พราะเข้าไปช่วยชีวิตผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่งเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน ทำให้ชีวิตดั่งเจ้าหญิงของเฮเซลเปลี่ยนไปตลอดกาล
พราะเข้าไปช่วยชีวิตผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่งเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน ทำให้ชีวิตดั่งเจ้าหญิงของเฮเซลเปลี่ยนไปตลอดกาล
เพราะอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อน ทำให้ชีวิตของเฮเซล อ็อกเดนเปลี่ยนไปตลอดกาล หล่อนต้องออกจากมหาวิทยาลัยกลางคัน เพราะดวงตาคู่สวยของเธอเกิดมองไม่เห็น ผิวพรรณที่เคยสวยงามมีร่องรอยแผลเป็นที่เกิดจากไฟไหม้
โชคดีที่ครอบครัวเธอค่อนข้างมีฐานะและมีอิทธิพลในเมือง เมื่อต้องออกจากมหาวิทยาลัยหรือไม่ได้เรียนต่อชีวิตเจ้าหล่อนก็ไม่ลำบากนัก เพราะมีครอบครัวคอยซัพพอร์ตอย่างเต็มที่ โชคดีอีกอย่างหนึ่งคือแผลเป็นน่าเกลียดนั่นไม่ได้ส่งกระทบใบหน้าสวยงามของเธอแม้แต่น้อย เธอยังคงเป็นเด็กสาวแสนงดงามเหมือนเช่นเคย
และด้วยที่เป็นคนคิดบวกเลยมองโลกในแง่ดีทำให้หล่อนไม่ใส่ใจเรื่องรูปร่างหน้าตามากนัก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามเฮเซลยังมีครอบครัว มีคุณตา ที่รักและเอาใจใส่เธอ
ส่วนสาเหตุน่ะเหรอ ก็เพราะวันนั้นเธอใจดีเกินไป วิ่งโร่เข้าไปช่วยชีวิตผู้ชายคนหนึ่งออกจากกองเพลิง ความร้อนจากเปลวไฟในอุบัติเหตุ ทำให้ดวงตาของหล่อนมีปัญหามาตั้งแต่ตอนนั้น เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเข้มแสนอารมณ์ดีคนนี้ ไม่นึกเสียใจที่ได้ช่วยชีวิตผู้ชายคนนั้นเอาไว้
แม้จะล่วงเลยมาแล้วราว 3 ปี เฮเซล อ็อกเดนก็ไม่เคยลืมวันนั้นเลยสักครั้ง
หญิงสาววัย 20 ปี เดินเตร็ดเตร่อยู่ในย่านเมืองเก่า คนตัวเล็กมักจะมาเดินเล่นแถวนี้เพราะร้านสินค้ามือสองพวกนี้มักจะมีของเก่าหายากให้เธอได้ซื้อติดไม้ติดมือกลับไปตั้งไว้ในห้องสะสมผลงาน เพราะเป็นนักเรียนสายศิลปะ ทำให้เฮเซลชอบงานอาร์ตพวกนี้เป็นอย่างยิ่ง ยิ่งเก่าเก็บเธอยิ่งชอบ
ไม่แน่ในสักวันหนึ่งเธออาจเจอผลงานหายากปะปนอยู่ในของพวกนี้ก็ได้
เดินเล่นจนกระทั่งแสงอาทิตย์ค่อย ๆ ลับขอบฟ้าไป พระอาทิตย์ของเมืองนี้กว่าจะตกดินก็เกือบสามทุ่ม ผู้คนในเมืองนี้มักจะออกมาใช้ชีวิตกันก่อนที่พระอาทิตย์จะตกดิน
และหลังจากนั้นเมืองทั้งเมืองก็จะเข้าสู่ความเงียบสงบ
ที่นี่เป็นเมืองใหญ่ แต่คดีอาชญากรรมก็น้อยมาก เฮเซลใช้ชีวิตที่นี่ยามค่ำคืนได้อย่างสบายใจ เธอเคยผ่านการถ่ายแบบนิตยสารวัยรุ่นมาหลายฉบับ รูปร่างของเฮเซลยิ่งไม่ต้องพูดถึงเธอดูแลตัวเองเป็นอย่างดี นอกจากสายงานศิลปะแล้วคนตัวเล็กยังรักงานในวงการบันเทิงด้วยเช่นกัน
เอี๊ยด!! เสียงเบรกรถยนต์ลากยาวดังลั่น ตามมาด้วยเสียงโครมครั้งใหญ่ รถแอสตั้นมาติลสีเงินพลิกคว่ำหลายตลบ เกิดระเบิดเบา ๆ ขึ้นหนึ่งครั้ง
แย่แล้ว!!
