โปรย ไตร... ชายหนุ่มสูง ใหญ่ หล่อ รวย กล้ามเป็นมัด น่าฟัดเป็นบ้า เจ้าขา... สาวสวยอวบอัด หัวโบราณผู้รักนวลสงวนตัว เมื่อโชคชะตาเหวี่ยงทั้งคู่ให้มาเจอกันในฐานะท่านประธานกับเลขา สำหรับเขา...เธอน่าเบื่อ ทำอะไรก็ขัดหูขัดตา แถมเถียงคำไม่ตกฟาก สำหรับเธอ...เขาทั้งเจ้าเล่ห์ เพลย์บอย มือไว ร้ายกาจ ปากหมา ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน เสมือนน้ำมันกับไฟ จะฟาดฟันร้อนแรงสักเพียงใด...ไปลุ้นกัน ตัวอย่าง : คล้ายสติจะกลับมาเพียงเพราะสัมผัสสิ่งของต้องห้าม เธอทั้งดึงทั้งรั้งมันออกจนสำเร็จแล้วผลักไสเขาออก ก่อนจะเลื่อนตัวลงไปหลบยังอีกฝั่งของโต๊ะทำงานเขา สองมือ ลนลานดึงบราเซียลงมาปิดทรวงสล้างทั้งสองเต้าที่ยังคงมีน้ำลายเขาเปียกชุ่ม พยายามดึงเสื้อเชิ้ตที่กระดุมขาดเพราะโดนกระชากมาปกปิด “คุณมันทุเรศ ทุเรศ !” เธอตะโกนด่าปากคอสั่น เขาแย้มยิ้มยั่วโมโห พลางจัดเก็บขีปนาวุธอันยิ่งใหญ่ไว้ในกางเกงเรียบร้อย “ทุเรศตรงไหน ผมก็แค่ล้างมือให้คุณ” “ล้างมือบ้าอะไรของคุณ” “ก็มือของคุณสัมผัสไอ้ภพไง คุณเป็นเลขาของผม เป็นผู้หญิงของผม คุณไม่มีสิทธิ์จะไปแตะต้องตัวผู้ชายคนอื่น แล้วจำใส่กะลาหัวเอาไว้ด้วยว่าถ้าคุณขืนกล้าให้ผู้ชายคนอื่นโดยเฉพาะไอ้ภพเข้าใกล้ในรัศมีหนึ่งเมตร หรือเปิดประตูให้มันเข้าไปหาอีกล่ะก็ ผมจะเอาคุณมาล้างอีก ล้างชนิดที่ถึงอกถึงใจทั้งตัวเลยล่ะ” น้ำตาของเจ้าขาไหลออกมาราวทำนบแตก เธอเกลียด เกลียดผู้ชายคนนี้เหลือเกิน ทำไมเขาจึงเอาแต่ใจ ไร้เหตุผล ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ ไม่ให้เกียรติคนอื่นแบบนี้ เธอทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ! “ฉันขอลาออก!” เขายักไหล่ “ไปสิ อยากลาออกก็ไปเลย ไปฝ่ายบุคคลเลย” “ได้ ฉันลาออกแน่ ฉันทนคนลามกโรคจิตเอาแต่ใจอย่างคุณ ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว” “เออ ทนไม่ไหวก็ไม่ต้องทน แล้วอย่าลืมเอาเงินสิบล้านมาชดใช้ค่าเสียหายภายในไม่เกินหนึ่งเดือนตามสัญญาด้วยนะ” “คุณว่าอะไรนะ” “เงินสิบล้านไง ชดใช้ค่าเสียหาย” “ค่าเสียหายบ้าบออะไรของคุณสิบล้าน ฉันมาทำงานแค่สองอาทิตย์ บริษัทคุณมีแต่ได้กับได้ ฉันขอลาออก ไม่เอาเงินเดือนก็ได้” อีกฝ่ายยักไหล่ “ก็มันมีระบุไว้ในสัญญาที่คุณเซ็นวันแรกที่ทำงานกับผม” เธอเบิกตากว้างอย่างเหลือเชื่อ “อะไรนะ” “ไม่เชื่อก็อ่านดู” เขาเดินวนไปหยิบแฟ้มสัญญาการเข้าทำงานของเธอมาโยนโครมไปบนโต๊ะ เธอลนลานรีบหยิบมาแล้วเปิดมันออกก่อนจะพูดอย่างเกรี้ยวกราด “สัญญาของคุณมันมีตั้งเกือบยี่สิบหน้า ใครจะไปอ่านทั้งหมด แถมยังตัวเล็กขนาดนั้น แถมตอนนั้นคุณก็ยังเร่งให้ฉันเซ็น” “นั่นคือความสะเพร่าของคุณเอง โทษใครไม่ได้” เธอกวาดสายตาอ่านมันอย่างรวดเร็วจนถึงหน้าที่แปด มันมีวงเล็บอยู่ข้างท้ายแถมตัวหนังสือเล็กกว่าใครพวก รายละเอียดประมาณว่าถ้าหากพนักงานลาออกก่อนครบเวลาทดลองงานสามเดือน จะต้องชดใช้ค่าเสียหายให้ทางบริษัทเป็นจำนวนเงินสิบล้านบาทในเวลาภายในหนึ่งเดือน “บ้า บ้าที่สุด สัญญาบ้าบออะไรแบบนี้ !” “สัญญาของท่านประธานไตรคนนี้แหละ” “ฉันเกลียดคุณ เกลียด !” ยิ่งเธอด่า ยิ่งโมโห เขายิ่งหัวเราะดังขึ้น ๆ ราวกับคนบ้า “เกลียดผมเข้า เกลียดให้มาก ๆ นะ สาวเฉิ่มหัวโบราณอย่างคุณน่าจะรู้นะว่ามีสุภาษิตคำพังงาได้กล่าวไว้ ว่าเกลียดอะไร ก็จะได้อย่างนั้น” “สุภาษิตคำพังเพย พังงานั่นมันชื่อจังหวัด !” แม้ว่าจะกำลังโมโห แต่ก็อดที่จะแก้ไขคำผิดให้เขาไม่ได้ เขายักไหล่ ทำหน้ายียวน “เออนั่นแหละ เกลียดอะไรได้อย่างนั้น คุณเป็นของผม และผมเป็นคนหวงของ อะไรที่เป็นของผม ไอ้หน้าหมาตัวไหนก็ห้ามแตะต้อง” เขาว่าพลางถอดเสื้อสูทที่สวมอยู่ออกแล้วโยนให้เธอ “สวมซะ ผมไม่อยากให้คนอื่นเห็นนมคุณ” แล้วหันหลังเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้เธอยืนอึ้งก่อนจะทรุดตัวลงกับพื้นอย่างหมดแรง หนีไม่ได้ ลาออกก็ไม่ได้ แถมทำอะไรเขาก็รู้หมดราวกับมีหูตาทิพย์ มันเป็นเวรเป็นกรรมอะไรของเธอนักหนาเจ้าขาเอ๋ย อีตาท่านประธานโรคจิต อีไตปลา อีหมาหวงก้าง ! *****************************************
เช้าวันอังคาร เวลาเจ็ดโมงครึ่ง ในวันที่ตะวันทอแสงบางเบา สายลมโชยโบก ถือว่าเป็นฤกษ์ดียามดีในการ เริ่มงานวันแรก
ร่างของหญิงสาวนางหนึ่งก้าวลงจากรถเก๋งป้ายแดง สีขาว ที่คุณป้าซื้อให้เป็นของขวัญจบการศึกษาแถมยังได้งานในบริษัทอสังหาริมทรัพย์อันมีชื่อเสียงในอันดับต้น ๆ ของประเทศ
เจ้าขา คือชื่อของสาวไทยใบหน้าสวยคม ผิวสีน้ำผึ้ง ผมสลวยสีดำขลับถูกรวบเก็บไว้เรียบร้อย รูปร่างอวบอัดอยู่ในชุดเดรสแขนยาวสีชมพูอ่อนทับด้วยเสื้อสูท ความยาวกระโปรงเลยเข่า เธอจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงอันดับต้น ๆ ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งในคณะบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ กิริยามารยาทงดงาม เพราะเติบโตมาจากการอบรมบ่มนิสัยอย่างเคร่งครัดของ คุณป้าแขไข ผู้โอบอุ้มเลี้ยงดูมาตั้งแต่เธอแบเบาะ หลังจากที่พ่อกับแม่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์
