นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"
กลางดึกยามจื่อคืนนี้ครึกครื้นนัก ภายในจวนใหญ่ของอ๋องเจ็ดเต๋อลู่หานผู้ที่กำลังเกิดความต้องการอันบ้าคลั่ง สองมือปลดเปลื้องชุดแต่งงานของสตรีที่ชื่อว่าเป็นพระชายาของตนเองออกโดยแรง กระทั่งชุดแต่งงานขาดออกเป็นชิ้น ๆ กระจายอยู่เต็มพื้น
สตรีนางหนึ่งกลับนอนแน่นิ่ง ปล่อยให้เต๋อลู่หานย่ำยีร่างกายตนเองตามที่เขาปรารถนาโดยไร้อาการต่อต้านอย่างสิ้นเชิง
เมิ่งลี่เฟยมองใบหน้าหล่อเหลาของคนที่กำลังจับร่างของตนด้วยอาการหยาบโลนด้วยสายตาอันว่างเปล่าไร้ความรู้สึก
นางได้แต่คิดถึงงานมงคลของตนเองที่เพิ่งจะผ่านพ้น
ช่างเป็นวันมงคลที่น่าอดสูสิ้นดี
สามีเกลียดชัง ไร้การคล้องแขนดื่มสุราอวยพร ไร้ซึ่งการเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวอย่างที่ควรจะเป็น
เสียงของผู้คนภายนอกยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าอากาศด้านนอกนั้นจะหนาวจัด แต่ผู้คนยังปักหลักอยู่ในจวน ร่ำสุราฟังเสียงหวานของนักดนตรีผู้งดงามขับกล่อมด้วยความสนุกสนาน
ผ้าสีแดงถูกประดับเต็มอาณาเขต ภายนอกเรือนหอผู้คนเริงสำราญ ทว่าบรรยากาศภายในเรือนนั้นกำลังเดือดพล่านด้วยความร้อนแรงของเต๋ออ๋องที่คล้ายจะคลุ้มคลั่งด้วยความหื่นกระหายจนไม่อาจควบคุม
อ๋องเจ็ดเต๋อลู่หานปลดผ้าคาดเอวของตนเองออกแล้วโยนทิ้งลงข้างเตียงอย่างไม่แยแส มือของเขาสั่นเทา รู้สึกปวดร้าวไปทั่วกายราวกับว่าหากเขามิได้ปลดปล่อยความใคร่ออกไปในยามนี้ เขาคงต้องตายเป็นแน่แท้
สายตาของเต๋อลู่หานเต็มไปด้วยไฟราคะกวาดมองร่างงดงามจนทั่ว พระชายาของเขาผู้นี้มีผิวพรรณขาวผ่องรูปร่างเย้ายวล ใบหน้างดงามประดุจเทพเซียนที่ลงมาจุติจากสวรรค์ ในยามที่เขามองนางด้วยสายตาหื่นกระหายนั้นเมิ่งลี่เฟยกลับไม่ร้อนรนเลยแม้แต่น้อย
ใบหน้าของนางยังราบเรียบไร้ความเขินอาย ไร้แววยินดี คล้ายกับว่าเต๋อลู่หานที่กำลังย่ำยีนางอยู่ในตอนนี้เป็นเพียงแค่บุรุษที่อยู่ในฝันร้ายเท่านั้น
นางได้ยินเสียงหัวเราะหยันของเขาชัดเจน เขาผู้นี้แม้ไม่ต้องการแตะต้องกายนางทว่ายามนี้กลับไม่สามารถต้านทานความต้องการของตนเองได้
สองมือใหญ่กดข่มร่างบางเอาไว้ ลมหายใจของเขาเป่ารดใบหน้างามกระทั่งเมิ่งลี่เฟยได้กลิ่นสุรารุนแรง
ใบหน้าหล่อเหลาของเต๋อลู่หานแดงก่ำด้วยฤทธิ์สุรา มีรอยยิ้มเย็นชาปรากฏชัด เขาแยกขาของนางออกอย่างรวดเร็วแล้วชำแรกร่างกายใหญ่โตเข้ามาในช่องทางคับแคบทันใด
สตรีนางนี้ใจกล้าเป็นอย่างยิ่ง เมิ่งลี่เฟยไม่รู้หรือว่าเขาเกลียดคนเช่นนางมากเพียงใด ในเมื่อนางต้องการให้เขาเป็นสามีโดยที่เขาไม่เต็มใจ เขาก็จะทำให้นางรู้จักคำว่าอยู่ไม่สู้ตาย
“อ๊ะ!”
