น้ำมันกับไฟไม่ควรอยู่ใกล้กันฉันท์ใด หนุ่มสาวที่มีใจปฏิพัทธ์ต่อกัน ก็ไม่ควรอยู่ใกล้กันก่อนเวลาอันควรฉันท์นั้น แม้รู้ว่าความใกล้ชิด คือเชื้อเพลิงชั้นดีที่จะจุดให้ไฟแห่งความปรารถนาลุกโชน แต่น้อยคู่นักที่จะทำตัวทำใจให้อยู่ห่างกันได้ แล้วน้องสาวเพื่อนกับพี่ชายข้างบ้านอย่างอนุรดีกับเตชินท์เล่า จะสามารถข้ามผ่านและต้านทานไฟปรารถนาอันสุดเย้ายวนไปได้ ก่อนจะถึงเวลาที่ถูกที่ควรหรือไม่ ในเมื่อพออยู่ใกล้กันทีไร ทั้งสองก็ไม่ต่างอะไรกับแม่เหล็กต่างขั้ว ที่ถูกดึงดูดเข้าหากันด้วยแรงอันมหาศาลร้อนแรง พี่เตจ้องจะกด หนูดีก็เหมือนจะเปิดโอกาสให้กดเสียด้วยสิ! ******************************************************* “เอาละหนูดี พี่ขี้เกียจอธิบายแล้ว พี่ถามคำเดียวตกลงหนูดีจะคืนดีกับพี่หรือเปล่า ถ้าหนูดียังไม่ยอมดีด้วยหรือพูดกันไม่รู้เรื่องอยู่แบบนี้ พี่จะได้ปล้ำทำเมียให้มันสิ้นเรื่องสิ้นราวไปเลย” เตชินท์ทำท่าเหมือนเหนื่อยใจกับเธอเต็มที แต่กับเด็กที่พูดเท่าไหร่ก็ไม่ยอมเข้าใจ เขาอาจต้องใช้วิธีนี้ “ก็ลองสิ หนูดีจะฟ้องพ่อกับแม่ คราวนี้หนูดีไม่ได้ขู่แต่หนูดีเอาจริง” อนุรดีเชิดหน้าขึ้นอย่างท้าทาย เพราะไม่ชอบที่เขาขู่แบบนั้น “พี่น่ะอยากให้หนูดีเอาจริงมาก ฟ้องเลยนะ รีบๆ ฟ้องเลยยิ่งดี ผู้ใหญ่จะได้จับพี่กับหนูดีแต่งกันเสียเลย พี่เองก็ขี้เกียจรอ ขี้เกียจเล่นเจ้าล่อเอาเถิดกับหนูดีแล้วเหมือนกัน” “จะมาอยากแต่งกับหนูดีทำไม” “ถามโง่ๆ ก็เพราะรักไง” คนบ้า...ทั้งด่าทั้งบอกรักไปพร้อมกัน ผู้หญิงที่ไหนเขาจะปลื้ม “มีคนอยากแต่งด้วยเยอะแยะ ไปขอเขาสิ” “พี่ไม่อยากได้ใครเป็นเมียนี่ อยากได้หนูดีเป็นเมียคนเดียว ดังนั้นถ้าไม่อยากเดือดร้อนก็อย่ามาไล่พี่ไปหาคนอื่นอีก” “แล้วไอ้ที่พี่เตได้ๆ มาแบบนับคนไม่ถ้วนก่อนหน้านั้นล่ะ” เพราะความโกรธ เพราะความงอน เพราะทิฐิแท้ๆ ทำให้อนุรดีกลายเป็นคนพูดเสียงแข็ง น้ำเสียงอ่อนหวานไพเราะที่มักมีหางเสียงเสมอ ตอนนี้ไม่หลงเหลือสำหรับเตชินท์เสียแล้ว “พี่ยอมรับว่าเมื่อก่อนพี่รักสนุก มักง่าย มักมาก ชอบเซ็กซ์ตามประสาผู้ชายเลวๆ เวลาเห็นผู้หญิงสวยๆ ที่เขาเต็มใจให้เอาพี่ก็เอา แต่ใครจะไปคิดว่าวันหนึ่งพี่จะมาตกหลุมรักน้องสาวข้างบ้านที่เห็นกันมาตั้งแต่เด็กอย่างหนูดีล่ะ ถ้าพี่รู้ล่วงหน้า พี่คงจะเก็บพรหมจรรย์ไว้ให้หนูดีคนเดียวแล้วละ” เขาพ่นวาจาที่ค่อนข้างหยาบคายออกมาอย่างหงุดหงิด ทำอนุรดีแก้มร้อนผ่าวเพราะแม้จะได้ยินเพื่อนๆ พูดกันค่อนข้างบ่อย แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีใครมาพูดกับตัวเองแบบนี้ “หนูดีไม่อยากได้พรหมจรรย์ของพี่เต” “แต่พี่อยากได้พรหมจรรย์ของหนูดี และไม่ใช่แค่พรหมจรรย์ที่พี่อยากได้ พี่อยากได้ทั้งตัว อยากได้ทั้งหัวใจของหนูดีด้วย”
อากาศในประเทศไทยช่วงปลายเดือนมีนาคมเช่นนี้ ควรจะร้อนอบอ้าวแบบเหงื่อไหลไคลย้อย เพราะเป็นเดือนที่ย่างเข้าสู่ฤดูร้อนอย่างแท้จริง ทว่าปีนี้อากาศกลับไม่เป็นเช่นนั้น แม้ในช่วงกลางวันจะมีแดดแผดเผาจนระอุ แต่บางวันตอนบ่ายถึงค่ำกลับมีฝนตกเทกระหน่ำลงมา ทำให้กลางคืนหนาวเหน็บและหนาวต่อเนื่องไปอีกหลายวัน เรียกว่าอากาศแปรปรวนอย่างหนักก็ไม่ผิดนัก เช่นเดียวกับยามบ่ายโมงกว่าๆ ของวันนี้ ที่จู่ๆ ท้องฟ้าอันเจิดจ้าก็มืดครึ้ม ปราศจากแสงแดด เพราะถูกบดบังด้วยเมฆทะมึนซึ่งก่อตัวเป็นกลุ่มหนาทึบ สอดรับกับลมที่เริ่มพัดกรรโชกแรงขึ้นเรื่อยๆ เป็นสัญญาณบอกว่า อีกไม่นานนี้พระพิรุณจะเทกระหน่ำลงมาสู่พื้นปฐพีเบื้องล่างอย่างแน่นอน
แรงลมที่พัดมาทำให้กระโปรงนักศึกษาแบบจีบรอบสั้นแค่เข่าปลิวไสว จนร่างบางที่ยืนอยู่หน้าคณะต้องรีบขยับสมุดเลกเชอร์และหนังสือที่อยู่ในมือมาวางทับกระโปรงด้านหน้าเอาไว้ เพราะกลัวว่าลมซึ่งพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ จะทำให้กระโปรงเปิดให้ได้อาย
เมื่อกระโปรงที่ใส่อยู่ก่อให้เกิดความยุ่งยากวุ่นวาย อนุรดีอดคิดไม่ได้ว่าถ้าตัวเองใส่กระโปรงทรงเอแบบแคบๆ มาเรียน เหมือนกับเพื่อนๆ ส่วนใหญ่ในคณะก็คงดี จะได้ไม่ต้องมาคอยระวังว่ากระโปรงจะเปิดเวลาโดนลมพัดแรงๆ เช่นนี้ ทว่านั่นก็เป็นเพียงแค่ความคิด ถึงอยากจะแต่งแบบนั้นแค่ไหน เธอก็ทำตามใจตัวเองไม่ได้อยู่ดี เนื่องจากถูกใครบางคนสั่งห้ามอย่างเด็ดขาด ใครบางคนที่เธอก็ไม่รู้ว่าทำไมจะต้องเชื่อฟังเขา ทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน
ใบหน้ารูปไข่ที่เนียนใสเป็นธรรมชาติ หันไปมองรถบีเอ็มดับเบิลยูคันหรูราคากว่าหกล้านที่ตอนนี้แล่นมาจอดใกล้ๆ กับบริเวณที่เธอยืนอยู่อย่างเป็นอัตโนมัติ เธอไม่ได้สนใจกับราคาและความสวยหรูของรถคันนั้นเลยสักนิด แต่ที่หันไปมองก็เพราะจำได้แม่นว่าเจ้าของรถคันนั้นเป็นใครต่างหาก
อนุรดีถอนสายตากลับมาและเชิดหน้าขึ้นราวกับไม่ได้สนใจต่อการมาของเขา ทั้งๆ ที่หัวใจเจ็บจี๊ดๆ เมื่อคิดว่า เตชินท์คงจะมาหาอาจารย์สาวสวยบางคนในคณะ หรือไม่ก็มาหานักศึกษาระดับดาวมหาวิทยาลัยคนใดคนหนึ่งเป็นแน่ ซึ่งไม่ว่าเป็นใครก็ไม่น่าแปลก เพราะผู้ชายที่หล่อรวยระดับเขาสามารถเลือกผู้หญิงได้อยู่แล้ว