เจ้าขาเติบโตมาได้อย่างใจคุณป้านัก สมกับที่ท่านเองก็ไม่ยอมแต่งงานเพราะรักหลานสาวเหลือเกิน ไม่เคย ออกนอกลู่นอกทาง ตั้งใจเรียน น่ารักเรียบร้อยวางตัวดีไม่มีบกพร่อง นั่นเป็นสิ่งที่ท่านภูมิใจ และยิ่งภูมิใจกว่าเมื่อเธอ ได้งานในตำแหน่งเลขานุการประธานบริษัท
หญิงสาวแหงนหน้าขึ้นมองป้ายอันใหญ่ที่ติดอยู่ บนตึกสูงอย่างภาคภูมิใจ
อัครมหาทรัพย์ แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)
“ น้องเจ้าขา มาถึงแล้วเหรอครับ ”
เสียงเรียกหนึ่งเรียกเธอออกจากภวังค์ หญิงสาว หันขวับไปเบื้องหลังก่อนจะฉีกยิ้มให้ชายร่างสูงโปร่งสวมแว่น ผิวขาว แต่งกายด้วยชุดสูทสีน้ำเงินราคาแพงยี่ห้อดีมีระดับ เขาย่างก้าวเข้ามาใกล้ด้วยรอยยิ้มอบอุ่นประดับบนใบหน้าขาวตี๋เช่นเคย
“ สวัสดีค่ะ พี่ภพ พึ่งถึงเมื่อครู่นี่เองค่ะ ”
ธนภพ หรือ ภพ ชายคนนี้เป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัย และ เป็นรุ่นหลานของบริษัทแห่งนี้ และแม่ของเขา นางธนวรรณ เป็นผู้ดำรงตำแหน่งประธานบริษัท เจ้านายของเธอ
เมื่อนึกถึงข้อนี้ทีไรใจของเจ้าขาก็ห่อเหี่ยว คนอื่นคงค่อนขอดว่าที่ได้งานก็เพราะมีเส้นสาย แต่เธอมั่นใจว่าตนเองได้งานก็เพราะความสามารถ เธอเข้าทดสอบแข่งขันภาคปฏิบัติและสัมภาษณ์เหมือนกับคนอื่น ๆ อีกร่วมสิบคนทุกประการ และเธอก็มั่นใจว่าทำได้ดีทีเดียว พิมพ์ดีดภาษาไทยความเร็วที่สี่สิบเจ็ดคำ ภาษาอังกฤษอยู่ที่สี่สิบคำต่อนาที พูดภาษาต่างชาติได้สามภาษา คือ อังกฤษ จีน ญี่ปุ่น นอกจากนั้นยังใช้โปรแกรมสำนักงานพื้นฐานทางคอมพิวเตอร์ได้อย่างคล่องแคล่ว นึกถึงตรงนี้ได้ก็รู้สึก สบายใจขึ้น เพราะเธอได้ทุกอย่างมาด้วยความสามารถทั้งนั้น
เจ้าขาเอ่ยทักทายพร้อมส่งยิ้มสดใสกลับไปให้เช่นกัน
“ ถึงแล้วทำไมไม่โทรหาพี่ล่ะครับ พี่จะได้รีบมารับ ดูสิข้าวของพะรุงพะรัง เดี๋ยวพี่ช่วยถือนะครับ ” เขาว่าพลาง เอื้อมมือไปคว้าแฟ้มและกระเป๋ามาถือไว้เสียเอง
“ ขอบคุณพี่ภพนะคะ อันที่จริงเจ้าขาถือเองก็ได้ เกรงใจน่ะค่ะ ”
“ ไม่เป็นไรเลยค่ะ พี่เต็มใจ เจ้าขาก็รู้ดีนี่ ”
เขาว่าพลางส่งยิ้มแพรวพราวมาให้ หัวใจหญิงสาวเต้นผิดจังหวะไปนิดหน่อย
แหม ใครจะมีภูมิคุ้มกันกับผู้ชายสไตล์โอปป้าแถมยังเป็นสุภาพบุรุษที่สุดในโลกแบบนี้กันนักหนาล่ะ
