กว่าจะเจอรักแท้เธอก็โดนเทจนเกือบจะปิดตายประตูหัวใจ แผลที่หายยากที่สุดคือบาดแผลจากความรู้สึก สุดท้ายแล้วความรักของใครบางคนก็ต้องฝังเอาไว้อยู่ในก้นบึ้งในส่วนที่ลึกที่สุดของหัวใจโดยที่ไม่มีวันลืมได้เลย
ร้านกาแฟ Coffee Friends
"พี่กุ๊กคะ พวกมันมาอีกแล้วค่ะทำยังไงดีคะ"
"ติ๊กไป เร็ว รีบไปล็อกประตู"
กุ๊กไก่พูดเสียงสั่นในขณะที่ซ่อนตัวอยู่หลังเคาน์เตอร์กาแฟอย่างรวดเร็ว
"ไม่ทันแล้วค่ะ หนูก็กลัวค่ะ พะ พวกมันเข้ามาแล้ว"
ติ๊ก พนักงานคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ในร้านกาแฟของกุ๊กไก่พูดขึ้น เด็กสาวอายุเพียงสิบเก้าปี แต่นับว่าใจแกร่งอยู่ไม่น้อย เธอยังคงทำหน้าเรียบเฉย รับออร์เดอร์แล้วยิ้มให้กับลูกค้าที่อยู่ข้างหน้า เสียงของเด็กสาวสั่นอย่างเห็นได้ชัด หากไม่เพราะสงสารเจ้านายสาวเธอคงลาออกไปแล้ว
กุ๊กไก่กำลังคิดหาทางออก เธอต้องผ่านเหตุการณ์นี้ไปให้ได้เพราะร้านของเธอกำลังจะเจ๊ง กระทั่งผู้ชายสองคนสวมหมวกกันน็อกเดินเข้ามาในร้านถามเสียงเหี้ยมจนกุ๊กไก่ขนลุก เธอไม่ต้องการให้ติ๊กที่ไม่รู้เรื่องอะไรต้องมาลำบาก กุ๊กไก่จึงค่อย ๆ ลุกขึ้นอย่างช้า ๆ
เธอตีหน้าขรึมถ้าการเจรจาครั้งนี้ไม่สำเร็จ เธอคงต้องยอมบอกเพื่อนรักทั้งสองคน คิดแล้วก็เศร้าทั้ง ๆ ที่พยายามจะรักษาร้านเอาไว้แท้ ๆ แต่เพราะความเชื่อใจ และไม่เคยดูแลร้านของเธอเลย จึงทำให้ร้านกาแฟสามสาขาของเธอถูกผู้จัดการยักยอกเงินไปจนหมด
เธอยื้อมาได้เกือบปี ด้วยความสามารถของเธอที่ไม่มีอะไรเลยก็ทำให้ร้านขาดทุนยับ มีคู่แข่งมาเปิดที่ฝั่งตรงข้ามลูกค้าหดหายสุดท้ายเธอต้องยอมปล่อยสองร้านนั้นไป เพราะตัวเองไม่เหลืออะไรให้ขายกินอีกแล้ว
สุดท้ายเหลือเพียงร้านนี้ที่นาชาเพื่อนรักของเธอปลุกปั้นขึ้นมา กุ๊กไก่จึงไม่ยอมวางมือ เธอพยายามยื้อสุดชีวิตกระทั่งต้องไปเอาเงินนอกระบบมาจ่ายค่าเช่า
ด้วยดอกเบี้ยที่มหาศาล เธอผู้ไร้ความสามารถก็ไม่มีปัญญาจ่ายอีก เจ้านายของพวกมันยังขอให้เธอเอาตัวเองไถ่ดอก กุ๊กไก่โมโหมากจะหันไปพึ่งใครก็ไม่ได้ ตั้งแต่นาชาและลูกเกดย้ายไปอยู่ต่างประเทศตามสามีเธอก็เหมือนอยู่ตัวคนเดียวในโลกนี้
คิดจะโทรไปสารภาพกับเพื่อนก็หลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็รู้ว่าทั้งสองคนต้องไม่ว่าอะไร ยังจะให้เงินเธอมาอีกแน่ กุ๊กไก่ยิ่งรู้สึกสำนึกผิดจริง ๆ ทั้งหมดเป็นเพราะความเหลวไหลของเธอที่ไม่ดูแลร้านให้ดี จึงคิดจะต่อสู้ให้ถึงที่สุด
