“อย่าคิดมาก” “แล้วคิสมั้ย” ขอโทษที่เธอปากไวไปหน่อยนะ จะเขินย้อนหลังก็ไม่ทันแล้วมั้ง “หือ?” “คิสมั้ย” นี่แน่ะ! ย้ำให้มันชัดเจนกันไป ก็แค่พูดเฉยๆ นี่นา ไม่เป็นไรหรอกน่า “แน่ใจนะว่าอยากให้คิส” -------------- “โบนัสพนักงานดีเด่น” คงอยากตอบแทนที่เธอมาทำความสะอาดห้องให้ตลอดช่วงที่เรียนมาด้วยกันสินะ แม้จะดีใจมากแค่ไหนแต่ก็อดแซวเขาไม่ได้ “โบนัสมันก็ต้องเป็นตังค์สิ” “จะเอามั้ยล่ะ อยากได้กี่แสน” “อ่า เยอะไป จ้าวขอแค่ยี่สิบ” พูดจบก็ยื่นมือแบออกไปตรงหน้าเขา ก็เลยโดนฟาดฝ่ามือเบาๆ “ไปอาบน้ำได้นะ” จ้าวจันทร์ทำท่าทางครุ่นคิด พลันหวนนึกไปถึงเมื่อครั้งที่หลับคาทีวีแล้วน้ำไม่ได้อาบก็เลยพยักหน้าแล้วเดินเข้าไปอาบน้ำในห้องของเขาอย่างว่าง่าย พอเข้ามาถึงก็ต้องแปลกใจที่เห็นว่าที่อ่างล้างหน้ามีผ้าขนหนูและแปรงสีฟันวางทับกันไว้ และมีโพสต์อิตแปะไว้ด้วยว่า “จั่นเจา” แม้เป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ทำไมถึงทำให้เธอยิ้มกว้างได้มากขนาดนี้นะ โธ่เอ๊ย ที่แท้ก็แอบชอบเราเหมือนกันแน่ๆ เตรียมของส่วนตัวให้ขนาดนี้ไม่ใช่แฟนจะทำแทนได้อ่อ ไม่ชอบกันตรงไหนเอาปากกามาเคาะหัวเลยดิ ที่ผ่านมาคือมีใจชัวร์ ฟันธง! ---------------- ฝากหมูตุ๋นลูกแม่อวบพ่อคิง น้องชายของหมูน้อยไว้ในอ้อมใจของทุกคนด้วยนะค้า ขอบคุณมากๆ เลยค่า
ภาพเซ็กซี่ปนน่ารักที่ปรากฏอยู่ในหน้าฟีดและเรียกให้คนกดไลก์ได้ไม่น้อยนั้น ทำเอาคนเพิ่งหัดเล่นอินสตาแกรมหรือไอจีคิ้วกระตุกจนอดคอมเมนต์ไม่ได้
real @moonoi เดี๋ยวจะโดนไม้เรียว
สหัสนัยคอมเมนต์ไปแบบนั้น และไม่นานเจ้าของโพสต์ก็มาตอบ
moonoi @real แง้ 😂
ขนิษฐาแง้ใส่สามี ก่อนที่ต่อมาจะตอบกลับด้วยการบอกรักพี่เรียวรัวๆ อย่างไม่กลัวใครแซว ยังคงคลั่งรักสามีผู้ละมุนแต่แอบดุไม่เสื่อมคลาย
moonoi @real รักนะค้า รักๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
ไม่นานหลังจากนั้นก็มีคนมารุมตอบกลับกันเพียบเลย นับว่าคุ้มกับการโพสต์รูปสวมชุดว่ายน้ำสีดำแบบทูพีซลงไอจีเป็นครั้งแรก แต่แม้จะวาบหวิวเพียงใด ขนิษฐาก็มีกระเป๋าใบใหญ่ปกปิดเกือบจะตลอดเรือนร่าง มีวับแวมแค่หัวไหล่กับเรียวขาขาวยาวสวยเท่านั้นเอง
wanwisa @moonoi กรี๊ดดดดดด
moonoi @wanwisa ร้องทำมายยยยย T_T
wanwisa @moonoi สวยมากแม่! แต่ทำไมต้องเอากระเป๋ามาปิดพุงด้วยอ่า
wanwisa @real พบคนหวง 1 อัตรา
วันวิสาข์ยังคงสนุกกับการแซวเพื่อนแถมยังกล้าแท็กไปแซวพี่เรียวด้วยอีก ซึ่งขนิษฐาก็ได้แต่ส่ายหน้าพร้อมอมยิ้มเมื่อเลื่อนอ่านคอมเมนต์ต่างๆ แต่มีอยู่คอมเมนต์หนึ่งที่ทำเอาเจ้าของภาพแทบอยากจะด่ากลับ
akhin @moonoi น่ากลัว
moonoi @akin หมูตุ๋น!!!!