อันที่จริงสมัยที่ยังเรียนอยู่นั้นธนภพก็ไม่ได้สนิทสนมอะไรกับเธอนัก เขาเป็นรุ่นพี่ปีสี่ เจ้าขาอยู่ปีหนึ่ง เห็นหน้า ค่าตากันก็แค่ตอนรับน้อง แต่มาเริ่มสนิทกันก็เมื่อเจ้าขาได้ฝึกงานก่อนจบบริษัทในเครือของที่นี่ แล้วธนภพไปเยี่ยม ชมงาน จึงได้ทักทายและแลกไลน์ แลกเฟซบุ๊กเพื่อติดต่อกัน อีกครั้ง และตั้งแต่นั้นก็ได้คุยกันมากขึ้น นัดพบเพื่อ ทานอาหารบ้าง แต่เจ้าขาค่อนข้างจะหวงเนื้อหวงตัว ธนภพเองก็เป็นสุภาพบุรุษที่มีความอดทนพอควร ทุกอย่างจึง ไม่คืบหน้าไปเท่าไรนัก
“ พี่รอได้ รอวันที่เจ้าขาพร้อม ”
นั่นคือคำมั่นของธนภพที่มีให้เจ้าขา
“ แล้วจอดรถไว้ตรงไหนครับ ”
“ ลานจอดรถฝั่งซ้ายค่ะพี่ภพ ”
“ ไม่รู้จะขับมาให้ลำบากทำไม พี่บอกว่าจะไม่รับก็ ไม่ยอม ”
“ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ให้เจ้าขาขับมาเถอะ คุณป้าแข จะได้ดีใจที่ใช้ของขวัญของท่าน แล้วอีกอย่างท่านก็คงจะ ไม่ชอบใจเท่าไรนักที่เราจะนั่งรถกันมาสองต่อสอง อย่างสุดท้ายคือพี่ภพเป็นผู้บริหารที่นี่ ถ้าหากขับรถรับส่งพนักงานก็ไม่น่าจะดูดีนัก ถูกไหมคะ ” เขายิ้ม
“ โอเคครับ พี่ไม่กล้าเถียงอะไรทั้งนั้น ยกให้เจ้าขา ถูกหมดทุกข้อ เพราะพูดอะไรก็แย้งพี่หมด ” เธอหัวเราะร่วน
“ เจ้าขาไม่ได้แย้งนะคะ แค่ยกเหตุผลมาชี้แจง ”
“ จ้า ไม่ได้แย้งก็ไม่ได้แย้ง แล้วนี่ทานข้าวมาหรือยัง ”
“ เรียบร้อยแล้วค่ะ พี่ภพก็ทราบนี่คะว่าเจ้าขาต้อง ทานมื้อเช้าก่อนที่จะออกจากบ้าน ไม่อย่างนั้นคุณป้าไม่ยอม ”
“ นั่นสินะ คุณป้านี่ทั้งรักทั้งหวงหลานสาวคนเดียวอย่างกับไข่ในหิน แต่ยังไงเสียวันหนึ่งพี่ก็ต้องเอาชนะใจน้องเจ้าขาให้ได้ ” เขาว่าอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ หญิงสาวได้แต่ก้มหน้างุด ไม่พูดไม่จาอะไรทั้งสิ้น
แม้ว่าเจ้าขายืนยันว่าขอเดินขึ้นไปที่ห้องทำงานเองแต่ธนภพไม่ยอม เขายืนกรานที่จะถือข้าวของเดินเคียงข้าง ซึ่งนั่นตกเป็นเป้าสายตาและเสียงซุบซิบของพนักงานคนอื่นลับหลัง
“ ใครวะแก ทำไมคุณธนภพถึงถือข้าวของให้แถมเดินตามกันต้อย ๆ แฟนเหรอ ”
“ ก็น่าจะอย่างนั้นล่ะมั้ง เห็นว่ามาเป็นเลขาของท่านรองประธานคุณแม่ของคุณธนภพนี่ แต่เอาจริง ๆ คุณธนภพก็น่ารักและเป็นสุภาพบุรุษกับทุกคนนะ ไม่เว้นแม้แต่พนักงานอย่างเรา ”
“ ก็รู้ แต่คนนี้มันเกินหน้าเกินตา เข้ามาก็ได้เป็นถึงเลขาท่านประธาน ไม่ต้องใช้เต้าไต่ให้ยากเลยเนาะ ”
“ บ้าแก อาจจะใช้เต้าไต่กันมาตั้งแต่ยังไม่เข้าบริษัทก็เป็นได้ ” แล้วพนักงานกลุ่มนั้นก็หัวเราะกันคิกคัก เม้าท์กันสนุกปากใหญ่โตทั้งที่ไม่รู้มูลความจริงเลยแม้แต่นิด จนละเลยงานเบื้องหน้าไปชั่วขณะ
คนบางคนก็เป็นแบบนี้ รู้ทุกอย่างบนโลกใบนี้ ยกเว้นเรื่องของตัวเอง !