"นายสั่งมาวันนี้ถ้าไม่จ่ายก็ไปกับพวกผมดี ๆ ข้อเสนอที่นายให้ยังไม่พอเหรอ"
กุ๊กไก่หลุดจากภวังค์เมื่อผู้ชายตัวใหญ่หุ่นหมี ใส่หมวกกันน็อกเปิดให้เห็นแค่ดวงตาพูดกับเธอ
"ฉันไม่ไปหรอก ให้เวลาหน่อยพักนี้รายจ่ายที่ร้านเยอะยอดขายก็ไม่ค่อยดีถ้ามีแล้วจะเอาไปให้"
เธอพยายามพูดเบา ๆ เกรงว่าลูกค้าที่ยืนสั่งกาแฟอยู่จะได้ยิน
ใช่เธอตกอับ และ อับอายสุด ๆ
แต่ความพยายามของกุ๊กไก่กลับไร้ผล เมื่อผู้ชายคนนั้นหัวเราะเสียงดังราวกับว่ากำลังเลียนเสียงตัวร้ายจากหนักพากย์ฮ่องกงกาก ๆ ตัวหนึ่ง
"ผมมาที่นี่ทุกวัน วันละหลายรอบก็ไม่เห็นว่าคุณจะหาได้ อย่าเสียเวลาเลยถ้าเป็นคนอื่นผมคงลงมือไปแล้ว คุณต้องขอบคุณนายนะที่ถูกใจคุณเข้าไม่งั้นหน้าสวย ๆ นี่คงได้เลือดกบปากแล้วล่ะ"
มันพูดพร้อมกับถอดหมวกกันน็อกออก เมื่อเห็นว่านอกจากลูกค้าซึ่งเป็นคนนอกคนหนึ่งกับผู้หญิงสองคนแล้วไม่มีใครอยู่อีก สายตาน่ารังเกียจมองกุ๊กไก่ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าพร้อมกับเลียริมฝีปาก
"หุ่นแม่งน่าเอาชะมัด สวย ๆ แบบนี้ ท่าทางแบบนี้เอวคงดีว่ะ"
มันพูดออกมาพร้อมกับหันไปหัวเราะด้วยเสียงของตัวร้ายกับเพื่อนตัวโตที่มาด้วยกัน กุ๊กไก่โกรธจนขาดสติ
"ไอ้ชั่วกับผู้หญิงก็คิดจะทำร้ายเหรอ แกมันชาติชั่ว คงเก่งแค่กับผู้หญิงล่ะสิ"
"ถุย อีนี่ปากดีว่ะ"
ว่าแล้วมันก็ถุยน้ำลายลงพื้น กุ๊กไก่แทบช็อกกับความสกปรกที่เกิดขึ้น เธอหยีหน้าค่อย ๆ ก้าวถอยหนีช้า ๆ เมื่อมันยกมือขึ้นทำท่าจะจับคางของเธอ
กุ๊กไก่ทนไม่ไหวแล้วคิดว่าจะแจ้งตำรวจให้จัดการ เธอไม่ปล่อยพวกมันไว้แน่
"ไอ้เลว ออกไปนะ ฉันแจ้งตำรวจแน่"
เธอเริ่มขู่พวกมัน
"กลัวจัง ฮ่า ฮ่า ฮ่า"
เพราะเจ้านายของมันมีอิทธิพลมาก จึงทำให้พวกมันไม่เคยกลัวตำรวจแม้แต่น้อย กลับมองเธอด้วยสายตาหื่นกระหายยิ่งกว่าเดิม ลูกไก่รู้สึกสะอิดสะเอียนแทบจะอ้วกออกมา
เมื่อกุ๊กไก่ขยับหนี ผู้ชายคนนั้นยังขยับตาม ติ๊กมองมาทางเธอกลัวลนลานกระทั่งทำกาแฟหก ถึงจะพยายามทำเป็นไม่สนใจกับการคุกคามของคนพวกนี้เพราะตัวเองไม่อยากเจ็บตัวด้วย
แต่เจ้านายเดือดร้อนขนาดนี้แล้วจะทำยังไงดี
ผู้ชายคนนั้นเดินอ้อมมาหลังเคาน์เตอร์ กุ๊กไก่ขยับถอยจนเกือบจะชนติ๊ก
"อย่าเข้ามานะ แกกล้าทำเหรอฉันจะฟ้องเจ้านายแก"
