เขาคือเสือผู้หญิงหล่อรวยเย่อหยิ่งและยังเป็นเจ้านายของฉัน เพราะผิดพลาดฉันจึงเสียตัวให้เขา คงเพราะเขาเห็นฉันเป็นแค่เลขาแสนเฉิ่มจึงไม่เห็นค่า คอยดูนะฉันจะจัดหนักให้เขารู้จักคำว่าคลั่งรักสะกดยังไง ฝากติดตามผลงาน ชุด คนสวยขาของประธานจอมโหดหื่นด้วยนะคะ เรื่อง คนสวยขาของประธานจอมโหดหื่น แนวมาเฟีย โหด หื่น เรื่อง แผนร้ายลวงรักของประธานคลั่งรัก เรื่อง Bad Friend สองสัญญารักนิรันดร์
ฉันกำลังยืนอยู่หน้าผับแห่งหนึ่งเพื่อต่อคิวตรวจบัตรประชาชนด้วยหัวใจที่เต้นแรง เพราะอะไรน่ะเหรอนั่นก็เพราะว่านี่เป็นการเที่ยวผับครั้งที่สองในชีวิตของฉันก็ว่าได้
ครั้งแรกก็คือตอนจบปริญญาโทที่ถูกพี่ ๆ ที่จบด้วยกันลากมาเพราะไม่อาจปฏิเสธ และครั้งนั้นฉันกินเหล้าไปไม่กี่แก้วก็เมาหัวทิ่มเดือดร้อนเพื่อน ๆ ต้องหามไปส่งฉันถึงบ้าน
เมื่อถึงคิวของฉัน ฉันก็ส่งบัตรประชาชนให้ผู้ชายตัวโตท่าทางน่ากลัว ที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านหน้า เขาตรวจบัตรฉันอย่างละเอียดก่อนจะพูดขึ้นด้วยเสียงดุ ๆ
"ขอโทษครับเข้าไม่ได้"
ฉันขมวดคิ้วและคิดว่าตัวเองไม่ได้ยินที่เขาพูดชัดนักเพราะเสียงเพลงที่ดังออกมาจากด้านใน ฉันขยับแว่นหนา ๆ ของตัวเองแล้วเขย่งเท้าเพื่อเข้าใกล้หูของเขาแล้วถามเสียงดัง
"คุณว่าอะไรนะคะ"
"คือคุณเข้าไม่ได้ครับแต่งตัวไม่ถูกกาลเทศะ"
ฉันมึนงงเป็นอย่างมาก ฉันมองเขาแล้วชี้ที่ตัวเอง
"คุณหมายความว่ายังไงคะ"
"ดูคุณสิ แต่งตัวมาแบบนี้ได้ยังไง เหมือนป้าชะมัด นี่มันไม่ใช่ออฟฟิศนะคุณ นี่มันสถานที่เที่ยวไม่ใช่ตลาดนัดที่ป้าจะมาจ่ายตลาด"
พูดจบเขาก็มองสภาพการแต่งตัวเต็มยศ ด้วยชุดสูทสีดำกระโปรงยาวเกือบจะคลุมน่องและยังมีแว่นหนาเตอะที่ฉันใส่มาอีก ใช่ผมของฉันก็รวบตึงตามแบบฉบับเลขาที่สุภาพเรียบร้อย ยังมีรองเท้าส้นหนาสีดำสุภาพของฉันอีก
คู่นี้เป็นแบรนด์ดังราคาเป็นหมื่นนะยะ คุณท่านอุตส่าห์ซื้อให้ฉันเป็นของขวัญที่เรียนจบ คนพวกนี้ไม่มีตาเอาซะเลย ฉันโกรธจนตัวสั่น
ตั้งแต่เกิดมาคำชมเป็นสิ่งที่ฉันได้รับเสมอ ความต้านทานต่อคำด่าและถ้อยคำกดขี่ดูถูกแบบนี้จึงทำให้ฉันรับไม่ได้
