“เสี่ยวหงพี่รอวันนี้มานานแค่ไหนรู้หรือไม่” ฉางอี้หงนิ่งงัน เธอไม่อาจผลักเขาออกไปได้ เธอรู้หัวใจของตัวเองดี หากจะมีคนบอกว่าเธอบ้าที่ตกหลุมรักคู่หมั้นตนเองตั้งแต่ครั้งแรกเธอก็ยินดีรับเอาไว้อย่างเต็มใจ สองมือของเธอยกขึ้น เหนี่ยวรั้งลำคอของเขาให้โน้มลงมา อ้าปากรับสัมผัสอันดูดดื่มและกระหาย สัมผัสแห่งรักอันคุ้นเคย กว่าที่ต้วนชางหลางจะยอมถอนจูบ ริมฝีปากของฉางอี้หงก็บวมเจ่อไปแล้ว เขาพาเธอไปนั่งหลบมุมที่เก้าอี้หนึ่ง ดึงเธอมานั่งตักเกิดอาการคลั่งรักอย่างรุนแรง... หยางอี้หงมีใบหน้างดงามโดดเด่นทั้งยังมีกลิ่นหอมประหลาดติดกาย ร่างกายของนางพิเศษยิ่งนักที่เมื่อได้รับแผลยังสามารถรักษาให้หายโดยไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้แม้แต่รอยขีดข่วนเล็ก ๆ ชะตากรรมของนางสวยพิเศษจะเป็นอย่างไรนะ?
แคว้นเหอ
ปลายราชวงศ์หลี่ บ้านเมืองอยู่ในสภาพระส่ำระสาย แม่ทัพทั้งหลายต่างปกป้องชายแดนกันอย่างแข็งขัน ฮ่องเต้หลี่จินอ่อนแอหลงใหลสตรีเมามายสำส่อน ใช้เงินฟุ่มเฟือย ไม่ออกว่าราชการแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน
ศึกนอกไม่ว่างเว้น ภายในราชสำนักแบ่งออกเป็นก๊กเหล่า ขุนนางทุจริต ผู้ใดบังอาจตำหนิฝ่าบาทต่างถูกส่งตัวไปประจำยังนอกเมืองหลวง ทั้งหลายคนยังถูกถอดยศและเนรเทศ
เสนาบดีฝ่ายขวาหย่งฉินยุยงปรนเปรอฝ่าบาทหวังรวบอำนาจเป็นของตนทั้งยังส่งบุตรสาวของตนให้ดำรงตำแหน่งฮองเฮาและเฟยทั้งสอง
บ้านเมืองยังนับว่าโชคดีด้วยยังมีเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉางอิ๋นผู้ซึ่งเป็นปฏิปักษ์และคานอำนาจเสนาบดีฝ่ายขวาอยู่ในยามนี้
ภายในวังหลวงเสนาบดีทั้งสองต่างลอบโจมตีกัน ส่วนภายนอกชายแดนเหล่าทหารและแม่ทัพกำลังสู้รบเพื่อแคว้นแลกด้วยเลือดเนื้อและความเป็นความตายของพวกเขา
หลังผ่านศึกมาหลายปีสุดท้ายแม่ทัพที่แข็งแกร่งที่สุดนามจูเวินสามารถเอาชนะข้าศึกจนราบคาบทว่าเขากลับสูญเสียรองแม่ทัพคู่ใจที่เป็นฮูหยินของเขาไปด้วยเหตุนี้
หลังชายแดนสงบแม่ทัพจูเวินก็ได้รับราชโองการเร่งด่วนให้กลับเมืองหลวงทั้งฝ่าบาทยังได้แต่งตั้งแม่ทัพจูเวินให้ดำรงตำแหน่งจูอ๋อง ยังได้รับพระราชทานรางวัลจากความดีความชอบมอบจวนอ๋องแห่งใหม่ใหญ่โตโอ่อ่าสมฐานะแม่ทัพใหญ่ให้แก่เขา
จูเวินรับราชโองการ เขาย่อมรู้ว่าบัดนี้ฝ่าบาทกำลังหวาดระแวง เรียกให้เขากลับวังหลวงคงหวังคิดลดทอนกำลังทหาร
หากเขาไม่กลับก็ย่อมเท่ากับเป็นกบฏขัดราชโองการ ถึงแม้ว่าคนจงรักภักดีต่อแม่ทัพจะมีไม่น้อย ทว่าหากไม่มีตราแม่ทัพเขาย่อมไม่อาจเคลื่อนพลได้โดยพละการ
