“พี่เรียวดุไหมคะ” เขาชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อได้ยินเธอถามขึ้นมาอย่างนั้น “ดื้อไหมล่ะ ถ้าไม่ดื้อก็ไม่ดุ” “น้องไม่ดื้อค่ะ” อ้อมแอ้มบอกเขาเสียงแผ่วเบา “จริงเหรอ...ดื้อเงียบล่ะไม่ว่า” พอพูดจบเขาก็จ้องหน้าเธอด้วยสายตาดุๆ อย่างจับผิด นั่นทำให้หญิงสาวรีบก้มหน้าหลบตาทันที แต่ครั้นรับรู้ได้ว่าเขายังคงจ้องอยู่อย่างนั้น เลยจำต้องช้อนสายตาขึ้นมองเขา แล้วจึงได้เห็นว่าแววตาคมดุในตอนแรกตอนนี้มีความขบขันเจืออยู่ในนั้น ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นยีผมเธอเบาๆ แล้วเอ่ย “รีบกลับบ้าน เริ่มมืดแล้ว” ------- “อ้าย” ไม่หัน “อุ้ยอ้าย” ไม่หัน “หมูน้อย” “แง้ อย่ามาเรียกเค้าแบบนั้นนะ” หันขวับมาค้อนและต่อว่าเขาเสียงงอแงทันที และนั่นก็ทำให้คนที่ตั้งใจง้อหลุดยิ้มขำ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าคุณพ่อตาชอบเรียกเธอแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร “เป็นอะไร หืม” “น้องไม่ได้เป็นอะไรซะหน่อย” “จ้ำม่ำน่ารักนะ ไม่ชอบเหรอ” ------------------ “วันเกิดพี่เรียวปีนี้อ้ายมีของขวัญให้ด้วยนะคะ” “อะไรเอ่ย” เขาเลิกคิ้วอย่างสงสัย “ของขวัญวันเกิดของพี่เรียวได้แก่...อ้ายผูกโบค่ะ คิกๆ” ว่าจบก็ยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะลั่น ยิ่งเมื่อได้เห็นว่าตอนนี้เขามีสีหน้าเมื่อยๆ อึ้งๆ เพลียๆ ก็ยิ่งหัวเราะหนักกว่าเดิม “ล้อเล่นค่า อ้ายมีของขวัญมาให้จริงๆ” “ของขวัญอะไรหรือครับ” เขาหรี่ตามองคนตัวแสบตรงหน้าอย่างไม่มั่นใจนัก “ของขวัญวันเกิดไงคะ” “เข้าใจ แต่มันคืออะไรกันแน่ เมื่อกี้ก็บอกว่าอ้ายผูกโบ” เขาทวนคำพลางลอบยิ้มเมื่อได้เห็นแก้มเนียนๆ นั้นระเรื่อขึ้นทั้งสองข้าง “มัน เอ่อ เป็นของหวานน่ะค่ะ” “ของหวาน?” ------------------- ฝากหมูน้อยลูกแม่อวบพ่อคิง (อวบอยู่ไหนจ๊ะ) กับพี่เรียวลูกแม่มนพ่อริว (บ่วงรักเมียเฉิ่ม) ไว้ในอ้อมใจของทุกคนด้วยนะค้า ขอบคุณมากๆ เลยค่า
“ถึงจะอุ๊ตุ๊ปานหมูน้อยและขี้แยมากไปหน่อย
แต่หนูก็รอคอยพี่มาตลอดนะคะ”
บทนำ อุ้ยอ้าย