"แล้วยังไง ฉันจะใส่อะไรก็เรื่องของฉัน นายเป็นใครมีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับฉัน ฉันเห็นสายตาของนายนะที่มองแบบดูถูกตั้งแต่หัวจรดเท้า นายกล้าดียังไงมาใช้สายตานี้กับฉัน"
ผู้ชายคนนั้นไม่ฟังที่ฉันพูดเขาหันไปสั่งคนที่ตัวเล็กกว่า
"แกพายัยป้านี่ออกไป อย่าให้มายืนเกะกะแถวนี้เสียเวลาชะมัด"
ฉันยังพูดไม่จบก็ถูกผู้ชายอีกคนลากให้ออกมายืนข้าง ๆ ทางเข้า เหมือนฉันเป็นตัวเกะกะไม่ใช่แขกคนหนึ่ง ทั้งยังทำหน้าเหยียด ๆ ฉันอีกด้วย
ถึงฉันจะเป็นคนไม่ค่อยชอบพูดแต่ก็ไม่เคยให้ใครมาเอาเปรียบได้ง่าย ๆ ฉันยกมือเท้าสะเอวแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพลางกดเข้าไปในเฟสบุคทำการไลฟ์สดทันที
แน่นอนว่าไม่มีใครสักคนที่เข้ามาดู แต่ฉันก็แอ๊บไปแบบนั้นแหละ
"คุณหมายความว่ายังไงที่ไม่ให้ฉันเข้า"
ท่าทางของผู้ชายคนนี้สุภาพลงทันทีที่ฉันยกโทรศัพท์ขึ้นมา เพราะฉันเองก็ท่าทางเอาเรื่องอยู่ไม่น้อย
"คือคุณแต่งตัวมาไม่ให้เกียรติสถานที่เลยนะครับ คุณดูคนอื่นสิ"
ฉันยังมึนอยู่แต่ก็ยังกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เอาล่ะฉันเห็นแล้วว่าคนอื่นแต่งตัวยังไง ใส่สายเดี่ยวเอวลอยแต่งหน้าจัดบางคนมีแค่ผ้าเช็ดหน้าคาดอก และยังนุ่งสั้นวับ ๆ แวม ๆ อวดขาที่เรียวบ้างไม่เรียวบ้างแบบนั้นเหรอ
ฉันตวาดเสียงดังกลับโดยไม่กลัวใครหน้าไหน จนคนที่ต่อแถวตรวจบัตรถึงกับหันมามองที่ฉันเป็นตาเดียว
โดดเด่นแบบนี้ฉันรู้สึกเป็นเกียรติเหมือนตอนขึ้นเวทีคนแรกเพื่อรับใบประกาศนียบัตรในฐานะนักศึกษาที่จบด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจริง ๆ เพราะมีคนดูฉันยิ่งมั่นใจในตัวเองและตั้งใจที่จะทวงสิทธิ์ของฉันอย่างเต็มที่
"แล้วไง คุณมีปัญหาอะไรไม่ทราบ"
"ก็อย่างน้อยควรแต่งแบบนั้นนะครับ ที่นี่ค่อนข้างสแกนคนเข้าครับ ต้องแต่งตัวดีและหน้าตาดีหน่อยครับถึงจะให้เข้าได้"
ฉันสบถคำหยาบออกมาคำหนึ่ง แล้วก็ต้องรีบขอโทษขอโพยให้พระอภัยให้ฉันในใจ ฉันตวาดเสียงดังและพูดดังขึ้นอีก
