/0/13589/coverbig.jpg?v=d0818245e191ad0db973d33747c48579)
ทันทีที่ลืมตา เธอพบว่าตัวเองได้มาอยู่ในร่าง “นาเซีย” นางร้ายที่กำลังจะพบจุดจบ เพียงแค่อยากมีชีวิตรอดจนกว่าจะหาทางกลับโลกเดิมได้ แต่ทำทุกคนถึงได้มาวุ่นวายกับเธอกันจัง
ทันทีที่ลืมตา เธอพบว่าตัวเองได้มาอยู่ในร่าง “นาเซีย” นางร้ายที่กำลังจะพบจุดจบ เพียงแค่อยากมีชีวิตรอดจนกว่าจะหาทางกลับโลกเดิมได้ แต่ทำทุกคนถึงได้มาวุ่นวายกับเธอกันจัง
~นำนางไปโยนไว้ที่สวน~
เสียงตะคอกที่ดังใกล้โสตประสาท หญิงสาวในชุดราตรีสีครามเธอพยายามที่จะยกเปลือกตาที่แสนจะหนักอึ่งของเธอขึ้นมองดู แต่มันยากเกินไป
‘เกิดอะไรขึ้นกับตัวเรากัน’ ความคิดสงสัยพลันผุดขึ้นในหัวของเธอ
~ นางงดงามราวเทพธิดา แต่นิสัยนางช่างร้ายกาจเกินไป~ เสียงหนึ่งดังขึ้นเช่นเดิม แต่น้ำเสียงกับผิดแผลกไปจากเมื่อครู่
~ในเมื่อองค์รัชทายาทไม่สนใจ งั้นพวกเราก็มอบความสุขนั่นให้นางไม่ดีกว่าเหรอ~
~ ใช่ข้าอยากจะรู้นักว่าท่าทางหยิ่งยโสของนางจะเป็นอย่างไร ในเมื่อพวกเรามอบความสำราญนั้นให้แก่นาง~ สิ้นเสียงพูดนั้น เสียงหัวเราะของเหล่าบุรุษก็ดังขึ้นรอบ ๆ ตัวเธอ
หญิงสาววัยเลยเลขสามเธอเพิ่งจะทิ้งศีรษะลงเตียงเพียงไม่กี่นาทีก่อน กลับได้ยินเสียงของใครบางคนที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้นรอบ ๆ ตัวเธอ ทั้งตัวเธอเองยังรู้สึกเหมือนลากดึงจนเจ็บ แต่เธอไม่สามารถลืมตาได้นี่ซิ เธอจึงแยกไม่ออกว่าสิ่งนี้คือความฝัน หรือเธอกำลังถูกลักพาตัว แต่ถ้าถูกลักพาตัวใครกันที่ทำเรื่องแบบนี้ พ่อแม่เธอก็ไม่มีพวกเขาต้องการอะไรกันแน่ หญิงสาวพยายามที่จะลืมตาขึ้น จนในที่สุดความพยายามเธอก็สำเร็จ แต่สิ่งที่เห็นตรงหน้ากลับเป็นเหล่าบุรุษรูปร่างสูงใหญ่สวมเสื้อเกาะราวอัศวิน เธอมองพวกเขาอย่างไม่แน่ใจ
“ขะ..ขอโทษนะคะ พวกคุณเป็นใคร” เธอพยายามเปล่งเสียงเอ่ยถามพวกเขา แต่คนเหล่านั้นกลับหัวเราะใส่กับคำถามของเธอ
“ดูท่าเลดี้คงลืมไปแล้วกระมังว่าได้ทำสิ่งใดไว้ให้กับสตรีขององค์รัชทายาท” หญิงสาวขมวดคิ้วหมุน เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่พวกเขาบอก จนเมื่อภาพหนึ่งพุ่งปรากฏในศีรษะเธอ มันเป็นภาพจากเว็บตูนที่เธอเพิ่งอ่านและวางมันลงก่อนหน้านี้ นาเซีย นางร้ายที่มีราชินีเป็นผู้ให้ท้ายนาง กำลังวางยาในแก้วไวน์ของเซลีนนางเอกของเรื่อง แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอหรือเพราะเธอเพิ่งอ่านมันไปทำให้เธอเก็บมาอยู่ในฝัน