“แม่ขา น้องอ้ายไปก่อนนะคะ คุณพ่อล่ะคะ คุณพ่ออยู่ไหน”
เสียงเรียกร่าเริงชัดแจ๋วพร้อมเสียงฝีเท้าที่วิ่งลงบันไดบ้านมาอย่างไม่ดังมากนักนั้น ทำให้อาทิตยาต้องเดินออกมาจากห้องอาหารเพื่อมาตอบคำถามของคนที่น่าจะตื่นเต้นมากอยู่พอสมควรกับการฝึกงานวันแรกในวันนี้
“คุณพ่อออกไปแล้วลูก”
วันนี้ขุนพลไม่ได้รอรับประทานอาหารเช้ากับครอบครัวเนื่องจากต้องรีบออกไปเตรียมประชุมงานสำคัญ และคำตอบนั้นก็ทำเอาคนที่อยากเจอพ่อก่อนใครหน้าหงอย
“งื้อ...คุณพ่อชอบหนีออกไปก่อนอีกแล้ว ไม่ยอมรอน้องเลย”
“คุณพ่อมีประชุมเช้าเลยรีบออกไป อ้ายอย่างอแงสิลูกไม่ใช่เด็กแล้ว” สาวอวบขวัญใจพี่คิงดุลูกสาวคนสวยที่ยังคงทำตัวเป็นเด็กเสมอไม่จริงจังนัก
“ก็อ้ายอยากได้กำลังใจจากคุณพ่อก่อนนี่คะ ฝึกงานวันแรกอ้ายตื่นเต้น”
“ค่อยไลน์หาคุณพ่อก็ได้จ้ะ เดี๋ยวคุณพ่อว่างแล้วก็ตอบเองนั่นแหละลูก”
ขนิษฐา สุธีรากรโชติช่วง หรืออุ้ยอ้ายพยักหน้ารับแบบหงอยๆ แต่ก็ไม่ต่อล้อต่อเถียงกับแม่อีก อาทิตยาเห็นดังนั้นเลยเดินมาจูงมือพาลูกสาวไปกินข้าวเช้าด้วยกัน โดยที่ตอนนี้ในห้องอาหารของบ้านก็มีคุณปู่คุณย่าของอุ้ยอ้ายลงมานั่งประจำที่เก้าอี้ของตนแล้ว
ครอบครัวสุธีรากรโชติช่วงใช้เวลารับประทานอาหารเช้าร่วมกันไม่ถึงครึ่งชั่วโมง จากนั้นต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปทำภารกิจยามเช้าของตน ขนิษฐาก็เดินกอดแขนแม่พากันออกมาหน้าบ้าน
“วันนี้ฝึกงานวันแรก แม่ว่าน้องอ้ายจะทำได้ไหมคะ”
ถามอย่างไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองนัก ความจริงแล้วขนิษฐาไม่ได้กลัว แค่อยากได้กำลังใจจากคนที่รักก็เท่านั้นเอง
“ทำได้สิลูก อุ้ยอ้ายเก่งอยู่แล้ว สู้ๆ แม่เป็นกำลังใจให้”
“ขอบคุณค่ะ” ขนิษฐายิ้มแฉ่งเมื่อได้ฟังคำพูดเชิงบวกแบบนั้น
และในระหว่างที่สองแม่ลูกกำลังสนทนากัน ก็มีรถเบนซ์ป้ายแดงขับเข้ามาจอดหน้าประตูบ้านด้านใน ก่อนที่ร่างสูงของคนหน้าเรียวท่าทางอารมณ์ดีจะก้าวลงมาจากรถพร้อมกับถอดแว่นกันแดดออก มาดอย่างกับพระเอกยุคเก้าศูนย์ดูคลาสสิกสุดๆ
“ได้ข่าวว่ามีคนฝึกงานวันแรก ต้องการรถรับส่งอะเปล่า”