เมิ่งลี่เฟยรู้สึกเจ็บแสบที่ช่วงกึ่งกลางร่างกายจนต้องกัดฟันทนเอาไว้ มีเพียงเปล่งเสียงร้องออกมาเล็กน้อยเท่านั้นแม้จะเจ็บปวดเพียงใดก็ยังอดทน ด้วยทั้งหมดคือความต้องการของนางเอง เช่นนั้นนางก็ยินดียอมรับผลที่ตามมาด้วยความเต็มใจ
ไฟร้อนแรงที่กำลังเผาไหม้เต๋อลู่หานยิ่งทำให้การกระทำนั้นรุนแรงขึ้น เขากระแทกบดอัดโดยไม่สนใจว่าร่างบอบบางของนางจะเป็นเช่นใด
ระหว่างคนสองคน มิได้มีความรักใคร่ มิได้มีการเล้าโลม มีเพียงความป่าเถื่อนและจุมพิตที่หนักหน่วงจนริมฝีปากของนางแตกยับ ในยามที่เขาก้มลงมาขบกัดครั้งแล้วครั้งเล่า
เสียงเย็นแหบแห้งของเขาพลันดังขึ้น
"พระชายาคงไม่อยากตายดีสินะ จึงกล้าหาญวางยาข้าเช่นนี้ ทำกรรมใดไว้ก็ให้ผลกรรมนั้นคืนสนองเถิด"
เขาบดอัดร่างกายรุนแรงยิ่งขึ้นสะโพกซอยไม่ยั้งกระทั่งเกิดเสียงดังสนั่น เขากัดลำคอขาวผ่องจนเป็นรอยแผล เมิ่งลี่เฟยเจ็บปวดทว่ากลับแหงนใบหน้ารับด้วยความหยิ่งทะนง
สัมผัสของเต๋อลู่หานนับว่าป่าเถื่อน ยามนี้เขาเพียงคิดเล่นงานเมิ่งลี่เฟยด้วยบทพิสวาสของตนเอง ไม่สนใจสิ่งใดขอเพียงตนได้รับการปลดปล่อยความอัดอั้นภายในออกไปเท่านั้น
ในขณะที่เมิ่งลี่เฟยยังคงอดกลั้นต่อความรู้สึกเจ็บปวดมหาศาล ราวกับร่างกายของนางกำลังแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
เหงื่อของนางเปียกชื้นเต็มตัว บุรุษผู้นี้แม้ว่าวาจาจะเผ็ดร้อน แต่ไม่อาจละจากร่างกายของนางได้เลยแม้แต่น้อย เขาเลื่อนริมฝีปากลงมา กัดเข้าที่ลำคอขาวผ่องซ้ำแล้วซ้ำเล่า ท่าทางราวกับสุนัขป่าที่กำลังขย้ำเหยื่อ ทั้งดูดกินทั้งกลืนด้วยความกระหาย
เสียงหอบหายใจของคนทั้งคู่รุนแรงขึ้น ในขณะที่เมิ่งลี่เฟยรู้สึกคล้ายจะไม่อาจอดทนได้อีกต่อไป แท่งหยกของเขาใหญ่โตเกินไป แม้ว่านางจะเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ก็ยังเจ็บปวดอยู่จนเกินทนไหว
"อ๊ะ เจ็บ!"
สุดท้ายแล้วนางก็อดที่จะร้องออกมาไม่ได้
เต๋อลู่หานคล้ายวิญญาณหลุดลอยจากร่างกายเมื่อเมิ่งลี่เฟยเปล่งเสียงออกมา
เสียงของนางหวานใสดุจจักจั่นในเดือนหงาย หวานยิ่งกว่าน้ำผึ้งเดือนห้าที่ทำให้คนเคลิบเคลิ้มอยากลิ้มลอง
ดวงตากลมโตของนางเบิกกว้างเมื่อริมฝีปากคู่นั้นครอบครองที่ปทุมถันอันหวงแหน สิบเจ็ดปีที่ผ่านมาจุดนี้นางจากบ่าวข้างกายที่ปรนนิบัติยามอาบน้ำแล้ว ไม่เคยมีสักคนที่จะได้ยลและล่วงล้ำ
ความรู้สึกแปลกใหม่กับสัมผัสจากริมฝีปากทำให้นางต้องพยายามตั้งสติ ปลายถันของนางเปียกชุ่มยามที่เขาอ้าปากรวบดูดตวัดเลีย นิ้วมือร้อนจัดบีบเขี่ยยอดถันไม่หยุด
"อื้ม ไม่คิดว่าจะดีเพียงนี้"
นางได้ยินเสียงของเขาครางชัดเจน และยังมีเสียงดูดเลียอันน่าละอายที่ดังขึ้นพร้อมกัน ใบหน้าเมิ่งลี่เฟยแดงก่ำรู้สึกเหมือนตนเองเป็นสตรีที่ไร้ยางอายยิ่งนัก
เขาขยับท่อนล่าง ปากรวบดูดสองเต้าสลับไปมาคล้ายจะหลงใหลจุดนี้ไปเสียแล้ว