ไม่มีเวลาให้หญิงสาวตกใจไปมากกว่านี้ เธอทิ้งทุกอย่างที่อยู่ในมือวิ่งเข้าไปสำรวจดูอุบัติเหตุตรงนั้น ดวงตาสีฟ้าคู่สวยของเฮเซลเพ่งมองว่ามีใครบ้างอยู่ในรถคันบ้างและพยายามหาสัญญาณของการมีชีวิต
“คุณ” คนตัวเล็กเคาะกระจกเรียก เธอเห็นผู้ชายใส่สูทคนหนึ่งนอนหมดสติอยู่บนรถ ทั้งตัวเปียกโชกไปด้วยเลือด
เฮเซลพยายามมองรอบด้าน ที่นี่แทบจะเป็นสุดถนนของเมืองนี้แล้ว ไม่มีผู้คน และไม่มีใครออกมาดูหรือตกใจกับอุบัติเหตุครั้งนี้
เธอพยายามเรียกเขาอีกครั้ง “คุณ คุณ” ดูเหมือนว่าเขาจะได้ยินเธอ
จู่ ๆ หน้ารถก็ถูกไฟลุกท่วม ไม่มีเวลาเรียกหาใครทั้งสิ้นหากเธอปล่อยเอาไว้ เขาอาจจะเสียชีวิตคากองเพลิง ก้อนหินแถวนั้นถูกใช้เป็นตัวทำลายกระจก เมื่อกระจกแตกมือของเฮเซลก็กวาดกระจกตรงขอบให้เรียบที่สุด คนตัวเล็กพยายามเอื้อมมือไปปลดล็อกกลอนเปิดประตู แต่มันเปิดไม่ออก
เฮเซลหายใจหอบเหนื่อย พยายามมุดตัวเข้าไปช่วยเหลือผู้ชายคนนั้น ซ้ำยังเรียกเขาให้ตื่นขึ้นเผื่อว่าเขาจะประคองตัวเองออกมาได้
“คุณ”
เขาส่งเสียงร้องเบา ๆ เฮเซลปลดเข็มขัดนิรภัยอย่างอยากลำบาก ความร้อนภายในตัวรถเพิ่มมากขึ้น เธอไม่มีเวลาแล้ว ต้องรีบช่วยเขาออกไปให้เร็วที่สุด
เคลก เมคเคนซี ได้ยินเสียงใส ๆ เรียกสติเขา ชายหนุ่มพยายามลืมตาและกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เขามองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังพยายามลากร่างที่เต็มไปด้วยบาดแผลออกมาจากตัวรถ ใบหน้าของเธอเลือนราง เคลกจำได้แค่กลิ่นน้ำหอมเท่านั้น เธอเรียกเขาเสียงดัง ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากตอบ แต่เพราะหมดแรงจะตอบ
พวกมันตัดสายเบรกรถยนต์ของเขา เป็นเพราะชะล่าใจเกินไปและคิดว่ายังไงก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับเขา ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นได้
คนตัวใหญ่ปล่อยตัวตามสบาย เธอเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งแต่พยายามช่วยเหลือเขาอย่างเต็มที่ หากเขารอดไปได้จะต้องตอบแทนผู้หญิงคนนี้อย่าถึงที่สุด
แม้เราทั้งคู่เป็นเพียงคนที่ผ่านมาเจอกันบนถนนเท่านั้น ไม่ได้มีความสัมพันธ์ใด ๆ ทั้งสิ้น
“คุณ” เธอเรียกเขาอีกครั้ง
ผู้ชายคนนี้เสียเลือดมากไปแล้ว เฮเซลใช่แรงทั้งหมดที่มีลากเขาออกจากตัวรถอย่างยากลำบาก ผู้ชายตัวสูงคนนี้หลุดออกจากรถแล้ว
“โทรศัพท์” ชายแปลกหน้าพูดถึงโทรศัพท์ “ไปเอาโทรศัพท์ให้หน่อยมันสำคัญกับผมมาก ๆ” เขารวบรวมแรงครั้งสุดท้ายบอกกับเธอ ในนั้นมีข้อมูลสำคัญที่เคลกเสียไปไม่ได้ มันสำคัญสำหรับธุรกิจเขา
เธอลากเขาออกไปนอนบนถนนลังเลว่าจะกลับไปที่รถดีหรือไม่ ไฟเริ่มโหมแรงขึ้น ในที่สุดคนตัวเล็กก็ยอมทำตามคำขอ
“ไม่น่าเป็นคนดีเลยเฮเซล” เธอสบถ และวิ่งกลับไปที่รถ ความร้อนภายในรถน่าจะเกินร้อยองศา ตัวรถร้อนจนเธอสัมผัสแทบไม่ได้
ดวงตาสีฟ้าสวยงามมองไปรอบตัวรถ ในที่สุดเธอก็เจอโทรศัพท์นั่น มันหล่นอยู่ตรงเกียร์รถ หญิงสาวมุดเข้าไปหยิบ
ครั้งนี้มันร้อนรุนแรงจนเธอต้องหลับตา ดูเหมือนว่าสายตาเธอจะพร่ามัวไปชั่วขณะ เพื่อรักษาชีวิตของตัวเองให้รอดจึงรีบออกมา แต่ก้าวได้เพียงสามก้าว
รถคันนั้นก็ระเบิดแรงระเบิดทำให้ร่างบอบบางของเฮเซลกระเด็นห่างออกไปหลายเมตร เปลวเพลิงเผาไหม้แผ่นหลังของเธอ เฮเซลหมดสติทันทีแต่ในมือยังกำโทรศัพท์เครื่องสำคัญเอาไว้แน่น
เคลกลืมตาขึ้นเพราะเสียงระเบิด เขาเห็นร่างบอบบางกระเด็นออกไปจากรัศมีของรถ ความรู้สึกผิดแผ่ซ่านไปทั้งใจ เขาไม่ควรให้ผู้หญิงคนนี้เข้ามายุ่งเรื่องของเขาเลย
เป็นเขาที่เอาแต่ใจ เคลกพยายามคลานไปหาเธอที่นอนหมดสติ แต่ก็ไปไม่ถึง...
เพราะคืนนี้ทำให้ด้ายแดงเริ่มทำงานผูกพันธ์หัวใจของทุกคนไว้ด้วยกัน มาดูกันสิะว่าพวกเขาจะแก้เรื่องราวยุ่งเหยิงนี้ได้หรือไม่ นัทธนิษฐ์ นักธุรกิจสาวชาวไทยวัย 30 ปี ที่กำลังสร้างแบรนด์เครื่องสำอางให้ติดตลาดเอเชีย กลับต้องกลายเป็นคู่นอนข้ามคืนของซู่เหลียงฉีนักธุรกิจคู่แข่งคนสำคัญของเธอ กลายเป็นว่าพอรู้ตัวอีกที เธอก็ลืมคืนนั้นไม่ได้ ส่วนเขาล่ะยังจำคืนนั้นได้หรือเปล่า
เพราะความแค้นและจมไม่ลงของณิชา ทำให้เธอต้องลงสนามเข้าสู่วังวนของความสัมพันธ์ต้องห้ามของเธอกับพ่อของอดีตแฟน ครั้งแรกของเธอถูกมอบให้กับชยนต์เพื่อแลกกับการได้ไปเรียนต่อต่างประเทศ "มาเถอะฉันจะสอนเธอเอง" เธอต้องการทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ ทำให้ณิชาตัดสินใจยอมเดินเข้าไปหาพ่อของผู้ชายที่ทิ้งเธอไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น เขาถามซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าจะยอมทำข้อตกลงกับเขาใช่ไหม และเธอก็ตอบตกลงรับข้อเสนอของเขาอย่างไม่ลังเล
คุณหนูเสิ่นใช้ชีวิตเป็นคุณหนูผู้ร่ำรวยแสนร้ายกาจอยู่ดี ๆ ก็หลุดเข้ามาในการ์ตูนที่เปิดอ่านผ่าน ๆ ซะอย่างนั้น (อ่านฟรีวันละ 1 ตอนจนกว่าจะจบ)
หลังจากถูกแฟนหนุ่มและเพื่อนสนิทของเธอจัดฉาก เฉี่ยนซีก็จบลงด้วยการใช้เวลาทั้งคืนกับชายแปลกหน้าลึกลับคนนั้น เธอมีความสุขมาก แต่พอเธอตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น เธอก็รู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกผิดทั้งหมดของเธอถูกชะล้างออกไป เมื่อเธอเห็นใบหน้าของชายที่นอนอยู่ข้างเธอ เธอจึงเอ่ยด้วยเสียงเบา ๆ ที่ว่า "ผู้ชายอะไร ทำไมหล่อจัง" และเธอก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น ความผิดของเธอกลายเป็นความละอายใจโดยทันที และมันทำให้เธอตัดสินใจทิ้งเงินจำนวนหนึ่งไว้ให้ชายผู้นั้นก่อนที่เธอจะจากไป "เจ๋อข่าย" รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเงินดังกล่าว พร้อมกับคิดว่า 'ผู้หญิงคนนั้นพยายามจะจ่ายเงินให้ฉัน ราวกับว่า ฉันเป็นผู้ชายขายบริการอย่างนั้นหรอ? ' เขารู้สึกโกรธ จึงต้องการดูภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงแรม เขาสั่งผู้ช่วยของเขาด้วยใบหน้าที่จริงจังพร้อมขมวดคิ้ว "ผมอยากรู้ว่า ใครอยู่ในห้องของผมเมื่อคืนนี้" 'อย่าให้เจอนะ ถ้าเจอเมื่อไหร่จะสั่งสอนให้เข็ดเลย! ' เรื่องราวของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไปนะ
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
นายพายุ ศิระภาคิณ อายุสามสิบปี นักธุรกิจหนุ่มประธานบริษัทส่งออกผ้าไทย วีรกรรมที่เขาทำไว้เมื่อสิบกว่าปีก่อน กำลังจะย้อนกลับมา เมื่อนางสาวแพรไหม โภสิกุล ดีไซเนอร์สาวอายุยี่สิบเก้าปี ได้ปรากฏตัวขึ้นหลังจากที่เธอนั้นหายออกไปจากมหาวิทยาลัย กว่าสิบปี โดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งทำให้ท่านประธานหนุ่มเริ่มอยากรู้ชีวิตของเธอ เมื่อครั้งหนึ่งเรือนร่างอันบอบบางอรชรเคยหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกับเขามาแล้ว ถ้าหากเขาต้องการสานสัมพันธ์กับเธออีกครั้ง มันก็ไม่แปลกหากเธอนั้นยังโสดแพรไหมจะยังต้องการเขาอยู่หรือไม่ ในเมื่อเธอคิดว่าพายุนั้นเป็นแค่ผู้ชายที่พรากความบริสุทธิ์ไปจากเธอเท่านั้น ซึ่งเวลานี้เธอก็ยังคงมองเขาในด้านลบอยู่ดี แม้ว่าเวลาจะผ่านไปเป็นสิบปีแล้วก็ตาม "แม่ของหนูชื่ออะไร ตอนนี้อยู่ที่ไหน บอกฉันได้ไหม" พายุถามพร้อมกับจ้องลงไปที่ดวงตาแป๋วของเด็กหญิงตรงหน้า เมื่อเขามั่นใจว่าสายตาจะไม่โกหก "แม่ของหนูชื่อแพรไหม!" เด็กหญิงพูดออกมา พร้อมกับจ้องสายตาคมของผู้เป็นบิดาอย่างไม่กะพริบตา เพื่อยืนยันว่าเธอนั้นไม่ได้โกหก “ฮ่ะ!” พายุอุทานออกมาเสียงดัง ขณะที่หัวใจของเขานั้นเต้นแรง ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจที่สุดในชีวิต "ถ้าคุณไม่เชื่อ พาหนูไปตรวจดีเอ็นเอก็ได้นะคะ" เด็กหญิงพูดออกมาพร้อมกับมีใบหน้าที่เศร้าหม่น เมื่อเธอคิดว่าบิดาคงไม่เชื่อในสิ่งที่เธอนั้นพูดออกมา "ไม่จำเป็น!" พายุพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแข็ง เพื่อยืนกรานที่จะตรวจดีเอ็นเอ จนทำให้คนฟังนั้นหวาดกลัว เพราะใยไหมคิดว่าบิดานั้นไม่เชื่อใจเธอ "หนูขอโทษที่มารบกวน หนูขอตัวกลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ" ใยไหมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ เธอยกมือขึ้นไหว้ผู้เป็นบิดาอย่างนอบน้อม ประหนึ่งว่าจะไม่ได้เจอเขาอีกแล้วในชีวิตนี้ เมื่อเธอได้สัญญากับผู้เป็นมารดาเอาไว้ หากถูกปฏิเสธแล้วไซร้ จะขอกลับไปไม่กลับมาหาชายตรงหน้าอีกเลยตราบชั่วชีวิต "แล้วหนูจะไปไหน นั่งลงก่อนสิ" พายุพูดพร้อมกับจับร่างเล็กของลูกสาวนั่งลงข้าง ๆ อีกครั้ง "ที่บอกว่าไม่จำเป็น นั่นเป็นเพราะว่าพ่อเชื่อว่าหนูเป็นลูกของพ่อโดยไม่ต้องตรวจดีเอ็นเอ!" พายุพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ใยไหมไม่รอช้าโผเข้าไปกอดผู้เป็นบิดาอีกครั้งในทันที ก่อนจะร้องไห้ออกมาเพราะความดีใจ "ไม่ร้องนะครับคนเก่งของพ่อ" พายุพูดพร้อมทั้งเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาที่แก้มใสของลูกสาวออกจนสิ้น ในขณะที่ตัวของเขาเองก็น้ำตาคลอเช่นกัน "หนูขอเรียกพ่อว่าคุณป๋านะคะ" เสียงเจี๊ยวจ๊าวพูดออกมาอย่างรื่นหู คุณป๋าที่เด็กหญิงพูดนั้น ทำให้พายุอดที่จะหัวเราะออกมาอย่างชอบใจไม่ได้ "ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! ทำไมถึงต้องเรียกพ่อว่าคุณป๋าด้วยละ หืม" พายุเอ่ยถามลูกสาวออกมา ขณะที่เขายังคงกอดเด็กหญิงเอาไว้ ด้วยความรักความผูกพันของสายใยระหว่างพ่อลูก ที่มันพันผูกจนมาสามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ "มาดาม ไม่ชอบให้หนูมีพ่อ หนูก็จะมีคุณป๋าแทนยังไงล่ะคะ" คำตอบของลูกสาวทำให้พายุยิ้มไม่หุบครั้งแล้วครั้งเล่า เธอช่างเป็นเด็กฉลาดและร่าเริง ผิดกับแพรไหมมารดาของเธอ ที่ชอบทำหน้าเหมือนแบกโลกทั้งใบเอาไว้ตลอดเวลา "ทำไมถึงเรียกแม่ว่ามาดาม ตอนนี้แม่แต่งงานไปแล้วหรือยัง" เวลานี้พายุลุ้นคำตอบจากลูกสาว หรือแพรไหมจะแต่งงานกับฝรั่งตาน้ำข้าวไปแล้ว ใยไหมถึงได้เรียกเธอว่ามาดาม "แม่ยังไม่มีใคร มีแค่ลุงดนัยที่ชอบมาข้องแวะ แต่หนูไม่ชอบเขาเลย เพราะเขาชอบทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของมาดามอยู่เรื่อย" คำตอบของลูกสาวช่างอิ่มเอมใจ เมื่อแพรไหมไม่มีใครเขาก็พร้อมจะสานสัมพันธ์ แต่งานนี้คงจะยากหากผู้ชายคนนั้นมาข้องแวะ แต่เขามีลูกสาวที่ยืนเคียงข้างแล้วจะกลัวอะไร "ถ้าพ่ออยากจะจีบแม่ต้องทำยังไง" "โอ้! เจ๋งเป้งมากค่ะคุณป๋า เดี๋ยวหนูจะช่วยเอง" ใยไหมพูดออกมาด้วยความดีใจ นั่นคือสิ่งที่เธอปรารถนามาแสนนาน อยากให้บิดามารดาได้ลงเอยกันสักที "ลูกรับปากพ่อแล้วน๊า... " พายุพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่น่ารัก "แต่เราต้องมาทำข้อตกลงกันก่อนค่ะ คุณป๋า" ใยไหม ผละออกจากอกกว้างของผู้เป็นบิดา พร้อมกับหยิบคุกกี้ตรงหน้าเข้าปาก "หิวหรือยัง ไปทานข้าวก่อนดีไหม" พายุเอ่ยถามออกมาด้วยความห่วงใย เมื่อเห็นลูกสาวนั้นหยิบคุกกี้เข้าปากคำโต "เดี๋ยวค่อยไปทานก็ได้ค่ะ แต่เราต้องมาทำข้อตกลงกันก่อน เรื่องที่หนูเป็นลูกสาวของคุณป๋า ห้ามให้ใครรู้ ทุกอย่างจะเป็นความลับระหว่างเราได้ไหมคะ" พายุทำหน้าสงสัยกลับไปให้เด็กหญิง เธอกำลังคิดจะทำอะไร ใครหลายคนคงดีใจหากได้เป็นลูกสาวของท่านประธาน "ทำไมเป็นลูกสาวพ่อมันไม่ดีตรงไหนเหรอ ลูกถึงไม่อยากให้ใครรู้" พายุเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความน้อยใจ เมื่อลูกสาวไม่อยากให้ใครรับรู้ว่าเขาเป็นบิดาของเธอ "เป็นลูกสาวของป๋าดีที่สุดแล้ว แต่หนูไม่อยากให้ใครมองมาดามในทางไม่ดี ทุกคนต้องรู้แน่ สาเหตุที่มาดามต้องออกจากมหา'ลัยกลางคัน" คำบอกเล่าของใยไหมเป็นเหมือนดังคมหอก ที่ทิ่มแทงเข้ามาในหัวใจของพายุ เด็กหญิงตรงหน้าช่างมีความคิดแบบผู้ใหญ่ เธอถูกเลี้ยงมาแบบไหนทำไมถึงได้ฉลาดอย่างนี้ แพรไหมคงดูแลอบรมลูกสาวมาอย่างดี ต่างจากเขาผู้เป็นบิดาที่ไม่เคยได้เหลียวแล "พ่อขอโทษนะ ที่ไม่เคยได้ดูแลหนูเลย ต่อจากนี้ไปพ่อจะไม่ทิ้งหนูกับแม่ให้อยู่กันตามลำพังอีกแล้ว" คำพูดของผู้เป็นบิดากำลังทำให้เด็กหญิงหัวใจพองโต เธอดีใจที่ผู้เป็นพายุไม่ปฏิเสธ แถมเขายังคิดที่จะสานสัมพันธ์กับมาดามของเธออีกครั้ง คงไม่มีอะไรทำให้เด็กหญิงมีความสุขเท่าสิ่งนี้มาก่อนเลยในชีวิต "ก่อนอื่นคุณป๋า ต้องจีบมาดามให้ติดก่อน หนูบอกเลยว่างานหิน มาดามดื้อจะตาย ขนาดลุงดนัยตามจีบหลายปี มาดามยังปฏิเสธทุกครั้ง แต่ลุงดนัยก็ตื้ออยู่ได้" ใยไหมพูดพร้อมกับทำหน้างอ ออกมาได้อย่างน่ารัก "ป๋ามีลูกสาวคอยช่วยจะกลัวอะไร ไปทานข้าวกันดีกว่า เดี๋ยวป๋าจะไปส่งที่บ้าน" พายุพูดออกมาด้วยสายตาที่มีความหวัง เขาคงไม่ต้องใช้นักสืบ ในเมื่อโชคชะตากำหนดให้หญิงสาวเดินเข้ามาในชีวิตของเขาเอง แถมอยู่ดี ๆ ก็ได้ลูกสาวมาหนึ่งคน ที่น่ารักซะจนทำให้เขานั้นอยากไว้หนวด
เมื่อสองปีที่แล้ว เพื่อช่วยคนรักในใจ พระเอกถูกบังคับให้แต่งงานกับนางเอก ในใจของเขา เธอเป็นคนน่ารังเกียจและแย่งคนรักของคนอื่น เขาเลยเย็นชาต่อเธอมาตลอด แต่กลับอ่อนโยนและเอาใจใส่กับคนรักในใจถึงเป็นเช่นนี้ เธอยังคงรักเขาอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลาสิบปี ต่อมาตอนที่เธอรู้สึกเหนื่อยและอยากจะท้อแท้นั้น เขากลับตื่นตระหนก... เมื่อเธอกำลังจะตายขณะตั้งท้องลูกของเขา ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่าผู้หญิงที่เขายอมเอาชีวิตตัวเองไปแลกนั้นก็คือเธอโดยตลอด
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
© 2018-now MeghaBook
บนสุด