“ลุงเล็ก!” ขนิษฐาร้องเรียกอย่างดีใจ ก่อนจะวิ่งหน้าตั้งไปกระโดดกอดเหมือนเมื่อตอนเด็กๆ เล่นเอาคนมาใหม่ไม่ทันตั้งตัวเกือบหงายหลัง
“เฮ้ย! มันไม่ใช่หมูน้อยแล้วนะ มันเป็นแม่หมูแล้ว ตัวเบ้อเริ่ม!” วรฤทธิ์บ่นเสียงดุ
ส่วนขนิษฐาที่รู้ว่าลุงเล็กก็ปากร้ายไปอย่างนั้นแต่อันที่จริงแล้วใจดีสุดๆ กลับยิ้มแฉ่ง ไม่เกรงกลัว
“ฮี่ๆ อาเล็กมารับน้องเหรอคะ ขอบคุณที่สุดเลยค่า อ้ายกำลังต้องการกำลังใจพอดี คุณพ่อทิ้งอ้าย” คนขี้ฟ้องเอ่ยเสียงละห้อยฟังแล้วน่าสงสารเชียว
“ปล่อยพ่อเขาไปเครียดคนเดียวเถอะ เดี๋ยวอาไปส่งเราเอง แล้วตอนเย็นจะไปรับด้วยดีมั้ย”
“ดีค่ะ”
“อุ้ยอ้ายรบกวนคุณอามากไปแล้วนะลูก” อาทิตยาที่ยืนฟังสองอาหลานคุยกันและตามใจกันเอ่ยเตือนลูกสาวเสียงอ่อน
“เฮ้ยอวบ เธอจะคิดมากทำไมวะคนกันเองทั้งนั้น ไปๆ ไอ้หมูน้อย เดี๋ยวรถติด ไปกันเถอะ”
ว่าแล้วอาหลานที่เข้ากันได้ดีจนอาทิตยาอดหมั่นไส้ไม่ได้ก็ควงแขนพากันเดินไปขึ้นรถพร้อมกับคุยกันกะหนุงกะหนิง...
“นี่หมูน้อย อาจะแนะนำอะไรอย่างนะสำหรับการฝึกงาน”
วรฤทธิ์เริ่มต้นบทสนทนาเสียงจริงจังเมื่อรถแล่นออกมาได้ราวๆ ห้านาที
“ดีเลยค่ะ ลุงเล็กแนะนำน้องหน่อย”
วรฤทธิ์หันมาค้อนให้คนเรียกเขาว่าลุงนิดหนึ่ง ก่อนจะหันไปมองท้องถนนเหมือนเดิม ในใจก็ได้แต่คิด
ไอ้หมูน้อยก็เป็นแบบนี้ ชอบเรียกเขาว่าลุงตั้งแต่ยังเล็กๆ จนเขารู้สึกชินชาไปซะแล้ว มันอยากจะเรียกอะไรก็ปล่อยมันไป ยังไงเขาก็โกรธยัยสาวน้อยตัวแสบนี่ไม่ลงหรอก
“เวลาเราอยู่ที่ออฟฟิศน่ะ เราอย่าไปอ่อนน้อมถ่อมตนมากไปจนดูหงอ ทำตัวนุ่มนิ่มมากๆ เดี๋ยวคนมันจะหาว่าเราอ่อนแอแล้วรังแกเอาได้ ต้องเข้มแข็ง อย่ายอมให้ใครรังแกง่ายๆ เข้าใจเปล่า”
“เข้าใจค่ะ อ้ายจะไม่ยอมให้ใครมารังแกแน่นอนค่ะ”
วรฤทธิ์ฟังแล้วก็ไม่อยากจะเชื่อนักหรอก แต่ก็ไม่อยากขัดเดี๋ยวจะเป็นการตัดกำลังใจ เลยได้แต่เอ่ยต่อว่า
“แล้วถ้าใครด่ามาก็ด่ากลับเลย อย่าไปยอมให้มันด่าฟรีๆ”
“แต่อ้ายไม่ชอบพูดคำหยาบค่ะมันไม่ดี คุณพ่อกับคุณแม่เขาก็ไม่เคยพูดนะคะ”
ภาคต่อ ดื้อรัก (เด็กดื้อ) แต่แยกอ่านได้ไม่งงนะคะ * เด็กเอ๋อแถมสติไม่สมประกอบ ที่กำลังก่อกวนให้หัวใจคนไม่เอาถ่านเต้นไม่เป็นจังหวะ * “พี่โจมองอะไรเหรอคะ” “มองคน” “หนูไม่เห็นใครเลย” เพราะนิรตานั้นไม่ได้สนใจอะไร เธอจึงไม่คิดฟังว่าใครพูดถึงใคร ต่างกับเตชัสผู้ถูกพาดพิงที่ได้ยินชัดแจ๋วเต็มสองรูหู “เมื่อกี้มันมีคนบ้าแอบนินทาพี่” “นินทาคืออะไร...” “พูดถึงลับหลังในทางที่ไม่ดี” “ก็เลยโกรธเหรอคะ” “ใช่” “พี่โจต้องไม่โกรธนะคะ โบราณเขาถือว่า โกรธคือโง่ โมโหคือโง้โง่ค่ะ” ----------------- “เอาใหญ่แล้วนะหนูนิ่ม เห็นพี่ยอมหน่อยแล้วไม่เกรงใจ เดี๋ยวเหอะ” “ก็พี่โจ...” นิรตาทำท่าจะเถียง ก่อนจะหน้าหงอยลงเมื่อเขาทำหน้าดุใส่ทั้งที่เธอไม่ได้ทำอะไรผิดแท้ๆ “เดี๋ยวจะโดน ไม่โดนสักทีไม่ดีขึ้นเลย” “โดนอะไรคะ” “ไม่บอก” นิรตาได้ยินเช่นนั้นก็จะลุกขึ้นเพื่อว่าจะกลับบ้าน แต่เตชัสก็คว้าเอวเธอไว้และดึงให้นั่งลงบนตักแกร่งเสียก่อน แม้สาวน้อยจะพยายามดิ้นบิดกายออกห่าง แต่เขาก็กระชับอ้อมแขนกอดรัดแน่นขึ้น “โกรธเหรอ...โกรธคือโง่ โมโหคือโง้โง่นะ” ว่าจบก็หัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่เมื่อเห็นใบหน้าหวานสวยนั้นงงงวยผสมกับความมุ่ยๆ เหมือนงอนๆ ใบหน้าของนิรตาตอนนี้ทำให้เขาบรรยายไม่ถูก รู้แต่ว่าเห็นแล้วขำอีหลี * ซีรีส์ในชุดยังไงก็รัก 1. ดื้อรัก (เด็กดื้อ) - ตีพิมพ์และวางแผง ต.ค.2560 (ทำมือ) #6 2. เอ๋อรัก (เด็กบ๊อง) - ตีพิมพ์และวางแผง ก.ค.2566 (ทำมือ) #16 3. รักนะคะคนเถื่อนของฉัน - ตีพิมพ์และวางแผง ส.ค.2559 (ทำมือ) #5
ดันรัก (เจ้จ๋า+ไอ้เป๊ก) “ผมชอบแบบนี้ ชอบสาวอวบ” “เค้าอ้วนหรอ” รอยยิ้มที่มีบนใบหน้าสวยจางลงไป เมื่อได้ยินแบบนั้น ทำให้กังวลขึ้นมาอีกว่าตัวเองอ้วนเผละขึ้นมาแล้วหรืออย่างไร “เปล่า ไม่ได้อ้วนเลย แต่อวบตรงนี้” เขาขยำมือลงไปตรงจุดที่ว่า อวบตรงนี้ ทำเอาคนโดนกระทำต้องบิดกายหลบน้อยๆ ด้วยความเขินอาย “อวบเป็นส่วนๆ อะ” “คนบ้า ปล่อยเลยนะ” จารุณาพยายามดึงมือเขาออกจากจุดอันตรายช่วงบน แต่ดูเหมือนคนที่เด็กกว่าจะไม่นำพาแรงขัดขืนเท่ามดนั้น -------------------- ดันรัก 2 (พิกเจอร์+ป๊อกจี้) “งั้นสัญญากับพี่ได้ไหมคะ ว่าต่อไปนี้จีจี้จะไม่เอาแต่ใจ แล้วจากนี้และตลอดไปก็จะให้พี่เอาแต่เรา” เปรมยุดายกมือขึ้นปิดปากหยักทันทีเมื่อเขาเอ่ยจบ เกรงว่าจะได้ฟังคำพูดห่ามๆ อย่างอื่นอีก นี่มันคืนแต่งงานบ้านไหนเนี่ย เธอต้องมานอนตัวแดงหน้าแดงฟังเขารำพันอะไรเสี่ยวๆ “อายอะไร พูดความจริง ตอบมา สัญญา” รัตนทัตไม่ยอมให้แม่เมียตัวน้อยปฏิเสธ และระหว่างที่เธอเม้มปากแน่นไม่ยอมเอื้อมเอ่ย มือหนาก็ลูบไล้ไล่สัมผัสไปถึงไหนต่อไป คนที่ตั้งใจว่าจะไม่คุยกับเขาแล้วเพราะกลัวเขาจะพูดทะลึ่งตึงตังเลยจำต้องอ้าปาก “พี่พิก พอแล้วค่ะ” ประท้วงเขาเบาๆ เมื่อเห็นว่าสิ่งที่เขากำลังจะทำนั้นตรงข้ามกับคำที่บอกเธอว่าเหนื่อยและไม่มีแรงไปมากโข “พออะไรครับ หืม” ยังจะมาย้อนถามอีกนะคนบ้ากามนี่! ก็รู้ว่าเขามีสิทธิ์ ไม่ได้คิดจะปฏิเสธความต้องการของเขาหรอก แต่เปรมยุดาอยากรู้จริงๆ ว่าผู้ชายเป็นแบบนี้กันทุกคนหรือเปล่า หรือเฉพาะพี่พิกเท่านั้น เลยอดถามเขาไม่ได้ว่า “ทำไมพี่พิกถึงได้หมกมุ่นกับเรื่องบนเตียงจังคะ” “งั้นเปลี่ยนไปที่ระเบียงไหมล่ะ”
"จะออกไปไหนน่ะเล่ย์ ข้างนอกอากาศเย็น เล่ย์ไม่สบายอยู่นะ" เธอบอกเสียงอ่อนโยน "เรื่องของเล่ย์ เล่ย์ก็จะไปตามประสาคนโสด" เขาตอบอย่างงอนๆ "เป็นอะไรอีกฮะ อย่ามาเอาแต่ใจกับลินนะ ลินไม่ชอบ" บอกเสียงเข้ม พลางจ้องหน้าเขาเขม็ง "ใครจะไปดีเหมือนไอ้นพล่ะ" "หยุดพูดถึงนพแบบนั้นนะ ทำไมเล่ย์ต้องพาดพิงถึงเค้า" "เล่ย์เป็นเพื่อนลิน เล่ย์ก็ต้องพูดถึงแฟนลินได้สิ ทำไม หรือเพื่อนคนนี้มันไม่มีสิทธิ์ ใช่สิ เล่ย์มันก็แค่เพื่อนนี่ เพื่อนที่ลินไม่เคยเห็นอยู่ในสายตา" เขาว่าเธอระรัวอย่างที่ไม่เคยทำมานานแล้ว "นี่เล่ย์ไปกันใหญ่แล้วนะ นพเค้าไม่ใช่แฟนลิน นพเค้ามีคนรักอยู่แล้ว ทำไม เป็นเพื่อนลินมันไม่ดีตรงไหน หรืออยากจะเปลี่ยนจากเพื่อนเป็นผัวหรือไง ฮะ" พัฒนะอ้าปากค้าง หน้าขึ้นสีเข้มขึ้นมาทันใด เมื่อเจอคำพูดตรงไปตรงมาแบบนั้น ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นเรียบเฉย เมื่อเข้าใจว่าเธอแค่หวง กลัวเขาจะไปเที่ยวเตร่เดินควงสาวอื่นๆ เหมือนที่แล้วๆ มา ไม่ได้มีอะไรลึกซึ้งมากมายกว่านั้น
