เขา…ชายหนุ่มที่อยู่บนโลกแห่งความจริง เธอ…หญิงสาวคลั่งหมอดู
“เอาอันนั้นค่ะ” หญิงสาวบอกพนักงานในร้าน ยืนรอสักครู่กล่องของขวัญสีชมพูหวานแหววก็มาอยู่ในมือ เธอยื่นธนบัตรใบละพันให้คนขายสามใบแล้วก็ได้ใบสีแดงคืนมาสองใบ
“พี่บาสจะชอบไหมนะแต่ที่แน่ๆ พี่บาสไม่รู้หรอกว่าเพิ่งมาได้เอานาทีสุดท้ายเหมือนเดิม” เธอรำพึงกับตัวเองแล้วยิ้มแป้น ชายหนุ่มที่คบหาตั้งแต่มัธยมปลายจนตอนนี้ทำงานได้สองปีมักจะบ่นเสมอว่าเธอคือพวกที่ไม่มีแผนการในชีวิตชอบมาตัดสินใจตอนไฟลนก้นเกือบทุกครั้ง เธอพยายามวางแผนตามที่เขาบอกแต่ตลอดเจ็ดปีที่คบกันมันก็ไม่ค่อยสำเร็จเท่าไหร่ก็เธอเป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรจะให้เปลี่ยนเป็นคนเจ้าระเบียบมีแพลนทุกขั้นตอนในแต่ละวันมันไม่ง่ายเลย
พรุ่งนี้คือวันครบรอบเจ็ดปีเธอหวังตั้งแต่ตอนฉลองห้าปีว่าเขาจะขอแต่งงาน สมัยเรียนเขาบอกว่าพอมีฐานะมั่นคงก็จะให้เธอสวมชุดเจ้าสาวทันทีซึ่งเธอเห็นว่าเขาก็มั่นคงมาสองปีแล้วทั้งการงานและด้านอื่นๆ เขามีเงินเดือนหลักแสน มีรถยนต์หนึ่งคัน มีบ้านเดี่ยวเล็กๆ หนึ่งหลังแล้วก็มีคอนโดแถวชานเมืองเอาไว้ปล่อยเช่าอีกสองห้อง
สายตาคนภายนอกส่วนมากรวมถึงตัวเธอด้วยมองว่าเขาพร้อมจะลงหลักปักฐานสร้างครอบครัวแล้วด้วยวัยที่ย่างเข้าสามสิบห้าปีกับทรัพย์สินมูลค่าหลายล้าน ต้องรอให้พร้อมกว่านี้หรือ ? คำตอบคือใช่
“ขอพี่ซื้อคอนโดให้ได้ก่อนนะฝ้ายแล้วเราค่อยแต่งงานกัน ฝ้ายก็รู้ถ้ามีเงินนอนกินทุกเดือนไปยันแก่มันปลอดภัยกว่า” นั่นคือคำพูดของเขาตอนฉลองครบรอบห้าปี
“ไว้ปีหน้านะฝ้าย ปีนี้พี่อยากซื้อคอนโดอีกห้องมันเพิ่งขึ้นใหม่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าที่จะเปิดอีกสามปีข้างหน้าซื้อไว้ตอนนี้มีแต่ได้กับได้” นั่นคือคำพูดของเขาตอนฉลองครบรอบหกปี
ปุยฝ้าย ตุงสุวรรณในวัยเบญจเพสไม่เห็นข้ออ้างอะไรอีกในปีที่เจ็ดเพราะเขาก็เลิกเห่อเรื่องคอนโดมาเป็นปีแล้ว รถยนต์ก็เพิ่งถอยคันใหม่เมื่อเดือนก่อนส่วนคันเก่าก็ขายไป เธอคิดติดตลกว่าถ้าเขาจะผัดผ่อนการแต่งงานอีกก็คงเพราะต้องการซื้อกระสวยอวกาศเอาไว้เก็งกำไรแน่นอน
เธอเขย่ากล่องเล็กๆ แล้วก็อดยิ้มไม่ได้ มันคือพวงกุญแจทองคำขาวรูปหัวใจสองดวง ดวงแรกมีตัวบีและอีกดวงมีตัวเอฟ เธอหวังว่าเขาจะชอบเพราะมันหรูหราเหมือนทุกสิ่งในชีวิตเขา
วันครอบรอบเจ็ดปี