จูเวินใคร่ครวญ เพราะสงครามยาวนานต่อเนื่องทหารของเขาบาดเจ็บล้มตายไม่ใช่น้อย จะให้ทำการใหญ่ในยามนี้คงมีแต่ผลเสีย ยอมถอยเพื่อตั้งรับให้ทหารได้ฟื้นตัว
ระหว่างทางกลับเมืองหลวงจูเวินได้ช่วยชาวบ้านหลายคนเอาไว้เพราะถูกโจรร้ายปล้นชิงเผาบ้านเรือนจนไร้ที่พึ่ง นั่นเป็นเพราะสงครามอันยาวนานทำให้คนทุกข์เข็ญผันตัวไปเป็นโจรคอยปล้นผู้อื่น
จูเวินเป็นคนมีคุณธรรมเด็ดขาด เมื่อได้รับคำร้องขอจากชาวบ้านให้ช่วยเหลือ เขาจึงรับคนเหล่านั้นเอาไว้ หากผู้ใดมีญาติพี่น้องก็สามารถออกจากกองทัพได้ หากผู้ใดไม่มีที่ไปจูเวินยังรับเข้ามาเป็นบ่าวในจวนอ๋องของตน
ในการกลับมาครานี้ จูอ๋องได้กลับมาพร้อมกับบุตรชายที่ดำรงตำแหน่งซื่อจื่อนามจูชางหลาง เด็กหนุ่มที่มีอายุเพียงสิบสี่ปีทว่าหล่อเหลาองอาจยิ่งนัก
ในบรรดาทาสที่รับเข้ามานั้นมีทั้งบุรุษและสตรีเมื่อมาถึงจวนอ๋องก็ได้รับมอบหมายให้ทำงานในหน้าที่ต่าง ๆ ควบคุมโดยพ่อบ้านสกุลจู
ในกลุ่มทาสเหล่านั้นมีเด็กน้อยนางหนึ่งอายุเพียงสิบสองปี นางมีใบหน้างดงามโดดเด่นทั้งยังมีกลิ่นหอมประหลาดติดกาย
แน่นอนว่าเรื่องนี้รู้ถึงหูของจูอ๋อง ในวันนั้นจึงได้ให้คนไปตามเด็กผู้นี้มาพบด้วยอยากเห็นว่าที่บ่าวไพร่เลื่องลือนั้นจะเป็นจริงเพียงใด
จูอ๋องย่อมรู้ว่าฝ่าบาทผู้นี้หลงใหลสตรียิ่งนัก หากเลี้ยงดูเด็กคนนี้ให้ดีวันหน้าอาจจะมีประโยชน์ต่อแผนการที่เขาวางเอาไว้
บ่าวผู้หนึ่งรูปร่างกำยำล่ำสัน เห็นได้ชัดว่าใบหน้าคมคายอายุราวสามสิบปีเดินนำบุตรสาวเข้ามาในโถงใหญ่ ก่อนจะคุกเข่าให้ผู้เป็นนายพร้อมกับบุตรสาวของตน
เด็กสาวผู้นั้นช่างสมกับคำร่ำลือ ใบหน้างดงามโดดเด่น ดวงตากลมโต ทั้งยังมีเสียงเล่าลือว่านางมีกลิ่นหอมจรุงยวนใจไปทั่วทุกอณูผิว
อยู่ห่างเพียงนั้นจูอ๋องจึงไม่ได้กลิ่นหอม เขายิ่งสงสัยว่าคำเล่าลือจะเป็นจริงหรือไม่ จึงเรียกเด็กสาวเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น นางคลานเข่าเข้าไปหาเขา เมื่อเข้ามาใกล้ ๆ บัดนี้จูเวินได้กลิ่นหอมอันเลื่องลือแล้วยิ่งทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ
“เจ้ามีนามว่าอะไร”
เด็กสาวตอบฉะฉาน “หยางอี้หงเจ้าค่ะ”
จูอ๋องจึงเอ่ยต่อ
“นามไพเราะยิ่งนัก แล้วกลิ่นกายของเจ้านี้เป็นกลิ่นจากกำยานหรือ”
หยางอี้หงหันไปมองบิดาที่ก้มต่ำหมอบราบพื้น บิดาของนางเงยใบหน้าขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะตอบแทนบุตรสาว
“เป็นกลิ่นกายของบุตรสาวข้าน้อยขอรับ กลิ่นเช่นนี้ติดกายมาตั้งแต่กำเนิด”
จูอ๋องคลี่ยิ้มเล็กน้อย
“ช่างประจวบเหมาะเป็นอย่างยิ่ง แล้วข่าวลือที่ข้าเคยได้ยินมาจริงหรือไม่ ว่าร่างกายของนางพิเศษยิ่งนักที่เมื่อได้รับแผลยังสามารถรักษาให้หายโดยไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้แม้แต่รอยขีดข่วนเล็ก ๆ”
บ่าวผู้นั้นก้มหน้าลง เอ่ยตอบเสียงเบา
“ขอรับ บุตรสาวข้าเคยมีผู้ทำนายว่าเป็นผู้มีบุญ ร่างกายของนางจึงพิเศษเช่นนี้ขอรับ ไม่ว่าจะมีบาดแผลหากเป็นผู้อื่นก็คงต้องทิ้งรอยเอาไว้ ทว่านางผู้นี้กลับมีร่างกายที่พิเศษยิ่งกว่า”
“เช่นนี้ก็ดียิ่งนักข้าไม่เคยเห็นสตรีนางใดเป็นเช่นนางมาก่อน”
บิดาของหยางอี้หงเหงื่อตกคิดในใจว่า แย่แล้ว ไม่ใช่ว่าคนผู้นี้เกิดคิดไม่ดีกับบุตรสาวของเขาหรอกนะ
“นะ นายท่านขอรับ บุตรสาวของข้าผู้นี้อายุเพียงสิบสอง ยังไม่รู้ความหากให้นางปรนนิบัติเกรงว่าจะทำให้นายท่านขุ่นเคืองใจ”
ท่าทางของคนผู้นั้นอย่างไรก็ไม่ยินยอมมอบคน จูเวินจ้องบ่าวเขม็งเอ่ยเสียงเย็นออกไป
“หุบปาก หากข้าต้องการมีสิ่งใดไม่ได้กัน”
แม้จูเวินจะเป็นแม่ทัพที่ได้ขึ้นชื่อว่ามีคุณธรรมกับราษฎรทว่าเขาเป็นคนเด็ดขาด หากต้องการสิ่งใดเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีการใดเขาล้วนทำทั้งหมด เพราะเขาเป็นคนเช่นนี้จึงได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่ทัพที่เด็ดขาดที่สุดผู้หนึ่ง
เมื่อถูกตำหนิด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองบิดาของหยางอี้หงจึงรีบลดสายตาลงและหุบปากทันใด
ในขณะที่จูอ๋องครุ่นคิดไปถึงแผนการที่วางเอาไว้ อายุนางเพียงสิบสองยังน้อยอยู่มาก แต่ท่าทางเด็กน้อยผู้นี้จะโตเร็วกว่าเด็กผู้อื่น หากนางอายุสิบห้าปีพ้นวัยปักปิ่นย่อมใช้งานได้แล้ว
อดทนเพียงแค่สามปีเท่านั้นนับว่าไม่นานเกินไป
ในยามที่ครุ่นคิดอยู่นั้น บุตรชายของเขาก็ก้าวเข้ามาในห้องโถงแล้วคุกเข่าลงตรงนั้น
เด็กหญิงหันไปมองผู้มาใหม่ เอ่ยออกมาคำหนึ่ง
“ซื่อจื่อ”
จูอ๋องเลิกคิ้วแล้วเอ่ยว่า
“เจ้ากับนางสนิทกันตั้งแต่เมื่อใด”
จูชางหลางเงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยว่า
“ท่านพ่อ ท่านยกนางให้ข้าเถิดสิ่งที่ท่านต้องการชางหลางย่อมมอบให้ท่านเป็นแน่”
จูเวินมองบุตรชายด้วยสายตาเย็นเยียบ มือประสานกันบนตัก เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ยกชาขึ้นดื่ม ในยามนั้นในห้องโถงล้วนเงียบกริบไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยคำออกมา
กระทั่งจูเวินวางถ้วยน้ำชาลงแล้วเอ่ยว่า
“เจ้าถือดีอย่างไรจึงคิดว่าจะทำสำเร็จ ยโสโอหังยิ่งนัก”
จูชางหลางสบสายตาบิดาอย่างไม่สะทกสะท้าน มุมปากของเด็กหนุ่มยกขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าหล่อเหลายังคงราบเรียบ
“ข้าเป็นบุตรชายของท่าน สิ่งที่ข้าถือดีมีเพียงเท่านี้”
“บุตรชายของข้าหรือ ดี เจ้าที่ถือดีเช่นนี้ย่อมดีนัก”
จูเวินหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เขาย่อมถูกใจในคำพูดของบุตรชาย เขาเข้มงวดกับจูชางหลางมาตั้งแต่เด็ก และท่าทางทั้งสายตาของจูชางหลางที่แน่วแน่เช่นนี้ทำให้เขาคิดว่าบุตรชายคงไม่ทำให้เขาผิดหวัง
ตั้งแต่กลับมายังวังหลวง จูเวินถูกฝ่าบาทลิดรอนอำนาจ ฝ่าบาทมอบตำแหน่งอ๋องให้แล้วยึดกำลังทหารคืน บีบบังคับให้เขาเป็นเพียงขุนนางผู้หนึ่งที่ไร้อำนาจสั่งการทหาร
ยามนี้ทัพของเขาอยู่ชายแดน จึงขยับตัวลำบาก ชาวบ้านอดอยากไร้ทางออกเพราะฮ่องเต้ทรราชย์ ในขณะที่ยังมีขุนนางชั่วคอยยุยงอยู่ข้างกาย ตำแหน่งฮ่องเต้นั้นคนผู้นั้นไม่สมควรได้รับ
ทุกวันจูเวินต้องพาบุตรชายออกไปข้างนอกจวน สัมผัสความเดือดร้อนของราษฎรที่ถูกกดขี่ ปลูกฝังให้จูชางหลางได้รู้ว่าความจริงแล้วตำแหน่งฮ่องเต้นั้นไม่คู่ควรกับคนถ่อยที่นั่งบนบัลลังก์มังกรผู้นี้เลยแม้แต่น้อย
แผ่นดินนี้สมควรเป็นของสกุลจู มิใช่สกุลหลี่ ความแค้นที่สืบทอดมานานของสกุลจูที่ถูกกดข่มจากสกุลหลี่ จูเวินจะเป็นผู้สะสาง เขามองสองพ่อลูกแล้วโบกมือ
“พวกเจ้าออกไปก่อน”
จูเวินปล่อยตัวหยางอี้หงกับบิดาให้ออกไปแล้ว ยังสั่งให้พ่อบ้านจัดหาเรือนหลังใหม่ให้สองพ่อลูกอยู่ และได้รู้มาว่าที่จูชางหลางได้รู้จักกับนางเพราะมารดาของหยางอี้หงล้มป่วย ยามนั้นด้วยความเป็นทาสที่มาใหม่จึงไม่มีใครกล้ารักษา เด็กสาวนางนั้นจึงวิ่งวุ่นกระทั่งไปชนกับจูชางหลางเข้า และคุกเข่าขอร้องให้จูชางหลางช่วยมารดาของนาง
เดิมทีบุตรชายของเขาผู้นี้ไม่ใช่คนขี้สงสาร เรื่องของบ่าวบุตรชายไม่เคยเข้าไปยุ่ง ทว่าคงจะถูกใจเด็กสาวคนนี้ไม่น้อยจึงเรียกให้คนไปรักษา ตั้งแต่นั้นมาจูชางหลางก็มักเรียกหาเด็กสาวอยู่บ่อย ๆ ยังสอนให้เด็กคนนั้นเรียนเขียนอ่าน
จูเวินเอ่ยตักเตือนบุตรชาย
“ชางหลางพ่อขอเตือนเจ้า นางกับเจ้าอย่างไรก็ไม่อาจลงเอย นางเป็นคนพิเศษที่พ่อตามหาและจำเป็นต้องใช้ประโยชน์ อีกทั้งสตรีที่คู่ควรเป็นฮูหยินของเจ้าต้องเป็นคนที่เกื้อกูลส่งเสริมเจ้าได้ มิใช่เป็นเพียงบ่าวผู้หนึ่ง”