"ใหญ่โตยิ่งนัก กินอร่อยยิ่งนัก คนชั่วช้าเช่นเจ้าไม่สมควรได้รับร่างกายที่งดงามเพียงนี้"
เสียงกระซิบหยาบคายดังขึ้น เมิ่งลี่เฟยตอบเสียงต่ำ
"ใช่ ข้าชั่วช้าแล้วอย่างไร ท่านมิใช่พระสวามีของข้าหรือ"
"ข้ามิใช่สามีของเจ้าแม้แต่น้อย ความรู้สึกนี้ไม่อาจฝืนได้อย่าได้เพ้อว่าข้าจะยอมรับเจ้าเป็นอันขาด"
น้ำเสียงนี้เต็มไปด้วยไฟโทสะ เมิ่งลี่เฟยเชิดใบหน้าตอบโต้ไม่ลดละ
"ไม่ว่าท่านจะคิดอย่างไร แต่ฐานะพระชายาของข้าท่านก็มิอาจปฏิเสธได้มิใช่หรือ"
กระแสเสียงของนางเองก็เต็มไปด้วยความชิงชังอย่างเปิดเผย แม้ว่าจะอยู่ในอ้อมกอดของเขา แม้ว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยปากจากการละเลียดดูดกลืนปทุมถัน แต่วาจาที่เปล่งออกมากลับเต็มไปด้วยน้ำเสียงแห่งความเดียดฉันท์
"แล้วอย่างไรเล่า แม้เรื่องจะเกิดขึ้นแล้ว ข้าจะไม่มีวันให้ในสิ่งที่เจ้าต้องการ ไม่มีทาง"
เมิ่งลี่เฟยข่มโทสะ คิดเพียงว่าอย่างไรนางต้องเอาชนะคนผู้นี้ให้จงได้ นางไม่ได้โต้เถียงเขาอีก เมื่อปากของเขาบอกว่ารังเกียจแต่ในความจริงแล้วเขากลับโอบกอดร่างของนางอยู่เช่นนี้
เต๋อลู่หานสูดลมหายใจเข้าลึก ร่างกายอันหอมหวานของเมิ่งลี่เฟยทำให้เขาเจียนบ้า ถึงจะถูกนางวางยาและรู้อยู่เต็มอก ในยามนี้กลับไม่สามารถถอยห่างจากความงดงามของนางได้
ริมฝีปากร้อนรุ่มถูไถที่ปลายถัน สร้างความรู้สึกแปลกประหลาดให้เกิดขึ้นกับนางทว่าความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นมาอีกครั้งทำให้นางแทบอยากจะถีบเขาออกจากร่างของตน
เมิ่งลี่เฟยได้แต่ข่มใจของตนเองเอาไว้ เพื่อตนเอง เพื่ออำนาจของสกุลเมิ่ง นางต้องทำให้คนผู้นี้กลายเป็นสามีของนางจริง ๆ
คนผู้นี้เคยสาปส่งนางอยู่หลายคราและแสดงอาการรังเกียจอย่างเปิดเผย การแต่งเข้าจวนเต๋ออ๋องแม้ว่าจะอยู่ในฐานะพระชายา แต่จะมีประโยชน์อันใดหากเขาไม่สนใจนางเลยแม้แต่น้อย
เมิ่งลี่เฟยยังคงคิดเอาตัวรอด ยามนี้ยังมีคนของไทเฮาที่เฝ้าดูและจดบันทึกไว้ไม่ขาด หากอ๋องเจ็ดไม่แตะต้องนางและนำไปรายงาน อย่างไรไทเฮาก็ต้องไม่พอพระทัยและต้องหาเรื่องสกุลเมิ่งที่มีบุตรสาว ไร้ความสามารถเช่นนางเป็นแน่ เมิ่งลี่เฟยย่อมไม่ทำให้ท่านพ่อพลอยได้รับความลำบากไปด้วย
ในเมื่อก้าวเข้ามาอยู่ในนี้แล้ว นางจำต้องมีบุตรชายสักคนเพื่อ คงสถานะอันสูงส่งนี้เอาไว้ แผนการวางยาอ๋องเจ็ดในคืนแต่งงานจึงเกิดขึ้นโดยทันใด
"อ๊ะ อื้อ"
แต่แล้วสมองของนางพลันพร่าเลือน เมื่อริมฝีปากของเขาขบกัดเข้าที่ปลายถัน รู้สึกเจ็บไปพร้อมกับความรู้สึกเสียวจนยากจะบรรยาย ร่างกายของนางอ่อนเปลี้ยความเจ็บปวดนั้นแม้จะหลงเหลืออยู่ทว่าความสุขสมที่กำลังเกิดขึ้นกำลังกลบความรู้สึกเจ็บปวดจนแทบจะไม่หลงเหลือ
ในยามนี้นี่เองที่นางเผลอคิดว่า
เขาคงยอมรับนางแล้ใช่หรือไม่!