เท้าเล็กๆ ซึ่งรองรับด้วยรองเท้าคัทชูส้นสูงสีดำเตรียมจะเดินหนี เมื่อเจ้าของร่างสูง เต็มไปด้วยบุคลิกอันโดดเด่นเป็นที่สะดุดตาของใครๆ กลับเดินตรงดิ่งพุ่งเป้ามายังเธออย่างผิดคาด
“เดี๋ยวก่อนหนูดี จะไปไหน”
เสียงหล่อทุ้มสมตัวดังขึ้นทันทีที่เห็นว่าอนุรดีกำลังจะหนีหน้า ซึ่งเตชินท์ไม่มีทางยอมให้เป็นเช่นนั้นเด็ดขาด ในเมื่อเขาอุตส่าห์ขับรถมาหาถึงนี่แล้ว
“กลับบ้านสิคะ วันนี้หนูดีมีเรียนแค่ตอนเช้า” อนุรดียอมหยุดคุยด้วย เพราะถึงยังไงเตชินท์ก็เป็นเพื่อนสนิทของพี่ชาย และยังเป็นพี่ชายข้างบ้านที่เห็นกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย
“งั้นก็กลับกับพี่”
“พี่เตไม่ต้องเสียเวลาหรอกค่ะ เอาเวลาไปหาสาวๆ ของพี่เตเถอะ หนูดีกลับเองได้”
“พี่ตั้งใจมาหาเรา ไม่ได้จะมาหาใครทั้งนั้น เพราะฉะนั้นอย่าไล่พี่ไปหาคนอื่น”
เธอ...รักอย่างภักดีและเจียมใจ เขา...จ้องแต่จะทำลาย เลยทำทุกอย่างเพื่อหลอกให้รัก สุดท้าย...สิ่งที่เธอได้รับการตอบแทน จากรักที่แสนภักดีก็คือคำว่า ง่าย ที่เขาตะโกนใส่หน้าอย่างไม่คิดแม้แต่จะสงสาร
ศาสตรา ภูวเดชาธร คือผู้ชายที่ ภัคธีมา บอกตัวเองว่าเขาช่างร้ายกาจสมกับชื่อ ผู้ชายคนนี้พร้อมจะฟาดฟันให้เธอย่อยยับแหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทั้งๆ ที่เธอคือว่าที่น้องสะใภ้ หรือเขารังเกียจว่าเธอจน ไม่คู่ควรกับคนในตระกูลภูวเดชธรเจ้าของไร่ที่ใหญ่ที่สุดในเชียงใหม่ เขาจึงกีดกันเธอกับน้องชายเขาทุกวิถีทาง แม้ภัคธีมาพยายามจะไม่ข้องแวะกับเขา หากทว่าในที่สุด โชคชะตาก็กลั่นแกล้ง ให้ต้องตกไปอยู่ในบ่วงพันธนาการของเขาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ภัคธีมาจึงได้แต่นับวันรอ… รอวันที่กริชผู้แข็งกร้าวอย่างเขาจะปลดปล่อยเธอให้เป็นอิสระ แต่ครั้นเมื่อถึงเวลาจริงๆ มันกลับไม่ง่ายเลย เพราะหัวใจที่แสนอ่อนไหวถูกบ่วงเสน่หาร้อยรัดเอาไว้อย่างแน่นหนา
ร่างบางดำดิ่งลึกลงเรื่อยๆ ร่างกายทุรนทุรายเพื่อความอยู่รอด แต่ใจเธอยอมแพ้แล้ว มันอึดอัด มันหนาวเหน็บ นี่สินะความตาย ความตายของเธอที่พี่อิสร์ต้องการ เอมทำให้แล้วนะคะ หวังว่าการกระทำของเอมในครั้งนี้ จะเป็นสิ่งสุดท้ายที่เอมทำให้พี่อิสร์มีความสุข ขอให้ความรักความแค้นระหว่างเราจบลงแค่นี้ เอมเจ็บ เจ็บจนไม่อยากจะหายใจแล้วเช่นกัน ขอบคุณที่บอกให้เอมมาตาย มันน่าจะเป็นหนทางดับทุกข์ที่ดีที่สุดของเอมแล้ว ลาก่อนค่ะพี่อิสร์...