น้องชายตัวดีของเธอมาทำให้วงแตกกันหมด แถมยังทำลายความมั่นใจของเธอเสียด้วย ร้ายกาจกว่าพี่เรียวอีกนะหมูตุ๋นเนี่ย!
“หัวเราะอะไร”
คำถามที่มาพร้อมกับมือที่วางแหมะบนหัวไหล่ทำเอาคนกำลังนั่งขำสะดุ้ง และครั้นเงยหน้าขึ้นก็เห็นพ่อกำลังหรี่ตามองท่าทางร่าเริงของเขาอย่างจับผิด
“เปล่าครับ”
ขุนพลเหลือบตามองเห็นรูปเซ็กซี่ของลูกสาวในโทรศัพท์มือถือของลูกชายแวบหนึ่ง ไม่ได้คิดถือสาอะไรเพราะอีกฝ่ายก็โตจนไปมีครอบครัวแล้ว ก่อนจะนั่งลงตรงข้ามกับลูกชายบนเก้าอี้ในสวนของบ้าน
ตอนนี้ถ้าไม่รวมขนิษฐา ทุกคนได้กลับมาอยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว มีขุนพล อาทิตยา ขุนศึก และปู่กับย่าของขุนศึก แต่สำหรับตัวขุนศึกเองนั้นอีกไม่กี่วันจะต้องไปเรียนที่มหาวิทยาลัยแล้ว เพื่อความสะดวกก็คาดว่าจะย้ายออกไปอยู่ที่คอนโดเดิมของขุนพลนั่นแหละ
และนั่นก็เลยทำให้ขุนพลต้องหาเวลามานั่งคุยกับลูกชายอย่างจริงจัง เพราะที่ผ่านมาเหมือนว่าเขากับลูกจะได้คุยกันน้อยไปหน่อย เนื่องจากขุนศึกติดแม่ และมีอะไรก็มักจะคุยกับแม่ก่อนเสมอ
ไม่เหมือนขนิษฐาที่เอะอะก็เรียกหาแต่พ่อทั้งวัน หมายถึงช่วงสมัยก่อนที่ยังไม่ได้แต่งงานน่ะนะ ตอนนี้หมูน้อยคงไม่มีเวลามาเรียกหาพ่อหรอก มีสามีแล้วนี่
“อาทิตย์หน้าก็เปิดเทอมแล้วสิ”
“ใช่ครับ”
“ตกลงจะย้ายออกไปอยู่คอนโดเดิมของพ่อหรือเปล่า”
“ย้ายครับพ่อ แต่คินว่าจะยังไม่ย้ายไปไวๆ นี้”
“ทำไมล่ะ”
“อคินอยากอยู่ใกล้ๆ แม่ ถ้าอคินไปอยู่คอนโดก็จะเหงา ไม่มีใครทำอะไรอร่อยๆ ให้กิน”
คำตอบนั้นมาพร้อมกับจานของว่างที่วางลงตรงหน้าสองชายต่างวัย ก่อนที่อาทิตยาจะนั่งลงข้างๆ ลูกชาย
และทันทีที่เธอนั่งลง คนขี้อ้อนก็ขยับเข้ามากอดแขนแม่และซบหน้าลงบนไหล่ราวกับเด็กน้อย ซึ่งขุนพลเห็นแล้วก็ได้แต่กลอกตามองบน
หมั่นไส้มัน!