"เอาสิ กว่าจะถึงมือเจ้านายมึงก็เป็นเมียกูแล้ว"
มันพูดพร้อมกับหัวเราะ
กุ๊กไก่ตกใจเมื่อมันทำท่าจะจับตัวเธอ หญิงสาวหันไปหยิบกาแฟร้อนในมือของติ๊กที่ยืนตัวสั่นอยู่ข้าง ๆ สาดเข้าไปเต็ม ๆ มันร้องโอดโอยออกมาแล้วยกมือปิดหน้า
กุ๊กไก่ดึงมือติ๊ก จะหนีออกอีกด้านของเคาน์เตอร์แต่ถูกผู้ชายอีกคนขวางเอาไว้ ตอนนี้เป็นเวลาเย็นใกล้ปิดร้านแล้ว คนบริเวณนี้จึงแทบไม่มีและไม่มีใครสนใจว่าเกิดอะไรในร้านกาแฟแห่งนี้
"จะหนีไปไหน"
ไอ้คนนั้นพูดขึ้น กุ๊กไก่กอดติ๊กแน่นเธอต้องปกป้องลูกน้องที่ซื่อสัตย์ของเธออย่างสุดชีวิต ก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะลงมือฉับพลันนั้น เขาก็ร่วงลงไปกองที่พื้น เพราะถูกคนกระทืบโดยไม่ตั้งตัว
ผู้ชายคนนั้นที่มาช่วยพวกเธอเอาไว้ เดินผ่านหลังเคาน์เตอร์เฉียดเธอไปเล็กน้อย แล้วจัดการกับผู้ชายที่กุ๊กไก่สาดน้ำร้อนใส่อย่างรวดเร็ว ไม่นานผู้ชายคนนั้นก็ร่วงลงไปกับพื้นเช่นกัน
เพียงแต่ข้าวของในร้านพังเสียหายไปบางส่วน ด้วยถูกผู้ชายใจดีที่เข้ามาช่วยเหลือ หยิบมาเป็นอาวุธฟาดคนที่กำลังเสียท่าจนเยิน เขายังลากผู้ชายตัวใหญ่ทั้งสองคนด้วยมือข้างเดียวไปกองรวมกันที่หน้าร้านพร้อมกับโทรแจ้งตำรวจทันที
กุ๊กไก่และติ๊กวิ่งไปที่หน้าร้านเห็นเขากำลังใช้ผ้าเช็ดมือของร้านเธอมัดมือและเท้าของคนทั้งสองเอาไว้อย่างแน่นหนา การต่อสู้ที่รวดเร็วปานสายฟ้า และความเก่งของเขาทำให้กุ๊กไก่คิดว่า เขาอาจจะเป็นนักกีฬาเหรียญทองโอลิมปิกก็เป็นได้ เพราะเก่งแบบหาตัวจับยากขนาดนี้
ตอนนี้คนถึงเริ่มมามุงดูที่หน้าร้านของเธอแล้ว กุ๊กไก่และติ๊กจึงพากันเดินเข้าในร้านและล็อกประตูจนเรียบร้อย หลังจากที่เชิญผู้ชายคนนั้นเข้ามาข้างใน เธอจึงมีโอกาสมองหน้าเขาชัด ๆ และนั่นทำให้กุ๊กไก่ตกตะลึง
"โอ้ หล่อเชี้ยๆ"
จิตใจของกุ๊กไก่ล่องลอยไปไกล ทั้งเพ้อละเมออย่างที่ไม่สามารถควบคุมได้ นี่คงเป็นตามที่สำนวนจีนเคยกล่าวไว้
วีรบุรุษช่วยสาวงาม กรี๊ดดดดดดดด
ไม่แน่ว่าฟ้าอาจจะส่งคู่ฟ้าประทานลงมาให้เธอแล้ว เขาต้องเป็นเนื้อคู่ของเธอแน่นอน สุดหล่อที่เข้ามาช่วยเธอในยามตกยาก
นี่มันเข้าพล็อตนิยายรักหวานแหววแล้ว อร๊ายยย เขินจัง
เธอคิดไปไกลถึงสุดขอบฟ้า ในขณะที่ผู้ชายสุดหล่อยังยืนหน้าเป็นและไม่มีทีท่าว่าจะตกตะลึงในความสวยของเธออย่างพล็อตนิยายเลยสักนิด