เธอลองกัดปากตนเองเพียงเล็กน้อย ความเจ็บที่ได้สัมผัสมันดูเกินจริง แววตากลมกวาดมองไปรอบ ๆ สวนดอกไม้ที่ประดับแสงไฟดูเพียง ริบหลี่และมืดจนสามารถช่วยอำพรางบุคคลเหล่านี้ให้กระทำผิดได้ ในความคิดเธอยังคงไม่แน่ชัดแต่เมื่อบุรุษสูงใหญ่นี้วางเธอลงเก้าอี้ตัวยาวในสวน เธอจึงรีบที่จะวิ่งออกจากตรงนั้นทันที
เพลี๊ยะ!! แรงฟาดจากฝ่ามือทำให้ใบหน้าของเธอรู้สึกชาหนึบ เธอแน่ชัดแล้วว่านี่คือสิ่งที่เธอกำลังเผชิญด้วยความจริง
“คิดจะหนีพวกเราไปไหน เลดี้ดาร์เรล” หนึ่งในทหารที่อุ้มเธอออกมากล่าวขึ้น พร้อมสีหน้าที่ดูน่าหวาดกลัว หากนี่คือการสลับร่างหรือทะลุมิติในตอนนี้ ตัวเธอคงอยู่ในร่างของ ดาร์เรล นาเซีย หญิงสาวที่มีใบหน้ายิ่งยโส และนิสัยร้ายกาจ แต่เธอจะทำยังไงดีล่ะ เพราะนิยายเรื่องนี้มันเป็นเรทสิบเก้า เธอคงต้องพยายามครองสติตัวเองให้ดีคิดหาทางออกจากสถานการณ์ที่เลวร้ายนี้เสียก่อน
เพราะแผนการชั่วร้ายของนาเซียคิดหวังจะวางยาปลุกอารมณ์ให้กับเซลีน และนำพาเธอไปมอบให้แก่ดยุกบริกาเอล ลูเซียง มิกาเอล ตัวร้ายชายที่ต้องการครอบครองเซลีนด้วยแต่นาเซียกลับคาดไม่ถึงว่าแผนการของเธอจะถูกองค์รัชทายาทจับได้ในขณะที่กำลังยื่นแก้วให้กับเซลีน องค์รัชทายาทอย่าง แคลบอร์น ลูเซียง ลาฟาซ พระเอกของเรื่องจึงสั่งให้ทหารจับไวน์นั้นกรอกปากนางและนำไปโยนไว้ที่สวน แต่ทหารพวกนั้นกลับลงมือกระทำข่มขืนนาเซีย ทำให้เธอไม่สามารถสู้หน้าในสังคมได้ สุดท้ายนางจึงฆ่าตัวตาย
กลับมายังสถานการณ์ตรงหน้าเหตุการณ์เหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับนาเซียตัวจริง แต่กำลังเกิดขึ้นกับเธอ หญิงสาวมองเหล่าทหารนั้นที่พยายามจะเข้ามาลูบคล่ำเรียวขาเธอ จนรู้สึกขนลุกด้วยความหวาดกลัว เธอนึกได้ว่า นาเซีย นั้นได้นัดหมายดยุกกาบริเอลไว้อีกฝั่งของสวน ที่อยู่ติดกับปราสาทที่พักชั่วคราวของเขา
“..พี่คะ มะ ไม่ พวกท่านช้าก่อน” เธอเอ่ยขึ้นเมื่อนึกแผนที่จะหลบหลีสถานการณ์นี้ขึ้นมาได้ เธอคาดหวังว่ามันจะสำเร็จหากดยุกกาบริเอลพอจะเห็นใจช่วยเหลือนาเซียสักนิด
“ข้าว่าที่นี่มันไม่ค่อยสะดวกนัก หากเป็นเรือนกระจกฝั่งตรงข้ามสวนนี้พวกท่านคิดว่าไม่ดีกว่าหรือ” นาเซียยกมือลูบใบหน้าทหารหนึ่งที่กำลังลูบไล้เรียวขาของเธอ พวกเขายกยิ้มอย่างพอใจ
“ไม่เลว ข้าหวังว่าเลดี้จะสนุกสนานและดื่มด่ำความสุขในค่ำคืนนี้กับพวกเรา” พูดจบพวกเขาก็ประคองร่างที่ดูบอกบางของนาเซียขึ้น เธอรู้สึกถึงความร้อนที่ระบายออกมาจากตัว คงเป็นเพราะฤทธิ์ยาที่เธอดื่มเข้าไป มันช่างรุมร้อนเสียจนอยากจะปลดเปลื้องอาภรณ์เสียออกให้หมด แต่ในตอนนี้เธอต้องฝืนร่างกายนี้ไว้เสียก่อน
