บทนำ อุ้ยอ้าย
“แม่ขา น้องอ้ายไปก่อนนะคะ คุณพ่อล่ะคะ คุณพ่ออยู่ไหน”
เสียงเรียกร่าเริงชัดแจ๋วพร้อมเสียงฝีเท้าที่วิ่งลงบันไดบ้านมาอย่างไม่ดังมากนักนั้น ทำให้อาทิตยาต้องเดินออกมาจากห้องอาหารเพื่อมาตอบคำถามของคนที่น่าจะตื่นเต้นมากอยู่พอสมควรกับการฝึกงานวันแรกในวันนี้
“คุณพ่อออกไปแล้วลูก”
วันนี้ขุนพลไม่ได้รอรับประทานอาหารเช้ากับครอบครัวเนื่องจากต้องรีบออกไปเตรียมประชุมงานสำคัญ และคำตอบนั้นก็ทำเอาคนที่อยากเจอพ่อก่อนใครหน้าหงอย
“งื้อ...คุณพ่อชอบหนีออกไปก่อนอีกแล้ว ไม่ยอมรอน้องเลย”
“คุณพ่อมีประชุมเช้าเลยรีบออกไป อ้ายอย่างอแงสิลูกไม่ใช่เด็กแล้ว” สาวอวบขวัญใจพี่คิงดุลูกสาวคนสวยที่ยังคงทำตัวเป็นเด็กเสมอไม่จริงจังนัก
“ก็อ้ายอยากได้กำลังใจจากคุณพ่อก่อนนี่คะ ฝึกงานวันแรกอ้ายตื่นเต้น”
“ค่อยไลน์หาคุณพ่อก็ได้จ้ะ เดี๋ยวคุณพ่อว่างแล้วก็ตอบเองนั่นแหละลูก”
ขนิษฐา สุธีรากรโชติช่วง หรืออุ้ยอ้ายพยักหน้ารับแบบหงอยๆ แต่ก็ไม่ต่อล้อต่อเถียงกับแม่อีก อาทิตยาเห็นดังนั้นเลยเดินมาจูงมือพาลูกสาวไปกินข้าวเช้าด้วยกัน โดยที่ตอนนี้ในห้องอาหารของบ้านก็มีคุณปู่คุณย่าของอุ้ยอ้ายลงมานั่งประจำที่เก้าอี้ของตนแล้ว
ครอบครัวสุธีรากรโชติช่วงใช้เวลารับประทานอาหารเช้าร่วมกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง จากนั้นต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปทำภารกิจยามเช้าของตน ขนิษฐาก็เดินกอดแขนแม่พากันออกมาหน้าบ้าน
“วันนี้ฝึกงานวันแรก แม่ว่าน้องอ้ายจะทำได้ไหมคะ”
ถามอย่างไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองนัก ความจริงแล้วขนิษฐาไม่ได้กลัว แค่อยากได้กำลังใจจากคนที่รักก็เท่านั้นเอง
“ทำได้สิลูก อุ้ยอ้ายเก่งอยู่แล้ว สู้ๆ แม่เป็นกำลังใจให้”
“ขอบคุณค่ะ” ขนิษฐายิ้มแฉ่งเมื่อได้ฟังคำพูดเชิงบวกแบบนั้น
และในระหว่างที่สองแม่ลูกกำลังสนทนากัน ก็มีรถเบนซ์ป้ายแดงขับเข้ามาจอดหน้าประตูบ้านด้านใน ก่อนที่ร่างสูงของคนหน้าเรียวท่าทางอารมณ์ดีจะก้าวลงมาจากรถพร้อมกับถอดแว่นกันแดดออก มาดอย่างกับพระเอกยุคเก้าศูนย์ดูคลาสสิกสุดๆ
“ได้ข่าวว่ามีคนฝึกงานวันแรก ต้องการรถรับส่งอะเปล่า”
“ลุงเล็ก!” ขนิษฐาร้องเรียกอย่างดีใจ ก่อนจะวิ่งหน้าตั้งไปกระโดดกอดเหมือนเมื่อตอนเด็กๆ เล่นเอาคนมาใหม่ไม่ทันตั้งตัวเกือบหงายหลัง
“เฮ้ย! มันไม่ใช่หมูน้อยแล้วนะ มันเป็นแม่หมูแล้ว ตัวเบ้อเริ่ม!” วรฤทธิ์บ่นเสียงดุ
ส่วนขนิษฐาที่รู้ว่าลุงเล็กก็ปากร้ายไปอย่างนั้นแต่อันที่จริงแล้วใจดีสุดๆ กลับยิ้มแฉ่ง ไม่เกรงกลัว
“ฮี่ๆ อาเล็กมารับน้องเหรอคะ ขอบคุณที่สุดเลยค่า อ้ายกำลังต้องการกำลังใจพอดี คุณพ่อทิ้งอ้าย” คนขี้ฟ้องเอ่ยเสียงละห้อยฟังแล้วน่าสงสารเชียว
“ปล่อยพ่อเขาไปเครียดคนเดียวเถอะ เดี๋ยวอาไปส่งเราเอง แล้วตอนเย็นจะไปรับด้วยดีมั้ย”
“ดีค่ะ”
“อุ้ยอ้ายรบกวนคุณอามากไปแล้วนะลูก” อาทิตยาที่ยืนฟังสองอาหลานคุยกันและตามใจกันเอ่ยเตือนลูกสาวเสียงอ่อน
“เฮ้ยอวบ เธอจะคิดมากทำไมวะคนกันเองทั้งนั้น ไปๆ ไอ้หมูน้อย เดี๋ยวรถติด ไปกันเถอะ”
ว่าแล้วอาหลานที่เข้ากันได้ดีจนอาทิตยาอดหมั่นไส้ไม่ได้ก็ควงแขนพากันเดินไปขึ้นรถพร้อมกับคุยกันกะหนุงกะหนิง...
“นี่หมูน้อย อาจะแนะนำอะไรอย่างนะสำหรับการฝึกงาน”
วรฤทธิ์เริ่มต้นบทสนทนาเสียงจริงจังเมื่อรถแล่นออกมาได้ราวๆ ห้านาที
“ดีเลยค่ะ ลุงเล็กแนะนำน้องหน่อย”
วรฤทธิ์หันมาค้อนให้คนเรียกเขาว่าลุงนิดหนึ่ง ก่อนจะหันไปมองท้องถนนเหมือนเดิม ในใจก็ได้แต่คิด
ไอ้หมูน้อยก็เป็นแบบนี้ ชอบเรียกเขาว่าลุงตั้งแต่ยังเล็กๆ จนเขารู้สึกชินชาไปซะแล้ว มันอยากจะเรียกอะไรก็ปล่อยมันไป ยังไงเขาก็โกรธยัยสาวน้อยตัวแสบนี่ไม่ลงหรอก
“เวลาเราอยู่ที่ออฟฟิศน่ะ เราอย่าไปอ่อนน้อมถ่อมตนมากไปจนดูหงอ ทำตัวนุ่มนิ่มมากๆ เดี๋ยวคนมันจะหาว่าเราอ่อนแอแล้วรังแกเอาได้ ต้องเข้มแข็ง อย่ายอมให้ใครรังแกง่ายๆ เข้าใจเปล่า”
“เข้าใจค่ะ อ้ายจะไม่ยอมให้ใครมารังแกแน่นอนค่ะ”
วรฤทธิ์ฟังแล้วก็ไม่อยากจะเชื่อนักหรอก แต่ก็ไม่อยากขัดเดี๋ยวจะเป็นการตัดกำลังใจ เลยได้แต่เอ่ยต่อว่า
“แล้วถ้าใครด่ามาก็ด่ากลับเลย อย่าไปยอมให้มันด่าฟรีๆ”
“แต่อ้ายไม่ชอบพูดคำหยาบค่ะมันไม่ดี คุณพ่อกับคุณแม่เขาก็ไม่เคยพูดนะคะ”