จูชางหลางพยักหน้า
“ขอรับท่านพ่อ ของสำคัญกับของเล่นลูกแยกแยะได้ชัดเจน ท่านพ่อไม่ต้องห่วง”
จูเวินยิ้มเล็กน้อยจึงเอ่ยต่อ
“เจ้าไม่เคยทำให้พ่อผิดหวัง เมื่อถึงเวลาที่ต้องใช้นางทำงานใหญ่ เจ้าต้องไม่ใจอ่อน รับปากพ่อได้หรือไม่”
“สตรีเพียงนางเดียวมิเทียบได้กับชีวิตราษฎรทั้งแคว้น หากจำเป็นต้องใช้งานคนลูกย่อมไม่ลังเลขอรับ ลูกจะฝึกนางเอง”
จูเวินย่อมเชื่อใจบุตรชายที่เขาเลี้ยงมาเองกับมือ เขาพยักหน้าแล้วเอ่ยต่อ
“ชางหลางนับวันพ่อยิ่งแก่ชรา ความลำบากของราษฎรนี้จะปลดเปลื้องได้หรือไม่ก็อยู่ในมือของลูกแล้ว”
จูชางหลางย่อมรับคำบิดา คิดถึงใบหน้าของนางแล้วก็สงสารนัก เขาไม่ต้องการให้หยางอี้หงเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่หากบิดาได้ตัดสินใจแล้วสิ่งที่เขาทำได้คือปกป้องและหาทางช่วยนางอย่างสุดกำลัง
สาเหตุที่เขาได้ดูแลเด็กคนนี้นั่นเป็นเพราะพ่อแม่ของเอยและพี่ชายของเอยเป็นเพื่อนสนิทของเขา ครอบครัวเอยจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่เอยอายุได้เพียงสิบขวบเท่านั้น ญาติของเอยก็ไม่มีใครเหลียวแลทำให้เขาซึ่งสนิทกับครอบครัวของเอยที่เห็นเอยมาตั้งแต่เล็ก ๆ เกิดความสงสารจึงได้ขอให้พ่อแม่ของเขารับเอยมาเลี้ยงดู และพ่อแม่ของเขาก็ตกลง หลังจากนั้นพ่อแม่ของเขาก็ย้ายไปอยู่ต่างประเทศ จึงทิ้งให้เขาและเอยอยู่ด้วยกันที่เมืองไทยตามลำพัง นับตั้งแต่นั้นเขาก็กลายเป็นพี่ชายของเอยเต็มตัว แต่วันนี้เมื่อเอยโตขึ้น เธอกลับไม่เห็นบุญคุณและคิดจะจากเขาไปง่าย ๆ ทั้ง ๆ ที่นับวันเขาจะรักเธอจนกระทั่งถอนตัวไม่ขึ้นและเฝ้ารอเธอเติบโตมานานขนาดนี้ ++++++ “อ๊า...เฮียอย่านะ อย่าทำหนู” สาวน้อยส่งเสียงครางเล็ดลอดออกมาเพราะความเสียวซ่าน และเอ่ยห้ามแต่น้ำเสียงของเธอคล้ายกระตุ้นเขายิ่งขึ้นไปอีก “เอยอยากใช่หรือเปล่า หนูก็ต้องการเฮียใช่ไหม” “ไม่...อย่านะเฮีย หนูไม่ได้ต้องการเฮีย เฮียเป็นพี่ชายหนูนะ” “ต่อไปเฮียจะเป็นผัวหนู แล้วจะเอาหนูแรง ๆ ให้หนูไปไหนไม่ได้ต้องร้องหาเฮียเท่านั้น” คำพูดของเขาทำให้เอยหวาดกลัว แต่ในความรู้สึกนี้กลับมีความอยากรู้อยากเห็นอย่างประหลาด หญิงสาวผลักเขาออกเมื่อธนเดชดึงชุดนอนของเธอจนขาด แต่แรงของเขามีมากกว่าตอนนี้เธอจึงยืนเปลือยต่อหน้าเขา เอยยืนน้ำตาไหลพราก เมื่อเขาเห็นเขาจึงเหยียดยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ “ฉันเกลียดแก อื้อ อื้อ”
หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...