เรือนกระจกที่แยกออกมาไกลพอสมควร นาเซียกวาดสายตามองทั่วเรือนกระจก ‘หรือยังไม่ถึงเวลานัด’ เธอกลืนน้ำลายแห้ง ๆ ลงคอ ดูท่าร่างกายนี้จะทนกับฤทธิ์ยาไม่ไหว หากดยุกกาบริเอลยังไม่โผล่มาดูท่า เธอคงถูกทหารพวกนี้เล่นสนุกกับร่างกายของนาเซียเป็นแน่
“อะแฮ่ม เลดี้คาร์เรล ไม่คิดว่าท่านจะต้องพาเหล่าทหารมาอารักขาด้วย” มิกาเอลทักขึ้นจากทางด้านหลังเธอ นาเซียรีบใช้โอกาสนี้วิ่งไปหาเขา และกระซิบบอกมิคาเอลทันที
“ช่วยข้าด้วย” คิ้วหนากระตุกมองเธอ ก่อนจะหันไปมองเหล่าทหารพวกนั้น
“ออกไป ข้ามีธุระที่จะคุยกับเลดี้” เขาตวาดเสียงดังจนทหารเหล่านั้นต้องรีบวิ่งออกจากเรือนกระจก แม้เขาไม่เอ่ยเพียงแค่สายตาทุกคนต่างก็ย่อมหลบหลีกให้ ดยุกกาบริเอล ลูเซียง มิกาเอล ใคร ๆ ต่างก็รู้จักเขาดีในฐานะโล่แห่งจักรวรรดิหลานชายคนโปรดของกษัตริย์แคลบอร์น เดิมบิดาเขาคือกษัตริย์แคลบอร์น แต่เพราะร่างกายที่ไม่แข็งแรงทำให้เสียชีวิตลง อำนาจทุกอย่างจึงตกเป็นของน้องชายเพียงคนเดียวของเขา นั้นก็คือกษัตริย์แคล บอร์นองค์ปัจจุบัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รักดยุกกาบริเอลมากพอ ๆ กับบุตรชายของเขา
นาเซียกอดตัวเองที่กำลังรุมร้อนเนื้อตัวเธอราวกับมีไฟอยู่รอบตัว เม็ดเหงื่อมากมายแทรกซึมเต็มใบหน้า เธอทิ้งตัวนั่งลงกองอยู่ที่พื้นก่อนจะใช้กำลังสุดท้ายที่เหลืออยู่เกาะขาของเขา
“ได้โปรด ช่วยพาข้าออกไปจากที่นี่ที” น้ำเสียงที่แหบแห้ง เธอพยายามที่จะเอ่ยขอร้องเขา ใบหน้าหน้าที่ดูเหมือนแสยะยิ้มกำลังจับจ้องท่าทางของเธอ นาเซียยกสองมือถึงขากางเกงของเขาอย่างยากลำบาก
“ขอร้องละ พาข้าออกไปจากที่นี่ก่อนแล้วข้าจะอธิบายให้ท่านดยุกได้ฟัง” เธอขอร้องเขา แววตากลมที่เปื้อนเปรอะไปด้วยคราบน้ำตา เธอพยายามอดทนกับความร้อนที่แผ่ออกมานี้สร้างความทรมานมากนัก
“ข้าเห็นแก่เลดี้ที่เคยช่วยข้าไว้บ้างหลอกนะ มิเช่นนั้นแล้วข้าคงมิคิดที่จะไล่พวกหิวกระหายพวกนั้นแน่” มิกาเอลมองออกตั้งแต่แรก เขารู้ว่านั้นคือเหล่าทหารชั้นล่างที่มักจะถูกเรียกใช้ยามที่ต้องทำงานสกปรก ไม่ต่างกับพวกรับจ้างทั่วไป เขาอุ้มร่างบางขึ้นก่อนจะเดินออกมายังปราสาทรับรองของเขา สถานที่ที่ใกล้ที่สุดในตอนนี้ นาเซียที่ถูกอุ้มขึ้นแนบสัมผัสกับแผลงอกกำยำของเขา ร่างกายเธอก็ยิ่งร้อนมากขึ้น ใบหน้าเรียบนิ่งแววตาคมดุริมฝีปากยักโค้งเหยียดตรง ปลายจมูกที่ดูเชิดรั้น นาเซียจ้องมองราวอยากสัมผัส