เขาโอบร่างงดงามของนางแนบแน่น ไต่เลียและเล็มจนนางต้องแหงนใบหน้าคราง ริมฝีปากคู่นั้นตามมาประกบ ช่วงท้องของหญิงสาวบิดเกร็ง สองมือเรียวโอบรอบร่างหนา
เมิ่งลี่เฟยจิกเล็บแหลมทั้งลากนิ้วข่วนลงบนเนื้อแข็งแกร่งจนเกิดรอยแดงและเลือดซิบ
เสียงครางดังออกมาเมื่อเขากดแท่งหยกเข้ามาในกายของนางอย่างลึกล้ำ เขาขยับช่วงสะโพกเร็วขึ้นพร้อมทั้งส่งเสียงครางในลำคอไม่หยุด
"อ๊า อืม อืม"
ริมฝีปากบางเฉียบถูกเขาครอบครองครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งขบกัดดูดลิ้นเล็กของนางไม่หยุด ในใจของเต๋อลู่หานรู้สึกรังเกียจ ทว่ามิอาจต้านทานฤทธิ์ของยากำหนัดของเมิ่งลี่เฟยผู้ชั่วช้าผู้นี้ได้
เขาดึงลิ้นนางออกมาด้วยปากของเขา พัวพันและดูดกลืนหลายครั้งอย่างรุนแรง พิษของยาปลุกกำหนัดก่อให้เกิดความใคร่ที่มิอาจหยุดยั้ง ท่วงท่าแปรเปลี่ยนเมื่อเขาขยับตัวแล้วกระเตงนางขึ้นมาอุ้ม
"โอบขารอบเอวข้าเอาไว้"
นางจำต้องทำตามคำสั่ง ปากของเขายังคงดูดปากของนาง ในยามที่จับแก้มก้นงอนด้วยสองมือแล้วจับกระแทกเข้าหาร่างของเขา
ปัก ปัก ปัก
"อื้อ อื้อ ข้าเจ็บ"
เพราะอยู่ในท่านี้ทำให้เขาเข้าลึกเกินไป ร่างกายของเมิ่งลี่เฟยบัดนี้เกินจะรับไหวจริง ๆ แล้ว สองมือน้อยโอบรอบลำคอของเขาและก่อนที่นาง จะรู้สึกว่าร่างกายกำลังแตกเป็นเสี่ยง ๆ หน้าท้องของนางพลันร้อนระอุและของบางสิ่งบางอย่างพลันวิ่งเข้าไปสู่ช่องท้องของนาง
ในยามนั้นที่เขากอดนางแนบแน่น ร่างกายเกร็งกระตุกและครางออกมาราวกับสัตว์ป่าที่บาดเจ็บสาหัส
นางหอบหายใจปวดร้าวไปตั้งแต่ช่วงกลางกระทั่งถึงปลายเท้า ศีรษะเล็กซบที่อกแข็งแกร่งอย่างอ่อนแรง กระทั่งร่างบางถูกกระชากออกจากอกของเขาโดยทันใด ในยามนี้นางรู้สึกคล้ายตกจากที่สูงเมื่อเขาโยนร่างของนางลงบนเตียงอย่างรวดเร็ว
"กล้าที่จะทำก็รับผลที่ตามมาเถิด"
นางเจ็บไปทั้งแผ่นหลังยังไม่ทันหวีดร้องร่างสูงก็ทาบทับลงมาขบกัดริมฝีปากอย่างร้อนแรง มือใหญ่ยึดสะโพกกลมกลึงเอาไว้ ปลายลิ้นพัวพันดูดกลืนลิ้นนางไม่หยุด
เป็นอีกครั้งที่นางต้องแยกขาออกให้เขาเข้ามาภายใน เขากัดนางกระทั่งเลือดไหลออกมา รุนแรงเกินที่สตรีในห้องหอเช่นนางจะรับได้ ทว่าแม้จะทรมานเพียงใดเมิ่งลี่เฟยก็ได้แต่อดกลั้นเอาไว้สุดกำลัง
เขาจับนางให้หันหลัง ยกขาเรียวงามข้างหนึ่งให้สูงขึ้น ส่งเสียงคำรามต่ำอยู่ข้างหูในขณะที่ทาบปากลงมาที่ลำคอแล้วกัดจนเกิดรอยช้ำไปทั่วบริเวณ
ฮึ่ก!
หลังจากหลุดพ้นจากความทรมานร่างกายบัดนี้กลับรับรู้ความเป็นเจ้าของ เขากลืนกินนางแทบจะทุกสัดส่วนทั้งไม่ยอมถอนริมฝีปากจากปทุมถันคู่งามของนางด้วยความหลงใหล
"อื้มเต้าเต่งตึงงดงามยิ่งนัก ข้ามิเคยพบมาก่อน"
"อ๊า ซี๊ด อืมม ท่านอ๋อง อ๊า"
ราตรีนี้ผ่านไปพร้อมกับเสียงครางและร่างกายอันบอบช้ำจนแทบจับไข้ของคุณหนูสกุลเมิ่งผู้เลื่องชื่อเรื่องความยโสโอหังที่สุดในแผ่นดิน
พิษความใคร่จากยาปลุกกำหนัดเลือนหายไปแล้ว ร่างเล็กถูกจับห่อเอาไว้ในห่อผ้าสีแดง บัดนี้นางกำลังรู้สึกสะลึมสะลือเพราะยังไม่คลายจากฤทธิ์ยาอันรุนแรงที่เขาเอาคืน!
คนของไทเฮาที่มาเฝ้าสังเกตการณ์ร่วมหอครานี้ ได้เห็นคาตาจึงลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน ผ้าสีขาวเปื้อนเลือดบริสุทธิ์ถูกโยนออกมาจากด้านในด้วยฝีมือของเต๋อลู่หาน
คนเหล่านั้นสำรวจจนเรียบร้อย เมื่อพบว่าถูกต้องจึงหายตัวไปพร้อมผ้าผืนนั้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อคนไปจนหมดแล้ว ครานี้เต๋อลู่หานอุ้มนางขึ้นมาท่าทางยามแรกคล้ายจะอ่อนโยน ทว่าในดวงตากลับฉายแววเหี้ยมโหดยิ่งนัก
"กฎของการกล้าวางยาข้า แม้ว่าจะเป็นพระชายาก็ต้องรับโทษไม่มีละเว้น"
“ทะ ท่านอ๋อง มิ ใช่ท่านเต็มใจรับข้าแล้วหรือ”
เดิมทีเมิ่งลี่เฟยคิดว่าแผนของตนเองสำเร็จแล้ว เต๋อลู่หานได้ยอมรับนางแล้วเป็นแน่ ทว่าท่าทางของเขาในยามนี้ทำให้นางรู้แล้วว่าตนเองคิดผิดเพียงใด
เมิ่งลี่เฟยเจ็บปวดยิ่งนัก เมื่อเต๋อลู่หานเพียงแต่ส่งสายตาเย็นชาปนเกลียดชังออกมา
เต๋อลู่หานอุ้มนางขึ้นมาคิดจะนำนางไปลงโทษด้วยใบหน้าเฉยชา แม้ว่าเมิ่งลี่เฟยจะอ้อนวอนเพียงใด เขาผู้นี้ก็ไม่คิดที่จะใจเป็นอันขาด
“ท่านอ๋อง ข้าคือพระชายาของท่านมิใช่หรือ คืนที่ผ่านมาเราสองคนก็เป็นสามีภรรยากันโดยสมบูรณ์แล้ว”
“เรื่องที่ผ่านมาล้วนเกิดเพราะแผนอันต่ำช้าของเจ้า เมิ่งลี่เฟยชื่อเสียงอันเลวทรามของเจ้ามิได้ผิดเพี้ยนเลยแม้แต่น้อย เรือนเย็นท้ายจวนคือโทษของเจ้าจงรับผลกรรมเสีย”
เมิ่งลี่เฟยพูดไม่ออกแล้ว นางเจ็บไปทั้งกายและใจ เขาพานางไปที่เรือนเย็นท้ายจวนด้วยตนเอง ร่างอรชรมีเพียงผ้าห่มสีแดงผืนนั้นห่อกาย ความเจ็บปวดพุ่งชนไปทั่วทุกส่วนในร่างกาย เจ็บเจียนตายทว่ากลับไม่ยอมเปล่งเสียงใดออกมา
อากาศภายนอกบัดนี้เยียบเย็นเสียดแทงไปจนถึงกระดูก ร่างเล็กของเมิ่งลี่เฟยถูกผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีโยนทิ้งไว้ที่ตำหนักร้างอันหนาวเหน็บ
นางได้ยินเสียงสั่งอันเหี้ยมเกรียมดังขึ้นก่อนที่เขาจะสบัดแขนเสื้อจากไปโดยไม่แยแสคนที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังเลยแม้แต่น้อย
"เฝ้าเอาไว้ให้ดีอย่าปล่อยให้นางไปทำเรื่องชั่วช้าอีกเด็ดขาด"