เซียวหนานอยู่ในระดับต่ำสุดขององค์กรลับที่แผ่ขยายสายข่าวไปทุกแว่นแคว้น นางเป็นเด็กกำพร้าไร้บิดามารดาที่ถูกเก็บมาให้เป็น นกกระจอกสืบข่าว เรียกได้ว่าเป็นชนชั้นที่วรยุทธ์ต่ำต้อยและต้องทำงานเอาตัวเข้าแลกเพื่อหาข่าวให้กับเบื้องบน ดังนั้นนกกระจอกเช่นนางจึงมีมากมายแทรกซึมเข้าไปในจวนขุนนางต่าง ๆ โดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ สิ่งที่นางฝึกฝนมาตลอดหลายปีมานี้ก็คือการเอาใจบุรุษ บำรุงร่างกาย ฝึกฝนศาสตร์ทั้งห้าให้เชี่ยวชาญ และฝึกวิชาเสพสังวาสให้บุรุษติดใจ แม้ว่าจะไม่เคยทำกับบุรุษจริง ๆ แต่ขนาดของแท่งหยกของบุรุษนางล้วนได้สัมผัสมาแล้วจากแท่งหยกของเทียมและแท่งหยกบุรุษของจริงที่นางไม่เคยเห็นหน้าว่าคนพวกนั้นคือผู้ใด เพราะพวกนางต้องมอบกายให้กับเหยื่อคนแรกที่นับว่าส่วนใหญ่จะเป็นชนชั้นสูง ดังนั้นจึงไม่อาจร่วมประเวณีกับบุรุษอื่นก่อนที่จะได้รับมอบเหยื่อจากนายใหญ่
องค์หญิงใหญ่รั่วเสียน ต้องปกป้องบัลลังก์ของน้องชายที่ขึ้นครองราชย์ในวัยเพียงแค่ 4 ขวบ ดังนั้นนางจึงต้องหาทางมัดใจเสนาบดีกัวผู้กุมอำนาจราชสำนักเอาไว้ให้ได้ ทว่าบุรุษผู้นี้กลับไม่ต้องการแต่งงานกับนาง เขายังทำตัวดั่งบิดาหาบุรุษไว้ให้นางอีก รั่วเสียนจึงต้องฝึกฝนการยั่วยวนเขาเพื่อหาวิธีมัดใจบุรุษผู้นี้เอาไว้ให้ได้ และนางก็ต้องตกใจเมื่อเสนาบดีกัวกลับมีถึงสองคน! +++ นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายจีนโบราณประเภทนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ เป็นเรื่องแต่งขึ้นจากจินตนาการไม่ได้อ้างอิงจากประวัติศาสตร์ใด ๆ ดังนั้นภายในจะมีฉาก เนื้อหา เน้นหนักที่เรื่องเพศระหว่างชายหญิง มีการร่วมรักกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป (3P) และอาจมีความไม่สมเหตุสมผลบ้าง ขอให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ
คำโปรย หลังจากบิดามารดาเสียชีวิต จูเมยได้ถูกท่านอาบุญธรรมรับเลี้ยง ท่านอาผู้เปี่ยมด้วยความอ่อนโยนและเมตตา ได้กลายเป็นเสาหลักเพียงหนึ่งในชีวิตนาง หัวใจที่อ่อนโยนของจูเมยเริ่มเต้นแรงเมื่ออยู่ใกล้ท่านอา แต่ท่านอาคิดอย่างไรกับนางกันแน่? หรือว่าความรักนี้เป็นเพียงความรู้สึกที่นางมีอยู่เพียงฝ่ายเดียว? เมื่อหัวใจต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน จูเมยกลับรู้สึกเจ็บปวดกับความรู้สึกนี้ "ท่านอา...อย่าดีต่อข้ามากนักได้หรือไม่" นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักจีนโบราณ มีดราม่าเล็กน้อยช่วงเริ่มต้น จบสุขนิยม ไม่มีนอกกายนอกใจ เป็นความรักฟิน ๆ ระหว่างท่านอาและหลานสาว(บุญธรรม)ตัวน้อยของตนเอง
