หลังจากโดนสามีนอกใจราตรีก็ถูกเพื่อนพาไปลงเสน่ห์กับลัทธิที่บูชาเรื่องเพศ กว่าจะรู้ตัวว่าเรื่องราวเหล่านี้มันผิดเธอก็หลงจนโงหัวไม่ขึ้น กลายเป็นว่าเธอต้องหลับนอนกับชายอื่นโดยที่สามีไม่เคยรู้เลย
หลังจากโดนสามีนอกใจราตรีก็ถูกเพื่อนพาไปลงเสน่ห์กับลัทธิที่บูชาเรื่องเพศ กว่าจะรู้ตัวว่าเรื่องราวเหล่านี้มันผิดเธอก็หลงจนโงหัวไม่ขึ้น กลายเป็นว่าเธอต้องหลับนอนกับชายอื่นโดยที่สามีไม่เคยรู้เลย
ลัทธิวิปริต
ตอน ลงเสน่ห์
ภายในบ้านหรูของมหาเศรษฐีนักธุรกิจส่งออกธัญพืช
ฮือ! ๆ ๆ
เสียงหญิงสาววัยยี่สิบปลายกำลังร้องไห้กระซิกๆด้วยหัวใจที่พังทลายและอ่อนล้า
ร่างอิ่มสวยทรุดลงนั่งพับเพียบกับพื้นห้องโถงอันหรูหรา สองแขนเล็กเรียวกอดรูปแต่งงานของเธอกับสามีไว้แนบอก
น้ำตาไหลพาดแก้มนูนนิ่มเป็นทางยาวทั้งสองข้างก่อนจะหยดลงบนหน้าขาที่เนียนขาวและอิ่มอวบซ่อนรูป
ทำไม ทำไมเค้าถึงนอกใจฉันทั้งๆที่บอกว่ามีฉันคนเดียว!
เสียงความคิดแว่วดังในหัวคุณนายราตรี เมียรักวัยสาวสะพรั่งของนายราเมศวร
ติ๊ง! ๆ ๆ ๆ เสียงข้อความในมือถือบนโต๊ะรับแขกดังระรัว ปรากฏข้อความจากเพื่อนในกลุ่มแม่บ้านสาวไฮโซที่ต่างก็เป็นภรรยานักธุรกิจระดับแนวหน้าของประเทศ
นุ้ย: อย่าอยู่คนเดียวนะ! เดี๋ยวฉันไปหา
พี่หญิง: ของเล่นชั่วคราว ประเดี๋ยวเค้าเบื่อก็กลับมาหาเรา พวกเรานี่แหละตัวจริง
ร่างบางที่แอบซ่อนรูปค่อยๆพยุงตัวเองลุกยืนก่อนจะเดินโซเซมายังโต๊ะ พอหยิบมือถือขึ้นมาอ่านก็ปรากฏข้อความจากสามีรักเด้งขึ้นมาต่อ
ถ้าเรื่องแค่นี้อภัยไม่ได้ก็เลิกๆกันไปเลย
โพล๊ะ! มือน้อยที่สั่นเทาทำให้สมาร์ทโฟนราคาแพงตกลงพื้นแตกกระจุย เศษหน้าจอกลายเป็นเศษแก้วที่ทอแสงไฟบนเพดานระยิบระยับ
ฮือ! ๆ ๆ ร่างขาวโพลนในชุดเดรสลายดอกไม้ทรุดลงมานั่งกอดเข่า น้ำตาไหลหลากออกมาอีกชุดใหญ่
รู้สึกเจ็บปวดเหมือนมีเศษแก้วยัดแน่นอยู่ในอก ภาพสามีจูงมือนักศึกษาสาวเดินเข้าโรงแรมยังแจ่มชัดเหมือนเช่นวันวาน
