แอร์โฮสเตสสาวสวยที่คบกับแฟนมาห้าปีถูกบอกเลิกอย่างไร้เยื่อใย โดนบอกเลิกว่าเจ็บแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เธอเจ็บยิ่งกว่าคือ.. เขาพาผู้หญิงคนนั้นมาหยามถึงที่และบอกข่าวดีที่ว่าเขาทั้งคู่กำลังจะแต่งงานกัน! ความเจ็บปวดจากการถูกนอกใจทำให้เธอขาดสติและต้องการประชดชีวิต... จึงไปนอนกับผู้ชายที่เธอจำไม่ได้แม้กระทั่งใบหน้าของเขา!!
“เราเลิกกันเถอะ”
หนุ่มหน้าตาดีวัยยี่สิบแปดปีพูดน้ำเสียงราบเรียบ นัยน์ตาสีดำสนิทของเขาไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ราวกับสิ่งที่เปล่งออกมาจากปากเป็นแค่เพียงคำพูดปกติ ทว่าคนที่ได้ยินกลับรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังพังทลายลงตรงหน้า
“ยุ กำลังจะแต่งงานเดือนหน้า”
วายุ ชายหนุ่มที่คบหาดูใจกับหญิงสาวมาเป็นเวลาเกือบห้าปี วางการ์ดแต่งงานสีครีมเรียบหรูที่มีชื่อของเขากับผู้หญิงคนหนึ่งตรงหน้าเธอ
หญิงสาวมองไปที่การ์ดใบนั้น การออกแบบเหมือนที่เขาและเธอเคยเลือกกันไว้เล่นๆ ว่าอยากจะใช้ในงานแต่งของทั้งสอง แต่เขากลับใช้มันในงานของเขากับผู้หญิงคนอื่น
มิลิน แอร์โฮสเตสสาวของสายการบินชื่อดังวัยยี่สิบแปดปี นั่งมองการ์ดใบนั้นนิ่ง ไม่มีเสียงใดเปล่งออกมาจากปากเธอ ตั้งแต่โดนชายหนุ่มบอกเลิก
หญิงสาวคิดว่าวันนี้เขานัดเธอมาดินเนอร์ปกติอย่างที่เคยทำ แต่เธอคิดผิด ‘ไม่สิ ไม่คาดคิดต่างหาก ว่าคนที่เธอรักจะกล้าทำเรื่องใหญ่แบบนี้ ’ มือเล็กกุมเข้าหากันแน่นจนอุ้งมือเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ
ที่เธอนั่งเงียบไม่ใช่ว่าไม่มีคำพูด แต่มันกลับพูดไม่ออก เธอรู้สึกว่าสิ่งต่างๆ รอบกายหยุดนิ่งราวกับกำลังนั่งอยู่ท่ามกลางหิมะที่หนาวเหน็บ หนาวไปถึงขั้วหัวใจ เธอพยายามประมวลทุกอย่างในสมองแล้วกลืนน้ำลายหนืดลงคอ พลางเงยหน้ามองชายหนุ่มที่กลายเป็นอดีตคนรักของเธอไปเมื่อหลายนาทีก่อน
“ทำแบบนี้ได้ยังไง” ประโยคที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดเปล่งออกมาจากริมฝีปากบาง เธอพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะบังคับเสียงให้สั่นน้อยที่สุด
เธอมีคำถามมากมายที่อยากจะถามเขา แต่แค่ประโยคแรกที่เปล่งออกมามันช่างยากลำบากและเจ็บปวดเหลือเกิน เธอกะพริบตาถี่ๆ ไล่น้ำตาไม่ให้ไหลลงมา มิลินไม่อยากร้องไห้ต่อหน้าผู้ชายเลวๆ คนนี้
ชายหนุ่มได้ยินคำถามของเธอก็เป็นฝ่ายเงียบบ้าง กระทั่งมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาหยุดยืนอยู่ข้างๆ เขาแล้วมองไปที่มิลินด้วยแววตาเยาะเย้ย
มิลินมองชายหนุ่มที่นั่งนิ่งกับหญิงสาวที่ยืนอยู่สลับกัน วายุตัดสินใจยืนขึ้นแล้วแนะนำผู้หญิงข้างกาย
“นี่ไลลา คนที่ยุกำลังจะแต่งงานด้วย”
“สวัสดีค่ะ คุณมิลิน อย่าลืมไปแสดงความยินดีกับเราทั้งสองนะคะ”
ไลลาเอ่ยเสียงหวาน แต่สายตาที่มองมิลินเต็มไปด้วยความเกลียดชัง จนมิลินยังสงสัยว่าเธอไปทำอะไรให้ผู้หญิงคนนี้
หลังจากเห็นสายตาที่เหนือกว่าของไลลา ทำให้หญิงสาวรวบรวมความกล้าลุกขึ้นประจันหน้ากับคนทั้งสองบ้าง
แอร์โฮสเตสสาวยืนขึ้นเต็มความสูงพร้อมแสยะยิ้มร้ายแล้วเดินเข้าไปใกล้ว่าที่เจ้าสาวของวายุ
“ทำไม จะตบฉันเหรอ” ไลลาถามเสียงดังอย่างท้าทาย
ผู้คนที่นั่งอยู่บริเวณนั้นเริ่มรู้สึกถึงบรรยากาศที่ไม่ปกติแล้วหันมามองพวกเขาทั้งสามคนเป็นสายตาเดียวกัน
“ไม่หรอก เดี๋ยวอะไรสกปรกๆ จะติดมือ” มิลินส่งยิ้มหวานหลังจากพูดจบ
“แก!” ไลลาชี้หน้ามิลินอย่างโกรธจัด
“ทำไมเหรอ ฉันพูดผิดตรงไหน” มิลินมองคนทั้งสองแล้วทำสีหน้ารังเกียจ
“ถ้าฉันสกปรก แกก็สกปรกไม่ต่างกัน ก็เรามีผัวคนเดียวกันนี่” ไลลาพูดด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว
“ไลลา พอได้แล้ว” วายุหันไปปรามว่าที่เจ้าสาวของตัวเอง
“ถ้าอย่างนั้นก็ขอบใจนะ ที่เอาของสกปรกออกไปไกลๆ ฉันจะได้ไม่ต้องกินมันร่วมกับแกอีก”
“กรี๊ด” ไลลากรีดร้องดังสนั่นอย่างไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้
“จุ๊ๆ อย่าพึ่งอกแตกตายสิ ยังไม่ได้แต่งงานเลยนะ” มิลินเห็นท่าทางของไลลาก็รู้สึกสะใจไม่น้อย
“ลิน พอเถอะ” วายุหันมาปรามเธอบ้าง
“คนอย่างแกมีสิทธิ์อะไรมาห้ามฉัน เคยสำนึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองทำหรือเปล่า แม้แต่คำขอโทษสักคำฉันยังไม่ได้ยิน”
มิลินหันไปเล่นงานชายหนุ่มบ้าง แววตาที่เธอมองเขามันเต็มไปด้วยความขยะแขยงและสะอิดสะเอียนเต็มที
“ส่วนวันงานศพ ไม่ใช่สิ! งานแต่งของพวกแก ฉันคงไม่ว่างไป งั้นขอแสดงความยินดีตรงนี้เลยแล้วกัน”
หญิงสาวหันไปเห็นขวดแชมเปญจากโต๊ะข้างๆ เธอหยิบมันมาเขย่า จากนั้นเปิดฝาฉีดไปยังคนทั้งสองที่ยืนอยู่จนเปียกปอน
“ลิน!"
"แก!”
ทั้งสองตะโกนใส่มิลินอย่างพร้อมเพรียง แต่มาถึงขั้นนี้แล้วมีหรือที่เธอจะสนใจ หันไปกรีดยิ้มร้ายพร้อมพูดอวยพรคนทั้งสอง
“ฉันขอให้ชีวิตพวกแก หาความสุขไม่เจอ ไปลงนรกซะ!!”
หญิงสาวพูดจบรีบเดินออกมาจากบริเวณนั้น เสียงปรบมือชอบใจดังสนั่น ตามด้วยเสียงกรีดร้องของไลลาไล่ตามหลังเธอมา
มิลินเปิดประตูเข้าไปยังบันไดหนีไฟแล้วนั่งลงชิดกับผนังอย่างหมดแรง น้ำตามากมายไหลทะลักออกมาอย่างห้ามไม่อยู่และเธอสุดจะห้ามมันแล้ว
หญิงสาวนั่งหันหน้าเข้าหาผนังแล้วใช้หน้าผากพิงมันอย่างต้องการที่ยึดเหนี่ยว มืออีกข้างกำเข้าหากันแน่นพร้อมกับทุบผนังอย่างแรงเพื่อระบายความเจ็บปวดที่อยู่ภายในจิตใจ เผื่อว่าความเจ็บปวดนอกกายจะทำให้ความเจ็บปวดที่อยู่ในใจทุเลาลงบ้าง แต่มันกลับไม่ได้ช่วยอะไรแม้แต่น้อย
ข้อนิ้วเล็กๆ ของเธอมีเลือดซึมออกมาโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ด้วยซ้ำ จนมารู้สึกตัวอีกทีก็รู้สึกว่าผนังที่เธอทุบมันนิ่มขึ้นจนน่าแปลกใจ จึงเงยหน้าแดงก่ำที่เปรอะไปด้วยน้ำมูกน้ำตามองมือตนเอง เห็นมือใหญ่ของใครบางคนมารองรับไว้
หญิงสาวหันไปมองชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาทว่าดูเจ้าชู้อย่างมึงงง
ชายคนนั้นเห็นสายตาของเธอก็พูดขึ้น
“เดี๋ยวกระดูกก็แตกหรอก”
“คุณเป็นใคร อย่ามายุ่งกับฉัน”
“ผมเป็นหมอ ผมสามารถรักษาแผลที่มือคุณได้นะ แต่แผลที่ใจคุณต้องรักษาเอง”
“ฉันไม่รักษาอะไรทั้งนั้น อย่ามายุ่ง! ฮึก” มิลินยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้น
“แต่คุณทำให้ผมไม่ได้ดื่มแชมเปญขวดนั้น” หญิงสาวนึกถึงแชมเปญที่เธอใช้สาดสองคนนั้น ก็รู้ว่าเป็นของชายหนุ่ม
“หยิบเงินไปสิ” เธอโยนกระเป๋าใส่เขาแล้วพูดต่อด้วยเสียงกลั้นสะอื้น
“คุณก็ไปโทษพวกมันสองตัวด้วยสิ ฮึก”
“แต่คุณเป็นคนเอาไปสาดพวกเขาเองนะ” เขามองหน้าเธอนิ่ง
“ก็พวกมันทำฉันก่อนนี่” เธอใช้มือเล็กปาดน้ำตาลวกๆ มองคนตรงหน้า
“ในเมื่อพวกเขาทำร้ายหัวใจคุณ คุณยังจะมาซ้ำเติมตัวเองแบบนี้อีกเหรอ”
เขาปรายตามองนิ้วเรียวที่มีเลือดซึมออกมาของเธอ
“ฉันบอกว่าอย่ามายุ่งไง!” เธอตวาดเสียงดังด้วยความรำคาญใจ
ชายหนุ่มมองหญิงสาวตรงหน้าแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เขาเองก็ไม่ได้อยากยุ่ง แต่เธอดันทำสร้อยข้อมือหล่นข้างเก้าอี้เขา จึงเก็บมาคืนก็เท่านั้น
ครืด ครืด ~
โทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงยีนของเขาสั่นอย่างต่อเนื่อง ชายหนุ่มรีบกดรับสายแล้วกรอกเสียงลงไป
“ไปรอที่ร้านก่อนเลย เดี๋ยวกูตามไป”
“เออๆ ไม่นาน”ชายหนุ่มวางสายแล้วหันไปมองเธอ เขาหยิบสร้อยข้อมือที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตสีดำของตัวเองออกมาแล้วใส่มันลงไปในกระเป๋าสะพายของหญิงสาว แต่ก่อนออกไปเขาไม่ลืมที่จะถามเธออีกครั้ง
“จะให้ผมพาไปส่งที่รถหรือเปล่า”
“ฉันไม่มีรถ รถคันนั้นฉันซื้อให้เขา”เธอพึมพำอย่างรู้สึกสมเพชตัวเอง
มิลิน ซื้อรถยนต์คันนั้นให้วายุเป็นของขวัญวันเกิดของเขาเมื่อสองปีก่อน ส่วนบ้านที่ทั้งสองอยู่ด้วยกันเป็นชื่อของวายุ เพราะเขาเป็นคนซื้อและบอกว่าจะยกให้เป็นชื่อเธอในวันครบรอบห้าปีที่คบกัน แต่ดันเกิดเรื่องเสียก่อน
หญิงสาวลุกขึ้นเดินออกจากตรงนั้นแล้วไปขึ้นแท็กซี่ โดยไม่สนใจชายหนุ่มที่เดินตามหลังมา สายตาของเขามองตามรถคันนั้นไปจนพ้นสายตาโดยไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางของเธอคือที่ไหนกัน
เมื่อพี่ชายตัวดีของเธอ...พาน้องสาวของมาเฟียหนุ่มหนีไป อลิสจึงต้องตกเป็นผู้รับกรรมและรอจนกว่าน้องสาวของเขาจะกลับมา แต่ดูเหมือนว่า..การได้มาอยู่กับเขากลับทำให้เธอล่วงรู้ความลับอะไรบางอย่าง ความลับ...ที่พวกเขาพยายามปกปิดเธอมาตลอด “ในเมื่อไม่ยอมบอกว่าพี่ชายของคุณมันพาน้องสาวของผมไปซ่อนไว้ที่ไหน ผมก็จะกักขังคุณไว้ที่นี่” “ก็บอกว่าฉันไม่รู้ไง” “มันก็ช่วยไม่ได้ และผมจะเอาคุณจนกว่าพี่ชายตัวดีของคุณจะโผล่หัวมา แต่ก็ไม่รับรองนะว่ากว่าจะถึงตอนนั้น อะไร อะไร ของคุณมันจะไม่หลวมไปซะก่อน” “ไอ้...” จุ๊ป อืมส์ “ฉันจะฆะ..อาส์” “หึ คุณก็เคลิ้มไปกับผมทุกครั้งอยู่ดี”
ความพลาดพลั้งเพียงครั้งเดียว กลับเปลี่ยนชีวิตของเขาและเธอไปตลอดกาล... เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้ธีระหลงคิดว่า เธอคือใครอีกคนที่เขารักหมดหัวใจ ค่ำคืนแห่งความมืดมนผ่านพ้นไปพร้อมความบริสุทธิ์ที่ถูกพราก แต่ถึงอย่างนั้นลลิลกลับไม่แม้แต่จะเรียกร้องสิ่งใดและทำเหมือนว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น แต่แล้วทุกอย่างกลับไม่ได้ยุติแค่ตรงนั้น เมื่อเธอรู้ว่าตัวเองกำลังตั้งท้องลูกของเขา...
วันวิวาห์ ตกหลุมรักผู้อุปการะของเธอตั้งแต่แรกพบ หญิงสาวพยายามทำทุกอย่างให้เขาภาคภูมิใจ แต่ดูเหมือนว่าสายตาคู่นั้นจะมองเห็นแค่เพียงเด็กที่ก่อปัญหาวุ่นวายไม่เว้นแต่ละวัน... เธอ พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อก้าวข้ามเส้นบางๆ ระหว่างความสัมพันธ์ รามิล นักธุรกิจเจ้าของโรงแรมหรูอย่าง A.W.HOTEL ถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับวันละหลายรอบ เมื่อเด็กที่เขาอุปการะไว้เจ็ดปีก่อนกลับมาเยือนแผ่นดินเกิดอีกครั้ง... เขา พยายามรักษาระยะห่าง แต่เธอดันชอบเข้ามาในระยะประชิด กระทั่งวันที่ทั้งสอง ตื่นขึ้นมาบนเตียงเดียวกันครั้งแล้วครั้งเล่า... สิ่งเดียวที่เธอต้องการจากเขาคือ ความรัก แต่สิ่งเดียวที่เขาต้องการจากเธอคือ ความลับ สุดท้ายแล้วความรักที่มาพร้อมความลับมันจะลงเอยแบบไหนกัน?
เพราะ One night stand ครั้งนั้น... ทำให้นักธุรกิจหนุ่มหล่อวัยสามสิบห้า ต้องมาหลงเสน่ห์เด็กสาววัยยี่สิบเอ็ดอย่างเธอ!! "ไหนคุณบอกว่าเรื่องระหว่างเราเป็นแค่ one night stand ไงคะ" "แล้วถ้าผมไม่ได้อยากให้มันจบลงแค่นั้นล่ะ" "คะ?" "มาอยู่กับผม รับรองว่า คุณจะได้ทุกอย่างที่อยากได้" "ทำไมฉันต้องทำแบบนั้นด้วย" "เพราะไม่ว่ายังไง คุณก็ไม่มีทางหนีผมพ้นหรอก..." "นี่คุณ!" "บอกว่าให้เรียกพี่ภามไง หรือถ้าไม่ถนัดเรียกที่รัก ก็ได้ แต่ถ้ายาวไปเรียกผัว เฉยๆก็ได้เหมือนกัน"
หากความรักของเราเปรียบเหมือนแก้วใบหนึ่ง แก้วใบนี้คงร้าวจนใกล้แตกเต็มที อีกฝ่ายต้องการประคองรักนี้ไว้อย่างอดทน แต่อีกคนกลับทำลายจนหัวใจของเธอย่อยยับแหลกลาน ความอดทนของคนเรามีวันที่สิ้นสุดน่ะ “หย่า” คงเป็นทางออกที่ดีที่สุด ถ้าอย่างนั้นก็เชิญเขาไปในที่ชอบ ๆ ทางใครทางมัน แต่เมื่อเวลาพัดผ่าน ด้วยเหตุผลของกามเทพ ทั้งคู่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง และเมื่อได้พบหน้าเธอ เขาขอแก้ตัว และบอกเธอว่า เขายังรักเธอ ทว่าในวันที่เธอเดินจากไป เธอมีลูกน้อยติดท้องมาด้วย และปัญหาของคนเป็นแม่ เจ้าเด็กน้อยหนูอยากจะมีพ่อครับ แล้วเธอควรทำอย่างไรต่อไป ++++++++++ คำโปรย เมื่อเข้าไปถึง และเห็นภาพตรงหน้า ปริญเขาไม่ได้อยู่คนเดียว ในอ้อมกอดและวงแขนของเขา มีร่างผู้หญิงคนหนึ่ง และสิ่งที่ทำให้หัวใจของทอดาวสลาย ทั้งสองคนกำลังจูบกัน เพล้ง... ข้าวของในมือร่วงลงไป พร้อมกับร่างของทอดาวที่แทบทรุด เธอเซไปจนปะทะกับฝาบ้าน คนสองคนที่กำลังจูบกันอยู่รีบผละออกจากกันแล้วหันมามอง ทอดาวแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองด้วยซ้ำไป เธอไม่เคยคิดเลยว่าปริญเขาจะทำแบบนี้กับเธอ ทำอะไรที่แสนทุเรศในบ้านที่เป็นเรือนหอของเธอกับเขา ทอดาวน้ำตาคลอ เธอพยายามประคองสติโดยใช้ฝาผนังเป็นที่พึ่ง ‘แล้วลูกของเราล่ะ และนี่คืออะไร มันหมายความว่ายังไง ทำไมเขาทำแบบนี้กับฉัน’ ความคิดอันแรก ครอบครัวของเธอต้องแตกแยกแล้ว พร้อมกับคำถามเกิดขึ้นมามากมายในหัวของทอดาว เธอหน้าถอดสีซีดจางจนไม่มีสีเลือด สิ่งที่น่าเจ็บปวด เมื่อผู้หญิงคนนั้นเห็นเธอที่เป็นภรรยาของปริญแล้วจะกระดากอายถอยห่างจากสามีของชาวบ้าน แต่ไม่เลย สองมือของหล่อนคนนั้นยังสอดรัดเอาลำตัวและหน้าอกของตัวเองเบียดไปกับผิวแขนของปริญ
เดิมทีนางเป็นทายาทของตระกูลแพทย์เทพ แต่จู่ๆ นางก็กลายเป็นบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีที่พ่อไม่สนใจใยดีและแม่ก็เสียชีวิตตั้งแต่ยังนางยังเด็ก ในวันที่นางย้อนยุค นางถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ร้ายตัวจริงที่สังหารฮูหยินจวนโหว นางพยายามพลิกผัน พลิกสถานการณ์ และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง นางคิดว่าภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นจบลงแล้ว แต่นางไม่รู้ว่าสิ่งที่นางจะต้องเผชิญคือเหวอันไม่มีที่สิ้นสุด เป็นถึงบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีกลับมีอันตรายอยู้รอบตัวมากมาย ทุกคนก็รังแกนางได้ พ่อไม่สนใจนางจะเป็นหรือจะตาย แม่เลี้ยงและน้องสาวต่างแม่สนุกกับการทรมานนาง คู่หมั้นชั่วร้ายของนางอยากจะใช้นางเป็นประโยชน์เพื่อขึ้นไปที่สูง และแม้แต่น้องชายแท้ๆ ของนางยังทรยศนาง นางจึงเริ่มต่อสู้กับคนเจ้าเล่ห์ ข่มเหงแม่เลี้ยงของนาง และดูแลน้องชายและน้องสาวของนาง ดังนั้นนางวางแผนที่จะเล่นงานผู้ชายชั่ว เอาคืนแม่เลี้ยง และแก้แค้นน้องๆ ระหว่างที่นางแก้แค้นนั้น นางมีชีวิตที่มีความสุข แต่กลับไม่รู้ว่าไปยั่วยุคนใหญคนหนึ่งเข้าเมื่อไร เมื่อนางจะทำเรื่องไม่ดีหรือฆ่าคน เขาก็ช่วยนางหมด ในที่สุดนางก็อดไม่ได้ที่ถามออกมาว่า "ท่าน แม้ว่าข้าจะทำลายโลกที่ไม่มความยุติธรรมนี้ ท่านก็จะช่วยข้าเช่นกันหรือ" เขาทำหน้าใจเย็น "ตราบใดที่เจ้าอยู่เคียงข้างข้า แม้ว่าจะเป็นโลกใบนี้ ข้าก็สามารถให้เจ้าได้"
เจียนเยว่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากจนกระทั่งพบอาของเธอ แต่เธอก็ตกหลุมรักอาของเธออย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ น่าเสียดายที่อาคนนั้นกำลังจะแต่งงาน เลยจัดให้เธอไปต่างประเทศ เพื่อแก้แค้น เธอจึงเรียนวิชาบุรุษวิทยาและหลังจากกลับมาอีกครั้ง เธอก็กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านบุรุษวิทยาที่มีชื่อเสียงที่สุด เชี่ยวชาญการรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ การหลั่งเร็ว ภาวะมีบุตรยาก... คราวนี้คุณอาดันเธอไว้ในห้องนอน "ถ้าอยากดูร่างกายของผู้ชายมาก ก็ช่วยตรวจให้ผมหน่อยสิ" เธอยิ้มอย่างชั่วร้าย และใช้มือปลดเข็มขัดของเขา "มิน่าเล่าขนาดอามีคู่หมั้นแล้ว แต่กลับไม่แต่งงานสักที ที่แท้มันใช้งานไม่ได้สินะ" "จะได้หรือไม่ได้ คุณก็ลองดูเองสิ" "ไม่เลย อาไปหาคนอื่นช่วยดูให้เถอะ"
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
เธอตกหลุมพรางของว่าที่สามีและเพื่อนสนิทของตัวเอง ทำให้เธอสูญเสียไปทุกอย่าง เธอตายอยู่บนถนน เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาอีกที ก็พบว่าสามีของเธอกำลังพยายามรัดคอเธอให้ตาย แต่โชคดี ที่สุดท้ายเธอรอดชีวิตมาได้ แล้วเธอก็ตกลงเซ็นข้อตกลงการหย่ากับสามีของเธออย่างไม่ลังเล ที่เธอคิดไม่ถึงคือ แม่ของเธอได้ทิ้งทรัพย์สมบัติจำนวนมหาศาลก้อนหนึ่งให้เธอ ซึ่งช่วยให้เธอได้มีโอกาสแก้แค้นและพลิกสถานการณ์ทั้งหมด จากนั้น ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้น และเธอก็ได้รับความรักอีกครั้งกับอดีตสามีของเธอ...
คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"