ปุยฝ้ายตื่นแต่เช้าแล้วลุกไปอาบน้ำ วันนี้น่าจะเป็นวันที่ความหวังตลอดสองปีคงจะเป็นจริงสักที หญิงสาวขัดสีฉวีวรรณทุกส่วนสัดของร่างกายด้วยความพิถีพิถันถึงแม้ว่าจะต้องไปทำงานก่อนก็ตามเพราะกว่าจะได้เจอคนรักก็ตอนค่ำแต่วันพิเศษก็ต้องพิเศษตั้งแต่ลืมตาและเธอจะพกอุปกรณ์อาบน้ำไปอาบที่โรงแรมหลังเลิกงานด้วย
ใครๆ มักคิดว่าปุยฝ้ายเป็นชื่อเล่นแต่มันคือชื่อจริงส่วนชื่อเล่นที่พ่อกับแม่เรียกก็คือฝ้ายแต่คนส่วนใหญ่ก็เรียกเธอว่าปุยฝ้ายกลายเป็นว่าเรียกกันซะเต็มยศเลยแต่เธอก็ไม่มีปัญหาอะไรจะเรียกสั้นเรียกยาวเธอก็ชอบอยู่ดีเพราะชื่อนี้ผู้มีพระคุณมอบให้เธอตั้งแต่เกิด
ปุยฝ้ายเกิดและเติบโตที่จังหวัดเชียงรายเธอเข้ามากรุงเทพตอนเรียนมัธยมต้นแล้วก็อยู่ที่นี่มาตลอดแต่ก็ยังกลับบ้านเกิดสม่ำเสมอ พ่อกับแม่ของเธอทอผ้าฝ้ายขายเพื่อส่งเสียให้ลูกสาวเพียงคนเดียวได้ร่ำเรียนสูงๆ นั่นจึงเป็นที่มาของชื่อและเธอรักผ้าฝ้ายยิ่งกว่าอะไร เสื้อผ้าส่วนมากแม่จะตัดเย็บแล้วส่งมาให้ซึ่งเธอรักษาและดูแลอย่างดีทุกชิ้นเวลาซักก็ซักด้วยมือไม่โยนลงเครื่อง
เรื่องนี้เป็นตลกร้ายระหว่างเธอกับคนรัก ช่วงแรกๆ ที่คบกันเขาบอกว่าเธอแต่งตัวเชยไม่เข้าท่าเพราะไม่ยอมใส่ของแบรนด์เนมหรือเสื้อผ้าตามร้านค้าทั่วๆ ไป พอเธอบอกว่าชุดนี้แม่เป็นคนทำให้ทุกขั้นตอนตั้งแต่เก็บฝ้าย นำมาปั่น ทอเป็นผืนแล้วตัดเป็นชุด เขาก็อึ้งไปแล้วก็ไม่เคยติเตียนอะไรอีกแต่สายตาของเขาก็บอกแทนทุกอย่าง ชุดบ้านๆ เชยๆ ไม่มีวันสวยงามเท่าชุดแบรนด์เนมราคาแพง
เธอยอมโอนอ่อนตามเขาหลายอย่างเช่นยอมไว้ผมยาวทั้งที่ชอบผมซอยสั้น ลดความกระโดกกระเดกลงเพิ่มความเป็นกุลสตรีให้มากขึ้นและอีกมากมายหลายข้อ ถ้าจะมาจำกัดการแต่งตัวอีกก็คงจะเยอะไปหน่อยและเขาก็รู้ดีว่าข้อนี้เธอไม่ยอมแน่ๆ แต่เขาไม่ได้มีแต่ข้อเสียหรอกนะถ้าเขาเป็นคนไม่ดีจะคบกันมาตั้งเจ็ดปีได้ยังไง
ข้อดีของเขาก็คือพูดเพราะ ใจเย็น ไปไหนด้วยกันเขาจะมารับมาส่งเสมอและไม่เคยให้ออกเงินสักบาทเขาบอกว่ามันคือหน้าที่ของผู้ชายที่ต้องดูแลผู้หญิงซึ่งเธอแพ้ให้กับคำพูดนี้ราบคาบ มันเป็นเหตุผลที่ทำให้ยอมเขาเกือบทุกอย่างเพราะถ้าเขาไม่รักจะมาทำแบบนี้ให้ทำไม
“แฮปปี้ แอนนิเวอซารี่จ้ะ” เข็มหอมหรือพี่เข็มของน้องๆ หัวหน้าแผนกต้อนรับ ทักทายเด็กสาวที่เดินยิ้มแป้นมาแต่ไกล