เมื่อเด็กที่อยู่ในอุปการคุณของผู้เป็นบิดาทำท่าว่าจะเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเป็นแม่เลี้ยงของเขา ภาคิม วัชรอาชา ผู้ชายที่แสนจะหยิ่งยโสจึงยอมไม่ได้ สู้ให้บิดามีนางบำเรอเป็นร้อยเหมือนกับนางในฮาเร็มของสุลต่านยังจะดีเสียกว่าให้เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างนั้นมาร่วมสกุล เขาสลัดคู่ควงทุกคนทิ้งแทบจะทันทีแล้วหันมามุ่งมั่นกับการกำจัดว่าที่แม่เลี้ยงและจัดการลงทัณฑ์ผู้หญิงไม่เจียมตัวให้รู้สำนึกว่าอย่างมากเธอก็เป็นได้แค่ ‘นางบำเรอ’ เท่านั้น วิโรษณา ดุษยา เพื่อตอบแทนบุญคุณของผู้มีพระคุณ สาวน้อยไร้เดียงสาจึงต้องยอมตกเป็น ‘เมียบำเรอ’ ของผู้ชายกักขฬะไร้หัวใจโดยไม่ยอมปริปากบ่น และไม่แม้แต่จะเรียกร้องความสมเพชใดๆ จากเขา เพราะรู้ว่าในสายตาของซาตานร้าย ผู้หญิงข้างถนนอย่างเธอมีค่าไม่ต่างอะไรกับขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้น “คุณภาคิม ได้โปรดอย่าทำกับปุ้มแบบนี้” “ฉันมีสิทธิ์ลงโทษเธอตามวิธีของฉันวิโรษณา” เสียงเขาแหบกระเส่า วิโรษณาดิ้นอย่างกระสับกระส่าย ทำไมเขาไม่ลงโทษเธอด้วยการเฆี่ยนตี หรือให้อดข้าวอดน้ำ ขังไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันก็ได้ เขาไม่รู้หรือไงว่าทำแบบนี้ร่างกายของเธอปั่นป่วนและกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยความทรมานอันแสนวาบหวาม ลิ้นร้อนดั่งไฟนาบจุมพิตทั่วทุกอณูเนื้อของดอกไม้แสนฉ่ำหวาน ก่อนจะแทรกลิ้นชื้นเข้าไปรุกรานความอ่อนนุ่มที่นิ้วเรียวของเขาได้สัมผัสมาแล้วก่อนหน้านี้ สาวน้อยพยายามตั้งสติไม่ปล่อยการกระทำไปตามอารมณ์เร่าร้อนที่กำลังรู้สึกอยู่ แต่ลิ้นอุ่นจัดของคนแสนชำนาญก็แทรกลึกเข้าไปในความอ่อนนุ่มกลางกายด้วยจังหวะอันร้ายกาจอย่างไม่หยุดหย่อน ใบหน้าสวยแดงซ่านด้วยอารมณ์ร้อนแรง มือเล็กจิกลงบนที่นอนและขยุ้มจนยับย่นเพื่อระบายความซ่านสยิวที่กำลังโรมรันกายสาวอย่างหน่วงหนัก ร่างบางกระตุกไหว คิ้วสวยขมวดนิ่วด้วยอารมณ์สะท้านซ่าน หลงใหลไปกับสัมผัสของเขาจนเผลอยกสะโพกขยับไปมาเบาๆ ปลายลิ้นหนาลากถูไถขึ้นลงตามกลีบกุหลาบแสนสวยที่เปียกชุ่มไปด้วยความฉ่ำหวาน สองขาเรียวสั่นระริกๆ เมื่อชายหนุ่มเริ่มออกแรงกดปลายลิ้นแตะต้องแรงขึ้น
เพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับว่าที่เจ้าบ่าวในคืนแต่งงาน ทำให้พรรษรดาต้องเข้าพิธีกับน้องชายของเจ้าบ่าวแทน แม้วิวาห์ครั้งนี้จะเป็นเพียงวิวาห์สมมติในความรู้สึกของเขาและเธอ หากทว่าความรู้สึกที่เก็บซ่อนไว้ข้างในนั้นต่างหากที่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เธอจะกล้าบอกความในได้อย่างไร ว่าแท้จริงแล้วผู้ชายที่เธอมีใจใฝ่ปองและอยากแต่งงานด้วยจริงๆ ก็คือเขา ในเมื่อผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าสามี