"สแกนคนเข้าเหรอ นายว่าฉันไม่สวยพอที่จะเข้าไปเที่ยวที่นี่เหรอยะ ไม่ทราบว่ามีกฎข้อไหนที่ระบุไว้ไม่ทราบ ว่าฉันต้องแต่งตัวยังไงถึงจะเข้าผับนี้ได้ เอาล่ะฉันเห็นทีว่าฉันต้องบันทึกเอาไว้และฟ้องพวกนายที่ทำให้เสียความรู้สึก และถือว่าเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามศักดิ์ศรีของฉันซึ่งเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง อย่าหาว่าฉันบูลลี่นายเลย ในเมื่อพวกนายมาบูลลี่ฉันก่อน นายเคยส่องกระจกดูตัวเองบ้างหรือเปล่ายิ่งคุณคนนั้นยิ่งหน้าตายังกะปลาบู่ชนเขื่อน หน็อยกล้ามาว่าฉันไม่สวยเหรอ พวกนายนี่มันหาเรื่องตายชัด ๆ"
ถึงฉันจะเป็นลูกแม่บ้านไม่รู้ว่าพ่อเป็นใคร แต่แม่ของฉันเป็นคนเหนือผิวขาวและสวย ส่วนไอ้คนที่มันพ่นน้ำอสุจิและจากไปคนนั้นหน้าตามันคงดีมาก เพราะฉันเป็นคนสวยคนหนึ่งเชียวล่ะ เพียงแต่ฉันไม่สามารถแสดงความสวยออกให้เป็นอันตรายต่อตัวเองได้
ถึงคนอื่นจะมองยังไงตัวฉันก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรกับเรื่องนี้ในเมื่อนอกจากความสวยแล้ว เรื่องความสามารถของฉันก็โดดเด่นไม่เป็นรองใครมาตั้งแต่เด็ก เพราะฉะนั้นคนที่บังอาจบูลลี่ฉันพวกมันก็หาเรื่องให้ตัวเองแล้ว
"เอาล่ะ ฉันตัดสินใจแล้วว่าฉันจะฟ้องผับของพวกนาย เตรียมหางานใหม่ได้เลยฉันเก็บหลักฐานไว้หมดแล้ว"
ว่าแล้วในเฟสของฉันก็มีคนเข้ามาดูแล้วสองสามคน หนึ่งในนั้นพิมพ์กลับมาอย่างรวดเร็ว ว่าให้ฉันรอที่นั่นและหลังจากนั้นก็มีสายหนึ่งโทรเข้ามา
ฉันรับสายและพนักงานคนนั้นที่ลากฉันมาไว้ข้าง ๆ ร้านเตรียมจะเผ่นหนีฉันจึงยึดแขนของเขาเอาไว้แน่น ไม่มีทางปล่อยไปเป็นอันขาด
"น้องเออยู่นั่นแหละพี่กำลังจะออกไปรับ ไอ้พวกนี้มันไม่รู้แล้วว่าใครเป็นใคร"
"ได้ค่ะ"
หลังวางสายโทรศัพท์ของฉันเกือบร่วง แต่ดีที่ใช้คางคีบเอาไว้ได้ในขณะที่สองมือตอนนี้ของฉันกำลังกอดแขนพนักงานคนนั้นไว้แน่น
"ปล่อยฉันนะยัยบ้า"
"หน็อยกล้าไม่ให้ฉันเข้าไป เพื่อนฉันออกมาพวกแกเจอดีแน่คอยดู"
พนักงานคนนั้นท่าทางหวาด ๆ อยู่ไม่น้อย ฉันยิ่งได้ใจยิ่งข่มขวัญเขาต่อ
"คอยดูว่าใครกันแน่ที่ต้องออกจากร้านนี้ในคืนนี้"
ฉันเป็นคนไม่เคยยอมใครถ้าฉันไม่ผิดฉันมักจะดื้อรั้นเสมอ เรื่องพวกนี้แม่ฉันที่เป็นแม่บ้านไม่ได้สอนแต่เป็นคุณนาบุหงาที่เลี้ยงฉันเหมือนลูกคนหนึ่ง
คุณนายบุหงาสอนฉันเสมอไม่เหยียบหัวใครและอ่อนน้อมถ่อมตนในขณะเดียวกันก็อย่าปล่อยให้ใครรังแกและเอาเปรียบได้ คุณนายบุหงาเกลียดที่สุดคือการโดนเอาเปรียบ
เพราะแบบนี้จึงทำให้ฉันติดนิสัยเย่อหยิ่งมาโดยไม่รู้ตัว
ในขณะที่ฉันกับเด็กคนนั้นกำลังยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่ ผู้ชายตัวโตสองคนก็ออกมาห้ามด้วยความเร็ว คนหนึ่งเป็นเพื่อนที่เรียนปริญญาโทกับฉันชื่อพี่แป้ง เขาเป็นลูกชายคนสุดท้องของอดีต ผบ.ตร.ที่ใคร ๆ ก็รู้จัก
ในขณะที่อีกคนหนึ่งฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นใครแต่เกือบจะทำให้เด็กคนนั้นเข่าทรุดลงไปกับพื้น และฉันก็มารู้ทีหลังว่าผู้ชายคนนี้เป็นเจ้าของร้านนั่นเอง
ฉันยิ้มอย่างชั่วร้าย ฉันไม่เห็นใจหรอกนะในเมื่อใครทำอะไรไว้ก็ต้องชดใช้ ฉันรีบฟ้องพี่แป้งโดยไม่รอช้า
"พี่แป้งคะพวกเขาบอกเอขี้เหร่ไม่ยอมให้เข้าค่ะ ยังดูถูกเอด้วยสายตาที่แสนน่ารังเกียจ แออัดคลิปไว้หมดแล้วค่ะวันนี้ทำเอาเอช้ำใจมากจะฟ้องทั้งผู้จัดการทั้งเจ้าของร้านและพนักงานที่ดูหมิ่นให้เข็ด"
พี่แป้งเองดูตกใจไม่น้อย เขาแตะแขนฉันเบา ๆ แล้วพาเข้าไปคุยกันที่ห้องวีไอพี
"น้องแป้งแค่เข้าใจผิดกันนะครับ เห็นแก่หน้าเพื่อนพี่หน่อยจะให้มันอบรมเด็กของมันอย่างดี น้องแป้งจะเอายังไงครับให้น้องมาขอโทษดีหรือเปล่า"
ฉันนั่งหน้าเชิด คิดแค่ว่าคืนนี้จะมาหาเรื่องสนุก ๆ และตื่นเต้นทำสักหน่อยแต่ต้องมารู้สึกหน้าชาเพราะโดนคนดูถูกแบบนี้ทำให้ฉันรู้สึกไม่ดีเอามาก ๆ เลยละ ฉันจะยกโทษให้คนพวกนี้ได้จริงเหรอ
"คุณผู้หญิงครับผมต้องขอโทษจริง ๆ นะครับที่เด็กทำตัวแบบนี้"
เจ้าของผับกล่าวขอโทษฉันด้วยใจจริง ฉันเห็นหน้าซีด ๆ ของเขาแล้วก็ถอนหายใจ และแล้วโทรศัพท์ของฉันจึงขอตัวรับสาย
เอแกดังแล้ว เกิดอะไรขึ้นคลิปของแกว่อนเน็ตแล้ว
เพื่อนป.ตรีของฉันเพียงคนเดียวชื่อนิสาโทรมาหลังสี่ทุ่มซึ่งเป็นเวลานอนของนางทำให้ฉันถึงกับตกใจที่คนรักสุขภาพอย่างนิสายังไม่นอนอีก
ทำไมเกิดอะไรขึ้น
ก็คลิปของแกที่ถูกเหยียดกำลังดังว่อนเน็ตแล้ว คนแบนผับนี้และเข้ามาให้ความเห็นกันเพียบแกดูแชร์สิแป๊บเดียวหลายพันอีกไม่นานขึ้นเป็นหมื่นแน่แก
ฉันรีบวางสายจากนิสาแล้วเข้าไปดูเฟสบุคของตัวเอง ฉันยิ้มเย็นอย่างเหี้ยมโหด ในที่สุดสวรรค์ก็จัดสรรให้พวกขี้เหยียดไม่มีที่ยืนในสังคมจริง ๆ แล้วสินะ
ฉันยื่นโทรศัพท์ให้พี่แป้งดูและพูดด้วยน้ำเสียงนางเอก
"แย่แล้วค่ะพี่แป้ง ไม่คิดว่าคนจะแชร์กันเยอะขนาดนี้เกิดอะไรขึ้นคะ"
พี่แป้งรับโทรศัพท์จากฉันและยื่นให้เจ้าของผับดู เขาเกิดหน้าซีดเป็นกระดาษยกมือกุมขมับทันทีแล้วมองไปที่พนักงานสองคนที่ก่อเรื่องด้วยสายตาตำหนิ
และฉันก็พูดขึ้นมาว่า
"ว๊า แย่จังเหมือนจะมีคนตกงานแล้วนะคะคราวนี้"
สาเหตุที่เขาได้ดูแลเด็กคนนี้นั่นเป็นเพราะพ่อแม่ของเอยและพี่ชายของเอยเป็นเพื่อนสนิทของเขา ครอบครัวเอยจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่เอยอายุได้เพียงสิบขวบเท่านั้น ญาติของเอยก็ไม่มีใครเหลียวแลทำให้เขาซึ่งสนิทกับครอบครัวของเอยที่เห็นเอยมาตั้งแต่เล็ก ๆ เกิดความสงสารจึงได้ขอให้พ่อแม่ของเขารับเอยมาเลี้ยงดู และพ่อแม่ของเขาก็ตกลง หลังจากนั้นพ่อแม่ของเขาก็ย้ายไปอยู่ต่างประเทศ จึงทิ้งให้เขาและเอยอยู่ด้วยกันที่เมืองไทยตามลำพัง นับตั้งแต่นั้นเขาก็กลายเป็นพี่ชายของเอยเต็มตัว แต่วันนี้เมื่อเอยโตขึ้น เธอกลับไม่เห็นบุญคุณและคิดจะจากเขาไปง่าย ๆ ทั้ง ๆ ที่นับวันเขาจะรักเธอจนกระทั่งถอนตัวไม่ขึ้นและเฝ้ารอเธอเติบโตมานานขนาดนี้ ++++++ “อ๊า...เฮียอย่านะ อย่าทำหนู” สาวน้อยส่งเสียงครางเล็ดลอดออกมาเพราะความเสียวซ่าน และเอ่ยห้ามแต่น้ำเสียงของเธอคล้ายกระตุ้นเขายิ่งขึ้นไปอีก “เอยอยากใช่หรือเปล่า หนูก็ต้องการเฮียใช่ไหม” “ไม่...อย่านะเฮีย หนูไม่ได้ต้องการเฮีย เฮียเป็นพี่ชายหนูนะ” “ต่อไปเฮียจะเป็นผัวหนู แล้วจะเอาหนูแรง ๆ ให้หนูไปไหนไม่ได้ต้องร้องหาเฮียเท่านั้น” คำพูดของเขาทำให้เอยหวาดกลัว แต่ในความรู้สึกนี้กลับมีความอยากรู้อยากเห็นอย่างประหลาด หญิงสาวผลักเขาออกเมื่อธนเดชดึงชุดนอนของเธอจนขาด แต่แรงของเขามีมากกว่าตอนนี้เธอจึงยืนเปลือยต่อหน้าเขา เอยยืนน้ำตาไหลพราก เมื่อเขาเห็นเขาจึงเหยียดยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ “ฉันเกลียดแก อื้อ อื้อ”
หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...