“ถูกต้องเลยครับแม่ คินจะอยู่ใกล้ๆ แม่จนกว่าแม่จะเบื่อไปเลย”
“แม่ไม่เบื่ออคินหรอกลูก”
“แต่พ่อเบื่อมาก ลองอยู่บ้านสักเดือน ถ้าไม่เบื่อรถติดขับรถไปกลับไหวก็ตามใจ”
สองแม่ลูกมองหน้ากันอย่างไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะยิ้มให้กันน้อยๆ รู้หรอกน่าว่าเบื่อของพ่อน่ะหมายถึงอะไร เป็นเพราะว่าเขาขโมยเวลาของแม่ไปจากพ่อเป็นส่วนใหญ่ใช่ไหมล่ะ ดูจากตอนที่เขากลับมาใหม่ๆ แล้วแม่จะนอนเป็นเพื่อนแต่พ่อมาตามให้ไปนอนด้วยกันทั้งหมดในห้องนอนใหญ่นั่นปะไร แค่นั้นก็รู้แล้วว่าพ่อน่ะหวงแม่นะแต่ไม่แสดงออก...
-------------
ซีรีส์ในชุดจักรวาลของอวบ (1-7)
1. บ่วงรักเมียเฉิ่ม
2. อวบอยู่ไหนจ๊ะ
3. ศิลาจารัก
4. งี่เง่า เอาแต่รัก
5. หมูน้อยคอยรัก
6. หมูตุ๋นอุ่นรัก
7. เบียร์วุ้นวุ่นไวน์ลัค (กำลังเขียน)
ภาคต่อ ดื้อรัก (เด็กดื้อ) แต่แยกอ่านได้ไม่งงนะคะ * เด็กเอ๋อแถมสติไม่สมประกอบ ที่กำลังก่อกวนให้หัวใจคนไม่เอาถ่านเต้นไม่เป็นจังหวะ * “พี่โจมองอะไรเหรอคะ” “มองคน” “หนูไม่เห็นใครเลย” เพราะนิรตานั้นไม่ได้สนใจอะไร เธอจึงไม่คิดฟังว่าใครพูดถึงใคร ต่างกับเตชัสผู้ถูกพาดพิงที่ได้ยินชัดแจ๋วเต็มสองรูหู “เมื่อกี้มันมีคนบ้าแอบนินทาพี่” “นินทาคืออะไร...” “พูดถึงลับหลังในทางที่ไม่ดี” “ก็เลยโกรธเหรอคะ” “ใช่” “พี่โจต้องไม่โกรธนะคะ โบราณเขาถือว่า โกรธคือโง่ โมโหคือโง้โง่ค่ะ” ----------------- “เอาใหญ่แล้วนะหนูนิ่ม เห็นพี่ยอมหน่อยแล้วไม่เกรงใจ เดี๋ยวเหอะ” “ก็พี่โจ...” นิรตาทำท่าจะเถียง ก่อนจะหน้าหงอยลงเมื่อเขาทำหน้าดุใส่ทั้งที่เธอไม่ได้ทำอะไรผิดแท้ๆ “เดี๋ยวจะโดน ไม่โดนสักทีไม่ดีขึ้นเลย” “โดนอะไรคะ” “ไม่บอก” นิรตาได้ยินเช่นนั้นก็จะลุกขึ้นเพื่อว่าจะกลับบ้าน แต่เตชัสก็คว้าเอวเธอไว้และดึงให้นั่งลงบนตักแกร่งเสียก่อน แม้สาวน้อยจะพยายามดิ้นบิดกายออกห่าง แต่เขาก็กระชับอ้อมแขนกอดรัดแน่นขึ้น “โกรธเหรอ...โกรธคือโง่ โมโหคือโง้โง่นะ” ว่าจบก็หัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่เมื่อเห็นใบหน้าหวานสวยนั้นงงงวยผสมกับความมุ่ยๆ เหมือนงอนๆ ใบหน้าของนิรตาตอนนี้ทำให้เขาบรรยายไม่ถูก รู้แต่ว่าเห็นแล้วขำอีหลี * ซีรีส์ในชุดยังไงก็รัก 1. ดื้อรัก (เด็กดื้อ) - ตีพิมพ์และวางแผง ต.ค.2560 (ทำมือ) #6 2. เอ๋อรัก (เด็กบ๊อง) - ตีพิมพ์และวางแผง ก.ค.2566 (ทำมือ) #16 3. รักนะคะคนเถื่อนของฉัน - ตีพิมพ์และวางแผง ส.ค.2559 (ทำมือ) #5