“ขอบคุณค่ะพี่เข็ม” ปุยฝ้ายกล่าวกับหัวหน้าแผนก เธอทำงานตำแหน่งพนักงานต้อนรับที่โรงแรมห้าดาวกลางเมืองกรุงมาได้สองปีกว่าแล้ว พี่ๆ ที่ทำงานด้วยน่ารักและใจดีกับเธอมาก
“ไปฉลองที่ไหนกันล่ะ” เข็มหอมถามไถ่ ที่เธอจำได้ว่าเป็นวันครบรอบของเพื่อนร่วมงานก็เพราะวันนี้เป็นวันแต่งงานของเธอด้วยแต่เธอแต่งมาห้าปีแล้ว
“บุรีธาราค่ะพี่เข็ม ดูจากในรูปสวยมากเลยอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา”
“น่าอิจฉาจัง เออ ! ปุยฝ้าย พี่ฝากดูแลก่อนนะ จะไปคุยกับแม่บ้านเรื่องจัดดอกไม้ต้อนรับลูกค้าที่มาจะมาค่ำนี้” เข็มหอมบอกลูกน้องแล้วเดินเลี่ยงออกมาเพราะไม่อยากให้เธอจับพิรุธได้
ผู้จัดการห้องอาหารบุรีธาราคือเพื่อนสนิทของเข็มหอม ทั้งคู่เพิ่งคุยกันวันก่อนว่าห้องอาหารคืนนี้โดนเหมาทั้งหมดเพื่อจัดงานแต่งให้ลูกค้าซึ่งมันเป็นเรื่องปกติมากแต่ที่ไม่ปกติก็คือ ทำไมแฟนของปุยฝ้ายถึงบอกว่าจองโต๊ะไว้กับร้านนั้นซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลยที่คืนนี้ทั้งคู่จะไปใช้บริการที่นั่น
ปุยฝ้ายทำงานด้วยความแช่มชื่นตลอดทั้งวันโดนไม่ได้สังเกตเลยว่าคนที่นั่งข้างๆ มีอาการกระสับกระส่ายอยู่ไม่สุข เข็มหอมอยากถามปุยฝ้ายเหลือเกินแต่คิดว่าไม่ควรทำให้เด็กสาวกังวลเกินไป บางทีปุยฝ้ายอาจฟังชื่อร้านผิดหรือแฟนหนุ่มอาจจะทำเซอร์ไพรส์ซ้อนเซอร์ไพรส์พาไปร้านอื่นแทนก็เป็นได้
“ไปเตรียมตัวเถอะปุยฝ้าย” เข็มหอมบอกพนักงาน
“เพิ่งสี่โมงเอง พี่เข็มลืมเหรอคะว่าฝ้ายเลิกงานห้าโมง”
“ไม่ได้ลืมจ้ะแต่อยากให้ไปแต่งตัวทำสวยก่อน ไปใช้ห้องน้ำในห้องประชุมได้เลยพี่อนุญาต”
“ขอบคุณค่ะพี่เข็ม” ปุยฝ้ายกอดเอวผู้จัดการใจดีแล้วหยิบข้าวของพุ่งตัวไปที่ห้องประชุมด้วยความรวดเร็ว ในใจยังอดคิดไม่ได้ว่าถ้าพี่บาสมาเห็นเธอวิ่งเป็นจรวดแบบนี้คงโดนเอ็ดเอาแน่ๆ
ปุยฝ้ายอาบน้ำใหม่อีกครั้งแถมยังเอาสครับเกลือกลิ่นวานิลลาสุดเซ็กซี่มาขัดจนทั่วแล้วทิ้งไว้สิบนาที พอล้างออกผิวกายทั้งตัวก็นุ่มเนียนและหอมเหมือนขนมหวานไม่มีผิด พี่บาสซื้อชุดอาบน้ำเซทนี้ให้ตอนวันวาเลนไทน์เธอยังจำได้ดีว่าการร่วมรักคืนนั้นเร่าร้อนขนาดไหนเพราะเขาคลั่งไคล้กลิ่นของมันเหลือเกิน
“Give your all to me. I'll give my all to you. You're my end and my beginning” เสียงเพลงรักหวานจับใจดังมาจากมือถือของปุยฝ้าย เธอวางขวดน้ำหอมลงแล้วรีบกดรับสายทันที
เริ่มต้นสายสนทนา
ปุยฝ้าย: สวัสดีค่ะพี่บาส (เสียงของเธอสดใสราวกับระฆังเงิน เขาคงมาถึงแล้วแน่ๆ)
บาส: ฝ้าย คือพี่…
ปุยฝ้าย: มีอะไรเหรอคะพี่บาส (ปกติพี่บาสเป็นคนพูดจาชัดเจนไม่มีมาอ้ำอึ้งให้เสียเวลา)
บาส: พี่ไปไม่ได้แล้วล่ะคืนนี้
ปุยฝ้าย: ทำไมคะ มีงานด่วนเหรอคะ ไม่เป็นไรค่ะไว้เราฉลองวันหลังก็ได้ (ใช่ว่าเขาไม่เคยเบี้ยวนัด เธอชินแล้ว)
บาส: เปล่าครับ พี่หมายถึงไปไม่ได้ตลอดไป
ปุยฝ้าย: ยังไงคะพี่บาส ฝ้ายไม่เข้าใจ
บาส: พี่เจอคนอื่นที่ดีกว่า พี่ขอโทษนะ
ปุยฝ้าย: พี่บาสอย่าล้อเล่นแบบนี้ค่ะ
บาส: พี่ไม่ได้ล้อเล่น พี่เจอคนที่เหมาะสมกว่า ขอโทษนะ
ปุยฝ้าย: พี่คบกับฝ้ายมาเจ็ดปี พี่ไปเจอคนอื่นตอนไหนคะ
บาส: เมื่อต้นปี ทางบ้านพี่เขาก็เห็นชอบด้วย เราจากกันด้วยดีนะ
ปุยฝ้าย: ไม่ ฮือๆๆ พี่บาสทำยังงี้กับฝ้ายไม่ได้ เรารักกันมาตั้งเจ็ดปีพี่เห็นคนอื่นเหมาะสมกว่าฝ้ายได้ยังไงรู้จักกันยังไม่ถึงปีเลยด้วยซ้ำ
บาส: ความรักมันไม่เกี่ยวกับเวลาหรอกฝ้าย แค่นี้นะ
ปุยฝ้าย: พี่บาส ฮือๆๆๆ ฝ้ายขอโทษ ฝ้ายจะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น อย่าทิ้งฝ้ายไป
บาส: ไม่ต้องหรอกฝ้ายเพราะพี่ไม่ได้รักฝ้ายแล้ว แค่นี้นะ
ปุยฝ้าย: พี่บาส อย่าเพิ่งวาง ฮือๆๆๆๆ
ปุยฝ้ายโทรกลับไปเป็นสิบๆ ครั้งก็โดนตัดสายทิ้งและสุดท้ายเขาก็ปิดเครื่อง หญิงสาวนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตะวันลาลับขอบฟ้า ชุดเดรสสีหวานของแบรนด์เนมหรูหรายับยู่ยี่ ใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเลอะเทอะไม่เหลือเค้าความงามแม้แต่นิด
“ปุยฝ้าย ยังอยู่ในนั้นรึเปล่า” เข็มหอมเข้ามาตรวจดูที่ห้องประชุมเพื่อความแน่ใจเพราะเธอยังไม่เห็นลูกน้องเดินออกไปเลย
“ปุยฝ้าย เปิดประตูให้พี่หน่อย” เมื่อได้ยินเสียงสะอื้นเข็มหอมก็แน่ใจว่าปุยฝ้ายยังอยู่ในนั้น
“พี่เข็ม ฮือๆๆๆ” ปุยฝ้ายโผเข้ากอดหัวหน้าแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นอีกเป็นชั่วโมง
“เชิญจ้ะ ตามสบายนะ” กอบสุขบอกด้วยเสียงสั่นๆ เพราะดำรงไม่ได้มาคนเดียวแต่พาเพื่อนมาอีกสองคน “คุณกอบจำเรื่องที่เคยบอกผมได้ไหมครับ” ดำรงถาม “จำได้จ้ะ เรื่องนั้นใช่ไหม” “คุณกอบต้องพูดให้ชัดเจนนะครับ กระซิบบอกผมคนเดียวก็ได้เพราะทุกอย่างจะเกิดขึ้นเพียงทางเดียวเท่านั้นคือคุณกอบยินยอม” “ฉันอยาก xxx” กอบสุขสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วเชิดหน้าบอกอย่างมั่นใจ เธอต้องการมันและไม่ใช่เรื่องผิดบาปใดๆ ที่ผู้หญิงอยากทำแบบนี้ หากมันไม่เดือดร้อนใคร ทำไมจะทำไม่ได้ เพื่อนๆ ของดำรงไม่รีรอเมื่อคนชวนมาพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต
♡ แรกๆ ก็เอ็นดู หลังๆ ก็อยากให้ดูเอ็น ♡ บางส่วนจากนิยาย: กิตตินอนมองเอมิลี่แต่งตัวอย่างเพลิดเพลินแล้วความคิดซุกซนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่อยากให้เธอใส่เสื้อผ้าเลยให้ตายสิ อยากถอดเสื้อจัง อยากถอดกางเกงด้วย ชุดชั้นในก็ไม่ต้องใส่หรอกบดบังของสวยๆ ทำไม “แล้วพี่โก้ไม่แต่งตัวเหรอคะ” “แต่ง … แต่งครับ รอเดี๋ยวเดียวนะ” กิตติต้องหยุดความคิดฟุ้งซ่านลงก่อน “พี่โก้ไม่อยากไปใช่ไหมคะ” เอมิลี่เดินกลับไปหาคนที่ยังไม่ลงจากเตียง “อยากครับ ไปสิไปกันเลย พี่แต่งตัวอึดใจเดียวก็เสร็จแล้ว” “ไม่จริงหรอกค่ะ ทำอยู่ตั้งนานกว่าพี่โก้จะเสร็จ” คำเตือน: มีการสูญเสีย มีเหตุการณ์สะเทือนใจ
หลังจากถูกแฟนหนุ่มและเพื่อนสนิทของเธอจัดฉาก เฉี่ยนซีก็จบลงด้วยการใช้เวลาทั้งคืนกับชายแปลกหน้าลึกลับคนนั้น เธอมีความสุขมาก แต่พอเธอตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น เธอก็รู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกผิดทั้งหมดของเธอถูกชะล้างออกไป เมื่อเธอเห็นใบหน้าของชายที่นอนอยู่ข้างเธอ เธอจึงเอ่ยด้วยเสียงเบา ๆ ที่ว่า "ผู้ชายอะไร ทำไมหล่อจัง" และเธอก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น ความผิดของเธอกลายเป็นความละอายใจโดยทันที และมันทำให้เธอตัดสินใจทิ้งเงินจำนวนหนึ่งไว้ให้ชายผู้นั้นก่อนที่เธอจะจากไป "เจ๋อข่าย" รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเงินดังกล่าว พร้อมกับคิดว่า 'ผู้หญิงคนนั้นพยายามจะจ่ายเงินให้ฉัน ราวกับว่า ฉันเป็นผู้ชายขายบริการอย่างนั้นหรอ? ' เขารู้สึกโกรธ จึงต้องการดูภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงแรม เขาสั่งผู้ช่วยของเขาด้วยใบหน้าที่จริงจังพร้อมขมวดคิ้ว "ผมอยากรู้ว่า ใครอยู่ในห้องของผมเมื่อคืนนี้" 'อย่าให้เจอนะ ถ้าเจอเมื่อไหร่จะสั่งสอนให้เข็ดเลย! ' เรื่องราวของพวกเขาจะเป็นอย่างไรต่อไปนะ
หลังจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เจียงหว่านฉือตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด ทีแรกเธอยังคิดว่าสามีของเธอที่แต่งงานกันมาเป็นเวลาสามปีนั้นมาที่นี่เพื่อดูอาการของเธอ แต่ไม่คิดเลยว่า ชายคนนั้นกลับเดินไปที่ห้องผู้ป่วยข้างๆ เพื่อดูแลผู้หญิงอีกคนหนึ่ง และเพื่อผู้หญิงคนนั้นแล้ว เขายังต้องการส่งเธอเข้าคุกด้วย "2500 ล้าน เพื่อแลกกับการตบผู้หญิงของคุณหนึ่งฉาด"เจียงหว่านฉือมองไปที่เขาอย่างเย็นชา "เราหย่ากันเถอะ"" เธอรับใช้เขาอย่างอดทนมาเป็นเวลาตั้งสามปี ตอนนี้ เธอขอไม่ทำเรื่องโง่ ๆ แบบนั้นอีกต่อไปแล้ว เธอจะกลับไปสืบทอดมรดกมหาศาลของตระกูล
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
นุชพินตา ควรเป็นเจ้าสาวที่น่าอิจฉาที่สุดที่ได้แต่งงานกับ ปุลวัชร เจ้าบ่าวที่ทั้งหล่อ รวย เนื้อหอม เป็นเจ้าชายในฝันของสาวๆ ทั้งเมือง แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าบ่าวในฝันนั้น...ทั้งไร้หัวใจ และไม่ได้รักเธอสักนิด! การแต่งงานที่ไร้รัก อยู่กันไปก็มีแต่เจ็บปวดเท่านั้น แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อเธอไม่อาจปฏิเสธ แม้จะต้องถูกเขาทำร้ายหัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะทำอย่างไรหากใจที่ไม่คิดปรารถนารักกลับอยากได้ความรักจากเขา ------------------------------ “เธอเคยนอนกับผู้ชายหรือเปล่า” เขาถามออกมาจากปากร้าย ตอนที่เธอได้ยินถึงกับสะอึก ไม่คิดว่าเขาจะถามตรง ๆ และในนาทีต่อมา นุชพินตาก็รู้สึกโกรธมาก หญิงสาวโต้เขากลับ “ทำไมผู้ชายดี ๆ การศึกษาดี ๆ ถึงได้พูดจาแบบนี้คะ มาพูดดูถูกกัน เมื่อกี้ก็หาว่าพวกเราขายตัว และตอนนี้ยังมากล่าวหาฉันอีกว่าฉันสำส่อน คุณถามคำถามแบบนี้กับผู้หญิงทุกคน ที่คุณเคยนอนด้วยหรือยังไงคะ” ความเจ็บปวดระบายออกมาทางสายตา เขาเป็นบ้าอะไรกันนี่ คำพูดแบบนี้มาจากสันดานข้างในหรือเพราะว่าเขาเมา “แล้วเธอเคยมีอะไรกับผู้ชายหรือเปล่าล่ะ” เขาย้ำอีกครั้ง จ้องสบตาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ “ปากร้าย ประโยคนี้คุณไม่ควรถามออกมาด้วยซ้ำไป” จากที่เรียกเขาว่าพี่ปุ่น ชักขุ่นและมีอารมณ์โมโหขึ้นมาเปลี่ยนสรรพนามที่คนฟังก็รู้ว่าห่างเหิน “ผู้หญิงที่ดี ๆ ที่ไหน จะตอบตกลงแต่งงานกันชายแปลกหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่คิด เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น” “แล้วมันยังไงคะ” นุชพินตาก็ไม่ยอมเหมือนกัน “เธออาจจะเป็นมือสองก็ได้” ‘เมื่อคืนเขาไปนอนที่ไหน แล้วไปนอนกับใคร’ ‘อ้อ… ก็คงจะเป็นผู้หญิงคนนั้นสินะ’ ดวงตาเศร้าลง เธอลุกขึ้นไปเปิดม่านหน้าต่าง และมองออกไปยังท้องทะเล แสงอาทิตย์กระทบกับระลอกคลื่นที่ไล่เรียงกันกระทบเข้าฝั่ง นุชพินตาถึงกับถอนหายใจดังเฮือก ‘ฉันมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ มาให้เขาย่ำยีเล่นใช่หรือไม่’ เฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ‘ยะหยาอย่าเสียใจไปเลยนะ เธอต้องทำตัวเองให้เข้มแข็ง แข็งแรงเถอะ ในเมื่อเธอก็ไม่ได้รักเขาเหมือนกัน’ คำพูดปลอบโยนตัวเอง ‘ใช่… ฉันไม่ได้รักเขา และจะเกลียดเขาให้มากกว่านี้’ เธอตอกย้ำคำนี้เข้าไปในหัวใจของตัวเองด้วยความมุ่งมั่นและสายตาที่แน่วแน่ แม้จะรู้สึกเจ็บแน่นในหัวอก ------------------------------ “ฉันจะหย่ากับเธอ” เขาเอ่ยอย่างใจดำ หญิงสาวถึงกับใจหล่นวูบ เธอเม้มขบริมฝีปาก กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว นุชพินตาพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว “นางผู้หญิงไร้ยางอาย แพศยาฉันเกลียดผู้หญิงหลายใจ ฉันเกลียดผู้หญิงที่นอกใจ ไปให้พ้นจากบ้านของฉัน ไปให้พ้นจากหน้าฉัน พรุ่งนี้จะให้ทนายทำใบหย่า” “พี่ปุ่นคะ” เธอยกมือขึ้นมาไหว้เขาปลก ๆ “เราสองคนเพิ่งแต่งงานกันเองนะคะ ยะหยาไม่อยากให้คุณลุงและคุณย่าเสียใจ” “แต่สิ่งที่เธอทำล่ะ มันน่าอาย แล้วเธอไม่ละอายบ้างเหรอ หน้าด้าน” เขามีอาการเสียใจ และหัวเสีย นุชพินตาเอง เธอไม่คิดว่าปุลวัชรจะปากร้ายด่าทอเธอได้ถึงเพียงนี้ “ฉันจะหย่ากับเธอแน่นอน เตรียมปากกาไว้เซ็นใบหย่าในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” พูดจบ เขาเดินเข้าไปใช้มือปัดแจกันที่อยู่ใกล้ และชกบานกระจกที่ใช้ตกแต่งอยู่ในห้องโถงด้วย จนกระจกแตกละเอียดทั้งบาน มือของปุลวัชรมีเลือดไหลซึม เขาจะเดินเข้าห้องทำงานและปิดประตูตามหลังดังโครม นุชพินตาตกใจ และหวาดกลัวกับสิ่งที่เธอได้เห็น ความดีใจที่สามีจะกลับมา เธอจะบอกข่าวดีเขา และกินข้าวด้วยกัน ได้มลายหายไปสิ้น มีเพียงความเศร้าเข้ามาทับถมอยู่ในจิตใจของนุชพินตา แล้วหญิงสาวยกมือขึ้นมาปิดหน้าปิดตาปล่อยโฮ