กุ๊กไก่กระแอม พลางประเมินเขาด้วยสายตาอีกรอบ ท่าทางเขาคงอายุเท่า ๆ เธอ แต่เอ๊ะ ยิ่งมอง ทำไมยิ่งดูคุ้นหน้าคุ้นตาจังเลย หรือว่า....
จะเคยพบกันในชาติปางก่อน
"ขอบคุณนะคะ ถ้าไม่ได้คุณนี่ฉันแย่แน่ เจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ" กุ๊กไก่ทำเสียงสองตาใสถามเขาทันที
"ไม่เจ็บหรอก ไม่ต้องกลัวนะเราเรียกตำรวจแล้ว เดี๋ยวก็มา พวกมันมาบ่อยเหรอเกิดอะไรขึ้นเล่าให้ฟังหน่อย"
กุ๊กไก่ยังมึนอยู่ ทำไมเขาถึงได้พูดแบบสนิทกับเธอขนาดนี้ หญิงสาวกลอกตาหลายรอบ พยายามคิดว่าเป็นเพื่อนนายแบบคนไหนที่เธอลืมไปหรือเปล่า แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก
"ก็ไม่มีอะไรค่ะ"
ในเมื่อคิดไม่ออกว่าเขาเป็นใคร เธอจึงไม่ยอมเล่า
"ว่าแต่ว่า เสื้อของคุณยับแล้วค่ะ ตรงนี้ค่ะ"
เธอจิ้มนิ้วไปที่หน้าอกของเขาทำท่าทางตกอกตกใจ ที่ทำให้เขาลำบาก
"อุ๊ย แข็งจัง กล้ามทั้งนั้นเลยใช่หรือเปล่าคะ"
เธอบอกทำท่าทางเขิน ๆ อย่างน่ารัก ในขณะที่ติ๊กมองเจ้านายด้วยความตกตะลึง เพิ่งเจอเหตุการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานมา พี่กุ๊กไก่ยังสามารถเต๊าะผู้ชายได้หน้าตาเฉย ในขณะที่เธอกลัวจนแทบฉี่จะราดอยู่แล้ว
"พูดเพราะจังเลยนะ จำเราไม่ได้จริง ๆ เหรอ"
ผู้ชายคนนั้นกลับพูดแบบนี้ กุ๊กไก่ยิ่งสมองหมุนเธอจ้องหน้าเขาทั้งยังพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ถามว่าคุ้นหรือเปล่า ก็ ดูคุ้นตาอยู่มาก แต่คิดยังไงเธอก็คิดไม่ออก
กระทั่งเขายกมือเขกที่ศีรษะของเธอเบา ๆ
"ยังเหมือนเดิมเลยนะ โง่เหมือนเดิมเลย โง่และอวดดีไม่เปลี่ยนไปเลยจริง ๆ"
คำพูดแบบนี้ น้ำเสียงแบบนี้ มัน...คุ้น...ยิ่งกว่า....คุ้น..อีก
"นายเป็นใคร บอกฉันมานะ" เธอจึงถามออกไปด้วยท่าทางหวาดระแวง
สาเหตุที่เขาได้ดูแลเด็กคนนี้นั่นเป็นเพราะพ่อแม่ของเอยและพี่ชายของเอยเป็นเพื่อนสนิทของเขา ครอบครัวเอยจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่เอยอายุได้เพียงสิบขวบเท่านั้น ญาติของเอยก็ไม่มีใครเหลียวแลทำให้เขาซึ่งสนิทกับครอบครัวของเอยที่เห็นเอยมาตั้งแต่เล็ก ๆ เกิดความสงสารจึงได้ขอให้พ่อแม่ของเขารับเอยมาเลี้ยงดู และพ่อแม่ของเขาก็ตกลง หลังจากนั้นพ่อแม่ของเขาก็ย้ายไปอยู่ต่างประเทศ จึงทิ้งให้เขาและเอยอยู่ด้วยกันที่เมืองไทยตามลำพัง นับตั้งแต่นั้นเขาก็กลายเป็นพี่ชายของเอยเต็มตัว แต่วันนี้เมื่อเอยโตขึ้น เธอกลับไม่เห็นบุญคุณและคิดจะจากเขาไปง่าย ๆ ทั้ง ๆ ที่นับวันเขาจะรักเธอจนกระทั่งถอนตัวไม่ขึ้นและเฝ้ารอเธอเติบโตมานานขนาดนี้ ++++++ “อ๊า...