คำสอนของแม่ที่บอกว่าผู้ชายรวยจะเห็นเราเป็นเพียงแค่สิ่งของกังวาลก้องอยู่เต็มหัว สะอึกสะอื้นจนไม่รู้นานเท่าใด
แป๊น! ๆ เสียงแตรรถโรสรอยดังอยู่หน้าบ้าน มันเรียกสติของราตรีกลับมา เธอรีบจัดเผ้าผมให้เข้าที่และย่างเดินมาเปิดประตูบ้านหรู ทว่าใบหน้ายังเลอะคราบน้ำตาที่แห้งกรัง
"เลิกร้องได้แล้วยัยราตรี" เสียงนุ้ย เพื่อนสาวคนสนิทที่เพิ่งลงจากรถฝั่งคนขับ เธอสวยและสูงยาวราวกับนางแบบ
แก๊ก! ๆ ๆ เสียงรองเท้าส้นสูงของสาวอีกนางนึงเดินย่างกรายมายืนหน้าเรือนร่างที่เล็กบางกว่า พร้อมรอยยิ้มและมือที่ยกขึ้นลูบหัวราตรีอย่างอบอุ่น
"เรื่องนี้มันแก้ได้พี่จะพาไปหาอาจารย์เอง" พี่หญิง
"ทำไมต้องไปหาอาจารย์คะ" หญิงสาวอ่อนวัยกล่าวด้วยดวงตากลมแป๋วที่แดงก่ำ
"พวกเราจะพาแกไปลงเสน่ห์ไง รับรองสามีกลับมาหลงแกจนไม่ออกจากบ้านแน่" นุ้ยรีบตอบ
"ฮริ! ๆ" พี่หญิงหัวเราะและกล่าวต่อ
"รับรองน้องจะชอบ อีกอย่างพี่จ่ายให้เอง" เสียงภรรยาของนักธุรกิจขนส่งกล่าวขณะเสยผมเหน็บหูให้เพื่อนสาวรุ่นน้อง
"แต่ ถ้ามันไม่ได้ผลล่ะคะ" ราตรี
"ไม่ได้ผลก็ไม่เห็นเป็นไร แกไม่ต้องเสียอะไรซักหน่อย" นุ้ย
"ใช่จ๊ะ พี่จะออกค่าใช้จ่ายให้เอง ถ้ามันได้ผลก็เกินคุ้มไม่ใช่เหรอ สามีก็กลับมารักมาหลงน้อง" พี่หญิง
"แต่" ราตรีอ้ำอึ้ง
"น้องจะไม่ให้อภัยราเมศวรหรือ" พี่หญิง
"ปะ เปล่าค่ะ" ราตรี
"โอเคงั้นไปกัน พี่ขับเอง นุ้ยไปนั่งหลังแต่งหน้าให้ราตรีด้วย" สาวใหญ่สั่งแล้วเดินก้าวไปเปิดประตูขึ้นรถอย่างอารมณ์ดี
ราตรีขึ้นมานั่งเบาะหลังอย่างงงๆ ขณะที่เพื่อนสาวรุ่นราวคราวเดียวกันกำลังแต่งหน้าทาปากให้เธอ
นั่งใจลอยได้เพียงชั่วครู่ก็มาถึงตึกหรูที่ตกแต่งสไตล์จีน มองจากข้างนอกแล้วเหมือนดั่งเรือสำเภาขนาดใหญ่
พี่หญิงและนุ้ยพาขึ้นลิฟท์ไปยังชั้นบนสุด เมื่อมาถึงก็ต้องตกใจเมื่อบนชั้นนี้ตกแต่งแนวตะวันตก
มีผู้ชายร่างใหญ่ใส่สูทดำยืนคุมประตูไม้บานใหญ่ที่สลักลายไม้กางเขน พอพี่หญิงล้วงนามบัตรมาชูขึ้นชายฉกรรจ์ที่น่ากลัวทั้งสองกลับก้มโค้งคำนับหล่อนและเปิดประตูแง้มออก
แอ๊ดดด!