เซียวหนานอยู่ในระดับต่ำสุดขององค์กรลับที่แผ่ขยายสายข่าวไปทุกแว่นแคว้น นางเป็นเด็กกำพร้าไร้บิดามารดาที่ถูกเก็บมาให้เป็น นกกระจอกสืบข่าว เรียกได้ว่าเป็นชนชั้นที่วรยุทธ์ต่ำต้อยและต้องทำงานเอาตัวเข้าแลกเพื่อหาข่าวให้กับเบื้องบน ดังนั้นนกกระจอกเช่นนางจึงมีมากมายแทรกซึมเข้าไปในจวนขุนนางต่าง ๆ โดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ สิ่งที่นางฝึกฝนมาตลอดหลายปีมานี้ก็คือการเอาใจบุรุษ บำรุงร่างกาย ฝึกฝนศาสตร์ทั้งห้าให้เชี่ยวชาญ และฝึกวิชาเสพสังวาสให้บุรุษติดใจ แม้ว่าจะไม่เคยทำกับบุรุษจริง ๆ แต่ขนาดของแท่งหยกของบุรุษนางล้วนได้สัมผัสมาแล้วจากแท่งหยกของเทียมและแท่งหยกบุรุษของจริงที่นางไม่เคยเห็นหน้าว่าคนพวกนั้นคือผู้ใด เพราะพวกนางต้องมอบกายให้กับเหยื่อคนแรกที่นับว่าส่วนใหญ่จะเป็นชนชั้นสูง ดังนั้นจึงไม่อาจร่วมประเวณีกับบุรุษอื่นก่อนที่จะได้รับมอบเหยื่อจากนายใหญ่
องค์หญิงใหญ่รั่วเสียน ต้องปกป้องบัลลังก์ของน้องชายที่ขึ้นครองราชย์ในวัยเพียงแค่ 4 ขวบ ดังนั้นนางจึงต้องหาทางมัดใจเสนาบดีกัวผู้กุมอำนาจราชสำนักเอาไว้ให้ได้ ทว่าบุรุษผู้นี้กลับไม่ต้องการแต่งงานกับนาง เขายังทำตัวดั่งบิดาหาบุรุษไว้ให้นางอีก รั่วเสียนจึงต้องฝึกฝนการยั่วยวนเขาเพื่อหาวิธีมัดใจบุรุษผู้นี้เอาไว้ให้ได้ และนางก็ต้องตกใจเมื่อเสนาบดีกัวกลับมีถึงสองคน! +++ นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายจีนโบราณประเภทนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ เป็นเรื่องแต่งขึ้นจากจินตนาการไม่ได้อ้างอิงจากประวัติศาสตร์ใด ๆ ดังนั้นภายในจะมีฉาก เนื้อหา เน้นหนักที่เรื่องเพศระหว่างชายหญิง มีการร่วมรักกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป (3P) และอาจมีความไม่สมเหตุสมผลบ้าง ขอให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ
คำโปรย หลังจากบิดามารดาเสียชีวิต จูเมยได้ถูกท่านอาบุญธรรมรับเลี้ยง ท่านอาผู้เปี่ยมด้วยความอ่อนโยนและเมตตา ได้กลายเป็นเสาหลักเพียงหนึ่งในชีวิตนาง หัวใจที่อ่อนโยนของจูเมยเริ่มเต้นแรงเมื่ออยู่ใกล้ท่านอา แต่ท่านอาคิดอย่างไรกับนางกันแน่? หรือว่าความรักนี้เป็นเพียงความรู้สึกที่นางมีอยู่เพียงฝ่ายเดียว? เมื่อหัวใจต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน จูเมยกลับรู้สึกเจ็บปวดกับความรู้สึกนี้ "ท่านอา...อย่าดีต่อข้ามากนักได้หรือไม่" นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักจีนโบราณ มีดราม่าเล็กน้อยช่วงเริ่มต้น จบสุขนิยม ไม่มีนอกกายนอกใจ เป็นความรักฟิน ๆ ระหว่างท่านอาและหลานสาว(บุญธรรม)ตัวน้อยของตนเอง