“เตรียมน้ำเย็นให้เลดี้” เสียงเขาสั่งสาวใช้ในปราสาทก่อนจะอุ้มเธอเข้าไปยังห้องหนึ่ง ก่อนจะวางตัวเธอไปกับที่นอนกว้าง
“อืมมม” นาเซียใช้โอกาสที่เขากำลังวางตัวเธอลงคว้าคอเขาโน้มลงจูบริมฝีปากยักโค้งนั่น
ผลั๊ก!! ยังไม่ทันที่โน้มน้าวอารมณ์ในตัวเขา ตัวเธอกระเด็นลงที่นอนอย่างเต็มแรง มิกาเอลผลักเธอออกทันทีที่เธอจูบสัมผัสริมฝีปากของเขา
“ไร้มารยาท เลดี้ควรหักห้ามอารมณ์ตนเองด้วย” เขาลุกพรวดขึ้นจ้องมองเธอราวกับจะฉีดเธอออกเป็นชิ้น ๆ แม้เขาจะรู้ดีว่าอาการที่นางกำลังเป็นคงเกิดจากถูกบางสิ่งบางอย่างทำให้เกิดความร้อนขึ้นได้ นาเซียไม่แปลกใจเลยที่เขาผลักไสเธอราวกับรังเกลียด เพราะนาเซียนั้นร้ายกาจไม่น้อยไปกว่าแม่มดชั่วร้าย อีกทั้งต่อให้นาเซียเป็นสตรีที่งดงามแต่กับเขาแล้วความหลงใหลนั้นไม่เคยพลาดผ่านสายตาของเขาเลย มีเพียงเซลีนนางเอกของเรื่องเพียงคนเดียวที่สามารถทำให้มิคาเอลอยากครอบครอง มิกาเอลหลงใหลเซลีนหลังจากงานฉลองครองราชกษัตริย์แคลบอร์นเมื่อปีก่อน เขาพบกับ เซลีนด้วยความบังเอิญในตอนนั้นอาการเจ็บป่วยของเขากำเริบทำให้เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เซลีนที่มีพลังเยียวยาช่วยเหลือเขาให้อาการสงบลง ท่าทางอ่อนโยน และการรักษาอาการเจ็บปวดนั้นได้ทำให้เขาสนใจในตัวเซลีนทันที หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พยายามตามหาว่าเซลีนคือบุตรสาวตระกูลใด แต่พอเขาได้รู้ตอนนั้นเซลีนก็ได้คบหากับ องค์รัชทายาทแคลบอร์น ลูเซียง ลาฟาซ แล้ว เขาโกรธมากที่ลาฟาซแย่งคนที่เขามุ่งหมาย เขาจึงพยายามที่จะเข้าหาเซลีน แม้จะทำให้ลาฟาซไม่พอใจก็ตาม นาเซียที่มองสถานการณ์ระหว่าดยุกมิกาเอล และองค์รัชทายาทแคลบอร์น เธอจึงใช้โอกาสนี้ในการให้ดยุกกาบริเอลเข้าหาเพื่อที่จะให้แย่งเซลีนไป ส่วนเธอก็จะได้ลาฟาซ พร้อมตำแหน่งอนาคตราชินีคนต่อไปมาเช่นกัน
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
หลังจากถูกแฟนหนุ่มและเพื่อนสนิทของเธอจัดฉาก เฉี่ยนซีก็จบลงด้วยการใช้เวลาทั้งคืนกับชายแปลกหน้าลึกลับคนนั้น เธอมีความสุขมาก แต่พอเธอตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น เธอก็รู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกผิดทั้งหมดของเธอถูกชะล้างออกไป เมื่อเธอเห็นใบหน้าของชายที่นอนอยู่ข้างเธอ เธอจึงเอ่ยด้วยเสียงเบา ๆ ที่ว่า "ผู้ชายอะไร