เดินเข้ามาภายในเห็นแสงไฟสลัวๆ กลางห้องโถงมีบัลลังก์ทองคำตั้งตระหง่านราวกับที่นั่งพระราชากรีก
มีรูปปั้นชายหญิงที่โป๊เปลือยเรียงรายจากประตูไปถึงบัลลังก์กลางห้อง มองไปรอบๆภายในกว้างขวางพอๆกับสนามฟุตบอล
มีการตกแต่งด้วยต้นไม้และดอกไม้ราวกับป่ามนเทพนิยาย มีราวผ้ากั้นและแขวนบดบังแต่ละส่วนให้เป็นโซนเล็กๆ มีเสียงครางของชายหญิงดังแว่วมาไกลๆชนิดแทบไม่ได้ยิน
แปะ! ๆ ๆ ๆ จู่ๆก็มีเสียงปรบมือดังก้องอยู่หน้าบัลลังก์ทองคำ สามสาวหันขวับมามองก็เจอกับร่างชายสูงวัยที่แต่งชุดสูทสีขาว
"มาแล้วหรือคุณหญิง คุณนุ้ย" หนุ่มใหญ่เอ่ยและกวักมือเรียกสองสาวให้เดินเข้าไปหา
สองสาวจับมือชายสูงวัยที่ดูเหมือนบาทหลวงแล้วก้มจูบหลังมือของเค้าอย่างเคารพจนทำเอาราตรีที่ยืนมองตกใจ
จุ๊บ! ๆ
"วันนี้มีเรื่องอะไร ทำไมสองสาวถึงมาหาพ่อได้" หนุ่มใหญ่เอ่ยและบีบคางงอนสวยของสองสาวก่อนจะเชิ่ดหน้าพวกหล่อนขึ้นมามองตาประสานใจ
ราตรีถึงกับอึ้งเมื่อเห็นเพื่อนสาวปล่อยให้ชายหนุ่มที่ไม่ใช่สามีคีบคางลูบแก้มอย่างย่ามใจ
"อ้อ อยากให้อาจารย์ช่วยราตรีค่ะ" พี่หญิง
"ผัวเธอนอกใจไปคบเด็กค่ะอาจารย์" นุ้ยรีบเสริม
"หิ! ๆ ๆ เรื่องเเค่นี้เอง มานี่ซิหนู มานั่งบนเก้าอี้นี่มา" อาจารย์หันมาหัวเราะและแสยะยิ้มก่อนจะมองเรือนร่างที่ขาวโพลนซ่อนรูปอยู่ภายใต้ผ้าเดรสสีฟ้าบาง
"รีบมาเร็วๆสิแก" นุ้ยกวักมือเมื่อเห็นราตรีอ้ำอึ้ง
"ไม่ต้องกลัว พวกเราก็เคยทำแล้ว" พี่หญิงพยักหน้าและส่งยิ้ม
"ขึ้นไปนั่งบนนั้นเลย" หนุ่มใหญ่เอ่ยย้ำและหันกลับไปพูดคุยจู๋จี๋กับสองสาว เค้าส่งสายตาเจ้าชู้ใส่พวกหล่อนซึ่งมองยังไงๆก็ไม่มีความน่าเคารพเอาเสียเลย
ราตรีหันหลังให้บัลลังก์สีทองที่สูงสง่าก่อนจะเขย่งเท้าขึ้นมานั่งอย่างสำรวม สองมือกุมตักและหนีบขาแน่น
"เอาหละ ๆ ขอเวลาแป๊บ" หนุ่มใหญ่เอ่ยกับสองสาวแล้วเดินมายืนหน้าราตรี เค้าคุกเข่าลงกับพื้นและก้มถอดรองเท้าของเธอออกอย่างใจเย็น
"ไม่เป็นไรค่ะ อาจารย์" หญิงสาวรีบก้มดึงรองเท้าตัวเองออก ทว่าไม่ทัน สองมือใหญ่ได้โยนรองเท้าลงพื้นเสียแล้ว
"อื่ม เป็นคนที่งามมาก งามทั้งผิวพรรณ ทรวดทรงและกระดูก" หนุ่มใหญ่เอ่ยขณะกุมสองเท้าเล็กขาวไว้แน่น ตาก้มมองตั้งแต่น่องขาวไล่ขึ้นมายังขาอ่อน
ราตรีเบือนหน้าหนีเมื่อรู้สึกว่ากำลังโดนชายอื่นกำลังจ้องเข้ามายังชายชุดเดรส ขณะเดียวกันมือที่หยาบโลนของเค้าก็บีบข้อเท้าสองข้างและค่อยๆฉีกขาเธอแยกออก
