ดาวน์โหลดแอป ฮิต
หน้าแรก / โรแมนติก / The End of Love สิ้นสุดทางรัก
The End of Love สิ้นสุดทางรัก

The End of Love สิ้นสุดทางรัก

5.0
48 บท
26.6K ชม
อ่านเลย

เกี่ยวกับ

สารบัญ

“เสี่ยวหงพี่รอวันนี้มานานแค่ไหนรู้หรือไม่” ฉางอี้หงนิ่งงัน เธอไม่อาจผลักเขาออกไปได้ เธอรู้หัวใจของตัวเองดี หากจะมีคนบอกว่าเธอบ้าที่ตกหลุมรักคู่หมั้นตนเองตั้งแต่ครั้งแรกเธอก็ยินดีรับเอาไว้อย่างเต็มใจ สองมือของเธอยกขึ้น เหนี่ยวรั้งลำคอของเขาให้โน้มลงมา อ้าปากรับสัมผัสอันดูดดื่มและกระหาย สัมผัสแห่งรักอันคุ้นเคย กว่าที่ต้วนชางหลางจะยอมถอนจูบ ริมฝีปากของฉางอี้หงก็บวมเจ่อไปแล้ว เขาพาเธอไปนั่งหลบมุมที่เก้าอี้หนึ่ง ดึงเธอมานั่งตักเกิดอาการคลั่งรักอย่างรุนแรง... หยางอี้หงมีใบหน้างดงามโดดเด่นทั้งยังมีกลิ่นหอมประหลาดติดกาย ร่างกายของนางพิเศษยิ่งนักที่เมื่อได้รับแผลยังสามารถรักษาให้หายโดยไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้แม้แต่รอยขีดข่วนเล็ก ๆ ชะตากรรมของนางสวยพิเศษจะเป็นอย่างไรนะ?

บทที่ 1 No.1

แคว้นเหอ

ปลายราชวงศ์หลี่ บ้านเมืองอยู่ในสภาพระส่ำระสาย แม่ทัพทั้งหลายต่างปกป้องชายแดนกันอย่างแข็งขัน ฮ่องเต้หลี่จินอ่อนแอหลงใหลสตรีเมามายสำส่อน ใช้เงินฟุ่มเฟือย ไม่ออกว่าราชการแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน

ศึกนอกไม่ว่างเว้น ภายในราชสำนักแบ่งออกเป็นก๊กเหล่า ขุนนางทุจริต ผู้ใดบังอาจตำหนิฝ่าบาทต่างถูกส่งตัวไปประจำยังนอกเมืองหลวง ทั้งหลายคนยังถูกถอดยศและเนรเทศ

เสนาบดีฝ่ายขวาหย่งฉินยุยงปรนเปรอฝ่าบาทหวังรวบอำนาจเป็นของตนทั้งยังส่งบุตรสาวของตนให้ดำรงตำแหน่งฮองเฮาและเฟยทั้งสอง

บ้านเมืองยังนับว่าโชคดีด้วยยังมีเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉางอิ๋นผู้ซึ่งเป็นปฏิปักษ์และคานอำนาจเสนาบดีฝ่ายขวาอยู่ในยามนี้

ภายในวังหลวงเสนาบดีทั้งสองต่างลอบโจมตีกัน ส่วนภายนอกชายแดนเหล่าทหารและแม่ทัพกำลังสู้รบเพื่อแคว้นแลกด้วยเลือดเนื้อและความเป็นความตายของพวกเขา

หลังผ่านศึกมาหลายปีสุดท้ายแม่ทัพที่แข็งแกร่งที่สุดนามจูเวินสามารถเอาชนะข้าศึกจนราบคาบทว่าเขากลับสูญเสียรองแม่ทัพคู่ใจที่เป็นฮูหยินของเขาไปด้วยเหตุนี้

หลังชายแดนสงบแม่ทัพจูเวินก็ได้รับราชโองการเร่งด่วนให้กลับเมืองหลวงทั้งฝ่าบาทยังได้แต่งตั้งแม่ทัพจูเวินให้ดำรงตำแหน่งจูอ๋อง ยังได้รับพระราชทานรางวัลจากความดีความชอบมอบจวนอ๋องแห่งใหม่ใหญ่โตโอ่อ่าสมฐานะแม่ทัพใหญ่ให้แก่เขา

จูเวินรับราชโองการ เขาย่อมรู้ว่าบัดนี้ฝ่าบาทกำลังหวาดระแวง เรียกให้เขากลับวังหลวงคงหวังคิดลดทอนกำลังทหาร

หากเขาไม่กลับก็ย่อมเท่ากับเป็นกบฏขัดราชโองการ ถึงแม้ว่าคนจงรักภักดีต่อแม่ทัพจะมีไม่น้อย ทว่าหากไม่มีตราแม่ทัพเขาย่อมไม่อาจเคลื่อนพลได้โดยพละการ

จูเวินใคร่ครวญ เพราะสงครามยาวนานต่อเนื่องทหารของเขาบาดเจ็บล้มตายไม่ใช่น้อย จะให้ทำการใหญ่ในยามนี้คงมีแต่ผลเสีย ยอมถอยเพื่อตั้งรับให้ทหารได้ฟื้นตัว

ระหว่างทางกลับเมืองหลวงจูเวินได้ช่วยชาวบ้านหลายคนเอาไว้เพราะถูกโจรร้ายปล้นชิงเผาบ้านเรือนจนไร้ที่พึ่ง นั่นเป็นเพราะสงครามอันยาวนานทำให้คนทุกข์เข็ญผันตัวไปเป็นโจรคอยปล้นผู้อื่น

จูเวินเป็นคนมีคุณธรรมเด็ดขาด เมื่อได้รับคำร้องขอจากชาวบ้านให้ช่วยเหลือ เขาจึงรับคนเหล่านั้นเอาไว้ หากผู้ใดมีญาติพี่น้องก็สามารถออกจากกองทัพได้ หากผู้ใดไม่มีที่ไปจูเวินยังรับเข้ามาเป็นบ่าวในจวนอ๋องของตน

ในการกลับมาครานี้ จูอ๋องได้กลับมาพร้อมกับบุตรชายที่ดำรงตำแหน่งซื่อจื่อนามจูชางหลาง เด็กหนุ่มที่มีอายุเพียงสิบสี่ปีทว่าหล่อเหลาองอาจยิ่งนัก

ในบรรดาทาสที่รับเข้ามานั้นมีทั้งบุรุษและสตรีเมื่อมาถึงจวนอ๋องก็ได้รับมอบหมายให้ทำงานในหน้าที่ต่าง ๆ ควบคุมโดยพ่อบ้านสกุลจู

ในกลุ่มทาสเหล่านั้นมีเด็กน้อยนางหนึ่งอายุเพียงสิบสองปี นางมีใบหน้างดงามโดดเด่นทั้งยังมีกลิ่นหอมประหลาดติดกาย

แน่นอนว่าเรื่องนี้รู้ถึงหูของจูอ๋อง ในวันนั้นจึงได้ให้คนไปตามเด็กผู้นี้มาพบด้วยอยากเห็นว่าที่บ่าวไพร่เลื่องลือนั้นจะเป็นจริงเพียงใด

จูอ๋องย่อมรู้ว่าฝ่าบาทผู้นี้หลงใหลสตรียิ่งนัก หากเลี้ยงดูเด็กคนนี้ให้ดีวันหน้าอาจจะมีประโยชน์ต่อแผนการที่เขาวางเอาไว้

บ่าวผู้หนึ่งรูปร่างกำยำล่ำสัน เห็นได้ชัดว่าใบหน้าคมคายอายุราวสามสิบปีเดินนำบุตรสาวเข้ามาในโถงใหญ่ ก่อนจะคุกเข่าให้ผู้เป็นนายพร้อมกับบุตรสาวของตน

เด็กสาวผู้นั้นช่างสมกับคำร่ำลือ ใบหน้างดงามโดดเด่น ดวงตากลมโต ทั้งยังมีเสียงเล่าลือว่านางมีกลิ่นหอมจรุงยวนใจไปทั่วทุกอณูผิว

อยู่ห่างเพียงนั้นจูอ๋องจึงไม่ได้กลิ่นหอม เขายิ่งสงสัยว่าคำเล่าลือจะเป็นจริงหรือไม่ จึงเรียกเด็กสาวเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น นางคลานเข่าเข้าไปหาเขา เมื่อเข้ามาใกล้ ๆ บัดนี้จูเวินได้กลิ่นหอมอันเลื่องลือแล้วยิ่งทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ

“เจ้ามีนามว่าอะไร”

เด็กสาวตอบฉะฉาน “หยางอี้หงเจ้าค่ะ”

จูอ๋องจึงเอ่ยต่อ

“นามไพเราะยิ่งนัก แล้วกลิ่นกายของเจ้านี้เป็นกลิ่นจากกำยานหรือ”

หยางอี้หงหันไปมองบิดาที่ก้มต่ำหมอบราบพื้น บิดาของนางเงยใบหน้าขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะตอบแทนบุตรสาว

“เป็นกลิ่นกายของบุตรสาวข้าน้อยขอรับ กลิ่นเช่นนี้ติดกายมาตั้งแต่กำเนิด”

จูอ๋องคลี่ยิ้มเล็กน้อย

“ช่างประจวบเหมาะเป็นอย่างยิ่ง แล้วข่าวลือที่ข้าเคยได้ยินมาจริงหรือไม่ ว่าร่างกายของนางพิเศษยิ่งนักที่เมื่อได้รับแผลยังสามารถรักษาให้หายโดยไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้แม้แต่รอยขีดข่วนเล็ก ๆ”

บ่าวผู้นั้นก้มหน้าลง เอ่ยตอบเสียงเบา

“ขอรับ บุตรสาวข้าเคยมีผู้ทำนายว่าเป็นผู้มีบุญ ร่างกายของนางจึงพิเศษเช่นนี้ขอรับ ไม่ว่าจะมีบาดแผลหากเป็นผู้อื่นก็คงต้องทิ้งรอยเอาไว้ ทว่านางผู้นี้กลับมีร่างกายที่พิเศษยิ่งกว่า”

“เช่นนี้ก็ดียิ่งนักข้าไม่เคยเห็นสตรีนางใดเป็นเช่นนางมาก่อน”

บิดาของหยางอี้หงเหงื่อตกคิดในใจว่า แย่แล้ว ไม่ใช่ว่าคนผู้นี้เกิดคิดไม่ดีกับบุตรสาวของเขาหรอกนะ

“นะ นายท่านขอรับ บุตรสาวของข้าผู้นี้อายุเพียงสิบสอง ยังไม่รู้ความหากให้นางปรนนิบัติเกรงว่าจะทำให้นายท่านขุ่นเคืองใจ”

ท่าทางของคนผู้นั้นอย่างไรก็ไม่ยินยอมมอบคน จูเวินจ้องบ่าวเขม็งเอ่ยเสียงเย็นออกไป

“หุบปาก หากข้าต้องการมีสิ่งใดไม่ได้กัน”

แม้จูเวินจะเป็นแม่ทัพที่ได้ขึ้นชื่อว่ามีคุณธรรมกับราษฎรทว่าเขาเป็นคนเด็ดขาด หากต้องการสิ่งใดเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีการใดเขาล้วนทำทั้งหมด เพราะเขาเป็นคนเช่นนี้จึงได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่ทัพที่เด็ดขาดที่สุดผู้หนึ่ง

เมื่อถูกตำหนิด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองบิดาของหยางอี้หงจึงรีบลดสายตาลงและหุบปากทันใด

ในขณะที่จูอ๋องครุ่นคิดไปถึงแผนการที่วางเอาไว้ อายุนางเพียงสิบสองยังน้อยอยู่มาก แต่ท่าทางเด็กน้อยผู้นี้จะโตเร็วกว่าเด็กผู้อื่น หากนางอายุสิบห้าปีพ้นวัยปักปิ่นย่อมใช้งานได้แล้ว

อดทนเพียงแค่สามปีเท่านั้นนับว่าไม่นานเกินไป

ในยามที่ครุ่นคิดอยู่นั้น บุตรชายของเขาก็ก้าวเข้ามาในห้องโถงแล้วคุกเข่าลงตรงนั้น

เด็กหญิงหันไปมองผู้มาใหม่ เอ่ยออกมาคำหนึ่ง

“ซื่อจื่อ”

จูอ๋องเลิกคิ้วแล้วเอ่ยว่า

“เจ้ากับนางสนิทกันตั้งแต่เมื่อใด”

จูชางหลางเงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยว่า

“ท่านพ่อ ท่านยกนางให้ข้าเถิดสิ่งที่ท่านต้องการชางหลางย่อมมอบให้ท่านเป็นแน่”

จูเวินมองบุตรชายด้วยสายตาเย็นเยียบ มือประสานกันบนตัก เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ยกชาขึ้นดื่ม ในยามนั้นในห้องโถงล้วนเงียบกริบไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยคำออกมา

กระทั่งจูเวินวางถ้วยน้ำชาลงแล้วเอ่ยว่า

“เจ้าถือดีอย่างไรจึงคิดว่าจะทำสำเร็จ ยโสโอหังยิ่งนัก”

จูชางหลางสบสายตาบิดาอย่างไม่สะทกสะท้าน มุมปากของเด็กหนุ่มยกขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าหล่อเหลายังคงราบเรียบ

“ข้าเป็นบุตรชายของท่าน สิ่งที่ข้าถือดีมีเพียงเท่านี้”

“บุตรชายของข้าหรือ ดี เจ้าที่ถือดีเช่นนี้ย่อมดีนัก”

จูเวินหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เขาย่อมถูกใจในคำพูดของบุตรชาย เขาเข้มงวดกับจูชางหลางมาตั้งแต่เด็ก และท่าทางทั้งสายตาของจูชางหลางที่แน่วแน่เช่นนี้ทำให้เขาคิดว่าบุตรชายคงไม่ทำให้เขาผิดหวัง

ตั้งแต่กลับมายังวังหลวง จูเวินถูกฝ่าบาทลิดรอนอำนาจ ฝ่าบาทมอบตำแหน่งอ๋องให้แล้วยึดกำลังทหารคืน บีบบังคับให้เขาเป็นเพียงขุนนางผู้หนึ่งที่ไร้อำนาจสั่งการทหาร

ยามนี้ทัพของเขาอยู่ชายแดน จึงขยับตัวลำบาก ชาวบ้านอดอยากไร้ทางออกเพราะฮ่องเต้ทรราชย์ ในขณะที่ยังมีขุนนางชั่วคอยยุยงอยู่ข้างกาย ตำแหน่งฮ่องเต้นั้นคนผู้นั้นไม่สมควรได้รับ

ทุกวันจูเวินต้องพาบุตรชายออกไปข้างนอกจวน สัมผัสความเดือดร้อนของราษฎรที่ถูกกดขี่ ปลูกฝังให้จูชางหลางได้รู้ว่าความจริงแล้วตำแหน่งฮ่องเต้นั้นไม่คู่ควรกับคนถ่อยที่นั่งบนบัลลังก์มังกรผู้นี้เลยแม้แต่น้อย

แผ่นดินนี้สมควรเป็นของสกุลจู มิใช่สกุลหลี่ ความแค้นที่สืบทอดมานานของสกุลจูที่ถูกกดข่มจากสกุลหลี่ จูเวินจะเป็นผู้สะสาง เขามองสองพ่อลูกแล้วโบกมือ

“พวกเจ้าออกไปก่อน”

จูเวินปล่อยตัวหยางอี้หงกับบิดาให้ออกไปแล้ว ยังสั่งให้พ่อบ้านจัดหาเรือนหลังใหม่ให้สองพ่อลูกอยู่ และได้รู้มาว่าที่จูชางหลางได้รู้จักกับนางเพราะมารดาของหยางอี้หงล้มป่วย ยามนั้นด้วยความเป็นทาสที่มาใหม่จึงไม่มีใครกล้ารักษา เด็กสาวนางนั้นจึงวิ่งวุ่นกระทั่งไปชนกับจูชางหลางเข้า และคุกเข่าขอร้องให้จูชางหลางช่วยมารดาของนาง

เดิมทีบุตรชายของเขาผู้นี้ไม่ใช่คนขี้สงสาร เรื่องของบ่าวบุตรชายไม่เคยเข้าไปยุ่ง ทว่าคงจะถูกใจเด็กสาวคนนี้ไม่น้อยจึงเรียกให้คนไปรักษา ตั้งแต่นั้นมาจูชางหลางก็มักเรียกหาเด็กสาวอยู่บ่อย ๆ ยังสอนให้เด็กคนนั้นเรียนเขียนอ่าน

จูเวินเอ่ยตักเตือนบุตรชาย

“ชางหลางพ่อขอเตือนเจ้า นางกับเจ้าอย่างไรก็ไม่อาจลงเอย นางเป็นคนพิเศษที่พ่อตามหาและจำเป็นต้องใช้ประโยชน์ อีกทั้งสตรีที่คู่ควรเป็นฮูหยินของเจ้าต้องเป็นคนที่เกื้อกูลส่งเสริมเจ้าได้ มิใช่เป็นเพียงบ่าวผู้หนึ่ง”

จูชางหลางพยักหน้า

“ขอรับท่านพ่อ ของสำคัญกับของเล่นลูกแยกแยะได้ชัดเจน ท่านพ่อไม่ต้องห่วง”

จูเวินยิ้มเล็กน้อยจึงเอ่ยต่อ

“เจ้าไม่เคยทำให้พ่อผิดหวัง เมื่อถึงเวลาที่ต้องใช้นางทำงานใหญ่ เจ้าต้องไม่ใจอ่อน รับปากพ่อได้หรือไม่”

“สตรีเพียงนางเดียวมิเทียบได้กับชีวิตราษฎรทั้งแคว้น หากจำเป็นต้องใช้งานคนลูกย่อมไม่ลังเลขอรับ ลูกจะฝึกนางเอง”

จูเวินย่อมเชื่อใจบุตรชายที่เขาเลี้ยงมาเองกับมือ เขาพยักหน้าแล้วเอ่ยต่อ

“ชางหลางนับวันพ่อยิ่งแก่ชรา ความลำบากของราษฎรนี้จะปลดเปลื้องได้หรือไม่ก็อยู่ในมือของลูกแล้ว”

จูชางหลางย่อมรับคำบิดา คิดถึงใบหน้าของนางแล้วก็สงสารนัก เขาไม่ต้องการให้หยางอี้หงเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่หากบิดาได้ตัดสินใจแล้วสิ่งที่เขาทำได้คือปกป้องและหาทางช่วยนางอย่างสุดกำลัง

อ่านต่อ
img ไปดูความคิดเห็นเพิ่มเติมที่แอป
ดาวน์โหลดแอป
icon APP STORE
icon GOOGLE PLAY