ทำไมหล่อจัง" และเธอก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น ความผิดของเธอกลายเป็นความละอายใจโดยทันที และมันทำให้เธอตัดสินใจทิ้งเงินจำนวนหนึ่งไว้ให้ชายผู้นั้นก่อนที่เธอจะจากไป "เจ๋อข่าย" รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเงินดังกล่าว พร้อมกับคิดว่า 'ผู้หญิงคนนั้นพยายามจะจ่ายเงินให้ฉัน ราวกับว่า ฉันเป็นผู้ชายขายบริการอย่างนั้นหรอ? ' เขารู้สึกโกรธ จึงต้องการดูภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงแรม เขาสั่งผู้ช่วยของเขาด้วยใบหน้าที่จริงจังพร้อมขมวดคิ้ว "ผมอยากรู้ว่า ใครอยู่ในห้องของผมเมื่อคืนนี้" 'อย่าให้เจอนะ ถ้าเจอเมื่อไหร่จะสั่งสอนให้เข็ดเลย! ' เรื่องราวของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไปนะ
นายพายุ ศิระภาคิณ อายุสามสิบปี นักธุรกิจหนุ่มประธานบริษัทส่งออกผ้าไทย วีรกรรมที่เขาทำไว้เมื่อสิบกว่าปีก่อน กำลังจะย้อนกลับมา เมื่อนางสาวแพรไหม โภสิกุล ดีไซเนอร์สาวอายุยี่สิบเก้าปี ได้ปรากฏตัวขึ้นหลังจากที่เธอนั้นหายออกไปจากมหาวิทยาลัย กว่าสิบปี โดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งทำให้ท่านประธานหนุ่มเริ่มอยากรู้ชีวิตของเธอ เมื่อครั้งหนึ่งเรือนร่างอันบอบบางอรชรเคยหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกับเขามาแล้ว ถ้าหากเขาต้องการสานสัมพันธ์กับเธออีกครั้ง มันก็ไม่แปลกหากเธอนั้นยังโสดแพรไหมจะยังต้องการเขาอยู่หรือไม่ ในเมื่อเธอคิดว่าพายุนั้นเป็นแค่ผู้ชายที่พรากความบริสุทธิ์ไปจากเธอเท่านั้น ซึ่งเวลานี้เธอก็ยังคงมองเขาในด้านลบอยู่ดี แม้ว่าเวลาจะผ่านไปเป็นสิบปีแล้วก็ตาม "แม่ของหนูชื่ออะไร ตอนนี้อยู่ที่ไหน บอกฉันได้ไหม" พายุถามพร้อมกับจ้องลงไปที่ดวงตาแป๋วของเด็กหญิงตรงหน้า เมื่อเขามั่นใจว่าสายตาจะไม่โกหก "แม่ของหนูชื่อแพรไหม!" เด็กหญิงพูดออกมา พร้อมกับจ้องสายตาคมของผู้เป็นบิดาอย่างไม่กะพริบตา เพื่อยืนยันว่าเธอนั้นไม่ได้โกหก “ฮ่ะ!” พายุอุทานออกมาเสียงดัง ขณะที่หัวใจของเขานั้นเต้นแรง ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจที่สุดในชีวิต "ถ้าคุณไม่เชื่อ พาหนูไปตรวจดีเอ็นเอก็ได้นะคะ" เด็กหญิงพูดออกมาพร้อมกับมีใบหน้าที่เศร้าหม่น เมื่อเธอคิดว่าบิดาคงไม่เชื่อในสิ่งที่เธอนั้นพูดออกมา "ไม่จำเป็น!" พายุพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแข็ง เพื่อยืนกรานที่จะตรวจดีเอ็นเอ จนทำให้คนฟังนั้นหวาดกลัว เพราะใยไหมคิดว่าบิดานั้นไม่เชื่อใจเธอ "หนูขอโทษที่มารบกวน หนูขอตัวกลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ" ใยไหมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ เธอยกมือขึ้นไหว้ผู้เป็นบิดาอย่างนอบน้อม ประหนึ่งว่าจะไม่ได้เจอเขาอีกแล้วในชีวิตนี้ เมื่อเธอได้สัญญากับผู้เป็นมารดาเอาไว้ หากถูกปฏิเสธแล้วไซร้ จะขอกลับไปไม่กลับมาหาชายตรงหน้าอีกเลยตราบชั่วชีวิต "แล้วหนูจะไปไหน นั่งลงก่อนสิ" พายุพูดพร้อมกับจับร่างเล็กของลูกสาวนั่งลงข้าง ๆ อีกครั้ง "ที่บอกว่าไม่จำเป็น นั่นเป็นเพราะว่าพ่อเชื่อว่าหนูเป็นลูกของพ่อโดยไม่ต้องตรวจดีเอ็นเอ!" พายุพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ใยไหมไม่รอช้าโผเข้าไปกอดผู้เป็นบิดาอีกครั้งในทันที ก่อนจะร้องไห้ออกมาเพราะความดีใจ "ไม่ร้องนะครับคนเก่งของพ่อ" พายุพูดพร้อมทั้งเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาที่แก้มใสของลูกสาวออกจนสิ้น ในขณะที่ตัวของเขาเองก็น้ำตาคลอเช่นกัน "หนูขอเรียกพ่อว่าคุณป๋านะคะ" เสียงเจี๊ยวจ๊าวพูดออกมาอย่างรื่นหู คุณป๋าที่เด็กหญิงพูดนั้น ทำให้พายุอดที่จะหัวเราะออกมาอย่างชอบใจไม่ได้ "ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! ทำไมถึงต้องเรียกพ่อว่าคุณป๋าด้วยละ หืม" พายุเอ่ยถามลูกสาวออกมา ขณะที่เขายังคงกอดเด็กหญิงเอาไว้ ด้วยความรักความผูกพันของสายใยระหว่างพ่อลูก ที่มันพันผูกจนมาสามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ "มาดาม ไม่ชอบให้หนูมีพ่อ หนูก็จะมีคุณป๋าแทนยังไงล่ะคะ" คำตอบของลูกสาวทำให้พายุยิ้มไม่หุบครั้งแล้วครั้งเล่า เธอช่างเป็นเด็กฉลาดและร่าเริง ผิดกับแพรไหมมารดาของเธอ ที่ชอบทำหน้าเหมือนแบกโลกทั้งใบเอาไว้ตลอดเวลา "ทำไมถึงเรียกแม่ว่ามาดาม ตอนนี้แม่แต่งงานไปแล้วหรือยัง" เวลานี้พายุลุ้นคำตอบจากลูกสาว หรือแพรไหมจะแต่งงานกับฝรั่งตาน้ำข้าวไปแล้ว ใยไหมถึงได้เรียกเธอว่ามาดาม "แม่ยังไม่มีใคร มีแค่ลุงดนัยที่ชอบมาข้องแวะ แต่หนูไม่ชอบเขาเลย เพราะเขาชอบทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของมาดามอยู่เรื่อย" คำตอบของลูกสาวช่างอิ่มเอมใจ เมื่อแพรไหมไม่มีใครเขาก็พร้อมจะสานสัมพันธ์ แต่งานนี้คงจะยากหากผู้ชายคนนั้นมาข้องแวะ แต่เขามีลูกสาวที่ยืนเคียงข้างแล้วจะกลัวอะไร "ถ้าพ่ออยากจะจีบแม่ต้องทำยังไง" "โอ้! เจ๋งเป้งมากค่ะคุณป๋า เดี๋ยวหนูจะช่วยเอง" ใยไหมพูดออกมาด้วยความดีใจ นั่นคือสิ่งที่เธอปรารถนามาแสนนาน อยากให้บิดามารดาได้ลงเอยกันสักที "ลูกรับปากพ่อแล้วน๊า... " พายุพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่น่ารัก "แต่เราต้องมาทำข้อตกลงกันก่อนค่ะ คุณป๋า" ใยไหม ผละออกจากอกกว้างของผู้เป็นบิดา พร้อมกับหยิบคุกกี้ตรงหน้าเข้าปาก "หิวหรือยัง ไปทานข้าวก่อนดีไหม" พายุเอ่ยถามออกมาด้วยความห่วงใย เมื่อเห็นลูกสาวนั้นหยิบคุกกี้เข้าปากคำโต "เดี๋ยวค่อยไปทานก็ได้ค่ะ แต่เราต้องมาทำข้อตกลงกันก่อน เรื่องที่หนูเป็นลูกสาวของคุณป๋า ห้ามให้ใครรู้ ทุกอย่างจะเป็นความลับระหว่างเราได้ไหมคะ" พายุทำหน้าสงสัยกลับไปให้เด็กหญิง เธอกำลังคิดจะทำอะไร ใครหลายคนคงดีใจหากได้เป็นลูกสาวของท่านประธาน "ทำไมเป็นลูกสาวพ่อมันไม่ดีตรงไหนเหรอ ลูกถึงไม่อยากให้ใครรู้" พายุเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความน้อยใจ เมื่อลูกสาวไม่อยากให้ใครรับรู้ว่าเขาเป็นบิดาของเธอ "เป็นลูกสาวของป๋าดีที่สุดแล้ว แต่หนูไม่อยากให้ใครมองมาดามในทางไม่ดี ทุกคนต้องรู้แน่ สาเหตุที่มาดามต้องออกจากมหา'ลัยกลางคัน" คำบอกเล่าของใยไหมเป็นเหมือนดังคมหอก ที่ทิ่มแทงเข้ามาในหัวใจของพายุ เด็กหญิงตรงหน้าช่างมีความคิดแบบผู้ใหญ่ เธอถูกเลี้ยงมาแบบไหนทำไมถึงได้ฉลาดอย่างนี้ แพรไหมคงดูแลอบรมลูกสาวมาอย่างดี ต่างจากเขาผู้เป็นบิดาที่ไม่เคยได้เหลียวแล "พ่อขอโทษนะ ที่ไม่เคยได้ดูแลหนูเลย ต่อจากนี้ไปพ่อจะไม่ทิ้งหนูกับแม่ให้อยู่กันตามลำพังอีกแล้ว" คำพูดของผู้เป็นบิดากำลังทำให้เด็กหญิงหัวใจพองโต เธอดีใจที่ผู้เป็นพายุไม่ปฏิเสธ แถมเขายังคิดที่จะสานสัมพันธ์กับมาดามของเธออีกครั้ง คงไม่มีอะไรทำให้เด็กหญิงมีความสุขเท่าสิ่งนี้มาก่อนเลยในชีวิต "ก่อนอื่นคุณป๋า ต้องจีบมาดามให้ติดก่อน หนูบอกเลยว่างานหิน มาดามดื้อจะตาย ขนาดลุงดนัยตามจีบหลายปี มาดามยังปฏิเสธทุกครั้ง แต่ลุงดนัยก็ตื้ออยู่ได้" ใยไหมพูดพร้อมกับทำหน้างอ ออกมาได้อย่างน่ารัก "ป๋ามีลูกสาวคอยช่วยจะกลัวอะไร ไปทานข้าวกันดีกว่า เดี๋ยวป๋าจะไปส่งที่บ้าน" พายุพูดออกมาด้วยสายตาที่มีความหวัง เขาคงไม่ต้องใช้นักสืบ ในเมื่อโชคชะตากำหนดให้หญิงสาวเดินเข้ามาในชีวิตของเขาเอง แถมอยู่ดี ๆ ก็ได้ลูกสาวมาหนึ่งคน ที่น่ารักซะจนทำให้เขานั้นอยากไว้หนวด
เมื่อภัทราได้ทะลุมิติเข้าไปอยู่ในร่างของเจียงอันเล่อ ตัวละครในนิยายเรื่อง "ชะตารักพันธนาการ" ภารกิจปกป้องหานอี้หลง พระรองของเรื่องแต่เป็นชายในดวงใจของเธอก็เริ่มต้นขึ้น
© 2018-now MeghaBook
บนสุด