"อย่าค่ะ" ราตรีร้องห้ามและพยายามหนีบขากลับมาแนบกัน
"ราตรี" นุ้ยตะคอกดัง
"อย่าไปกลัว ปล่อยใจสบายๆ พวกเราดูอยู่" พี่หญิงกล่าวแล้วเดินมายืนข้างๆบัลลังก์ พร้อมทั้งดึงมือราตรีไปจับ
หิ! ๆ หนุ่มใหญ่หัวเราะและบีบข้อเท้าสองข้างฉีกออกในสภาพแดงคามือ ทำให้สองขาที่ขาวโพลนซ่อนรูปถ่างอ้าจนเห็นกางเกงในสีขายภายใต้ชายชุดเดรสสีฟ้าคราม
จู่ๆผู้ชายคนนึงก็เดินดุ่มๆมาจากม่านกั้นด้านข้างห้องโถง ในมือเค้ามีคฑาสั้นและขันน้ำอีกหนึ่งใบ
อาจารย์ปล่อยข้อเท้าสองข้างที่ถูกบีบจนแดงเป็นจ้ำๆก่อนจะหันไปรับไม้คฑาและจับขันน้ำวางลงพื้น
เค้าขมุบขมิบปากและค่อยๆจุ่มคฑากับน้ำในขัน จากนั้นเอาปลายไม้มาแตะที่ขาอ่อนด้านในของราตรี
พรื่ดด! ๆ ไม้แอปเปิ้ลที่เย็นและเปียกชุ่มลูบไล้ขาขาวๆไล่ขึ้นมาจนถึงขาหนีบก่อนจะทิ่มชนกับกลางเป้ากางเกงในที่นูนโหนก
อื้ออ! ราตรีเม้มกัดริมฝีปากตัวเองขณะที่หลับตาปี๋ เสียงครางกระเส่าเล็ดหลุดจากลำคอเบาๆ ขณะที่ไม้คฑาถูไถไปกับความรียาวของร่องสาว
พรื่ดด! ๆ ปลายไม้ที่ทู่โค้งแยงถูขึ้นลงจนเสียวทะลุกางเกงในตัวน้อย สำใสๆไหลเอ่อเลอะเต็มง่ามขาขณะที่รอยแยกของเรือนกายร้อนวูบๆวาบๆ
ใจเต้นดังตูมๆจนกลบเสียงเพื่อนทั้งสองที่กำลังพูดให้กำลังใจอยู่ข้างๆ สองมือจิกมือเพื่อนๆจนเป็นรอยเล็บฝังอุ้งมือพวกหล่อน
ขณะหลับตารู้สึกว่ากางเกงในกำลังโดนดึงร่นลงมาจนเจ็บตูด ฟุ่บ! ฟั่บ!
เมื่อลืมตาขึ้นก็พบว่าชั้นในตัวจิ๋วหลุดลงมาที่เข่าเสียแล้ว ชายชุดเดรสก็โดนผู้ชายอีกคนถลกขึ้นจนหว่างขาและเนินหน่าวจ่ออยู่ตรงหน้าอาจารย์ที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้น
"พี่หญิง นุ้ย หนูไม่เอาแล้ว" ราตรีเอ่ยเสียงดังทั้งๆที่หน้ายังมองผู้ชายอีกคนที่กำลังถลกชายผ้าของเธออยู่
หิ! ๆ ๆ ชายแปลกหน้าส่งยิ้มและหัวเราะกลับ ขณะเดียวกันอาจารย์ของเค้าก็ลุกขึ้นยืนและก้มหน้าซบกับร่องสาวที่ขาวโบ๊ะแทบไร้เส้นขน
รู้สึกถึงริมฝีปากที่ร้อนแดงตรงเนินหน่าว พร้อมทั้งหนวดเคราสั้นแข็งที่บาดขาอ่อนสองข้าง
แผล๊บ! ๆ ลิ้นสากยาวเลียปาดร่องสวาทจากล่างขึ้นบนสองที
อร๊า! อร๊ายยย! ราตรีกรีดร้องสุดเสียงขณะที่สะบัดแขนออกจากมือเพื่อน ก่อนจะใช้สองมือน้อยๆจิกหัวอาจารย์อย่างลืมเนื้อลืมตัว
