“พรุ่งนี้ก็เปิดเทอมแล้ว”
“ยังไม่ได้เตรียมชุดอะไรเลย”
“จะตื่นทันไหมนะ”
นั่นคือเสียงที่หลุดออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อดูสุขภาพดี ไม่บ่อยครั้งนักที่เธอจะมานั่งรำพึงรำพันอะไรก่อนนอนแบบนี้
ปกติจะอยู่ง่าย กินง่าย นอนง่าย แต่ตายยาก ไม่ค่อยจะอะไรกับโลกมนุษย์ที่มันเปลี่ยนแปลงไปไวจนอัปเดตไม่ทัน
อาทิตยา ภาสกร หรืออุ๊บอิ๊บ รู้แค่เพียงว่าชีวิตต้องสู้ ไม่มีจะกินก็ต้องดิ้นรน กินให้อิ่ม นอนให้หลับ แล้วก็ตั้งใจเรียน
พอนึกมาถึงเรื่องเรียน ใบหน้ากลมป้อมแป้นแล้นที่มีลักยิ้มสองข้างกระจ่างใสก็หม่นเศร้าลงเล็กน้อย รู้สึกสงสารแม่ขึ้นมาจับใจ
ด้วยครอบครัวไม่ได้มีฐานะดีนัก ตั้งแต่เกิดมาลืมตาดูโลกและจำความได้ อาทิตยาก็รู้จักเพียงแม่ที่อยู่เคียงข้างกายในชีวิต พ่อเป็นใคร ญาติเป็นใครบ้าง เธอไม่เคยได้รับรู้เลย
“สงสารแม่จัง”
ริมฝีปากอิ่มพร่ำเพ้อออกมาคนเดียวอีก ด้วยรู้ดีว่าเงินที่แม่พยายามเก็บหอมรอมริบมาตลอดทั้งชีวิตก็เพื่อให้เธอมีวันนี้ วันที่สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก และมีโอกาสได้เข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา
และนี่ก็เป็นความฝันของเธอเช่นเดียวกัน แม้จะมีต้นทุนมาน้อยไม่ได้พร้อมอย่างใครๆ และต้องเหนื่อยมากกว่าคนอื่น แต่อาทิตยาก็บอกกับตัวเองเสมอว่าจะไม่ยอมแพ้ จะไม่ยอมท้อถอย จะไม่ยอมล้มเลิกอะไรก็ตามที่ตั้งใจไว้
เธอเห็นแม่เหน็ดเหนื่อยมาทั้งชีวิต นับจากนี้เธอจะทำทุกอย่างให้แม่ได้อยู่อย่างสบายขึ้น หรือถ้าทำไม่ได้ เธอก็จะพยายามช่วยเหลือดูแล ไม่ให้แม่ต้องเหนื่อยมากขึ้นกว่าเดิม
เมื่อคุยกับตัวเองจบ ได้ทบทวนอะไรหลายๆ อย่าง รู้สึกว่าตัวเองได้เติบโตมากขึ้นไปอีกขั้น อาทิตยาก็ยิ้มกริ่มกับตัวเอง รู้สึกภาคภูมิใจว่า
เราก็มีความคิดดีๆ เหมือนกันนะเนี่ย ไม่ได้กินเก่งอย่างเดียวซะหน่อย
แต่ครั้นนึกถึงเรื่องที่คนชอบพูดแซวแล้วก็ได้แต่หน้ามุ่ย และก็ต้องหน้ามุ่ยยิ่งกว่าเดิม เมื่อก้มลงมองสัดส่วนของตัวเอง สามสิบแปด-ยี่สิบแปด-สามสิบแปด สูงร้อยห้าสิบแปด ใครจะชอบ!
ไม่ชอบก็ไม่ง้อหรอก อวบแล้วยังไง อ้วนแล้วผิดตรงไหน ไม่ได้ไปกินข้าวบ้านใคร ไม่ได้ไปแย่งข้าวแมวบ้านใครกินเสียหน่อย
ใครจะเข้าใจความทุกข์ของเธอบ้าง ผู้คนทั้งที่รู้จักและไม่รู้จักต่างพากันชอบที่จะล้อเธอ บ้างก็เรียกเธอว่าช้างน้ำ บ้างก็เรียกเธอว่าธิดาร้อยโล บางทีเธอก็โมโหจนอยากจะวิ่งไล่ชนให้มันท้องแตกตายกันไปให้หมด แต่เธอไม่ใช่ช้างตกมันนะ! แถมไม่ได้อ้วนขนาดนั้นซะหน่อย สาบานว่าหนักไม่ถึงร้อยกิโลกรัม แค่ประมาณห้าสิบปลายๆ ใกล้หกสิบเท่านั้นเอง
มันดูอวบระยะสุดท้ายจริงๆ นั่นแหละ แต่ก็มีเอวอยู่นะ หน้าอกก็มี ขาก็ไม่ได้โตเป็นโต๊ะสนุกเกอร์ขนาดนั้น แต่มันก็ถือว่าอ้วน แล้วก็เป็นเหยื่อให้คนปากมากแซวกันสนุกปาก ทั้งที่เธอไม่เคยไปทำอะไรให้คนเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย
อาทิตยาอยากจะบ้า! เทียบกันกับแม่แล้ว หุ่นของแม่บอบบางคนละเรื่องกับเธอเลย ทุกวันนี้ยังงงไม่หายว่าตอนที่แม่ท้อง แม่ต้องแบกรับน้ำหนักของเธอขนาดไหนนะ คงจะอุ้ยอ้ายน่าดู และตอนที่ท่านคลอดเธอนั่นก็อีก แม่เคยเล่าว่าเธอตัวใหญ่มากและก็ขาวอวบอย่างกับหยวกกล้วย
ก็คงจะจริง สิ่งที่พอจรรโลงใจให้อาทิตยารู้สึกดีทดแทนความอ้วนได้ ก็คงจะเป็นเรื่องผิวขาวๆ เนียนๆ นี่แหละ แต่ก็ยังมีคนปากเสีย บอกว่าเธอเหมือนแฝดผู้พี่ของเด็กสมบูรณ์ โอ๊ย! ต้องทำยังไง ทำยังไงถึงจะผอม!
หลายคนเคยบอกเคล็ดลับว่าให้กินแต่ผลไม้ ไม่กินแป้ง ดื่มน้ำเยอะๆ ออกกำลังกาย กินผักมากๆ งดอาหารมัน งดของหวาน งดน้ำอัดลม อาทิตยาอยากจะสวนกลับไปว่า...
ต่อให้กูแดกแต่ผักทั้งสวน กูก็อ้วนอยู่ดีค่ะ!