สาเหตุที่เขาได้ดูแลเด็กคนนี้นั่นเป็นเพราะพ่อแม่ของเอยและพี่ชายของเอยเป็นเพื่อนสนิทของเขา ครอบครัวเอยจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่เอยอายุได้เพียงสิบขวบเท่านั้น ญาติของเอยก็ไม่มีใครเหลียวแลทำให้เขาซึ่งสนิทกับครอบครัวของเอยที่เห็นเอยมาตั้งแต่เล็ก ๆ เกิดความสงสารจึงได้ขอให้พ่อแม่ของเขารับเอยมาเลี้ยงดู และพ่อแม่ของเขาก็ตกลง หลังจากนั้นพ่อแม่ของเขาก็ย้ายไปอยู่ต่างประเทศ จึงทิ้งให้เขาและเอยอยู่ด้วยกันที่เมืองไทยตามลำพัง นับตั้งแต่นั้นเขาก็กลายเป็นพี่ชายของเอยเต็มตัว แต่วันนี้เมื่อเอยโตขึ้น เธอกลับไม่เห็นบุญคุณและคิดจะจากเขาไปง่าย ๆ ทั้ง ๆ ที่นับวันเขาจะรักเธอจนกระทั่งถอนตัวไม่ขึ้นและเฝ้ารอเธอเติบโตมานานขนาดนี้ ++++++ “อ๊า...เฮียอย่านะ อย่าทำหนู” สาวน้อยส่งเสียงครางเล็ดลอดออกมาเพราะความเสียวซ่าน และเอ่ยห้ามแต่น้ำเสียงของเธอคล้ายกระตุ้นเขายิ่งขึ้นไปอีก “เอยอยากใช่หรือเปล่า หนูก็ต้องการเฮียใช่ไหม” “ไม่...อย่านะเฮีย หนูไม่ได้ต้องการเฮีย เฮียเป็นพี่ชายหนูนะ” “ต่อไปเฮียจะเป็นผัวหนู แล้วจะเอาหนูแรง ๆ ให้หนูไปไหนไม่ได้ต้องร้องหาเฮียเท่านั้น” คำพูดของเขาทำให้เอยหวาดกลัว แต่ในความรู้สึกนี้กลับมีความอยากรู้อยากเห็นอย่างประหลาด หญิงสาวผลักเขาออกเมื่อธนเดชดึงชุดนอนของเธอจนขาด แต่แรงของเขามีมากกว่าตอนนี้เธอจึงยืนเปลือยต่อหน้าเขา เอยยืนน้ำตาไหลพราก เมื่อเขาเห็นเขาจึงเหยียดยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ “ฉันเกลียดแก อื้อ อื้อ”
หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...
เซียวหนานอยู่ในระดับต่ำสุดขององค์กรลับที่แผ่ขยายสายข่าวไปทุกแว่นแคว้น นางเป็นเด็กกำพร้าไร้บิดามารดาที่ถูกเก็บมาให้เป็น นกกระจอกสืบข่าว เรียกได้ว่าเป็นชนชั้นที่วรยุทธ์ต่ำต้อยและต้องทำงานเอาตัวเข้าแลกเพื่อหาข่าวให้กับเบื้องบน ดังนั้นนกกระจอกเช่นนางจึงมีมากมายแทรกซึมเข้าไปในจวนขุนนางต่าง ๆ โดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ สิ่งที่นางฝึกฝนมาตลอดหลายปีมานี้ก็คือการเอาใจบุรุษ บำรุงร่างกาย ฝึกฝนศาสตร์ทั้งห้าให้เชี่ยวชาญ และฝึกวิชาเสพสังวาสให้บุรุษติดใจ แม้ว่าจะไม่เคยทำกับบุรุษจริง ๆ แต่ขนาดของแท่งหยกของบุรุษนางล้วนได้สัมผัสมาแล้วจากแท่งหยกของเทียมและแท่งหยกบุรุษของจริงที่นางไม่เคยเห็นหน้าว่าคนพวกนั้นคือผู้ใด เพราะพวกนางต้องมอบกายให้กับเหยื่อคนแรกที่นับว่าส่วนใหญ่จะเป็นชนชั้นสูง ดังนั้นจึงไม่อาจร่วมประเวณีกับบุรุษอื่นก่อนที่จะได้รับมอบเหยื่อจากนายใหญ่
องค์หญิงใหญ่รั่วเสียน ต้องปกป้องบัลลังก์ของน้องชายที่ขึ้นครองราชย์ในวัยเพียงแค่ 4 ขวบ ดังนั้นนางจึงต้องหาทางมัดใจเสนาบดีกัวผู้กุมอำนาจราชสำนักเอาไว้ให้ได้ ทว่าบุรุษผู้นี้กลับไม่ต้องการแต่งงานกับนาง เขายังทำตัวดั่งบิดาหาบุรุษไว้ให้นางอีก รั่วเสียนจึงต้องฝึกฝนการยั่วยวนเขาเพื่อหาวิธีมัดใจบุรุษผู้นี้เอาไว้ให้ได้ และนางก็ต้องตกใจเมื่อเสนาบดีกัวกลับมีถึงสองคน! +++ นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายจีนโบราณประเภทนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ เป็นเรื่องแต่งขึ้นจากจินตนาการไม่ได้อ้างอิงจากประวัติศาสตร์ใด ๆ ดังนั้นภายในจะมีฉาก เนื้อหา เน้นหนักที่เรื่องเพศระหว่างชายหญิง มีการร่วมรักกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป (3P) และอาจมีความไม่สมเหตุสมผลบ้าง ขอให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ
คำโปรย หลังจากบิดามารดาเสียชีวิต จูเมยได้ถูกท่านอาบุญธรรมรับเลี้ยง ท่านอาผู้เปี่ยมด้วยความอ่อนโยนและเมตตา ได้กลายเป็นเสาหลักเพียงหนึ่งในชีวิตนาง หัวใจที่อ่อนโยนของจูเมยเริ่มเต้นแรงเมื่ออยู่ใกล้ท่านอา แต่ท่านอาคิดอย่างไรกับนางกันแน่? หรือว่าความรักนี้เป็นเพียงความรู้สึกที่นางมีอยู่เพียงฝ่ายเดียว? เมื่อหัวใจต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน จูเมยกลับรู้สึกเจ็บปวดกับความรู้สึกนี้ "ท่านอา...อย่าดีต่อข้ามากนักได้หรือไม่" นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักจีนโบราณ มีดราม่าเล็กน้อยช่วงเริ่มต้น จบสุขนิยม ไม่มีนอกกายนอกใจ เป็นความรักฟิน ๆ ระหว่างท่านอาและหลานสาว(บุญธรรม)ตัวน้อยของตนเอง
เรื่องย่อ จื่อเม่ยเป็นนักเขียน และได้เข้าไปอยู่ในนิยายที่ตัวเขียนเขียนเอาไว้ในฐานะตัวประกอบในนิยายที่ออกมาเพียงสองตอนก็ตาย นางถูกตัวร้ายกักขังเอาไว้ในจวน เจื่อเม่ยรู้ว่าเขาต้องตายและจำทำให้นางตายไปด้วย นางจึงต้องหาวิธีหนีจากเขาเพื่อเอาตัวรอด! นิยายเรื่องนี้เป็นแบบสุขนิยมนะคะ พระเอกจะธงแดงในตอนแรก ๆ เพราะนางเป็นตัวร้ายตามเนื้อเรื่องนะคะ หลังจากนั้นก็รักเมียที่สุดในโลกค่ะ ไม่มีนอกกายนอกใจค่ะ แนะนำตัวละคร จื่อเม่ย นักเขียนที่ย้อนไปอยู่ในโลกนิยายในร่างของอนุจื่ออิน จื่ออิน อนุของตัวร้ายที่ออกมาแค่สองตอนก็ตาย และคนที่จื่อเม่ยมาใช้ร่างกาย ซีเฉิน / องค์ชายสี่ /ซีอ๋อง ตัวร้ายที่ต้องตายในตอนจบ ซีหลาน บุตรชายอายุ 5 ขวบของตัวร้าย รั่วหนิง พระชายาที่ซีเฉินไม่เคยเหลียวแล เหล่าหลง และ เหล่าอี้ องครักษ์ฝาแฝดของซีเฉิน ผู้จงรักภักดี ซีกุ้ยเฟย แม่ของซีเฉิน นางมีความแค้นที่ฝ่าบาทเคยทอดทิ้ง จึงคิดจะแก้แค้นทุกคนและสั่งสอนให้ซีเฉินบุตรชายชิงบัลลังก์ หยางโจวซือ / องค์ชายหก / หยางอ๋อง พระเอกของเรื่องที่จื่อเม่ยวางเอาไว้ในนิยาย
รูรักอันบริสุทธิ์เมื่อถูกปลายลิ้นร้อนของชายหนุ่มเป็นครั้งแรกดูเหมือนว่าจะตอบสนองได้เป็นอย่างดี ร่องของนางขมิบรัว สะโพกของนางยกขึ้นยังเด้งเข้าไปหาปากร้อน ฝ่าบาทเก่งกาจยังสามารถแยงลิ้นเข้าไปในรู อันซูเซี่ยถูกทาขี้ผึ้งหอมรอบปากทาง ขี้ผึ้งนี้นอกจากจะมีรสชาติดีส่งเสริมรสน้ำรักของนางแล้วยังมีคุณสมบัติอันวิเศษ แม้จะเป็นหญิงพรหมจรรย์ก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวด และเผลอทำร้ายฝ่าบาทจนบาดเจ็บ อี้หลงดูดแบะขาของนางให้กว้างขึ้นแล้วรวบขึ้นไปให้ขาชี้ฟ้า จากนั้นมุดใบหน้าลงมาอย่างหลงใหล “หอมอร่อยเหลือเกิน รู้สึกเหมือนดื่มสุราไม่เมามาย อ้า ข้าชอบยิ่ง หอยของฮองเฮาช่างใหญ่โต ดูโคกเนื้อโยนีแทบจะล้นริมฝีปากของข้า สีแดงเช่นนี้คงไม่เคยผ่านสิ่งใดมาก่อน บริสุทธิ์ยิ่งนัก ซี้ด” นางดิ้นเร่าอยู่ในปาก ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรนอกจากเชื่อฟังในคำของฝ่าบาท “อืม อร่อยยิ่งนัก อ้า ข้าไม่ไหวแล้วขอดูหน้าฮองเฮาของข้าหน่อยเถิด” ดูเหมือนว่าร่องรักของนางยังขมิบ นางไม่อยากให้เขาเงยหน้าขึ้นจากตรงนั้นด้วยซ้ำ อยากถูกปลายลิ้นเลียเช่นนั้นจนกว่านางจะได้รับการปลดปล่อย “อ้า ฝ่าบาทเพคะ อย่าหยุดเพคะ อื้อ” นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ มี 2 เล่มจบ เป็นนิยายแบบพล็อตอ่อน เน้นฉากรักบนเตียงของตัวละครเป็นหลัก เหมาะสำหรับผู้มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ไม่เหมาะสำหรับสายคลีนใส ๆ นะคะ หากใครไม่ชอบอ่าน NC เยอะ ๆ กรุณาเลื่อนผ่าน เพราะเรื่องนี้เน้น NC เป็นหลักค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
เดิมทีฟางจินซิ่วมีอวกาศติดตัวได้เปิดคลินิกการแพทย์แผนจีนในยุคปัจจุบันและเจริญรุ่งเรือง ไม่มีการแข่งขันหนัก และทำงานมีวันหยุด เธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่แล้วมีวันหนึ่งที่เธอตื่นขึ้นมากลับข้ามมิติกลายเป็นชาวนาที่ฟมู่บ้านยากจน อีกทั้งได้เจอภัยแล้ง จากนั้นก็โดนขาย โชคดีที่ครอบครัวที่ซื้อเธอแตกต่างจากที่เธอจินตนาการไว้ เธอไม่ได้ถูกทารุณกรรม แต่ได้รับการดูแลอย่างดี ในยุคแห่งความขาดแคลนอาหาร และมีภัยแล้ง ฟางจินซิ่วตัดสินใจตอบแทนความเมตตาของครอบครัวนี้ แม่สามีป่วยหนัก? สำหรับปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอเก็บสมุนไพรและแช่ในสระศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งรักษาเธอให้หายดีภายในไม่กี่นาที ที่บ้านไม่มีอาหาร? ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอไปล่าสัตว์กับครอบครัวและโชคก็เข้าข้างเธอ ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน เหยื่อก็จะตกหลุมพรางเสมอ กินแต่เนื้อสัตว์โดยไม่มีผักหรือ? มันเป็นปัญหาเล็กๆ เทน้ำในสระศักดิ์สิทธิ์เพียงหยดเดียว ก็สามารถปลูกพืชได้ทุกชนิดและกินผักและผลไม้อะไรก็ได้ที่พวกเธอต้องการ ญาติที่อิจฉากำลังมาก่อเรื่องเมื่อเห็นว่าพวกเธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย สำหรับปัญหาเล็กน้อยนี้ เธอเรียกผู้ชายที่มีความแข็งแกร่งของเธอมาจัดการพวกเขา อะไร คุณถามว่าสามีของฉันทำไมเชื่อฟังได้ขนาดนี้? จงหวี่เดินเข้ามาด้วยสายตาเร่าร้อน "คุณภรรยา ตราบใดเจ้ายอมอยู่เคียงข้างข้าตลอดชีวิต ถึงเอาชีวิตข้าไปข้าก็ยอม"
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี
หลิวชิวเยว่จบชีวิตจากชาติภพปัจจุบัน เมื่อฟื้นขึ้นมาก็อยู่ในร่างของหญิงอ้วน ชื่อเดียวกับตัวเอง อีกทั้งตัวเธออยู่ในเกี้ยวเจ้าสาวกำลังจะไปแต่งงานกับแม่ทัพเสิ่นมู่ฉือ แม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นชิงเป่ย จากซีอีโอสาวแสนสวย ผู้ทระนงตนว่า ฉันสวย รวยและเริ่ดในปฐพี ต้องกลายมาเป็นหญิงอ้วน น้ำหนักร่วมสองร้อยจิน (100กิโลกรัม) แถมด้วยฉายา สตรีกาลกิณี ! แล้วข่าวลือที่ว่าแม่ทัพหนุ่มสามีของเธอ เป็นพวกชอบตัดแขนเสื้อ (ชอบผู้ชาย) นั้นเป็นจริงหรือไม่...จำต้องพิสูจน์ให้กระจ่าง! ทว่า... ยามจันทร์เต็มดวง หลิวชิวเยว่กลับค้นพบความลับของสามี เมื่อเขากลายร่างเป็น หมีแพนด้า ! หลิวชิวเยว่จะใช้ชีวิตในยุคจีนโบราณอย่างไรให้แฮปปี้ เมื่อต้องมีสามีเป็น หมีแพนด้าผู้คลั่งรัก !