เอาแต่เฉยเมยเย็นชาใส่ ซ้ำยังเอ่ยปากขอหย่าอยู่หลายครั้ง พรรษรดาจะจัดการปัญหาหัวใจครั้งนี้อย่างไรดี ในเมื่อยิ่งเขาทำให้เจ็บ หัวใจไม่รักดีก็ยิ่งรักเขามากขึ้นๆ เธอควรรั้งเขาไว้ให้เป็นสามีในนามเพื่อทรมานใจกันเล่นๆ หรือว่าปล่อยเขาไปให้สมรักกับผู้หญิงอื่นตามที่เขาร้องขอ ***ตัวอย่าง*** “ฉันรักเธอพรรษรดา ฉันรักเธอ รักเธอคนเดียว” เขาสารภาพออกมาเสียงแหบห้าว นัยน์ตาหม่นมัวไปด้วยแรงรักแรงปรารถนาที่อัดแน่นอยู่ข้างใน “คุณภู...” “หัวเราะสิ หัวเราะเยาะฉัน หัวเราะไอ้ผู้ชายหน้าโง่ที่มันเป็นทาสรักของเธออย่างโงหัวไม่ขึ้นมาตลอดหลายปี หัวเราะเยาะไอ้ผู้ชายหน้าโง่ที่ตัดใจไม่ได้เสียที” คำสารภาพของเขาเหมือนระลอกคลื่นยักษ์ที่กระแทกโครมเข้าใส่หัวใจดวงน้อยของพรรษรดา เธอถึงกับร้องไห้สะอึกสะอื้นเพราะแบกรับความรู้สึกอันท่วมท้นนั้นไม่ไหว “ฉันมันคงน่าสมเพชมากสินะ” ร่างใหญ่ขยับตัวเหมือนจะถอดถอนออกไป แต่พรรษตวัดขารัดรอบเอวสอบไว้แน่น ทำให้เขาดำดิ่งเข้ามาฝังลึกอยู่ในช่องสาวอีกครั้ง “อย่าบังอาจลุกจากตัวพรรษ” เธอแหวใส่เขาเสียงดังลั่น ตัวสั่นเทาเพราะความรัญจวนและความเต็มตื้นในหัวใจ “พรรษรดา...” “อย่าคิดว่าจะผลักไสพรรษง่ายๆ อีก รู้มั้ยว่าพรรษรอนานแค่ไหน รู้ไหมว่าต้องเสียน้ำตาไปกี่ครั้งเมื่อคิดว่าตัวเองรักคุณภูข้างเดียว อย่ามาบอกรักพรรษ ล้อเล่นกับหัวใจพรรษแล้วหนีไปง่ายๆ อีก พรรษไม่ยอมอีกแล้ว คราวนี้พรรษจะตามรังควานไปตลอดชีวิตเลย อย่าหวังว่าจะได้มีโอกาสมีความสุขกับผู้หญิงคนไหน อย่าหวังว่าจะได้บอกรักใครอีก เพราะคำว่ารักของคุณภูจะเป็นของพรรษคนเดียวตลอดไป”
ในเมื่อเธอเป็นเมียที่ได้มาจากการทรยศ ความรู้สึกเดียวที่เธอจะได้รับจากเขาก็มีแค่ ความชัง เท่านั้น อย่างหวังว่า เขาจะเลิกชัง อย่าหวังว่า เขาเหลียวแล อย่าหวังว่า จะได้แม้แต่เศษเสี้ยวความรักของเขา นภัทรบอกตัวเองเช่นนั้น อย่างหนักแน่นอยู่เสมอ แต่ความเกลียดชังโกรธแค้นของเขามันน้อยลงตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือเป็นเพราะนัยน์ตาเศร้าๆ ซื่อๆ ของเด็กคนนั้น ที่มันค่อยๆ เขย่าความเย็นชาในหัวใจเขา ให้กลายเป็นความรู้สึกอื่น
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
เพราะคิดว่าเป็นความฝัน ฉินหร่านจึงร่วมมือบรรเลงเพลงรักอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไฉนตื่นขึ้นมาถึงมีสามีเป็นของตัวเอง อีกทั้งสามีนางยังตาบอดอีกด้วย! แต่นั่นไม่น่าตกใจ เท่ากับที่นางมาอยู่ในร่างเด็กสาวในยุคจีนโบราณ ที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ อีกทั้งร่างนี้ถูกขายให้มาเป็นภรรยาของชายตาบอด แต่ไหนๆ ก็มาแล้วจึงจะใช้ชีวิตให้ดี ส่วนสามีนะหรือ หล่อขนาดนั้น แซ่บขนาดนี้ เดินหน้าเกี้ยวสามีสิ จะรออะไร!
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว