รุกหนักเพราะรักจริง
“นายหัวเนี่ย ! เล่นอะไรก็ไม่รู้” เสียงฉอเลาะของหญิงสาวเอ่ยกับชายหนุ่มที่กำลังซุกซนกับเรือนร่างอวบอัดของเธอ
“เล่นที่ไหน ผมเอาจริงต่างหาก” หนุ่มใหญ่พูดไปก็แก้ผ้าคนใต้ร่างไปพลาง
“ดะ…เดี๋ยวสิคะยอด ริสายังไม่พร้อมเลย” เธออิดออดเพราะอยากอาบน้ำให้สบายตัวก่อน
“เวลาคุณเรียกนายหัวทีไรผมขึ้นทุกที ไม่ต้องกลัวหรอกเดี๋ยวผมทำให้คุณพร้อมเอง” เมื่อสิ้นคำ ใบหน้าคมสันก็มุ่งหน้าไปที่เนินเนื้ออวบอูม กายสาวดิ้นเร่าๆ เหมือนจะขาดใจเมื่อลิ้นหนาตวัดเลียไปทั่วส่วนบอบบาง
“คุณพร้อมแล้ว เห็นไหมล่ะ” เมื่อเธอสั่นเทิ้ม ชายหนุ่มก็ยิ้มกริ่มเพราะภาคภูมิใจกับเพลงลิ้นของตัวเองที่พาคู่ขาไปวิ่งเล่นบนสวรรค์ภายในไม่กี่นาที
“ยอดเนี่ย ! ริสาหมายความว่า อยากอาบน้ำก่อน”
“ไม่เห็นต้องอาบเลยริสา คุณหอมขนาดนี้” ชายหนุ่มผลักเบาๆ ให้เธอนอนลงแล้วแทรกร่างแกร่งเข้าไปที่หว่างขา แกนเนื้อขนาดพอๆ กับแขนเด็ก ค่อยๆ สอดใส่เข้าไปเพื่อทำความคุ้นเคย
เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางจังหวะรักก็เร่งเร้าขึ้น คนข้างบนส่งเข้ารุนแรงคนด้านล่างเด้งกลับแรงกว่า เสียงเนื้อกระทบเนื้อ เสียงครางครวญของหญิงสาวดังระงมไปทั่วห้องนอนที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำแต่สองร่างบนฟูกนิ่มกลับเหงื่อแตกพลั่ก
โรงแรมทรายงามน้ำใส
“อรุณสวัสดิ์ค่ะนายหัว” พนักงานฝ่ายต้อนรับกล่าวทักทายผู้บริหารที่เดินแจกยิ้มมาแต่ไกล
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณช่อเอื้อง ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม”
“เรียบร้อยดีค่ะนายหัว วันนี้บ่ายสองนักศึกษาฝึกงานจะมาถึงนะคะ”
“จริงสิ ! วันนี้แล้วใช่ไหม ผมเกือบลืมไปเลย ขอบคุณมากที่เตือน งั้นผมขอตัวไปทำงานก่อนนะ” ชายหนุ่มแกล้งทำท่าประหลาดใจเหมือนกับว่าไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้เลย
“สวัสดีค่ะนายหัว” หญิงสาวไหว้อย่างชดช้อยและมองตามร่างล่ำสันไปจนสุดสายตา
“มองขนาดนี้ก็ตามไปเลยเถอะ !” คนที่ยืนข้างๆ บอกด้วยความหมั่นไส้
“ได้เหรอ ! งั้นไปนะ”
“ฉันประชด ! น้อยๆ หน่อยเถอะ คนเขาจะว่าไม่เจียมกะลาหัว” ชไมพรเตือนเพื่อน
“แหม ! อยากจะแหมให้ยาวไปถึงดาวอังคารมีใครในโรงแรมทรายงามน้ำใสไม่มองนายหัวตาละห้อยบ้าง ไปเอาชื่อมาสิยัยพร ก็นายหัวหล่อ รวย สุภาพแถมตัวหอมขนาดนั้นใครไม่มองก็บ้าแล้ว ฉันก็แค่ชื่นชมนายหัวเหมือนที่แกบ้าอปป้าดาราเกาหลีนั่นแหละ”
“เออๆ ก็แกมองเหมือนหมาหิวกระดูกก็เลยเตือนเฉยๆ”
“ฉันไม่หิวกระดูกหรอกแต่หิวเลือดจะกินเลือดจากหัวแกเนี่ย ! ได้ข่าวว่าล่าสุดเปย์บัตรคอนไปเกือบหมื่น ควรจะเตือนตัวเองมากกว่าไหมคะเห็นบ่นไม่มีเงิน แหมๆ ฉันก็แค่มองนายหัวขอชื่นชมอยู่ห่างๆ ไม่ได้เสียสะตุ้งสตางค์สักบาท”
“ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนน้า” เมื่อโดนต้อนจนไม่มีมุมหนี ชไมพรจึงขอไปตั้งหลักก่อน
สนามบินสุวรรณภูมิ
“ยาหยี จะไปจริงๆ เหรอลูก” มารดายังไม่วายจะทัดทานบุตรสาวแม้ว่าอีกไม่กี่นาทีจะต้องขึ้นเครื่องบินแล้วก็ตาม
“โอ๊ย ! คุณ มาขนาดนี้แล้วยังจะรั้งลูกไว้อีก ลูกไปฝึกงานแค่สามเดือนเดี๋ยวก็กลับ ไม่ใช่อยู่ตลอดไปสักหน่อย”
“คุณไม่เป็นแม่ !!! คุณไม่เข้าใจหรอก” หญิงสาวหันมาขึ้นเสียงใส่สามี
“เอ้าคุณ ! ผมก็เป็นพ่อยาหยีนะ คุณลืมเหรอ คนเป็นพ่อก็ห่วงลูกไม่น้อยกว่าคนเป็นแม่หรอก คุณห่วงคน…”
“พอค่ะ พอเลย พอทั้งคู่” ยาหยีสาวน้อยวัยยี่สิบปีห้ามทัพร่วมสายเลือดที่ชักจะดุเดือดขึ้นทุกที
“แม่คะ หนูสัญญาว่าจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด จะไม่ไปทำป้ำๆ เป๋อๆ ให้ตัวเองเดือดร้อนหรือให้อายใครยังไงหนูก็ต้องไปค่ะแม่ ไม่งั้นเรียนไม่จบนะคะ”
“เห็นไหม คุณไม่เชื่อใจลูกเลย”
“ไม่ใช่ไม่เชื่อแต่ฉันเป็นห่วงนี่คุณ ลูกเราทั้งคนนะ”
“ก็ลูกผมเหมือนกันแหละคุณ ไม่เอาน่า ! เราอย่าทะเลาะกันเลย ต้องอยู่ด้วยกันสองคนตั้งสามเดือน” สามีจับมือภรรยามากุมแล้วลูบหลังเบาๆ ผมเองก็ห่วงลูกสาวคนเดียวแทบขาดใจแต่เพื่ออนาคตเพื่อประสบการณ์ของลูก คนเป็นพ่อก็ต้องตัดใจ
“ก็ได้…ยาหยี หนูต้องโทรมาหาแม่ทุกวันนะ สัญญานะ”
“สัญญาค่ะแม่ หนูไปนะคะ” สาวน้อยให้คำมั่นกับมารดาจากนั้นจึงกอดลาทั้งคู่แล้วออกเดินทาง
“เชิญจ้ะ ตามสบายนะ” กอบสุขบอกด้วยเสียงสั่นๆ เพราะดำรงไม่ได้มาคนเดียวแต่พาเพื่อนมาอีกสองคน “คุณกอบจำเรื่องที่เคยบอกผมได้ไหมครับ” ดำรงถาม “จำได้จ้ะ เรื่องนั้นใช่ไหม” “คุณกอบต้องพูดให้ชัดเจนนะครับ กระซิบบอกผมคนเดียวก็ได้เพราะทุกอย่างจะเกิดขึ้นเพียงทางเดียวเท่านั้นคือคุณกอบยินยอม” “ฉันอยาก xxx” กอบสุขสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วเชิดหน้าบอกอย่างมั่นใจ เธอต้องการมันและไม่ใช่เรื่องผิดบาปใดๆ ที่ผู้หญิงอยากทำแบบนี้ หากมันไม่เดือดร้อนใคร ทำไมจะทำไม่ได้ เพื่อนๆ ของดำรงไม่รีรอเมื่อคนชวนมาพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต
♡ แรกๆ ก็เอ็นดู หลังๆ ก็อยากให้ดูเอ็น ♡ บางส่วนจากนิยาย: กิตตินอนมองเอมิลี่แต่งตัวอย่างเพลิดเพลินแล้วความคิดซุกซนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่อยากให้เธอใส่เสื้อผ้าเลยให้ตายสิ อยากถอดเสื้อจัง อยากถอดกางเกงด้วย ชุดชั้นในก็ไม่ต้องใส่หรอกบดบังของสวยๆ ทำไม “แล้วพี่โก้ไม่แต่งตัวเหรอคะ” “แต่ง … แต่งครับ รอเดี๋ยวเดียวนะ” กิตติต้องหยุดความคิดฟุ้งซ่านลงก่อน “พี่โก้ไม่อยากไปใช่ไหมคะ” เอมิลี่เดินกลับไปหาคนที่ยังไม่ลงจากเตียง “อยากครับ ไปสิไปกันเลย พี่แต่งตัวอึดใจเดียวก็เสร็จแล้ว” “ไม่จริงหรอกค่ะ ทำอยู่ตั้งนานกว่าพี่โก้จะเสร็จ” คำเตือน: มีการสูญเสีย มีเหตุการณ์สะเทือนใจ
เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"
หลังจากดูแลสามีมาเป็นเวลาสามปี เมื่อเห็นสามีสอบติดขุนนาง เฉียวชูเยว่ก็นึกว่าชีวิตดีๆ จะมาแล้ว แต่กลับไม่รู้ว่าสามีเป็นคนโลภ และเจ้าชู้ เพื่อจัดการปัญหาให้สามี เฉียวชูเยว่เสียตัวให้กับจักรพรรดิโหดร้ายโดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อชีวิตและอนาคตของสามี นางได้แต่อดทนเอาไว้ จากนั้น สามีของนางก็ได้รับการยกย่องจากจักรพรรดิ และถูกเลื่อนตำแหน่งเรื่อยๆ เมื่อสามีของนางกำลังเพลิดเพลินอำนาจและสาวสวยนั้น นางกำลังรับใช้กับจักรพรรดิอย่าง้อยใจ แต่ไม่คาดคิดว่าความพยายามของนางได้แลกกับใบหย่าจากสามี ในวันแต่งงานของสามี นางถูกฆาตกรไล่ตามและตกลงไปในโคลน เมื่อนางหมดหวังนั้น จักรพรรดิก็มายืนอยู่ตรงหน้านาง "มาเป็นคนของข้าสิ และจะไม่มีใครกล้ารังแกเจ้าอีก!"
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
เจียงซุ่ยแต่งงานกับยู่จินเฉินมาเป็นเวลาสามปี เธอยอมทำงานบ้านทุกอย่างเพื่อเขา ทั้งซักผ้า ทำอาหาร และถูพื้น แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้หัวใจของเขาสลายลงได้ เธอเริ่มตระหนักและตัดสินใจหย่ากับผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจมาเป็นเวลาสามปี เพื่อให้เขาได้ไปอยู่กับผู้หญิงที่เขารักจริง หลังจากที่เธอหย่าแล้ว คนในแวดวงไฮโซล้วนรอดูเรื่องตลกของเธอและล้อเล่นกับเธอว่า"เจียงซุ่ย ทำไมถึงหย่ากับคุณยู่น่ะ" เจียงซุ่ยยิ้ม"เพราะฉันจะกลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลไง ผู้ชายอย่างเขาไม่คู่ควรกับฉันหรอก" อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเธอ วันรุ่งขึ้น ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในโลกปรากฏตัวในข่าวและกลายเป็นว่าเป็นภรรยาเก่าขอยู่จินเฉินด้วย ทุกคนล้วนตกตะลึงไปหมด เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้งหลังจากการหย่าร้าง ยู่จินเฉินมองไปที่ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดคนนั้นซึ่งกำลังถูกรายล้อมไปด้วยหนุ่มหล่อไฮโซมากมาย ใบหน้าของเขาก็มืดมนลงทันที "คุณเจียง คุณรวยขนาดนี้ ควรหาแฟนที่มีฐานะเสมอกันสิ อย่างผมนี่ ผมยอมให้ทุกอย่างที่ผมมีให้คุณนะ"
ซ่งหยุนหยุนแต่งงานไปแล้ว แต่เจ้าบ่าวไม่เคยปรากฏตัวตั้งแต่ต้นจนจบเลย ด้วยความโกรธหนัก เธอจึงมอบกายให้กับชายแปลกหน้าคนหนึ่งแทนในคืนการแต่งงานนั้น หลังจากวันนั้น เธอก็ถูกชายคนนั้นจับตาเข้า...
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"