เรื่องย่อ จื่อเม่ยเป็นนักเขียน และได้เข้าไปอยู่ในนิยายที่ตัวเขียนเขียนเอาไว้ในฐานะตัวประกอบในนิยายที่ออกมาเพียงสองตอนก็ตาย นางถูกตัวร้ายกักขังเอาไว้ในจวน เจื่อเม่ยรู้ว่าเขาต้องตายและจำทำให้นางตายไปด้วย นางจึงต้องหาวิธีหนีจากเขาเพื่อเอาตัวรอด! นิยายเรื่องนี้เป็นแบบสุขนิยมนะคะ พระเอกจะธงแดงในตอนแรก ๆ เพราะนางเป็นตัวร้ายตามเนื้อเรื่องนะคะ หลังจากนั้นก็รักเมียที่สุดในโลกค่ะ ไม่มีนอกกายนอกใจค่ะ แนะนำตัวละคร จื่อเม่ย นักเขียนที่ย้อนไปอยู่ในโลกนิยายในร่างของอนุจื่ออิน จื่ออิน อนุของตัวร้ายที่ออกมาแค่สองตอนก็ตาย และคนที่จื่อเม่ยมาใช้ร่างกาย ซีเฉิน / องค์ชายสี่ /ซีอ๋อง ตัวร้ายที่ต้องตายในตอนจบ ซีหลาน บุตรชายอายุ 5 ขวบของตัวร้าย รั่วหนิง พระชายาที่ซีเฉินไม่เคยเหลียวแล เหล่าหลง และ เหล่าอี้ องครักษ์ฝาแฝดของซีเฉิน ผู้จงรักภักดี ซีกุ้ยเฟย แม่ของซีเฉิน นางมีความแค้นที่ฝ่าบาทเคยทอดทิ้ง จึงคิดจะแก้แค้นทุกคนและสั่งสอนให้ซีเฉินบุตรชายชิงบัลลังก์ หยางโจวซือ / องค์ชายหก / หยางอ๋อง พระเอกของเรื่องที่จื่อเม่ยวางเอาไว้ในนิยาย
เจียงซุ่ยแต่งงานกับยู่จินเฉินมาเป็นเวลาสามปี เธอยอมทำงานบ้านทุกอย่างเพื่อเขา ทั้งซักผ้า ทำอาหาร และถูพื้น แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้หัวใจของเขาสลายลงได้ เธอเริ่มตระหนักและตัดสินใจหย่ากับผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจมาเป็นเวลาสามปี เพื่อให้เขาได้ไปอยู่กับผู้หญิงที่เขารักจริง หลังจากที่เธอหย่าแล้ว คนในแวดวงไฮโซล้วนรอดูเรื่องตลกของเธอและล้อเล่นกับเธอว่า"เจียงซุ่ย ทำไมถึงหย่ากับคุณยู่น่ะ" เจียงซุ่ยยิ้ม"เพราะฉันจะกลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลไง ผู้ชายอย่างเขาไม่คู่ควรกับฉันหรอก" อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเธอ วันรุ่งขึ้น ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในโลกปรากฏตัวในข่าวและกลายเป็นว่าเป็นภรรยาเก่าขอยู่จินเฉินด้วย ทุกคนล้วนตกตะลึงไปหมด เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้งหลังจากการหย่าร้าง ยู่จินเฉินมองไปที่ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดคนนั้นซึ่งกำลังถูกรายล้อมไปด้วยหนุ่มหล่อไฮโซมากมาย ใบหน้าของเขาก็มืดมนลงทันที "คุณเจียง คุณรวยขนาดนี้ ควรหาแฟนที่มีฐานะเสมอกันสิ อย่างผมนี่ ผมยอมให้ทุกอย่างที่ผมมีให้คุณนะ"
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"
เมื่อสองปีที่แล้ว เพื่อช่วยคนรักในใจ พระเอกถูกบังคับให้แต่งงานกับนางเอก ในใจของเขา เธอเป็นคนน่ารังเกียจและแย่งคนรักของคนอื่น เขาเลยเย็นชาต่อเธอมาตลอด แต่กลับอ่อนโยนและเอาใจใส่กับคนรักในใจถึงเป็นเช่นนี้ เธอยังคงรักเขาอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลาสิบปี ต่อมาตอนที่เธอรู้สึกเหนื่อยและอยากจะท้อแท้นั้น เขากลับตื่นตระหนก... เมื่อเธอกำลังจะตายขณะตั้งท้องลูกของเขา ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่าผู้หญิงที่เขายอมเอาชีวิตตัวเองไปแลกนั้นก็คือเธอโดยตลอด
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!