ดันรัก (เจ้จ๋า+ไอ้เป๊ก) “ผมชอบแบบนี้ ชอบสาวอวบ” “เค้าอ้วนหรอ” รอยยิ้มที่มีบนใบหน้าสวยจางลงไป เมื่อได้ยินแบบนั้น ทำให้กังวลขึ้นมาอีกว่าตัวเองอ้วนเผละขึ้นมาแล้วหรืออย่างไร “เปล่า ไม่ได้อ้วนเลย แต่อวบตรงนี้” เขาขยำมือลงไปตรงจุดที่ว่า อวบตรงนี้ ทำเอาคนโดนกระทำต้องบิดกายหลบน้อยๆ ด้วยความเขินอาย “อวบเป็นส่วนๆ อะ” “คนบ้า ปล่อยเลยนะ” จารุณาพยายามดึงมือเขาออกจากจุดอันตรายช่วงบน แต่ดูเหมือนคนที่เด็กกว่าจะไม่นำพาแรงขัดขืนเท่ามดนั้น -------------------- ดันรัก 2 (พิกเจอร์+ป๊อกจี้) “งั้นสัญญากับพี่ได้ไหมคะ ว่าต่อไปนี้จีจี้จะไม่เอาแต่ใจ แล้วจากนี้และตลอดไปก็จะให้พี่เอาแต่เรา” เปรมยุดายกมือขึ้นปิดปากหยักทันทีเมื่อเขาเอ่ยจบ เกรงว่าจะได้ฟังคำพูดห่ามๆ อย่างอื่นอีก นี่มันคืนแต่งงานบ้านไหนเนี่ย เธอต้องมานอนตัวแดงหน้าแดงฟังเขารำพันอะไรเสี่ยวๆ “อายอะไร พูดความจริง ตอบมา สัญญา” รัตนทัตไม่ยอมให้แม่เมียตัวน้อยปฏิเสธ และระหว่างที่เธอเม้มปากแน่นไม่ยอมเอื้อมเอ่ย มือหนาก็ลูบไล้ไล่สัมผัสไปถึงไหนต่อไป คนที่ตั้งใจว่าจะไม่คุยกับเขาแล้วเพราะกลัวเขาจะพูดทะลึ่งตึงตังเลยจำต้องอ้าปาก “พี่พิก พอแล้วค่ะ” ประท้วงเขาเบาๆ เมื่อเห็นว่าสิ่งที่เขากำลังจะทำนั้นตรงข้ามกับคำที่บอกเธอว่าเหนื่อยและไม่มีแรงไปมากโข “พออะไรครับ หืม” ยังจะมาย้อนถามอีกนะคนบ้ากามนี่! ก็รู้ว่าเขามีสิทธิ์ ไม่ได้คิดจะปฏิเสธความต้องการของเขาหรอก แต่เปรมยุดาอยากรู้จริงๆ ว่าผู้ชายเป็นแบบนี้กันทุกคนหรือเปล่า หรือเฉพาะพี่พิกเท่านั้น เลยอดถามเขาไม่ได้ว่า “ทำไมพี่พิกถึงได้หมกมุ่นกับเรื่องบนเตียงจังคะ” “งั้นเปลี่ยนไปที่ระเบียงไหมล่ะ”
"จะออกไปไหนน่ะเล่ย์ ข้างนอกอากาศเย็น เล่ย์ไม่สบายอยู่นะ" เธอบอกเสียงอ่อนโยน "เรื่องของเล่ย์ เล่ย์ก็จะไปตามประสาคนโสด" เขาตอบอย่างงอนๆ "เป็นอะไรอีกฮะ อย่ามาเอาแต่ใจกับลินนะ ลินไม่ชอบ" บอกเสียงเข้ม พลางจ้องหน้าเขาเขม็ง "ใครจะไปดีเหมือนไอ้นพล่ะ" "หยุดพูดถึงนพแบบนั้นนะ ทำไมเล่ย์ต้องพาดพิงถึงเค้า" "เล่ย์เป็นเพื่อนลิน เล่ย์ก็ต้องพูดถึงแฟนลินได้สิ ทำไม หรือเพื่อนคนนี้มันไม่มีสิทธิ์ ใช่สิ เล่ย์มันก็แค่เพื่อนนี่ เพื่อนที่ลินไม่เคยเห็นอยู่ในสายตา" เขาว่าเธอระรัวอย่างที่ไม่เคยทำมานานแล้ว "นี่เล่ย์ไปกันใหญ่แล้วนะ นพเค้าไม่ใช่แฟนลิน นพเค้ามีคนรักอยู่แล้ว ทำไม เป็นเพื่อนลินมันไม่ดีตรงไหน หรืออยากจะเปลี่ยนจากเพื่อนเป็นผัวหรือไง ฮะ" พัฒนะอ้าปากค้าง หน้าขึ้นสีเข้มขึ้นมาทันใด เมื่อเจอคำพูดตรงไปตรงมาแบบนั้น ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นเรียบเฉย เมื่อเข้าใจว่าเธอแค่หวง กลัวเขาจะไปเที่ยวเตร่เดินควงสาวอื่นๆ เหมือนที่แล้วๆ มา ไม่ได้มีอะไรลึกซึ้งมากมายกว่านั้น