แนวทาสสวาท ล่อลวง เปิดซิง รุนแรง ซาดิสม์ หลอกเอา คนสวน รุมคุณหนู nc 3p
นิยายอีโรติก แนวเรื่องจริง นอกใจ มีชู้ เผลอใจ ไม่ตั้งใจ nc 18+ รวมเรื่องสั้นแนวนอกใจ นอกกาย สายบาป เป็นเรื่องแต่งเสริมเรื่องจริง สั้นๆจบในตอน มีหลายแนว หลายเหตุการณ์ สำหรับผู้ใหญ่ อายุ18ปีขึ้นไป
นิยายผู้ใหญ่ แนวฮาเร็มชาย นางเอกเป็นคุณหนูวัย18ปี เธอชอบยั่วคนสวน คนขับรถ ใจแตก มั่วสวาท nc 18+
ในยุคก่อนสงครามโลก ยังมีการค้าทาส ในดินแดนแถบเอเชียที่ไม่ระบุชื่อและสถานที่ตั้ง มีปราสาทแห่งหนึ่งตั้งตะหง่านอยู่ริมหน้าผาบนเขาสูง เจ้าปราสาทคือสามีนางเอก เขาเป็นขุนนางชั้นสูง เขาชอบซื้อทาสชายหลากเชื้อชาติมาเลี้ยง ใช้งานพวกเขาหนัก และมักจะให้นางเอกมีอะไรกับคนแปลกหน้าพวกนั้นเพื่อให้เขานั่งดูอย่างมีอารมณ์
นางเอกแต่งงานกับสามีแก่ เขาเป็นเสี่ยเจ้าของร้านทองที่รวยมาก ทว่านกเขากลับไม่ขันและอ่อนปวกเปียก นานๆจะมีเซ็กกับเมียรัก เดือนละครั้งสองครั้ง นางเอกทนความอยากไม่ไหวแต่ก็ไม่อยากมีชู้ ไม่อยากนอกใจสามี เธอจึงแอบมีอะไรกับเจ้าแสนรักที่เลี้ยงไว้ในบ้าน
เรื่องสั้นแนวมีชู้ fwb ลับๆ นอกใจ แอบแซ่บ 3p 4p หลายบุคคลหลากเหตุการณ์ จบในตอนสองตอน
หลังจากเมา เธอก็ได้รู้จักกับคนใหญ่คนโตคนหนึ่ง เธอต้องการความช่วยเหลือจากเขา ส่วนเขาหลงเสน่ห์รูปร่างที่ดีและความสวยงามของเธอ พอเวลาผ่านไป เธอก็ตระหนักได้ว่าเขามีคนอยู่ในใจแล้ว เมื่อรักแรกของเขากลับมา เขาก็ไม่ค่อยได้กลับบ้าน แต่ละคืนเหวินม่านอยู่ในห้องว่างเปล่าด้วยคนเดียว แต่สุดท้ายแล้ว สิ่งที่เธอได้รับมาก็มีแต่เช็คใบหนึ่งและคำกล่าวลาเท่านั้น เดิมทีคิดว่าเธอจะร้องไห้โวยวาย แต่ไม่คาดคิดว่าเธอหยิบใบเช็คแล้วจากไปอย่างไม่ลังเล: "คุณฮั่ว ลาก่อน!"... พอพบกันอีกครั้ง เธอก็มีคนอยู่ข้างกายแล้ว เขาพูดด้วยตาแดงก่ำ: "เหวินม่าน ผมคบกับคุณมาก่อนนะ" เหวินม่านยิ้มเบา ๆ แล้วพูดว่า "ทนายฮั่ว คนที่บอกเลิก นั่นคือคุณเองนะ! ถ้าอยากจะเดทกับฉัน คุณต้องต่อคิว..." วันถัดมา เธอได้รับเงินโอนหนึ่งแสนล้านพร้อมแหวนเพชร ทนายฮั่วคุกเข่าข้างหนึ่ง: "คุณเหวิน ผมอยากจะแทรกคิว"
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
รูรักอันบริสุทธิ์เมื่อถูกปลายลิ้นร้อนของชายหนุ่มเป็นครั้งแรกดูเหมือนว่าจะตอบสนองได้เป็นอย่างดี ร่องของนางขมิบรัว สะโพกของนางยกขึ้นยังเด้งเข้าไปหาปากร้อน ฝ่าบาทเก่งกาจยังสามารถแยงลิ้นเข้าไปในรู อันซูเซี่ยถูกทาขี้ผึ้งหอมรอบปากทาง ขี้ผึ้งนี้นอกจากจะมีรสชาติดีส่งเสริมรสน้ำรักของนางแล้วยังมีคุณสมบัติอันวิเศษ แม้จะเป็นหญิงพรหมจรรย์ก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวด และเผลอทำร้ายฝ่าบาทจนบาดเจ็บ อี้หลงดูดแบะขาของนางให้กว้างขึ้นแล้วรวบขึ้นไปให้ขาชี้ฟ้า จากนั้นมุดใบหน้าลงมาอย่างหลงใหล “หอมอร่อยเหลือเกิน รู้สึกเหมือนดื่มสุราไม่เมามาย อ้า ข้าชอบยิ่ง หอยของฮองเฮาช่างใหญ่โต ดูโคกเนื้อโยนีแทบจะล้นริมฝีปากของข้า สีแดงเช่นนี้คงไม่เคยผ่านสิ่งใดมาก่อน บริสุทธิ์ยิ่งนัก ซี้ด” นางดิ้นเร่าอยู่ในปาก ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรนอกจากเชื่อฟังในคำของฝ่าบาท “อืม อร่อยยิ่งนัก อ้า ข้าไม่ไหวแล้วขอดูหน้าฮองเฮาของข้าหน่อยเถิด” ดูเหมือนว่าร่องรักของนางยังขมิบ นางไม่อยากให้เขาเงยหน้าขึ้นจากตรงนั้นด้วยซ้ำ อยากถูกปลายลิ้นเลียเช่นนั้นจนกว่านางจะได้รับการปลดปล่อย “อ้า ฝ่าบาทเพคะ อย่าหยุดเพคะ อื้อ” นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ มี 2 เล่มจบ เป็นนิยายแบบพล็อตอ่อน เน้นฉากรักบนเตียงของตัวละครเป็นหลัก เหมาะสำหรับผู้มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ไม่เหมาะสำหรับสายคลีนใส ๆ นะคะ หากใครไม่ชอบอ่าน NC เยอะ ๆ กรุณาเลื่อนผ่าน เพราะเรื่องนี้เน้น NC เป็นหลักค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
"อ๊ะ..ที่ไหนนี่มืดจัง อึดอัดจังเลย โอ้ย !!ใครถีบหัววะ" "ฮูหยินคลอดแล้วเป็นคุณชายน้อยเจ้าค่ะ ยังมีอีกคนเจ้าค่ะ เบ่งอีกเจ้าคะ " "อุ๊แว" "เป็นคุณหนูเจ้าค่ะฮูหยิน"
เรื่องย่อ วังวนร้อนรักจวนแม่ทัพใหญ่ แนว 4P ซุนหลีนถูกจับมาเป็นเชลยสงครามพร้อมพี่ชายบุญธรรมที่นางแอบมีใจให้เขาและมารดา แต่ด้วยความงามของนางจึงทำให้ฮูหยินใหญ่ที่ไร้ทายาทต้องการให้นางอุ้มท้องแทนตน เรียนท่านผู้อ่านทุกท่าน หนังสือนิยายเรื่องนี้จัดอยู่ในหมวด นิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ ซึ่งเหมาะกับสายแซ่บไม่พูดเยอะ เจ็บคอ จะมีฉาก NC นำเนื้อหาแทบทั้งเรื่อง และพล็อตเบาคลายเครียด แทบไม่มีพล็อตค่ะ ดังนั้นท่านผู้อ่านควรพิจารณาโหลดตัวอย่างก่อนตัดสินใจซื้อค่ะ ขอบคุณค่ะ
© 2018-now MeghaBook
บนสุด