โปรย : " ขออีกครั้งได้ไหม " " หมายถึงโอกาสเหรอคะ " " ก็ โอกาสด้วย อย่างอื่นด้วย " เธอยิ้ม ขยับเข้าไปหาแล้วกระซิบข้างหูเขาเบา ๆ " อย่างอื่นนี่คืออะไรเหรอคะ " ลมหายใจอุ่น ๆ เป่าลงที่ซอกคอ และเธอตั้งใจแตะริมฝีปากให้ถากบนใบหูของเขา เพียงเท่านั้นเลือดหนุ่มก็เดือดพล่านเหลือเกินแล้ว " พูดได้เหรอ " " ถ้าไม่อยากพูด ทำเลยก็ได้ " ++++++++++++ มาเซ้ นางเอกเราสู้คนค่ะคุณขา หมายเหตุ : แมธธิว พระเอกของเรื่องนี้ เป็นตัวละครหนึ่งในกลุ่มเพื่อนสนิทจากเรื่อง คุณแสนร้าย , น้องนุ่ง , เล่ห์ร้อน ทุกเรื่องจะมีตัวละครทั้งสี่ปรากฏในเรื่อง แต่เนื้อเรื่องไม่เกี่ยวข้อง สามารถอ่านแยกกันได้ แต่ถ้าจะให้ม่วนจอยครบสูตรก็ฝากทั้งสี่ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ ++++++++++++++++++++++++ 4 เรื่อง 4 รส 4 หนุ่ม ดังนี้ 1. คุณแสนร้าย (แสนสราญ + หนึ่งฤทัย) 2. ขออีกครั้ง (แมธธิว + พราวด์ ) 3. น้องนุ่ง (เอกบุรุษ + เขมิรา) 4. เล่ห์ร้อน (เขมมะ + ขนม)
เธอไม่ได้ชอบเบา ๆ หรอก ฉันรู้ดี... โปรย : จากเด็กในบ้านที่มีสัมพันธ์กันลับ ๆ วันหนึ่งเธอตัดสินใจโบยบินไปจากอ้อมอก ตอนนั้นเขาพึ่งรู้หัวใจตัวเอง เขาหวง เขาหึง เขาคิดถึง เขาคลั่งแทบบ้า และจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เธอคืนมา ! ตัวอย่าง : " คุณแสนมีธุระอะไรคะ " ใบหน้าหล่อเหลาที่เรียบเฉยยกยิ้มมุมปากทันทีที่ได้ยินคำถามนั้น " พูดจาดูห่างเหินจังนะ " " คุณทราบได้ยังไงคะว่าหนึ่งอยู่ที่นี่ " " ก็แค่บังเอิญผ่านมา " " บังเอิญแน่เหรอคะ " " แน่สิ ทำไมล่ะ ที่นี่มันร้านกาแฟที่ลูกค้าที่ไหนจะมาซื้อก็ได้ทั้งนั้น รวมถึงฉันด้วย " " หนึ่งจะปิดร้านแล้วค่ะ " " ใจดำจังนะ ออกมาไม่บอกไม่กล่าว รีบอะไรขนาดนั้น " คราวนี้เธอเงียบ เขาจึงยิงคำถามต่อ " เห็นน้าละมุนบอกว่าวันที่ขนของมีหนุ่มไปรับ " คำพูดนั้นทำให้เธอเชิดหน้าขึ้น " ค่ะ แฟนหนึ่งเอง หนึ่งย้ายมาอยู่กับเขาที่นี่ " เธอเน้นย้ำคำว่า ที่นี่ ให้เขาได้ยินชัด ๆ เขานิ่งไปชั่วขณะก่อนจะยิ้มออกมา " แต่ตอนนี้ร้านดูเงียบ ๆ แฟนไม่อยู่เหรอ " " คุณแสนจะสั่งอะไรไหมคะ ถ้าไม่สั่งหนึ่งขออนุญาตเชิญกลับ เพราะหนึ่งต้องปิดร้าน " " นี่เป็นแม่ค้ายังไงจะไล่ลูกค้าออกจากร้าน ใจร้ายจังนะ " เธอยืนจ้องเขาเขม็ง คิ้วได้รูปขมวดนิด ๆ อย่างหงุดหงิด แสนสราญนึกสนุกที่ได้เห็นท่าทีแข็งกร้าวต่อต้าน และคนสันดานเสียอย่างเขาก็ชอบที่จะเอาชนะเสียด้วยสิ " อยากได้เครื่องดื่ม " " รับอะไรดีคะ " " นมสด " " นมสดไม่มีค่ะ เมนูตามนี้เลย " เธอผายมือไปยังป้ายเมนูไม้แบบมินิมอลน่ารักที่มีรายชื่อเครื่องดื่มอยู่บนนั้น แต่เขาไม่ได้มองตามไปที่นั่น สายตากรุ้มกริ่มจ้องอยู่ที่อกอวบ แม้มีเสื้อยืดสีขาวสกรีนชื่อร้านห่อหุ้มอีกทั้งผ้ากันเปื้อนทับอีกชั้น แต่เธอก็ยังรู้สึกถึงความร้อนผ่าวที่เกิดขึ้นภายในทรวงเพียงถูกเขาจ้อง " มีสิ เต็มปากเต็มคำดีเสียด้วย " หมายเหตุ : คุณแสน พระเอกของเรื่องนี้ เป็นตัวละครหนึ่งในกลุ่มเพื่อนสนิทจากเรื่อง ขออีกครั้ง , น้องนุ่ง , เล่ห์ร้อน ทุกเรื่องจะมีตัวละครทั้งสี่ปรากฏในเรื่อง แต่เนื้อเรื่องไม่เกี่ยวข้อง สามารถอ่านแยกกันได้ แต่ถ้าจะให้ม่วนจอยครบสูตรก็ฝากทั้งสี่ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ ++++++++++++++++++++++++ 4 เรื่อง 4 รส 4 หนุ่ม ดังนี้ 1. คุณแสนร้าย (แสนสราญ + หนึ่งฤทัย) 2. ขออีกครั้ง (แมธธิว + พราวด์ ) 3. น้องนุ่ง (เอกบุรุษ + เขมิรา) 4. เล่ห์ร้อน (เขมมะ + ขนม)
" ผมใหญ่ครับ " " ใหญ่นี่ ชื่อหรือสรรพคุณคะ " " ก็... ทั้งสองอย่างครับ " +++++++++++++++++++++++++++ " ผมอยากเอาคุณเป็นบ้าเลย " ดวงตาของมิถุนาเบิกกว้างเมื่อได้ยินประโยคนั้น ไม่คิดไม่ฝันว่าเขาจะพูดมันออกมาตรง ๆ อย่างไม่ให้เกียรติเธอแม้แต่นิด " ไอ้โรคจิต หยาบคาย ! " เธอผรุสวาทออกมาทั้งยังพยายามดิ้นรนผลักไสให้ตัวเองหลุดพ้นพันธนาการอันเป็นอ้อมแขนเหนียวแน่นนั้น และแน่นอนว่านอกจากไม่หลุดแล้วเขายังรัดเธอแน่นเข้าไปอีก " ปล่อยฉันนะ ! " " ก็คุณบอกให้ผมพูดเอง " " ใครจะไปรู้ว่าความคิดคุณจะทุเรศลามกขนาดนั้น " " มันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ ธรรมชาติสร้างให้สัตว์เพศผู้เพศเมียสมสู่กันเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ ความต้องการทางเพศมันเป็นเรื่องปกติ หรือว่าคุณไม่เคยมีมัน " " ฉันมีคู่หมั้นแล้วและไม่ได้อยากดำรงเผ่าพันธุ์อะไรกับคนแบบคุณ ! " เขาหัวเราะเบา ๆ ต่างกับเธอที่ตาเขียวปั้ด อยากจะยกมือขึ้นตะกายหน้าหล่อ ๆ นั่นแทบบ้า ไอ้คนไร้มารยาท ! " เราไม่ต้องดำรงเผ่าพันธุ์อะไรทั้งนั้น " เขาเริ่มบทสนทนาต่อก่อนโน้มตัวไปกระซิบที่ข้างหูเธอเบา ๆ " แค่เอากันก็พอ " ++++++++++++++++++++++++++++++++++++ " ...