“เป็นอะไร” เธอหันไปมองหน้าเขาด้วยใบหน้าบึ้งตึง ยังจะกล้ามาถามอีก! “พิมพ์ต่างหากที่ต้องถามคุณว่าคุณเป็นอะไร ทำไมต้องทำกับพิมพ์แบบนี้ พิมพ์ทำอะไรผิด” “ก็แต่งด้วยแล้วก็น่าจะพอใจ ยังจะต้องการอะไรอีก ทำไมแค่นี้ก็ต้องคิดเล็กคิดน้อย” “พิมพ์ไม่เคยคิดเล็กคิดน้อย พิมพ์แค่ไม่เข้าใจ” “แล้วต้องการเข้าใจแบบไหน คิดเองเออเองจบแล้วนี่” เขาสวนกลับรวดเร็วจนเธออ้าปากค้าง ก็จริง เธอไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย ไม่เลยจริงๆ ตอนนี้เขาเหมือนคนแปลกหน้า ไม่ใช่คนที่เธอเคยรู้จักมาตลอดอีกแล้ว “งั้นเราก็คงไม่มีอะไรจะต้องคุยกันอีกแล้วค่ะ” เธอว่าก่อนจะลุกเดินหนีเขาเข้าไปในห้องนอน “ฮันนี่ ฟังผมก่อน” เขาตามมากระชากแขนไว้ให้เธอหยุดเดิน แต่เธอก็สะบัดออกและถอยห่างจากเขา “ไม่! พิมพ์จะกลับบ้าน พิมพ์ไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแม้แต่วินาทีเดียว ฮือๆ” เธอตะโกนใส่หน้าเขาพร้อมอาการสะอึกสะอื้นที่ตีตื้นขึ้นมาอีกครั้ง หันหลังเตรียมจะเดินไปที่โซนแต่งตัว เพื่อเก็บเสื้อผ้า ของที่เป็นของของเธอจริงๆ ที่ไม่ใช่สิ่งที่เขาซื้อให้ พิมพ์อรตั้งใจว่าจะขนกลับไปที่บ้านให้หมด ให้มันจบๆ กันไป แต่โซนิคที่โมโหจนเลือดขึ้นหน้า เดินมากระชากข้อมืออีกครั้งและตวาดด้วยความฉุนเฉียว “จะไปไหน!” “ปล่อยพิมพ์นะ อย่ามาทำกับพิมพ์เจ็บๆ แบบนี้ คุณไม่มีสิทธิ์” คำพูดของเธอทำให้เขาตาลุกวาว “ไม่มีสิทธิ์งั้นเหรอ ดี! ก็ให้มันรู้ว่าผัวอย่างผมจะแตะต้องคุณไม่ได้” เขาว่าเสียงดุดันพร้อมกับกระชากร่างงามเข้ามาปะทะอกกว้าง แล้วรวบกอดเอาไว้แน่น
“ดีจัง” ซีลีนาผงกหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้เขา พร้อมทั้งคำพูดแปลกๆ เหมือนจะเป็นคนละเรื่อง ทำให้คิ้วเข้มได้รูปขมวดเข้าหากันด้วยความไม่เข้าใจ “ซินนี่ดีใจจังที่คุณห่วงซินนี่ คราวหลังถ้าซินนี่น้อยใจคุณอีก ซินนี่จะแกล้งกลับบ้านดึกๆ คุณจะได้รอและก็เป็นห่วง” ป้าบ! มือหนาฟาดลงบนสะโพกเด้งๆ นั้นทันทีที่หญิงสาวพูดจบ กวนประสาทจริงๆ ทำให้ชาวบ้านเขาอดหลับอดนอนยังไม่สำนึกอีก “อื้อ เจ็บ อย่าตีสิคะ จับตรงนี้ดีกว่า” มือบางจับมือหนาลงมาวางแหมะลงบนภูเขาก้อนใหญ่ ก่อนที่ฝ่ายสามีจะรีบชักมือออกหนี ไม่ต่างจากเจอของร้อน ตกใจเพื่อ? พิลึกจริงเชียว ก็จับอยู่ทุกวัน “ไปอาบน้ำได้แล้ว ดึกแล้วนะ จะได้นอนซะที” บอกพลางพยายามผลักร่างที่ทำท่าจะยั่วเขากลางดึก แต่ดูท่าทางแม่นางจะพยศขึ้นมาอีก กระทั่งตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าซีลีนาโกรธงอนอะไร “เอ็ดรังเกียจเหรอคะ ซินนี่เข้าใจว่าคุณชอบกลิ่นกายซินนี่เสียอีก ทุกทีซินนี่เห็นคุณหอมไปทุก...” “พอเถอะน่า” เขารีบหยุดคำพูดวาบหวิวที่พาให้ใจวาบหวาม ยามจินตนาการลงลึกไปในรายละเอียดตามคำเย้าที่เธอว่า
“พี่เรียวดุไหมคะ” เขาชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อได้ยินเธอถามขึ้นมาอย่างนั้น “ดื้อไหมล่ะ ถ้าไม่ดื้อก็ไม่ดุ” “น้องไม่ดื้อค่ะ” อ้อมแอ้มบอกเขาเสียงแผ่วเบา “จริงเหรอ...ดื้อเงียบล่ะไม่ว่า” พอพูดจบเขาก็จ้องหน้าเธอด้วยสายตาดุๆ อย่างจับผิด นั่นทำให้หญิงสาวรีบก้มหน้าหลบตาทันที แต่ครั้นรับรู้ได้ว่าเขายังคงจ้องอยู่อย่างนั้น เลยจำต้องช้อนสายตาขึ้นมองเขา แล้วจึงได้เห็นว่าแววตาคมดุในตอนแรกตอนนี้มีความขบขันเจืออยู่ในนั้น ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นยีผมเธอเบาๆ แล้วเอ่ย “รีบกลับบ้าน เริ่มมืดแล้ว” ------- “อ้าย” ไม่หัน “อุ้ยอ้าย” ไม่หัน “หมูน้อย” “แง้ อย่ามาเรียกเค้าแบบนั้นนะ” หันขวับมาค้อนและต่อว่าเขาเสียงงอแงทันที และนั่นก็ทำให้คนที่ตั้งใจง้อหลุดยิ้มขำ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าคุณพ่อตาชอบเรียกเธอแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร “เป็นอะไร หืม” “น้องไม่ได้เป็นอะไรซะหน่อย” “จ้ำม่ำน่ารักนะ ไม่ชอบเหรอ” ------------------ “วันเกิดพี่เรียวปีนี้อ้ายมีของขวัญให้ด้วยนะคะ” “อะไรเอ่ย” เขาเลิกคิ้วอย่างสงสัย “ของขวัญวันเกิดของพี่เรียวได้แก่...อ้ายผูกโบค่ะ คิกๆ” ว่าจบก็ยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะลั่น ยิ่งเมื่อได้เห็นว่าตอนนี้เขามีสีหน้าเมื่อยๆ อึ้งๆ เพลียๆ ก็ยิ่งหัวเราะหนักกว่าเดิม “ล้อเล่นค่า อ้ายมีของขวัญมาให้จริงๆ” “ของขวัญอะไรหรือครับ” เขาหรี่ตามองคนตัวแสบตรงหน้าอย่างไม่มั่นใจนัก “ของขวัญวันเกิดไงคะ” “เข้าใจ แต่มันคืออะไรกันแน่ เมื่อกี้ก็บอกว่าอ้ายผูกโบ” เขาทวนคำพลางลอบยิ้มเมื่อได้เห็นแก้มเนียนๆ นั้นระเรื่อขึ้นทั้งสองข้าง “มัน เอ่อ เป็นของหวานน่ะค่ะ” “ของหวาน?” ------------------- ฝากหมูน้อยลูกแม่อวบพ่อคิง (อวบอยู่ไหนจ๊ะ) กับพี่เรียวลูกแม่มนพ่อริว (บ่วงรักเมียเฉิ่ม) ไว้ในอ้อมใจของทุกคนด้วยนะค้า ขอบคุณมากๆ เลยค่า
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย