"ที่รัก ฉันจะชดใช้ให้เธอด้วยทั้งชีวิตของฉัน แต่งงานใหม่กันน๊า!" หลินเอินเอิน "คุณไม่รู้สึกอายเขาบ้างเหรอที่ตามง้อฉันทุกวัน! คุณเป็นหมารึไง!" ป๋อมู่หาน "ที่รัก ฉันยอมทำทุกอย่างเพื่อเธอ และเพื่อเธอคนเดียวเท่านั้น!" หลินเอินเอินหัวเราะ เธอเป็นทั้งทนายชื่อดัง หมออัจฉริยะสากล และแฮ็กเกอร์ระดับแนวหน้า ทำไมเธอต้องแต่งงานใหม่กับไอ้ผู้ชายหมาๆ นั่นละ ช่างน่าขันจริง ๆ "ไม่มีวันแต่งงานใหม่หรอก ใสหัวไปไกลๆ ซะ!"
“เพี๊ยะ!”
หนังสือข้อตกลงการหย่าฉบับหนึ่ง ถูกโยนมาอยู่ต่อหน้าหลินเอินเอิน
“พี่สาวของคุณฟื้นแล้ว ผมเคยสัญญากับเธอเอาไว้ว่า ขอเพียงแค่เธอยังมีชีวิตอยู่ ตำแหน่งคุณนายป๋อก็จะไม่มีทางเป็นของคนอื่นเด็ดขาด”
“หลินเอินเอิน เซ็นชื่อซะ เราหย่ากันเถอะ”
ตั้งแต่ที่ลูกพี่ลูกน้องของเธอฟื้นขึ้นมาในหนึ่งเดือนนี้ หลินเอินเอินก็คาดคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าจะต้องมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นแน่ ๆ
เธอเงยหน้าขึ้น แล้วก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ขมขื่นว่า “จนถึงตอนนี้แล้ว คุณยังไม่เชื่อฉันอีกเหรอ?”
ป๋อมู่หานดึงมุมปากขึ้น พลางพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มที่เย้ยหยันว่า “คุณเป็นผู้หญิงที่ละโมบโลภมาก แล้วก็ขี้อิจฉาริษยามาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว คุณมีอะไรคู่ควรที่ผมจะเชื่อใจคุณอย่างนั้นเหรอ?”
“หลินเอินเอิน อย่าให้ผมต้องพูดเป็นรอบที่สอง เซ็นชื่อซะ แล้ววิลล่าหลังนี้จะเป็นของคุณ นี่ถือว่าผมรักษาหน้าคุณเป็นครั้งสุดท้าย!”
เหอะ……
หลินเอินเอินกวาดสายตามองไปด้วยความเย้ยหยัน
การที่ไม่ให้เธอหย่าออกไปโดยไม่มีอะไรติดตัวไปเลยนั้น ก็ถือว่าเขามีความเมตตาแล้วอย่างนั้นเหรอ?
เธอหยิบข้อตกลงการหย่าที่เขาโยนให้ขึ้นมา ซึ่งชื่อของเขาก็ถูกเซ็นไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หลินเอินเอินรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เบ้าตาของเธอร้อนผ่าวเล็กน้อย
แต่เธอก็กลับมาสงบเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว
เธอเงยหน้าขึ้นไปมองเขา “คุณย่าจะเห็นด้วยอย่างนั้นเหรอ?”
“คุณคิดว่าการที่มีคุณย่าอยู่นั้น เธอก็จะสามารถให้ท้ายคุณโดยไม่มีขอบเขตอย่างนั้นเหรอ? !” ป๋อมู่หานยังคงมองเธอด้วยสายตาที่เย็นชาอยู่เช่นเดิม “ทำไมเราถึงได้แต่งงานกัน เรื่องนี้คุณย่อมรู้ดีกว่าผมอยู่แล้ว หลินเอินเอิน อย่าโลภให้มันมากนักเลย มันจะทำให้ผมยิ่งเกลียดคุณเข้าไปใหญ่”
หลินเอินเอินหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา “แล้วการเกลียดชังกับเกลียดชังมากกว่าเดิมนั้นมันมีอะไรที่แตกต่างกันอย่างนั้นเหรอ?”
ทันใดนั้น สีหน้าของป๋อมู่หานก็ดูดุร้ายถึงขีดสุด “หลินเอินเอิน!”
หลินเอินเอินหยิบปากกาขึ้นมา “ได้ ฉันจะเซ็นให้”
หลังจากที่ลูกพี่ลูกน้องฟื้นขึ้นมาก็ส่งรูปถ่ายที่สนิทสนมกับป๋อมู่หานมาให้เธอนับไม่ถ้วน ในเมื่อพวกเขาทั้งสองคนยังรักกันอยู่ ต่อให้เธอจะยืดยื้อให้ตายยังไง ชีวิตการแต่งงานเช่นนี้ก็คงไม่มีความหมายอะไร
หลินเอินเอินขีดฆ่าตรงวิลล่าที่เขามอบให้ แล้วก็รีบเซ็นชื่อของตัวเองลงไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่ได้มีการยืดยื้อให้เสียเวลาเลยแม้แต่น้อย
สามปีของชีวิตการแต่งงาน ก็ได้สิ้นสุดลง ณ ตรงนี้แล้ว
นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เธอก็ได้รับการปลดปล่อยแล้วเช่นกัน
หลินเอินเอินยื่นหนังสือข้อตกลงการหย่าให้เขา แล้วก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยว่า “ขอเวลาให้ฉันหนึ่งชั่วโมง แล้วฉันจะเก็บของออกไปจากที่นี่”
ป๋อมู่หานขมวดคิ้ว ริมฝีปากบาง ๆ ของเขาเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง เขาจ้องมองเธอพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า “วิลล่านี้ผมมอบให้คุณแล้ว คุณไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันคิดว่าที่ที่มีคุณอยู่......” หลินเอินเอินหัวเราะออกมาเบา ๆ แล้วก็พูดขึ้นทีละคำว่า “มันล้วนแต่สกปรก”
“หลินเอินเอิน!”
หลินเอินเอินไม่ได้สนใจผู้ชายที่กำลังโมโหเดือดดาลอยู่ข้างหลังเธอเลย เธอไม่ได้มีท่าทางเหมือนภรรยาตัวน้อยที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาคอยเอาใจเขาทุกอย่างเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว เธอผลักเขาออกจากประตูห้องไปในทันที
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง
เมื่อหลินเอินเอินลงไปชั้นล่าง ป๋อมู่หานก็ไม่อยู่แล้ว ทันใดนั้น สายตาของเธอมองไปที่นาฬิกาข้อมือคาสิโอของผู้ชายในมือของเธอ
นี่คือของขวัญที่เธอตั้งใจเตรียมไว้เป็นพิเศษเพื่อจะมอบให้เขาในวันเกิดที่จะถึงเร็ว ๆ นี้ แต่พอเธอมองมันในตอนนี้ เธอกลับรู้สึกว่ามันบาดตาบาดใจเป็นพิเศษ
ตึ้ง!
หลินเอินเอินโยนนาฬิการาคาห้าล้านบาทลงถังขยะโดยไม่ลังเลเลยสักนิด
เธอสูดลมหายใจเข้า เวลาสามปีนั้น ก็ถือว่าความจริงใจนั้นทำเพื่อหมาตัวหนึ่งก็แล้วกัน
นับจากนี้ไป เธอจะมีชีวิตอยู่เพื่อตัวของเธอเอง!
หลังจากออกมาแล้ว หลินเอินเอินก็โบกรถคันหนึ่ง แล้วก็ตรงไปที่วิลล่าของเธอเอง
วิลล่านี้ถูกซื้อไว้เมื่อหลายปีที่แล้ว แต่เธอไม่เคยกลับมาเลย เพราะเธออาศัยอยู่ที่วิลล่าของตระกูลป๋อ
คนรับใช้ตกใจมากเมื่อเห็นเธอมาปรากฏตัวอย่างกะทันหัน พวกเธอรีบมายืนจ่อกันเป็นแถวพร้อมตะโกนด้วยความเคารพอย่างพร้อมเพรียงกันว่า
“สวัสดีค่ะคุณนาย!”
หลินเอินเอินวางกระเป๋าเดินทางของเธอลง แล้วก็ทรุดตัวลงนั่งบนโซฟา เธอถูช่องว่างระหว่างคิ้วไปมา แล้วพูดแก้ขึ้นมาว่า“นับจากนี้ไป จะไม่มีคุณนายป๋ออีกแล้ว จะมีเพียงคุณหลินเท่านั้น”
เธอเคยภูมิใจที่ถูกเรียกว่า ‘คุณนายป๋อ’ มาโดยตลอด แต่ตอนนี้ มันเป็นเพียงคำที่จี้ใจดำเธอเท่านั้น
เมื่อเหล่าคนใช้ได้ยินเช่นนี้แล้ว พวกเธอก็ไม่กล้าถามอะไร ได้แต่ถอยหลังไปด้วยความเคารพ
เมื่อกลับมาที่ห้องของตัวเองแล้ว หลินเอินเอินก็โทรไปหาซูเหมี่ยว ผู้ช่วยของเธอ “ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง?”
ซูเหมี่ยวรู้สึกทั้งประหลาดใจและตกใจในเวลาเดียวกัน “บอส นี่คุณเป็นฝ่ายโทรมาหาฉันเองงั้นเหรอคะ? ฝนจะตก พายุจะเข้ามั้ยเนี่ย?”
“ฉันหย่าแล้ว ฉันจะทำตามที่เธอบอก ต่อจากนี้ไป ฉันจะโฟกัสเรื่องงานเป็นหลัก”
“อะไรนะ?? ?” เสียงของซูเหมี่ยวสูงปรี๊ดขึ้นมาทันที
“บ้าไปแล้ว นี่ฉันไม่ได้หูฝาดใช่มั้ยเนี่ย! ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา คุณทุ่มเทให้กับสามีมากกว่าอะไรทั้งสิ้น ถึงขนาดยอมทิ้งงานเพื่อจะไปเป็นภรรยาเต็มตัว แล้ววันนี้คุณกินยาผิดมารึไงคะ ทำไมถึงจะหย่ากันล่ะคะ นี่คุณกำลังล้อเล่นฉันรึเปล่าเนี่ย?”
ซูเหมี่ยวเป็นผู้ช่วยของหลินเอินเอิน นอกจากเธอและคนรอบตัวของหลินเอินเอินสองสามคนเท่านั้น ก็ไม่มีใครอีกแล้วที่รู้ว่าหลินเอินเอินนั้นยังมีตัวตนที่สองอีก ซึ่งก็คือ…
การเป็นทนายระดับแนวหน้า ในนามของไอริส!
มีคำพูดยอดนิยมบนโลกโซเชียลที่ว่า ถ้าไอริสเป็นที่สอง ก็คงไม่มีใครเป็นที่หนึ่งได้
ทนายความหลายคนรู้สึกหวาดกลัวมาก เมื่อได้ยินชื่อของเธอ
ในขณะที่ซูเหมี่ยวยังคงตกตะลึงไม่หาย เธอก็ได้ยินหลินเอินเอินถามขึ้นมาว่า “ช่วงนี้มีใครมาถามหาฉันบ้างมั้ย? มีคดีอะไรน่าสนใจรึเปล่า?”
ดวงตาของซูเหมี่ยวเป็นประกายระยิบระยับขึ้นมาทันที เธอพูดด้วยความรู้สึกเสียดายเล็กน้อย “อันที่จริงก็มีอยู่คดีหนึ่งคดี ให้ราคาก็สูงเสียดฟ้าเลยแหละค่ะ แต่กลับไม่มีใครกล้ารับงาน และคุณ...... ก็ไม่สามารถรับงานนี้ได้”
“งั้นเหรอ?” น้ำเสียงของหลินเอินเอินที่เรียบเฉยมาตลอด จู่ ๆ ก็ดูสนอกสนใจขึ้นมา
เมื่อเซิ่งหนิงเตรียมจะบอกฮั่วหลิ่นเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอ ทว่ากลับพบเขาช่วยพยุงผู้หญิงอีกคนลงจากรถอย่างเอาใจใส่... เคยคิดว่าตนเองอยู่เคียงข้างฮั่วหลิ่นคอยดูแลเขามาสามปี สักวันหนึ่งเขาจะมาสามารถสร้างความประทับใจให้กับเขา แต่สุดท้ายเป็นตนเองที่คิดเองเออเองไปฝ่ายเดียว เซิ่งหนิงตายใจแล้วจากไป สามปีต่อมา ข้างกายของเธมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง และฮั่วหลิ่นเสียใจมาก เจาพูดด้วยความโศกเศร้า "เซิ่งหนิง เรามาแต่งงานกันเถอะ" เซิ่งหนิงยิ้มอย่างเฉยเมย "ขออภัยนะคุณฮั่ว ฉันมีคู่หมั้นแล้ว"
‘ทริปฮันนิมูนที่ไม่ได้มีแค่เรา แต่ฉันและเขายังมีผู้ร่วม ทริปเข้ามาสร้างสีสันอีกมากมาย’ หลังแต่งงาน ตฤณก็พาภรรยาสาววัยละอ่อนอย่างยี่หวาไปฮันนิมูนเหมือนคู่สามีภรรยาคู่อื่น ๆ แต่การเดินทางไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับสามีผู้เป็นนักธุรกิจในครั้งนี้ กลับทำให้ยี่หวาได้รู้ว่าตฤณสามีของเธอมีรสนิยมทางเพศแบบไหน และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ เขาทำให้เธอได้รู้จักตัวตนของตัวเองอย่างที่เธอไม่คิดว่าจะได้รู้จักด้วยซ้ำ ตฤณจะพายี่หวาไปฮันนิมูนที่ไหน อย่างไร และกับใคร ติดตามอ่านได้ใน “ฉ่ำรักเมียนักธุรกิจ” แนะนำตัวละคร ยี่หวา : สาวสวยวัย 24 ปี ผู้มีผิวขาว และรูปร่างอวบอัด แต่น่าทะนุถนอม นิสัยอ่อนหวาน ว่าง่าย แต่เป็นคนอยากรู้อยากลอง ยี่หวาเพิ่งจะรู้ว่าสิ่งที่ตฤณทำกับเธอในห้องหอนั้นมันก็แค่น้ำจิ้ม เพราะเมื่อเดินทางไปฮันนิมูนกับตฤณจริง ๆ เธอกลับได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ จนเธอติดอกติดใจอย่างยากจะถอนตัว สำหรับยี่หวาแล้ว 'คืนเข้าหอที่เคยคิดว่าเด็ด ยังไม่เผ็ดเท่าทริปฮันนิมูนที่สามีหนุ่มจัดให้' ตฤณ : นักธุรกิจหนุ่มวัย 34 ปีหนุ่มลูกเสี้ยว บ้างาน แต่เวลาคลายเครียดก็สนุกสุดเหวี่ยง โดยเฉพาะเรื่องเซ็กส์ ตฤณหมั้นหมายกับยี่หวาตามความเห็นชอบของผู้ใหญ่เพราะถูกใจในความน่ารัก แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือเพราะยี่หวาเป็นเด็กดี และไม่เคยดื้อกับเขาเลยสักครั้ง ว่านอนสอนง่ายแบบนี้สิ ถึงจะใช้ชีวิตคู่ไปด้วยกันตลอดรอดฝั่ง
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