เรื่องย่อ จื่อเม่ยเป็นนักเขียน และได้เข้าไปอยู่ในนิยายที่ตัวเขียนเขียนเอาไว้ในฐานะตัวประกอบในนิยายที่ออกมาเพียงสองตอนก็ตาย นางถูกตัวร้ายกักขังเอาไว้ในจวน เจื่อเม่ยรู้ว่าเขาต้องตายและจำทำให้นางตายไปด้วย นางจึงต้องหาวิธีหนีจากเขาเพื่อเอาตัวรอด! นิยายเรื่องนี้เป็นแบบสุขนิยมนะคะ พระเอกจะธงแดงในตอนแรก ๆ เพราะนางเป็นตัวร้ายตามเนื้อเรื่องนะคะ หลังจากนั้นก็รักเมียที่สุดในโลกค่ะ ไม่มีนอกกายนอกใจค่ะ แนะนำตัวละคร จื่อเม่ย นักเขียนที่ย้อนไปอยู่ในโลกนิยายในร่างของอนุจื่ออิน จื่ออิน อนุของตัวร้ายที่ออกมาแค่สองตอนก็ตาย และคนที่จื่อเม่ยมาใช้ร่างกาย ซีเฉิน / องค์ชายสี่ /ซีอ๋อง ตัวร้ายที่ต้องตายในตอนจบ ซีหลาน บุตรชายอายุ 5 ขวบของตัวร้าย รั่วหนิง พระชายาที่ซีเฉินไม่เคยเหลียวแล เหล่าหลง และ เหล่าอี้ องครักษ์ฝาแฝดของซีเฉิน ผู้จงรักภักดี ซีกุ้ยเฟย แม่ของซีเฉิน นางมีความแค้นที่ฝ่าบาทเคยทอดทิ้ง จึงคิดจะแก้แค้นทุกคนและสั่งสอนให้ซีเฉินบุตรชายชิงบัลลังก์ หยางโจวซือ / องค์ชายหก / หยางอ๋อง พระเอกของเรื่องที่จื่อเม่ยวางเอาไว้ในนิยาย
เมื่อสองปีที่แล้ว เพื่อช่วยคนรักในใจ พระเอกถูกบังคับให้แต่งงานกับนางเอก ในใจของเขา เธอเป็นคนน่ารังเกียจและแย่งคนรักของคนอื่น เขาเลยเย็นชาต่อเธอมาตลอด แต่กลับอ่อนโยนและเอาใจใส่กับคนรักในใจถึงเป็นเช่นนี้ เธอยังคงรักเขาอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลาสิบปี ต่อมาตอนที่เธอรู้สึกเหนื่อยและอยากจะท้อแท้นั้น เขากลับตื่นตระหนก... เมื่อเธอกำลังจะตายขณะตั้งท้องลูกของเขา ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่าผู้หญิงที่เขายอมเอาชีวิตตัวเองไปแลกนั้นก็คือเธอโดยตลอด
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
เมื่อตอนเด็ก หลินอวี่เคยช่วยชีวิตเหยาซีเยว่ที่กำลังจะตาย ต่อมา หลินอวี่กลายเป็นพืชหลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอแต่งงานเข้าตระกูลหลินโดยไม่ลังเลใจและใช้ทักษะทางการแพทย์ของเธอเพื่อรักษาหลินอวี่ สองปีของการแต่งงานและการดูแลอย่างสุดหัวใจของเธอเพียงเพื่อตอบแทนบุญคุณ และเพื่อที่เขาจะให้ความสำคัญกับตัวเองบ้าง แต่ความพยายามทั้งหมดของเธอกลับไร้ประโยชน์เมื่อคนในใจของหลินอวี่กลับมาประเทศ เมื่อหลินอวี่โยนข้อตกลงการหย่ามาใส่เธออย่างไร้ความปราณี เธอก็รีบเซ็นชื่อทันที ทุกคนหัวเราะเยาะเธอที่เป็นผู้หญิงที่ถูกครอบครัวใหญ่ทอดทิ้ง แต่ใครจะไปรู้ว่า เธอคือ Moon นักแข่งรถที่ไม่มีใครเทียบได้บนสนามแข่งรถ เป็นนักออกแบบแฟชั่นที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เป็นอัจฉริยะของแฮ็กเกอร์ และเธอยังเป็นหมอมหัศจรรย์ระดับโลก... อดีตสามีของเธอเสียใจมากจนคุกเข่าลงกับพื้นขอร้องให้เธอกลับมา ผู้เผด็จการคนหนึ่งอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดว่า "ออกไป! นี่คือภรรยาของฉัน!" เหยาซีเยว่ "?"
เรื่องราวการผจญภัยของอดีตสายลับนักฆ่า ที่ทะลุมิติมาเป็นแม่ผู้ชั่วร้าย ทั้งยังต้องร่วมเดินทางกับเด็กน้อยผู้แสนใสซื่อในโลกที่ผู้คนใช้พลังลมปราณ อันตรายมีทั่วทุกหนแห่ง แล้วพวกเขาจะเอาชีวิตรอดได้หรือไม่?!
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"