“เป็นอะไร” เธอหันไปมองหน้าเขาด้วยใบหน้าบึ้งตึง ยังจะกล้ามาถามอีก! “พิมพ์ต่างหากที่ต้องถามคุณว่าคุณเป็นอะไร ทำไมต้องทำกับพิมพ์แบบนี้ พิมพ์ทำอะไรผิด” “ก็แต่งด้วยแล้วก็น่าจะพอใจ ยังจะต้องการอะไรอีก ทำไมแค่นี้ก็ต้องคิดเล็กคิดน้อย” “พิมพ์ไม่เคยคิดเล็กคิดน้อย พิมพ์แค่ไม่เข้าใจ” “แล้วต้องการเข้าใจแบบไหน คิดเองเออเองจบแล้วนี่” เขาสวนกลับรวดเร็วจนเธออ้าปากค้าง ก็จริง เธอไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย ไม่เลยจริงๆ ตอนนี้เขาเหมือนคนแปลกหน้า ไม่ใช่คนที่เธอเคยรู้จักมาตลอดอีกแล้ว “งั้นเราก็คงไม่มีอะไรจะต้องคุยกันอีกแล้วค่ะ” เธอว่าก่อนจะลุกเดินหนีเขาเข้าไปในห้องนอน “ฮันนี่ ฟังผมก่อน” เขาตามมากระชากแขนไว้ให้เธอหยุดเดิน แต่เธอก็สะบัดออกและถอยห่างจากเขา “ไม่! พิมพ์จะกลับบ้าน พิมพ์ไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแม้แต่วินาทีเดียว ฮือๆ” เธอตะโกนใส่หน้าเขาพร้อมอาการสะอึกสะอื้นที่ตีตื้นขึ้นมาอีกครั้ง หันหลังเตรียมจะเดินไปที่โซนแต่งตัว เพื่อเก็บเสื้อผ้า ของที่เป็นของของเธอจริงๆ ที่ไม่ใช่สิ่งที่เขาซื้อให้ พิมพ์อรตั้งใจว่าจะขนกลับไปที่บ้านให้หมด ให้มันจบๆ กันไป แต่โซนิคที่โมโหจนเลือดขึ้นหน้า เดินมากระชากข้อมืออีกครั้งและตวาดด้วยความฉุนเฉียว “จะไปไหน!” “ปล่อยพิมพ์นะ อย่ามาทำกับพิมพ์เจ็บๆ แบบนี้ คุณไม่มีสิทธิ์” คำพูดของเธอทำให้เขาตาลุกวาว “ไม่มีสิทธิ์งั้นเหรอ ดี! ก็ให้มันรู้ว่าผัวอย่างผมจะแตะต้องคุณไม่ได้” เขาว่าเสียงดุดันพร้อมกับกระชากร่างงามเข้ามาปะทะอกกว้าง แล้วรวบกอดเอาไว้แน่น
“ดีจัง” ซีลีนาผงกหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้เขา พร้อมทั้งคำพูดแปลกๆ เหมือนจะเป็นคนละเรื่อง ทำให้คิ้วเข้มได้รูปขมวดเข้าหากันด้วยความไม่เข้าใจ “ซินนี่ดีใจจังที่คุณห่วงซินนี่ คราวหลังถ้าซินนี่น้อยใจคุณอีก ซินนี่จะแกล้งกลับบ้านดึกๆ คุณจะได้รอและก็เป็นห่วง” ป้าบ! มือหนาฟาดลงบนสะโพกเด้งๆ นั้นทันทีที่หญิงสาวพูดจบ กวนประสาทจริงๆ ทำให้ชาวบ้านเขาอดหลับอดนอนยังไม่สำนึกอีก “อื้อ เจ็บ อย่าตีสิคะ จับตรงนี้ดีกว่า” มือบางจับมือหนาลงมาวางแหมะลงบนภูเขาก้อนใหญ่ ก่อนที่ฝ่ายสามีจะรีบชักมือออกหนี ไม่ต่างจากเจอของร้อน ตกใจเพื่อ? พิลึกจริงเชียว ก็จับอยู่ทุกวัน “ไปอาบน้ำได้แล้ว ดึกแล้วนะ จะได้นอนซะที” บอกพลางพยายามผลักร่างที่ทำท่าจะยั่วเขากลางดึก แต่ดูท่าทางแม่นางจะพยศขึ้นมาอีก กระทั่งตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าซีลีนาโกรธงอนอะไร “เอ็ดรังเกียจเหรอคะ ซินนี่เข้าใจว่าคุณชอบกลิ่นกายซินนี่เสียอีก ทุกทีซินนี่เห็นคุณหอมไปทุก...” “พอเถอะน่า” เขารีบหยุดคำพูดวาบหวิวที่พาให้ใจวาบหวาม ยามจินตนาการลงลึกไปในรายละเอียดตามคำเย้าที่เธอว่า
“อย่าคิดมาก” “แล้วคิสมั้ย” ขอโทษที่เธอปากไวไปหน่อยนะ จะเขินย้อนหลังก็ไม่ทันแล้วมั้ง “หือ?” “คิสมั้ย” นี่แน่ะ! ย้ำให้มันชัดเจนกันไป ก็แค่พูดเฉยๆ นี่นา ไม่เป็นไรหรอกน่า “แน่ใจนะว่าอยากให้คิส” -------------- “โบนัสพนักงานดีเด่น” คงอยากตอบแทนที่เธอมาทำความสะอาดห้องให้ตลอดช่วงที่เรียนมาด้วยกันสินะ แม้จะดีใจมากแค่ไหนแต่ก็อดแซวเขาไม่ได้ “โบนัสมันก็ต้องเป็นตังค์สิ” “จะเอามั้ยล่ะ อยากได้กี่แสน” “อ่า เยอะไป จ้าวขอแค่ยี่สิบ” พูดจบก็ยื่นมือแบออกไปตรงหน้าเขา ก็เลยโดนฟาดฝ่ามือเบาๆ “ไปอาบน้ำได้นะ” จ้าวจันทร์ทำท่าทางครุ่นคิด พลันหวนนึกไปถึงเมื่อครั้งที่หลับคาทีวีแล้วน้ำไม่ได้อาบก็เลยพยักหน้าแล้วเดินเข้าไปอาบน้ำในห้องของเขาอย่างว่าง่าย พอเข้ามาถึงก็ต้องแปลกใจที่เห็นว่าที่อ่างล้างหน้ามีผ้าขนหนูและแปรงสีฟันวางทับกันไว้ และมีโพสต์อิตแปะไว้ด้วยว่า “จั่นเจา” แม้เป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ทำไมถึงทำให้เธอยิ้มกว้างได้มากขนาดนี้นะ โธ่เอ๊ย ที่แท้ก็แอบชอบเราเหมือนกันแน่ๆ เตรียมของส่วนตัวให้ขนาดนี้ไม่ใช่แฟนจะทำแทนได้อ่อ ไม่ชอบกันตรงไหนเอาปากกามาเคาะหัวเลยดิ ที่ผ่านมาคือมีใจชัวร์ ฟันธง! ---------------- ฝากหมูตุ๋นลูกแม่อวบพ่อคิง น้องชายของหมูน้อยไว้ในอ้อมใจของทุกคนด้วยนะค้า ขอบคุณมากๆ เลยค่า
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...
รูรักอันบริสุทธิ์เมื่อถูกปลายลิ้นร้อนของชายหนุ่มเป็นครั้งแรกดูเหมือนว่าจะตอบสนองได้เป็นอย่างดี ร่องของนางขมิบรัว สะโพกของนางยกขึ้นยังเด้งเข้าไปหาปากร้อน ฝ่าบาทเก่งกาจยังสามารถแยงลิ้นเข้าไปในรู อันซูเซี่ยถูกทาขี้ผึ้งหอมรอบปากทาง ขี้ผึ้งนี้นอกจากจะมีรสชาติดีส่งเสริมรสน้ำรักของนางแล้วยังมีคุณสมบัติอันวิเศษ แม้จะเป็นหญิงพรหมจรรย์ก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวด และเผลอทำร้ายฝ่าบาทจนบาดเจ็บ อี้หลงดูดแบะขาของนางให้กว้างขึ้นแล้วรวบขึ้นไปให้ขาชี้ฟ้า จากนั้นมุดใบหน้าลงมาอย่างหลงใหล “หอมอร่อยเหลือเกิน รู้สึกเหมือนดื่มสุราไม่เมามาย อ้า ข้าชอบยิ่ง หอยของฮองเฮาช่างใหญ่โต ดูโคกเนื้อโยนีแทบจะล้นริมฝีปากของข้า สีแดงเช่นนี้คงไม่เคยผ่านสิ่งใดมาก่อน บริสุทธิ์ยิ่งนัก ซี้ด” นางดิ้นเร่าอยู่ในปาก ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรนอกจากเชื่อฟังในคำของฝ่าบาท “อืม อร่อยยิ่งนัก อ้า ข้าไม่ไหวแล้วขอดูหน้าฮองเฮาของข้าหน่อยเถิด” ดูเหมือนว่าร่องรักของนางยังขมิบ นางไม่อยากให้เขาเงยหน้าขึ้นจากตรงนั้นด้วยซ้ำ อยากถูกปลายลิ้นเลียเช่นนั้นจนกว่านางจะได้รับการปลดปล่อย “อ้า ฝ่าบาทเพคะ อย่าหยุดเพคะ อื้อ” นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ มี 2 เล่มจบ เป็นนิยายแบบพล็อตอ่อน เน้นฉากรักบนเตียงของตัวละครเป็นหลัก เหมาะสำหรับผู้มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ไม่เหมาะสำหรับสายคลีนใส ๆ นะคะ หากใครไม่ชอบอ่าน NC เยอะ ๆ กรุณาเลื่อนผ่าน เพราะเรื่องนี้เน้น NC เป็นหลักค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
แต่งงานกันเป็นเวลาสามปี เสิ่มชูคิดว่าต่อให้ป๋อมู่เหนียนจะใจแข็งสักแค่ไหนก็ควรจะอ่อนลงได้ด้วยความรักที่เธอมีกับเขามาโดยตลอด แต่เมื่อเขาบังคับให้เธอคุกเข่าลงในหอบรรพบุรุษของตระกูล เสิ่มชูถึงตระหนักว่าแท้ที่จริง ผู้ชายคนนี้ไม่มีหัวใจ คนที่ไม่มีหัวใจ เธอยังจะอาลัยอาวรณ์อยู่อีกทำไม? ดังนั้น เมื่อป๋อมู่เหนียนขอให้เธอเลือกระหว่างการคุกเข่าและการหย่าร้าง เสิ่มชูจึงเลือกการหย่าร้างไปโดยไม่ได้ลังเล เธอยังสาวยังสวยอยู่เช่นนี้ ทำไมจะต้องมาเสียเวลากับไอ้ผู้ชายคนนี้ด้วย!มิสู้กลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลจะดีกว่า
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"