบทน่าอดสู เธอถูกหลอกจากคนที่ไว้ใจที่สุด!! กับการ 'ขายตัว' เขาเหยียดหยามสารพัด ดุถูกจนเธอเจ็บช้ำเจียนตาย เธอเลือกทางหนี เพื่อจบปัญหาน่าปวดหัวครั้งนี้.... ขอเริ่มต้นใหม่ กับชีวิตแบบใหม่ แต่ทำไมล่ะ?...ทำไมเขาถึงไม่ยอมปล่อยเธอ ในเมื่อเขาชิงชังเธอนักหนานี่นา?????
หลังจากแต่งงานมาสามปี เสิ่นเนียนอันคิดว่าตนเองสามารถเอาชนะใจโฮ่วอวินโจวได้ แต่กลับพบว่าเขามีเพียงคนรักแรกอยู่ในใจ "ฉันจะปล่อยเธอไปหลังจากที่เธอคลอดลูก" ในวันที่เสิ่นเนียนอันมีปัญหาในการคลอดบุตร โฮ่วอวินโจวได้พาผู้หญิงอีกคนออกจากประเทศด้วยเครื่องบินส่วนตัว "ไม่ว่าคุณจะชอบใครก็แล้วไป สิ่งที่ฉันเป็นหนี้คุณ ฉันคืนให้หมดแล้ว" หลังจากที่เสิ่นเนียนอันจากไป โฮ่วอวินโจวก็เสียใจ "กลับมาหาฉันอีกครั้งได้ไหม"
"ฉันจะนอนกับคุณทุกที่ ทุกเวลา และทุกครั้งที่คุณต้องการ เพื่อแลกกับอิสรภาพของพ่อฉัน" "แล้วถ้าผมไม่ตกลงล่ะ" ในที่สุดเขาก็พูดออกมาจนได้ ยาหยีก้มหน้าซ่อนความเจ็บช้ำเอาไว้จนมิด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอีกครั้งและพูดออกไปเสียงแผ่วเบา "ฉันจะให้คุณดูสินค้าก่อนก็ได้...แล้วค่อยตัดสินใจ" เมื่อบิดาของตนเป็นโจรขโมยเพชรล้ำค่าของตระกูลมาเฟียที่ยิ่งใหญ่แห่งกรุงมอสโค ยาหยี จำต้องโยนศักดิ์ศรีของตัวเองทิ้งแล้วกลายเป็นหญิงไร้ยางอายเพื่อให้บิดารอดพ้นจากเงื้อมมือมัจจุราชอย่างเขา ทางเลือกเพียงทางเดียวที่มีคือยอมพลีกายให้ผู้ที่ขึ้นชื่อว่าหล่อเหลาในสามโลกได้เชยชม สาวพรหมจรรย์อย่างหล่อนแทบขาดใจตายเพราะบทพิศวาสเร่าร้อนรุนแรงที่ไม่เคยได้พานพบ ความวาบหวามครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขามอบให้ทำให้ยาหยีคลั่งไคล้ในรสสิเน่หา กายสาวร่ำร้องโหยหาแต่เขาเพียงผู้เดียว หากภายในใจก็ต้องคอยย้ำเตือนตนเองไว้ว่า หล่อนก็เป็นได้แค่ของเล่นชั่วคราว สักวันพอเขาเบื่อ ก็จะถูกเขี่ยทิ้งอย่างไร้ความปรานี!! จากที่คิดจะตามไล่ล่าเด็ดหัวคนทรยศให้แดดิ้นไปต่อหน้า คอร์เนล ซีร์ยานอฟ เจ้าพ่อยักษ์ใหญ่แห่งวงการโทรคมนาคมในประเทศรัสเซีย ก็เปลี่ยนเป้าหมายทันทีเมื่อได้เจอสาวน้อยนัยน์ตากลมหวานซึ้ง ใบหน้าหวานๆ ส่งผลให้เขาต้องการอยากครอบครองหล่อนแทบคลั่ง คอร์เนลมั่นใจว่ามันจะมีผลกับร่างแกร่งได้ไม่นานหรอก เพราะสำหรับเขา ผู้หญิงคือวัตถุทางเพศเคลื่อนที่ได้เท่านั้น เพียงได้ลิ้มลองแค่ครั้งเดียว เขาก็ไม่เคยหันกลับไปกินของเก่าอีก แต่ทฤษฎีนี้กลับใช้ไม่ได้ผลกับหล่อน ให้ตายสิ! เขาไม่เคยรู้สึกติดใจผู้หญิงรุนแรงขนาดนี้มาก่อน คอร์เนลหลงใหลเนื้อนุ่มจนกลายเป็นเสพติด ทั้งที่ความยโสโอหังของบุรุษเลือดเย็นเยี่ยงเขาพยายามบอกกับตนเองว่า เขายังเชยชมร่างงามไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่สูญเสียไป แต่ภายในใจลึกๆ กลับตะโกนก้องสวนทางออกมาว่า เขาขาดเธอไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว!!