เฮียอย่านะ อย่าทำหนู” สาวน้อยส่งเสียงครางเล็ดลอดออกมาเพราะความเสียวซ่าน และเอ่ยห้ามแต่น้ำเสียงของเธอคล้ายกระตุ้นเขายิ่งขึ้นไปอีก “เอยอยากใช่หรือเปล่า หนูก็ต้องการเฮียใช่ไหม” “ไม่...อย่านะเฮีย หนูไม่ได้ต้องการเฮีย เฮียเป็นพี่ชายหนูนะ” “ต่อไปเฮียจะเป็นผัวหนู แล้วจะเอาหนูแรง ๆ ให้หนูไปไหนไม่ได้ต้องร้องหาเฮียเท่านั้น” คำพูดของเขาทำให้เอยหวาดกลัว แต่ในความรู้สึกนี้กลับมีความอยากรู้อยากเห็นอย่างประหลาด หญิงสาวผลักเขาออกเมื่อธนเดชดึงชุดนอนของเธอจนขาด แต่แรงของเขามีมากกว่าตอนนี้เธอจึงยืนเปลือยต่อหน้าเขา เอยยืนน้ำตาไหลพราก เมื่อเขาเห็นเขาจึงเหยียดยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ “ฉันเกลียดแก อื้อ อื้อ”
หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...
เซียวหนานอยู่ในระดับต่ำสุดขององค์กรลับที่แผ่ขยายสายข่าวไปทุกแว่นแคว้น นางเป็นเด็กกำพร้าไร้บิดามารดาที่ถูกเก็บมาให้เป็น นกกระจอกสืบข่าว เรียกได้ว่าเป็นชนชั้นที่วรยุทธ์ต่ำต้อยและต้องทำงานเอาตัวเข้าแลกเพื่อหาข่าวให้กับเบื้องบน ดังนั้นนกกระจอกเช่นนางจึงมีมากมายแทรกซึมเข้าไปในจวนขุนนางต่าง ๆ โดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ สิ่งที่นางฝึกฝนมาตลอดหลายปีมานี้ก็คือการเอาใจบุรุษ บำรุงร่างกาย ฝึกฝนศาสตร์ทั้งห้าให้เชี่ยวชาญ และฝึกวิชาเสพสังวาสให้บุรุษติดใจ แม้ว่าจะไม่เคยทำกับบุรุษจริง ๆ แต่ขนาดของแท่งหยกของบุรุษนางล้วนได้สัมผัสมาแล้วจากแท่งหยกของเทียมและแท่งหยกบุรุษของจริงที่นางไม่เคยเห็นหน้าว่าคนพวกนั้นคือผู้ใด เพราะพวกนางต้องมอบกายให้กับเหยื่อคนแรกที่นับว่าส่วนใหญ่จะเป็นชนชั้นสูง ดังนั้นจึงไม่อาจร่วมประเวณีกับบุรุษอื่นก่อนที่จะได้รับมอบเหยื่อจากนายใหญ่
องค์หญิงใหญ่รั่วเสียน ต้องปกป้องบัลลังก์ของน้องชายที่ขึ้นครองราชย์ในวัยเพียงแค่ 4 ขวบ ดังนั้นนางจึงต้องหาทางมัดใจเสนาบดีกัวผู้กุมอำนาจราชสำนักเอาไว้ให้ได้ ทว่าบุรุษผู้นี้กลับไม่ต้องการแต่งงานกับนาง เขายังทำตัวดั่งบิดาหาบุรุษไว้ให้นางอีก รั่วเสียนจึงต้องฝึกฝนการยั่วยวนเขาเพื่อหาวิธีมัดใจบุรุษผู้นี้เอาไว้ให้ได้ และนางก็ต้องตกใจเมื่อเสนาบดีกัวกลับมีถึงสองคน! +++ นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายจีนโบราณประเภทนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ เป็นเรื่องแต่งขึ้นจากจินตนาการไม่ได้อ้างอิงจากประวัติศาสตร์ใด ๆ ดังนั้นภายในจะมีฉาก เนื้อหา เน้นหนักที่เรื่องเพศระหว่างชายหญิง มีการร่วมรักกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป (3P) และอาจมีความไม่สมเหตุสมผลบ้าง ขอให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ
คำโปรย หลังจากบิดามารดาเสียชีวิต จูเมยได้ถูกท่านอาบุญธรรมรับเลี้ยง ท่านอาผู้เปี่ยมด้วยความอ่อนโยนและเมตตา ได้กลายเป็นเสาหลักเพียงหนึ่งในชีวิตนาง หัวใจที่อ่อนโยนของจูเมยเริ่มเต้นแรงเมื่ออยู่ใกล้ท่านอา แต่ท่านอาคิดอย่างไรกับนางกันแน่? หรือว่าความรักนี้เป็นเพียงความรู้สึกที่นางมีอยู่เพียงฝ่ายเดียว? เมื่อหัวใจต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน จูเมยกลับรู้สึกเจ็บปวดกับความรู้สึกนี้ "ท่านอา...อย่าดีต่อข้ามากนักได้หรือไม่" นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักจีนโบราณ มีดราม่าเล็กน้อยช่วงเริ่มต้น จบสุขนิยม ไม่มีนอกกายนอกใจ เป็นความรักฟิน ๆ ระหว่างท่านอาและหลานสาว(บุญธรรม)ตัวน้อยของตนเอง
เรื่องย่อ จื่อเม่ยเป็นนักเขียน และได้เข้าไปอยู่ในนิยายที่ตัวเขียนเขียนเอาไว้ในฐานะตัวประกอบในนิยายที่ออกมาเพียงสองตอนก็ตาย นางถูกตัวร้ายกักขังเอาไว้ในจวน เจื่อเม่ยรู้ว่าเขาต้องตายและจำทำให้นางตายไปด้วย นางจึงต้องหาวิธีหนีจากเขาเพื่อเอาตัวรอด! นิยายเรื่องนี้เป็นแบบสุขนิยมนะคะ พระเอกจะธงแดงในตอนแรก ๆ เพราะนางเป็นตัวร้ายตามเนื้อเรื่องนะคะ หลังจากนั้นก็รักเมียที่สุดในโลกค่ะ ไม่มีนอกกายนอกใจค่ะ แนะนำตัวละคร จื่อเม่ย นักเขียนที่ย้อนไปอยู่ในโลกนิยายในร่างของอนุจื่ออิน จื่ออิน อนุของตัวร้ายที่ออกมาแค่สองตอนก็ตาย และคนที่จื่อเม่ยมาใช้ร่างกาย ซีเฉิน / องค์ชายสี่ /ซีอ๋อง ตัวร้ายที่ต้องตายในตอนจบ ซีหลาน บุตรชายอายุ 5 ขวบของตัวร้าย รั่วหนิง พระชายาที่ซีเฉินไม่เคยเหลียวแล เหล่าหลง และ เหล่าอี้ องครักษ์ฝาแฝดของซีเฉิน ผู้จงรักภักดี ซีกุ้ยเฟย แม่ของซีเฉิน นางมีความแค้นที่ฝ่าบาทเคยทอดทิ้ง จึงคิดจะแก้แค้นทุกคนและสั่งสอนให้ซีเฉินบุตรชายชิงบัลลังก์ หยางโจวซือ / องค์ชายหก / หยางอ๋อง พระเอกของเรื่องที่จื่อเม่ยวางเอาไว้ในนิยาย
ในคืนวันเกิดอายุยี่สิบสองปี ลี่เฉี่ยนโลว่ถูกแฟนหนุ่มวางยา และไปมีอะไรกันกับซือจิ้นเหิง ผู้ชายลึกลับคนหนึ่งตลอดทั้งคืน วันรุ่งขึ้นเธอพบว่าครอบครัวเธอถูกทำลายจนไม่มีอะไรเหลือ เธอแต่งงานกับจิ้นเหิง ได้รับการคุ้มครองจากเขา และใช้เขาเพื่อแก้แค้น "ฉันเป็นภรรยาที่ถูกกฎหมายของเขา" แม้ว่าแม่สามีของเธอจะไม่ยอมรับ แม้ว่าแฟนสาวที่เป็นซุปเปอร์สตาร์ของเขาจะตามมาอยู่ด้วยกัน เธอก็ยังคงยืนยันอยู่อย่างนั้น เธอแท้งโดยบังเอิญ แต่เขากลับเข้าใจผิดว่าเธอไม่อยากมีลูกกับเขา และด้วยความเข้าใจผิดต่าง ๆ อีกหลายหย่าง เธอเลือกที่จะกระโดดลงทะเลเพื่อฆ่าตัวตาย หลายปีต่อมา เมื่อเธอกลับเข้ามาในชีวิตของเขาอีกครั้ง เขาถึงกับตกตะลึง ชายคนนี้ได้สิ่งที่ต้องการจากเธอแล้ว แต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงยังรังควานและทรมานเธอต่อไป
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
เว่ยเว่ย นักศึกษาฝึกงานทะลุมิติ เว่ยเว่ยขับเวสป้าตกเหว แต่ดันทะลุมิติตกน้ำอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม ที่กำลังหาปลาอยู่ที่บึงน้ำ ลู่เหวินเยียนอาศัยกับมารดาอยู่ที่กระท่อมเชิงเขา บิดาเสียชีวิตในสนามรบ เขามักจะออกไปล่าสัตว์ป่ามาขาย วันนี้เขามาดูกับดักปลาและบังเอิญเห็นบางสิ่งตกลงมาจากฟ้าต่อหน้าต่อตาเขา คำเตือน นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นตามจินตนาการของผู้แต่ง บุคคล สถาน องค์กรและเนื้อเรื่องทั้งหมดในนิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องสมมติ ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ทางปัญญาตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์พ.ศ.2537และเพิ่มเติมพ.ศ.2538 ห้ามทำการคัดลอก หรือดัดแปลงเนื้อหาของนิยายโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของที่เป็นผู้แต่งเป็นลายลักษณ์อักษร
เรื่องราวการผจญภัยของอดีตสายลับนักฆ่า ที่ทะลุมิติมาเป็นแม่ผู้ชั่วร้าย ทั้งยังต้องร่วมเดินทางกับเด็กน้อยผู้แสนใสซื่อในโลกที่ผู้คนใช้พลังลมปราณ อันตรายมีทั่วทุกหนแห่ง แล้วพวกเขาจะเอาชีวิตรอดได้หรือไม่?!