แค่อยากจะมาทักทายคนคุ้นเคยเป็นการส่วนตัว " " ฉันไม่ใช่คนคุ้นเคยของนาย " " งั้นคุณเป็นคนคุ้นเคยของผมฝ่ายเดียวก็ได้ " " อย่ามากวนนะ ระวังจะโดนเอาคืน " " ก็เอาสิ จะเอาคืน เอาวัน หรือเอาทั้งวันทั้งคืนเลยก็ได้นะ ผมไม่ติด "
จะผิดไหม ถ้าอยากมีอะไรกับเพื่อนรัก เขาอยากสอดเสยลำใหญ่เข้าไปในกายเธอเหลือเกิน..เช่นเดียวกับเธอที่อยากให้เขาเข้ามาลึกๆ แรงๆ
พี่สาวครับ ตอนนี้ผมเป็นหนุ่มแล้วครับ ผมอยากกอด อยากหอม อยากจับ อยากเหลือเกินครับ อยากจะจับพี่ทำเมีย...
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!
ซูมู่หยูคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลที่พลัดพรากจากกันไปนาน หลังจากกลับมาสู่ครอบครัว เธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาใจญาติๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวตน เกียรติศักดิ์ หรือผลงานการออกแบบ เธอก็ถูกบังคับให้มอบสิ่งเหล่านี้ให้กับลูกสาวบุญธรรม อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้รับความรักและการดูแลจากครอบครัวแต่อย่างใด แต่กลับโดนเอาเปรียบตลอด นับแต่นั้นเป็นต้นมา มู่หยูไม่ยอมให้ใครอีกเลย และตัดความรู้สึกและความรักทั้งหมดออกไป ปัจจุบันเธอเป็นสายดำระดับเก้า เชี่ยวชาญภาษาถึงแปดภาษา เป็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ และนักออกแบบระดับโลก ซูมู่หยูกล่าวว่า "จากนี้ไป ฉันเป็นหนึ่งของตระกูลซู"
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
หลังจากแต่งงานมาสามปี เสิ่นเนียนอันคิดว่าตนเองสามารถเอาชนะใจโฮ่วอวินโจวได้ แต่กลับพบว่าเขามีเพียงคนรักแรกอยู่ในใจ "ฉันจะปล่อยเธอไปหลังจากที่เธอคลอดลูก" ในวันที่เสิ่นเนียนอันมีปัญหาในการคลอดบุตร โฮ่วอวินโจวได้พาผู้หญิงอีกคนออกจากประเทศด้วยเครื่องบินส่วนตัว "ไม่ว่าคุณจะชอบใครก็แล้วไป สิ่งที่ฉันเป็นหนี้คุณ ฉันคืนให้หมดแล้ว" หลังจากที่เสิ่นเนียนอันจากไป โฮ่วอวินโจวก็เสียใจ "กลับมาหาฉันอีกครั้งได้ไหม"
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น