ดาวน์โหลดแอป ฮิต
หน้าแรก / โรแมนติก / แม่หมอแห่งซูโจว
แม่หมอแห่งซูโจว

แม่หมอแห่งซูโจว

5.0
107 บท
38.1K ชม
อ่านเลย

เกี่ยวกับ

สารบัญ

บิดามารดาสิ้นใจไปอย่างกะทันหัน ครอบครัวที่เหลือก็กดขี่ราวมิใช่ลูกใช่หลาน ชุนลี่มี่จึงต้องพาน้องชายออกมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ ด้วยพรที่สวรรค์มอบให้ ......................................................................................................................................................................... หลังจากบิดาตายจาก สองพี่น้องก็ใช้ชีวิตในสกุลชุนอย่างยากลำบาก แต่ทั้งสองก็ยังอดทนเรื่อยมา ทว่าเรื่องครานี้มันหนักหนาเกินทน ชุนลี่มี่ "ข้าขอตัดขาดกับพวกท่าน ต่อจากนี้พวกท่านมิต้องเลี้ยงดูข้า ข้ามิต้องแทนคุณท่าน อย่าได้ยุ่งเกี่ยวกันอีก" . . "ท่านยาย ในนิมิตหลานเห็นเขากำลังควบขี่..." "ขี่ม้าหรือ" "มิใช่เจ้าค่ะ" "แล้วขี่สิ่งใดเล่า หรือจะเป็นกระบือ วัว ลา- " "เป็นข้าเจ้าค่ะ”

บทที่ 1 เหลือเพียงเราสอง

“ฮึก ฮื่อออ พี่มี่เอ๋อร์ เหตุใดพวกยุงๆ จึงเอาท่านพ่อกับท่านแม่ใส่ในหลุมเช่นนั้นเย่า น้องกลัวท่านพ่อ ท่านแม่จะหายใจไม่ออก” คำพูดของเด็กชายวัย 4 หนาวอย่างชุนลี่หมิง ทำเอาชุนลี่มี่ผู้เป็นพี่สาวถึงกับสะอึก มิรู้จะตอบน้องชายอย่างไร ว่าบิดามารดาได้ลาจากโลกนี้ไปแล้ว สองแขนกระชับกอดน้องชายให้แน่นขึ้น แม้เด็กสาวจะมิได้ร้องไห้สะอึกสะอื้น แต่กระนั้นหยาดน้ำสีใสก็ไหลออกจากตากลมโตไม่หยุด

“ท่านพ่อกับท่านแม่สิ้นลมแล้วอาหมิง อึก พวกท่านมิอาจมาอยู่ดูแลเราเช่นเก่าก่อนได้แล้ว ฮึก!…แต่ถึงอย่างนั้นพวกท่านก็จะคอยมองเราสองพี่น้องอยู่เสมอ” ลี่มี่ยกมือปาดน้ำตาออกจากใบหน้า พยายามอดกลั้นเสียงสะอื้น เพราะมิอยากอ่อนแอต่อหน้าน้องชาย ทั้งที่บัดนี้ ขาของนางแทบจะยืนไม่ไหวที่ต้องสูญเสียทั้งบิดาและมารดาในคราเดียวกันเช่นนี้

ครอบครัวตระกูลชุนของลี่มี่เป็นครอบครัวใหญ่ มีคนในสกุลถึง 9 คน เป็นท่านย่าใหญ่ชุนฉือ ท่านลุงชุนไห่ ป้าสะใภ้ชุนเจียงและลูกของท่านลุงอีกสามคนคือ ชุนเต๋ออายุ 20 หนาว ชุนซูเม่ยอายุ 14 หนาว ชุนเป่าอายุ 3 หนาว และท่านพ่อชุนหยวน ท่านแม่ชุนเจียวมี่ ชุนลี่หมิงน้องชาย และตัวนางชุนลี่มี่

“เช่นนั้น เยาจะอยู่กับผู้ใดหยือ” นัยน์ตาดำสนิทของเด็กน้อยสั่นระริก น้ำตารื้นขึ้นมาเอ่อล้นหน่วยตาเล็กอย่างน่าสงสาร เขามิเข้าใจว่าสิ้นลม หมายถึงสิ่งใด แต่เมื่อได้ยินพี่สาวเอ่ยว่าท่านแม่และท่านพ่อจะไม่อยู่ด้วยแล้ว เด็กชายตัวน้อยก็รู้สึกกลัวขึ้นมาทันใด

“เราก็อยู่ด้วยกันที่เรือนของเราอย่างไรเล่า” ลี่มี่เอ่ยบอกน้องชายไปเช่นนั้น ทั้งที่นางเองก็ไม่รู้ว่าเรือนที่นางกล่าวถึง จะเป็นที่พักพิงให้นางและน้องชายได้หรือไม่ ยามที่ไม่มีท่านพ่อกับท่านแม่ คนพวกนั้นจะใจดีกับนางและน้องชายหรือไม่

ภาพสองพี่น้องกอดกันร้องไห้หน้าหลุมศพของบิดามารดา ทำให้แขกเหรื่อที่มาร่วมพิธีศพของชุนหยวนและชุนเจียวมี่ อดที่จะน้ำตาซึมไปด้วยมิได้

“น่าเวทนาเสียจริง บิดามารดาตายจากไปพร้อมกันเช่นนี้ สองพี่น้องคงจะลำบากไม่น้อย”

“เจ้าเอ่ยสิ่งใดกัน เพียงแค่หลานสองคน ครอบครัวตระกูลชุนจะมิเลี้ยงดูเลยหรือ ยามมีชีวิตอยู่สองผัวเมียก็หาเงินจุนเจือครอบครัวไม่น้อย ตระกูลชุนก็คงมิคิดทิ้งขว้างหลานได้ลงคอกระมัง”

“เรื่องนี้มิแน่นอน ยายเฒ่าชุนฉือนั่น ใช่ว่าจะรักใคร่บุตรชายเมียรองอย่างชุนหยวน ทั้งชุนเจียวมี่เองก็มิยอมโอนอ่อนให้แม่สามี จนทะเลาะกันอยู่ร่ำไป”

“แน่สิ ก็สะใภ้ใหญ่อย่างชุนเจียงไม่แม้แต่จะขัดใจแม่สามี พูดจาออดอ้อน อ่อนหวาน จึงได้มีข้อเปรียบเทียบอย่างไรเล่า”

“หึ! แต่ข้าชอบแบบเจียวมี่มากกว่านะ นางซื่อตรง แม้จะพูดจาขวานผ่าซากไปบ้าง แต่ก็มีจิตใจดี ต่างจากชุนเจียงที่คอยยุแยงผู้อื่นให้แตกคอกัน ต่อหน้าพูดจาดี แต่ลับหลังกลับจ้องจะใส่ร้ายผู้อื่น” เสียงสนทนาของเหล่าแม่เรือน มิได้ทำให้ลี่มี่เด็กสาววัย 14 หนาวรู้สึกโกรธเคืองแม้แต่น้อย เพราะสิ่งที่พวกนางพูดนั้นล้วนถูกต้อง ท่านย่าใหญ่มิได้เป็นย่าทางสายเลือดกับนาง

ท่านพ่อของนางเกิดจากภรรยารองของท่านปู่ ซึ่งทั้งท่านปู่และท่านย่าเล็กก็สิ้นลมไปนานแล้ว เดิมทีหลังจากแต่งท่านแม่เข้ามา ท่านพ่อคิดจะย้ายออกไปอยู่ที่อื่น แต่ท่านย่าใหญ่กลับเอ่ยทวงบุญคุณที่เลี้ยงดูท่านพ่อมา ท่านพ่อจึงได้แต่ก้มหน้าทำงานหาเงินมาจุนเจือบ้านใหญ่ ยังดีที่ท่านแม่มิใช่พวกยอมคน จึงได้มีเงินทองเก็บซ่อนไว้อยู่บ้าง ทั้งยังช่วยให้พวกเราสองพี่น้องไม่ถูกรังแก แต่ความไม่ยอมคนของท่านแม่นั้น ก็ยิ่งทำให้ท่านย่าใหญ่มิชอบใจ มิเพียงแค่ท่านพ่อท่านแม่เท่านั้น แม้กระทั่งพวกเขาสองพี่น้องท่านย่าก็มิได้รักใคร่ ขนม ของเล่นทุกชิ้นในบ้านล้วนเป็นของซูเม่ยและชุนเป่า ยังดีที่พี่ชุนเต๋อยังเมตตาพวกเขาอยู่บ้าง

“มี่เอ๋อร์ เจ้าพาอาหมิงกลับเรือนเถิด พิธีกรรมทางนี้เสร็จสิ้นแล้ว” ชุนเต๋อสงสารลูกพี่ลูกน้องทั้งสองของเขาจับใจ เดิมทีท่านย่าก็มิใคร่จะชอบใจครอบครัวของท่านอาชุนหยวนอยู่แล้ว เพียงแค่ซูเม่ยร้องไห้มาหา ท่านย่าก็ดุด่าลี่มี่ โดยมิไถ่ถามสักคำ ทั้งเขาและท่านพ่อก็มิอาจเอ่ยห้ามได้ คงจะมีเพียงอาสะใภ้ที่พอจะต่อปากกับท่านย่าได้ แต่บัดนี้มี่เอ๋อร์และอาหมิงกลับสูญเสียทั้งบิดาและมารดา

“เจ้าค่ะ ข้าจะพาอาหมิงกลับเรือนก่อน อย่างไรเรื่องทางนี้ฝากพี่ชุนเต๋อจัดการด้วย”

“อืม ไปพักเถิด เรื่องอื่นมิต้องคิดมาก อย่างไรพวกเราสกุลชุนย่อมมิทิ้งขว้างกันเป็นแน่” มือหนายกขึ้นลูบศีรษะน้อยของลี่หมิงที่อยู่ในอ้อมกอดลี่มี่ ชุนเต๋อมองตามหลังน้องสาวและน้องชายไปจนลับสายตา แล้วจึงกลับเข้าไปช่วยบิดาของตนขอบพระคุณแขกเหรื่อที่มาร่วมพิธีศพ

“นอนเถิดอาหมิง นอนแต่หัวค่ำ พรุ่งนี้ตื่นมาจะได้สดชื่น” ลี่มี่นอนตะแคงกอดกล่อมน้องชายให้หลับ มือบางตบลงบนหน้าท้องของลี่หมิงเป็นจังหวะอย่างเบามือ

“ตื่นมาจะพบท่านพ่อกับท่านแม่หยือไม่”

“…มิพบ แต่พรุ่งนี้ตื่นมาเจ้าจะเจอพี่เป็นคนแรก ดีหรือไม่” ลี่มี่มิอยากโป้ปดน้องชาย นางเลือกที่เอ่ยบอกความจริง มิอยากให้น้องชายเฝ้ารอ ทั้งที่ในชีวิตนี้มิอาจได้พบท่านพ่อและท่านแม่อีก

“ดีขอยับ” ร่างเล็กพลิกกายเข้าซุกในอ้อมกอดของพี่สาว แล้วเข้าสู่ห่วงนิทราไป

เมื่อน้องชายหลับไปแล้ว ลี่มี่ก็มิอาจกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป ร่างบางสะอึกสะอื้น เนื้อตัวสั่นเทิ้มไปด้วยความเสียใจ การสูญเสียครานี้มันกะทันหันสำหรับนางมากเกินไป

ทั้งที่ท่านพ่อท่านแม่เพียงไปหาของป่าดังที่เคยทำ แต่ทั้งสองกลับพลัดตกหน้าผา ท่านพ่อของนางสิ้นลมทันที มีเพียงท่านแม่ที่ยังมีสติพูดคุยได้ แม้จะมิอาจขยับร่างกายได้ แต่ท่านแม่ก็ได้สั่งเสียให้นางใช้เงินทองที่มีดูแลตนเองและน้องชายให้ดี จากนั้นไม่กี่ชั่วยามท่านแม่ก็สิ้นลมไป

เด็กสาวคลายอ้อมกอดจากน้องชาย ขยับลุกขึ้นมาหาถุงเก็บเงินที่ท่านแม่แอบเก็บซ่อนเอาไว้ หากจำไม่ผิด ท่านแม่เอ่ยว่าถุงเงินถูกเก็บไว้ใต้กองเสื้อผ้าในหีบ มือบางจึงเริ่มนำเสื้อผ้าของท่านแม่ออกมากองไว้ด้านนอกจนหมด จึงพบเข้ากับกล่องไม้ขนาดเท่าฝ่ามือวางอยู่ก้นหีบ และเมื่อเปิดดูก็พบว่ามีเงินอยู่หลายตำลึงเงิน

“หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า…ห้าตำลึงเงิน กับอีกสามสิบอีแปะ” ตากลมเบิกกว้างขึ้น นางมิคิดว่าท่านพ่อและท่านแม่จะเก็บเงินไว้ได้มากถึงเพียงนี้ เพราะยามที่ท่านพ่อล่าสัตว์ได้ก็มักจะนำไปขายและนำเงินมาแบ่งให้ท่านย่าใหญ่ไว้ใช้ตลอด

“เงินจำนวนเท่านี้ คงจะอยู่ได้นานกว่าหนึ่งหนาวเลยทีเดียว” ข้าวสาร 1 จิน ต้องจ่าย 20 อีแปะ เงินกว่าห้าตำลึงเงิน ครอบครัวชาวบ้านเช่นพวกนางย่อมเหลือกินเหลือใช้ หากว่ามิได้ฟุ่มเฟือย ซื้อเสื้อผ้าอาภรณ์หรูหรา ย่อมอยู่ได้นานกว่าหนึ่งหนาว

ลี่มี่เก็บเงินใส่ไว้ในกล่องแล้วซ่อนไว้ใต้หีบเสื้อผ้าของท่านแม่เช่นเดิม เงินเหล่านี้นางจะเก็บไว้ใช้ยามจำเป็น นางมิคิดจะเอ่ยบอกเรื่องนี้กับผู้ใด กระทั่งท่านย่าใหญ่และท่านลุง เพราะไม่แน่ว่าเมื่อไม่มีท่านพ่อท่านแม่เช่นนี้ พวกเขาอาจจะขับไล่นางและน้องชายไปอยู่ที่อื่น อย่างว่า…ผู้ใดจะอยากรับภาระเลี้ยงดูหลานที่มิได้มีสายเลือดของตนได้

ร่างบางเก็บข้าวของให้เข้าที่ แล้วจึงลงมาล้มตัวนอนข้างน้องชายที่หลับสนิทไปแล้ว

“มิต้องกังวลนะอาหมิง พี่จะดูแลเจ้าแทนท่านพ่อและท่านแม่เอง” ริมฝีปากบางก้มลงจุมพิตหน้าผากมนของน้องชาย ใจตั้งมั่นว่าจะเป็นทั้งบิดา มารดา และพี่สาวที่ดีให้น้องชาย

อ่านต่อ
img ไปดูความคิดเห็นเพิ่มเติมที่แอป
ดาวน์โหลดแอป
icon APP STORE
icon GOOGLE PLAY